Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี พูดคุยในคลับเฮ้าส์ (Clubhouse) โชว์วิสัยทัศน์ด้านการจัดหาวัคซีน เพื่อผ่านพ้นวิกฤตการณ์แพร่ระบาดโควิด-19

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดคุยในคลับเฮ้าส์ (Clubhouse) โดยใช้ชื่อว่า Tony Woodsome ประเด็น ‘ฝ่าวิกฤตโควิด’ โดยพี่โทนี่ ได้โชว์วิสัยทัศน์หลายด้านที่ประเทศไทยควรจะทำ โดยเฉพาะในด้านการจัดหาวัคซีน เพื่อผ่านพ้นวิกฤตการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ไปได้โดยเร็ว

พร้อมกับได้กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในตอนหนึ่งว่า เราต้องเข้าใจ Nature ของท่านนายกฯ ท่านเป็นทหารมาทั้งชีวิต เน้นใช้งบประมาณ ไม่รู้วิธีหาเงินมาอุดหนุนงบประมาณ แล้วมาทำเศรษฐกิจ ยังไงก็ทำไม่ได้ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"ธนาธร" โชว์วิสัยทัศน์โมเดลประคองธุรกิจพ้นวิกฤต หวังคนไทยไม่ตกงาน

เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์เฟซบุ๊กเปิดตัวรายการ “คิดไปข้างหน้ากับธนาธร” ในหัวข้อ “สร้างพันธมิตร ประคองธุรกิจพ้นวิกฤต” แสดงวิสัยทัศน์แนะนำผู้ประกอบการในยุควิกฤตโควิด หวังนำไปสู่การประคองภาคธุรกิจเพื่อรักษาการจ้างงานให้ลูกจ้างทั่วประเทศ

โดยนายธนาธร ระบุว่าในเวลานี้วิกฤตโควิดกำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ลดลง, กระแสเงินสดขององค์กรที่ลดลง ซึ่งหลายกรณีได้นำไปสู่การเลิกจ้างพนักงานเป็นจำนวนมาก ภายใต้สภาวะเช่นนี้ หนึ่งในหนทางที่ภาคธุรกิจจะประคองตัวต่อไปได้ ตนขอเสนอความคิดเรื่องการหาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่ออุดรูรั่วที่เกิดจากวิกฤตนี้

***จากโลกสมมุติของ “ม้า” และ “รถลาก” สู่กรณีธุรกิจจริง แนะแนววิธีการเสริมทัพสู่ความยั่งยืน***
โดยนายธนาธร เปรียบเทียบว่าหากมีโลกอยู่ใบหนึ่งที่ไม่รู้จักแท็กซี่ มีเพียงม้ากับรถลาก ถ้าจะเริ่มต้นสร้างแท็กซี่ขึ้นมา จะมีรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างสองบริษัท คือฟาร์มม้า กับบริษัททำรถลาก ได้อย่างไรบ้างเพื่อให้ทั้งสองบริษัทเติบโตร่ำรวยไปด้วยกัน

โดยสรุป นายธนาธรเปรียบเทียบว่าความสัมพันธ์ระหว่างสององค์กรธุรกิจ สามารถมีได้ตั้งแต่การซื้อ-ขาย และให้เช่าเป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุด ทั้งเจ้าของม้าซื้อรถลากมาทำแท็กซี่ หรือเจ้าของรถลากซื้อม้ามาทำแท็กซี่ แต่การซื้อ-ขายและให้เช่า เป็นการทำธุรกรรมที่ไม่ได้มัดสององค์กรให้เหนียวแน่นเป็นพันธมิตรกัน สุดท้ายผู้ที่ทำแท็กซี่ได้สำเร็จจะนำปัจจัยกำลังซื้อจากลูกค้าใหม่ มากดราคาซื้อ-ขายกับอีกฝ่ายหนึ่งได้ และทุกคนต่างก็อยากอยู่ในชั้นบนสุดของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) กันทั้งนั้น

จากปัญหาพ้นฐานนี้ องค์กรธุรกิจสององค์กรสามารถกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ในหลายรูปแบบ ตั้งแต่การทำให้การซื้อ-ขายหรือให้เช่าเป็นในลักษณะเฉพาะ (exclusive) เช่น ต้องซื้อ-ขายจากกันและกันเท่านั้น ห้ามไปซื้อ-ขายกับคนอื่น ซึ่งสามารถนำไปสู่รายได้คงที่ (fixed revenue) และอาจจะนำไปสู่การแบ่งปันกำไร (profit-sharing) ได้

ในกรณีที่บริษัทที่ต้องการไปสร้างพันธมิตรกับบริษัทที่มีเทคโนโลยีที่เราไม่มี อีกรูปแบบหนึ่งที่ทำกันอย่างแพร่หลายเรียกว่าการทำ Technology Licensing เช่น กรณีของวัคซีนโควิด มหาวิทยาลัย Oxford มีชื่อเสียงเก่าแก่ ได้รับการเคารพจากสังคม และมีสูตรยาที่จะสามารถผลิตเป็นวัคซีนโควิดได้ ส่วน AstraZeneca เป็นบริษัทยาใหญ่ระดับโลก ไม่มีสูตรแต่มีโรงงานผลิตและเครือข่ายการจำหน่ายระดับโลก เขาจึงจับมือกัน นี่คือสิ่งที่เรียกว่า Technology Licensing

อีกรูปแบบหนึ่งที่มีความซับซ้อนมากขึ้น คือการทำบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) หรือการที่องค์กรธุรกิจต่างคนต่างลงขันกันสร้างบริษัทใหม่ขึ้นมา แบ่งกันถือหุ้น ทำให้การจัดสรรกำไรใน supply chain เป็นธรรมมากขึ้น ไม่ใช่อีกฝ่ายมากดราคาซื้อ ซึ่งอาจจะทำในลักษณะการถือหุ้นไขว้กัน (cross-shareholding) ได้ เพื่อให้เชื่อใจกันมากขึ้น แนบสนิทกันมากขึ้น ให้ผลประโยชน์ถูกแบ่งสรรกันอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

และอีกรูปแบบหนึ่งที่ไปไกลกว่านั้น ก็คือการควบรวมกิจการ (Merger and Acquisition) คือการที่องค์กรธุรกิจทั้งสองต่างยุบเอาบริษัทของตัวเองลงมารวมกันเป็นบริษัทใหม่บริษัทเดียว ต่างฝ่ายต่างเข้าไปถือหุ้นอยู่ในบริษัทใหม่ ผลประโยชน์ทุกอย่างจะถูกแบ่งตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น
“ถ้าเราลองดูรูปแบบทั้งหมดที่มี ผมไล่มาให้ดูตั้งแต่การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่มีการผูกมัดกันน้อยไปจนถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่มีการผูกมัดกันเยอะ สิ่งต่างๆเหล่านี้คือรูปแบบการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่มีอยู่ จะใช้กับกระบวนการไหน จะใช้กับธุรกิจแบบไหน ต้องอยู่ที่ผู้บริการตัดสินใจเอาเอง” นายธนาธรกล่าว

***ห่วงคนไทยตกงานเพิ่ม แนะภาคธุรกิจไทยปรับแนวทางใช้รักษาการจ้างงานให้คนไทย***
นายธนาธรยังกล่าวต่อไป ว่าในธุรกิจปกติ ไม่มีใครมีทุกอย่างครบ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป, ฐานลูกค้า, เงินลงทุน, เครือข่ายโลจิสติกต์, ช่องทางการขาย, ทีมผู้บริหารที่พร้อม, ชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์, ชื่อเสียงของบริษัท ฯลฯ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดภาวะวิกฤติอย่างโควิด ทำให้งบประมาณในการลงทุนใช้จ่ายเพื่อสร้างความเข้มแข็งขององค์กรทางธุรกิจแต่ละองค์กรน้อยลง การหาพันธมิตรจึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้น เพื่อเอามาอุดรอยรั่วในสิ่งที่เราไม่มี

“ทั้งหมดนี้คือรูปแบบต่างๆที่จะช่วยประคับประคองธุรกิจได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องปลดคนงานทิ้ง หวังว่าทุกท่านจะได้ประโยชน์และนำความคิดตรงนี้กลับไปใช้ ในเวลาที่ยอดขายตกลงจากผลกระทบโควิด สร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมด้วยรูปแบบต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจของท่านมีความเจริญก้าวหน้าไป มีการจ้างงานมากขึ้น คนงานมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็หวังว่าเราจะช่วยกันประคับประคองระบบเศรษฐกิจไม่ให้ล้มเหลวไปกว่านี้ได้” นายธนาธรกล่าวทิ้งท้าย

'Sputnik V' วัคซีนต้านโควิด-19 ของรัสเซีย กลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

กลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา สำหรับวัคซีนต้านโควิด-19 ของรัสเซียที่ชื่อว่า Sputnik V หลังจากที่ อดีตนายกรัฐมนตรี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ได้พูดคุยในแอปพลิเคชันคลับเฮ้าส์ (Clubhouse) โดยใช้ชื่อว่า Tony Woodsome เกี่ยวประเด็น ‘ฝ่าวิกฤตโควิด’ ซึ่งได้โชว์วิสัยทัศน์หลายด้านที่ประเทศไทยควรจะทำ โดยเฉพาะในด้านการจัดหาวัคซีน เพื่อผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ไปได้โดยเร็ว

และถัดมาเพียง 2 วัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก บอกปิดดีลวัคซีนจากรัสเซียเรียบร้อย หลังจากสั่งการให้กระทรวงต่างประเทศไปเจรจาขอซื้อโดยตรง ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ

ข้อมูล : เพจ ซ.ต.พ. ซึ่งต้องพิสูจน์


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘บิ๊กป้อม’ ห่วงแรงงาน กระทบโควิด-19 ประชุม กพร.ปช. ยกระดับฝีมือแรงงาน คนพิการ/ผู้ด้อยโอกาส/ผู้สูงวัย ควบคู่เยียวยา สั่งเร่งพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการฯ เห็นชอบแผนพัฒนาศก.ฐานราก ฟื้นฟู ทั่วประเทศ

เมื่อ 23 เมษายน พ.ศ.2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา10.30น.  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการพัฒนาแรงงาน และประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) ครั้งที่ 3/2564 โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.รง. และ ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.รง. เข้าร่วมประชุม  ณ  ห้องประชุม 301  ตึกบัญชาการ 1  ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้า การดำเนินงานเพื่อการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-curve ปีพ.ศ.2564-2570 โดย รง.ได้ทำการรวบรวมแผน/โครงการด้านการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมฯ จากหน่วยงานหลักของภาครัฐ รวมทั้งสิ้น 174 โครงการ มีจำนวนผู้ที่จะได้รับการพัฒนา 891,207 คน ซึ่งมีแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากำลังคนที่สำคัญ ได้แก่การนำมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และมาตรฐานอาชีพ 

เชื่อมโยงสู่ระบบการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียน นักศึกษาและกำลังแรงงาน มีสมรรถนะตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และรับทราบการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการ รองรับการประกอบอาชีพ (พ.ศ.2564-2570) จำนวน 69 โครงการ มีเป้าหมายรวม 186,613 คน พร้อมทั้งรับทราบความคืบหน้า การดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ ตามมาตราการ "สร้าง ยก ให้" ช่วยแรงงานไทย ช่วยชาติ โดยมีเป้าหมายรวม 130,000 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณา

จากนั้น คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบ โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ในระดับพื้นที่ เพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์ covid-19 ตามนโยบายของรัฐบาล โดยให้มีการบูรณาการทำงานร่วมกัน ของทุกภาคส่วนในแต่ละจังหวัด อย่างเป็นระบบตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และนโยบายการขับเคลื่อนไปด้วยกัน

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ รง. เร่งขับเคลื่อนแผนงาน การพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องให้ความสำคัญเร่งด่วน ต่อการส่งเสริมทักษะฝีมือ คนพิการ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ โดยให้ประสานงานกับ พม. เพื่อรองรับการประกอบอาชีพ อย่างจริงจัง และทั่วถึง พร้อมขอให้ มท.,จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนโครงการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตามนโยบายของรัฐบาล ต่อไป

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสาเหตุที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดดว่า...

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสาเหตุที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดดว่า เกิดจากการตรวจเชิงรุก ทำให้พบการระบาดใน 3 คลัสเตอร์ใหม่ คือเรือนจำ ศูนย์เด็กเล็ก และสถานปฏิบัติธรรม โดยลักษณะของการติดเชื้อในระลอกนี้ พบว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มในการทำกิจกรรม การสังสรรค์ และการพบปะกันในโอกาสต่าง ๆ โดยละเลยมาตรการควบคุมโรค โดยเฉพาะการไม่สวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างขณะทำกิจกรรมร่วมกัน จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงสุขอนามัยส่วนบุคคลเป็นสำคัญ และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ซ้ำรอย

ด้านนายทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วันที่ 22 เม.ย. 64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 237 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมในระลอกเดือนเมษายนของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ 2,819 ราย ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 2,597 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มในวันนี้มาจาก 3 คลัสเตอร์ ได้แก่

คลัสเตอร์เรือนจำกลาง อำเภอแม่แตง จำนวน 37 ราย ซึ่งไม่ได้เป็นการระบาดในแดนผู้ต้องขัง แต่เป็นผู้ต้องขังแรกรับ ที่พบจากการตรวจในระหว่างกักตัวตามมาตรการ 14 วัน ซึ่งผู้ติดเชื้อทั้ง 37 ราย ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่

ศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ พบว่าเกิดจากคุณครูที่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งจากการตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งหมด 120 ราย พบว่ามีเด็กในศูนย์เด็กเล็กอายุ 4-6 ปี ติดเชื้อทั้งหมด 14 ราย และอีก 2 ราย เป็นผู้ใหญ่ ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลนครพิงค์และโรงพยาบาลดอยสะเก็ด ร่วมกับทางอำเภอดอยสะเก็ด จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจขึ้น เพื่อดูแลรักษาผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้

คลัสเตอร์สถานปฏิบัติธรรม ที่ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ พบว่าเกิดขึ้นจากการร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรม และรับประทานอาหารร่วมกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จำนวน 44 คน ซึ่งจากการตรวจหาเชื้อในกลุ่มดังกล่าว พบว่ามีผู้ร่วมกิจกรรมติดเชื้อจำนวน 23 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อของจังหวัดเชียงใหม่จำนวนทั้งสิ้น 21 ราย และอีก 2 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัดลำพูน โดยผู้ติดเชื้อทั้ง 21 ราย ได้ถูกนำเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม มหาวิทยาลัยแม่โจ้แล้ว

สำหรับมาตรการการค้นหาเชิงรุกด้วยการสุ่มตรวจกลุ่มตัวอย่างตามสถานที่สาธารณะสำคัญ ขณะนี้ทำการตรวจแล้วทั้งหมด 2,133 ราย พบว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวน 34 ราย คิดเป็น 1.59% จากจำนวนทั้งหมดที่สุ่มตรวจ

แนวโน้มสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีการแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างอำเภอมากขึ้น เห็นได้จากยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นของเขตต่างอำเภอ และจากสถิติ พบว่ามีการแพร่ระบาดในกลุ่มครอบครัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 15.1% ในขณะที่การระบาดกลุ่มสถานบันเทิงลดน้อยลงจากมาตรการปิดสถานบันเทิงและสถานบริการ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการแพร่ระบาดนั้นอยู่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น

จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนรักษามาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด และต้องสวมหน้ากากอนามัย 100% รักษาระยะห่าง ล้างมือให้บ่อยครั้ง สแกนแอปพลิเคชันไทยชนะ และงดงานเลี้ยงสังสรรค์ การรวมกลุ่ม เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดในคลัสเตอร์ล่าสุด ทั้งนี้หากมีอาการไข้ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ที่ รพ.ประจำอำเภอ โรงพยาบาลรัฐและเอกชน รวมถึงศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ ส่งทนายไล่ฟ้องดะ ‘เต้ มงคลกิตต์’ โดนคนแรก แถมพ่วงสื่อเครือเนชั่นตั้งแต่ระดับผู้บริหาร ไปจนถึงพิธีกร ปมกล่าวหาเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อจนติดเชื้อโควิด

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 23 เม.ย. ที่สภ.เมืองบุรีรัมย์ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้มอบอำนาจให้นายทิวา การกระสัง ทนายความส่วนตัว เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กรณีที่ได้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊กชื่อ “มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์” เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยนายมงคลกิตติ์ได้ระบุว่า นายศักดิ์สยามไปเที่ยวผับในย่านทองหล่อ เมื่อปลายเดือนมี.ค. ทําให้เกิดคลัสเตอร์ทองหล่อ มีผู้ติดเชื้อประมาณหมื่นกว่าคน ทำให้นายศักดิ์สยาม ได้รับความเสียหาย เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) และมาตรา 16

นอกจากนี้ นายศักดิ์สยาม ยังได้ฟ้องเอาผิดกับ กลุ่มบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จํากัด รวมไปถึงระดับผู้บริหารอย่างประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร และอีก 2 พิธีกรจัดรายการชื่อ “เนชั่นทันข่าวค่ำ” ที่เผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์ของเนชั่นทีวี และเว็บไซต์ยูทูป ช่อง NationTV22 เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เป็นการนำข้อความอันเป็นเท็จมาว่านายศักดิ์สยามไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ

ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย เป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) มาตรา 16 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 ประกอบมาตรา 83,90 และ 91


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ไทยยอดติดเชื้อใหม่พุ่งกว่า 2,070 ราย!  ขณะที่ในอาเซียนยอดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

จุรินทร์-นิพนธ์” นำคณะ เข้าคารวะ “จุฬาราชมนตรี” เนื่องในเดือนรอมฎอน

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ ห้องรับรอง สำนักจุฬาราชมนตรี เขตหนองจอก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาราเล่  ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และคณะเดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ พร้อมมอบกระเช้าอินทผาลัม และผลไม้ แด่ ท่านอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เนื่องในเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องชาวมุสลิม ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดีจากท่านจุฬาราชมนตรีและคณะ โดยท่านจุฬาราชมนตรี ได้ขอพรพระอัลเลาะห์ ให้กับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคณะด้วย

ศบค.เร่งจัดระบบรับข้อมูลติดเชื้อ แยกระดับรุนแรง วอนให้ปชช.รอติดต่อกลับ ขอโทษผู้ป่วยรอนาน รับ เตียงไอซียูอาจไม่พอ เร่งเบ่งเตียงขยายรองรับ เผย 1,423 คนในกทม. รอเตียงหวั่น หากติดเชื้อ 2 พันต่อวันน่ากังวล

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า กระทรวงสาธารณสุข รับทราบปัญหาเรื่องเตียง ทรัพยากรและบุคลากรทางการแพทย์ โดยพยากรณ์เรื่องการใช้เตียงที่มีความน่าเป็นห่วงเรื่องเตียงไอซียู ของกรุงเทพฯมีจำนวน 262 เตียง ว่างอยู่ 69 เตียง และเป็นห้องความดันลบ มี 479 เตียง ใช้ไป 410 เตียง ว่าง 69 เตียง คาดการณ์ว่าถ้ามีการติดเชื้อประมาณ 1,500 รายต่อวัน จะใช้เตียงประมาณ 52 เตียงต่อวัน ถ้าใช้ต่อวัน 10-13 เตียงรองรับเต็มที่ 6-8วัน สำหรับเตียงทั่วประเทศเหลือประมาณ 1,000 เตียง ถ้าใช้ต่อวัน 52 เตียง จะรองรับได้อีกประมาณ 19 วัน หรือสามสัปดาห์ของทั้งประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากผู้ติดเชื้อเกิน 2,000คน จะกระทบต่อระบบสาธารณสุข ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ และเตียงผู้ป่วยมากน้อยแค่ไหน และศบค.มีแผนรองรับอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีผลกระทบแน่นอน เพราะยังไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร ในภาวะวิกฤตรุนแรงจะต้องทำอย่างไร ขณะนี้มีเตียงไอซียูรองรับในระยะหนึ่ง ยังไม่เพียงพอและต้องเพิ่มมากขึ้นโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง

กทม.โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวง โรงเรียนแพทย์ มีการเบ่งเตียงคือเพิ่มจำนวนเตียงในสถานที่เดิม เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่ไอซียู ขยายกว้างขึ้นจากการปรับปรุงวอร์ดอื่นเพื่อรองรับคนไข้กลุ่มนี้เข้าไปอยู่ร่วม และกันคนไข้ที่ไม่เกี่ยวข้องออก 

นอกจากนั้นมีการพูดคุยเรื่อง ไอซียูสนาม ซึ่งจะมีความยุ่งยากและต้องปรับปรุงสถานที่ ทั้งนี้โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักจะเป็นผู้ขยายเตียงเพื่อรองรับเพิ่มเติมก่อน ยืนยันว่าเราพยายามทำเต็มที่เมื่อป่วยหนักจะรักษาและทุกคนทำงานเต็มที่เช่นกัน

เมื่อถามถึงระบบคัดกรองผู้ติดเชื้อ มีข้อติดขัดอย่างไร เพราะมีเสียงสะท้อนว่าผู้ป่วยรอเตียงนานยังไม่ได้เข้ารับการรักษาในระบบ และบางรายเสียชีวิตในระหว่างรอรักษา นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ต้องกราบขออภัยประชาชนทุกคนทุกสาย ที่โทรเข้ามา 1668 1669 และ 1330 ซึ่งพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผอ.ศปก.ศบค.มช.ได้แจ้งให้ที่ประชุมศบค.รับทราบว่ามีสายเข้ามาจำนวนมากและยังไม่เพียงพอ และได้ให้ปรับระบบคู่สายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งทีม 50 คู่สาย  เพื่อรับข้อมูลจากทีมแรกที่รับสายเก็บข้อมูลที่สำคัญเบื้องต้นแลเวส่งต่อให้กับชุด 50 สายนี้เพื่อจะโทรศัพท์ติดต่อกลับไปที่ผู้ป่วย โดยผู้ที่ทราบผลเป็นบวกติดเชื้อโควิด ให้ฝากเบอร์โทรศัพท์และข้อมูลที่สำคัญชุดตรวจเตรียมไว้ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ เวลานี้มีผู้ป่วยรอเตียงในระบบ 1,423 เพิ่มขึ้น 224 คน รับรักษาไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา 474 คน 

ทั้งนี้จะแยกผู้ป่วยเป็นสีเขียว สีเหลือง สีแดง โดยผู้ป่วยสีเขียว ต้องแยกคนไข้กลุ่มนี้ก่อนเพื่อให้ได้มีที่อยู่และไม่แพร่เชื้อไปที่อื่น ส่วนกลุ่มสีเหลืองและสีแดง ซึ่งเตียงยังไม่พอต้องขอให้อดทน และบุคลากรของเราพยายามบริหารจัดการ ยืนยันว่าไม่มีใครที่มีเจตนาไม่ดีหรือทำไม่ดี และเวลานี้ต้องสร้างกำลังใจและสร้างโอกาสที่ดี เพื่อเราจะผ่านวิกฤตต่าง ๆ ไปด้วยกัน

“อนุทิน” เผย แก้ปมบินไทย เดินหน้าตามแผนฟื้นฟู แจง ยังมีอีกหลายขั้นตอน ปัด ยังไม่ถกตั้งสายการบินแห่งชาติใหม่

วันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ยังไม่ได้สรุปเลือกวิธีไหน ยังใช้แนวทางเดิมที่ให้เข้าสู่แผนฟื้นฟู 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการบินไทยต้องกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือกัน วันนี้หารือว่าแผนการฟื้นฟูดำเนินการไปถึงไหน แต่ยังไม่มีการสรุปอะไร ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการก่อน โดยต้องรอถึงวันที่ 12 พ.ค. จึงจะสรุปได้ว่าเจ้าหนี้จะตอบรับแผนหรือไม่

เมื่อถามว่าหากเจ้าหนี้ไม่รับแผนฟื้นฟูเังกล่าว สามารถกลับมาปรับแผนฟื้นฟูได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าเจ้าหนี้ไม่รับ แล้วแผนการฟื้นฟูจะจบ ตราบใดที่มูลหนี้ยังมีอยู่ขนาดนี้ ก็ยังมีกระบวนการอยู่ ยังไม่มีแผนปรับเรื่องสายการบินแห่งชาติแห่งใหม่ของไทย 

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่ เพื่อให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจจะต้องช่างน้ำหนัก ว่าควรกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่และในการประชุมวันนี้ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว ยังไม่มีการช่างน้ำหนัก เรื่องนี้สรุปกันแค่ชั่วโมงหนึ่งไม่ได้หรอก ต้องรับฟังข้อมูล แล้วให้เวลาไปคิดก่อน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top