Tuesday, 10 June 2025
NewsFeed

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ซัด!! สส.ค้านศาล คดี 'อานนท์' จำคุก ม.112 แก้ผ้าล่อนจ้อนเปลือยตัวตนชัดเจน เพื่อปกป้องคนทำผิด

(27 ก.ย. 66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Nantiwat Samart’ ระบุว่า…

ไม่ใช่สิทธิ

คดีทนายอานนท์ถูกตัดสินจำคุก ม.112 ไม่แปลกใจที่พรรคและบรรดา สส.ของพรรค ดาหน้ากันออกมาคัดค้านการตัดสินของศาลว่าจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นความเห็นต่าง ทำให้สงสัยว่า พวกคุณคิดอย่างไรกับสถาบันฯ

ต้องพูดความจริงกัน การกล่าวโทษ ให้ร้าย ขู่อาฆาตคนทั่วไป ก็เป็นสิ่งทำไม่ได้ เพราะมีกฎหมายหมิ่นประมาท รักษาสิทธิของคนที่ถูกคุกคาม

แม้แต่พวกคุณยังใช้สิทธิตามกฎหมาย ฟ้องหมิ่นประมาทคนที่กล่าวพาดพิง ทีอย่างนี้ไม่ใช่การเห็นต่างหรือ

พวกคุณได้แก้ผ้าล่อนจ้อนเปลือยตัวตน แสดงตัวตนชัดเจนว่าปกป้องคนทำผิด จะไม่ให้บ้านเมืองนี้มีกฎหมายหรือไร ทำอะไรตามใจเป็นไทยแท้ ไม่ผิด ให้มันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เปลี่ยนไทยเป็นอนาธิปไตย

พระมหากษัตริย์ไม่ได้เกี่ยวข้องการเมือง ผู้ใดจะละเมิดมิได้ อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง แต่ถูกคนที่ สส.ให้ท้ายจาบจ้วงกล่าวร้าย อย่าให้ความเกลียดชังบดบังความจริง

คนที่เห็นต่างจากพวกคุณ พร้อมออกมาปกป้องพระมหากษัตริย์

‘ฌอห์ณ-เพชร’ เผยภาพแห่งมงคล ในวันเข้าพิธีรับพระราชทานน้ำสังข์ จากกรมสมเด็จพระเทพฯ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

(27 ก.ย.66) พระเอกหนุ่มมาดเข้มอย่าง ฌอห์ณ จินดาโชติ กับแฟนสาวคนเก่ง เพชร ภิพัชรา ดีไซเนอร์ และเจ้าของแบรนด์เครื่องหนัง PIPATCHARA ที่ตอนนี้พร้อมเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้เข้าพิธีรับพระราชทานน้ำสังข์ จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

และล่าสุด ฌอห์ณ จินดาโชติ และ เพชร ภิพัชรา ได้โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว เผยภาพแห่งความเป็นสิริมงคลของชีวิตคู่ พร้อมข้อความว่า “๘ กันยายน ๒๕๖๖ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า นายฌอห์ณ จินดาโชติ และ นางสาวภิพัชรา แก้วจินดา"

‘เอ ศุภชัย’ ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ปมร่วมเฟรม ‘บิ๊กโจ๊ก-มินนี่’ แต่คนใกล้ชิดช่วยยืนยัน!! ไม่รู้จักแน่นอน แค่ไปงานเลี้ยงเท่านั้น

(27 ก.ย.66) หลังจากที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเผยภาพในงานเลี้ยงที่มี บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และคุณกุ๊บกิ๊บ ภรรยา และยังมีนางสาวมินนี่ ผู้ต้องหาคดีเว็บพนัน และ เอ ศุภชัย ผู้จัดการดาราชื่อดัง ร่วมเฟรมเดียวกัน

โดยเฟซบุ๊กของ น้อง-ธัญญารัตน์ ถาม่อย ผู้สื่อข่าว PPTV เปิดเผยว่า คนใกล้ชิดของ ‘เอ ศุภชัย’ ซึ่งอยู่ในงานเลี้ยงวันดังกล่าวด้วย ให้ข้อมูล PPTV ว่า ‘เอ ศุภชัย’ ได้รับเชิญไปงานเลี้ยง เนื่องจากรู้จักกับบิ๊กโจ๊กและภรรยามานานแล้ว

โดยงานเลี้ยงดังกล่าวจัดขึ้นหลังงานศพของคุณพ่อบิ๊กโจ๊กเพื่อขอบคุณลูกน้องและคนใกล้ชิดตามที่บิ๊กโจ๊กให้สัมภาษณ์ วันนั้นคนที่มาร่วมงาน ก็มีการถ่ายรูปร่วมกันหลายรูป บางคนก็รู้จักกันบางคนไม่รู้จักกัน ส่วนภาพที่มีการเผยแพร่ออกมา นางสาวมินนี่เข้ามาขอถ่ายรูปกับ ‘เอ ศุภชัย’ พร้อมกับบิ๊กโจ๊กและภรรยา ซึ่งก็เป็นปกติของคนที่มีชื่อเสียง สามารถถ่ายรูปกับทุกคนได้ แต่ยืนยันว่า ‘เอ ศุภชัย’ ไม่รู้จักนางสาวมินนี่เป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน

ขณะที่ ‘เอ ศุภชัย’ ระบุสั้นๆ ว่าตอนนี้ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์สื่อไหนเลย เนื่องจากอยู่ระหว่างการทำงาน โปรโมตการท่องเที่ยว ที่บ้านเกิดในจังหวัดนครศรีธรรมราช 

'ก.คมนาคม' เผย สะพานข้ามทางรถไฟประจวบฯ เสร็จสมบูรณ์ ช่วยแก้ปัญหาอุบัติเหตุยั่งยืน ยกระดับความปลอดภัย ปชช.

(27 ก.ย. 66) กรมทางหลวงชนบท สร้างสะพานข้ามทางรถไฟบนถนนสาย ปข.1003 จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสร็จสมบูรณ์ เพิ่มศักยภาพการแก้ปัญหาอุบัติเหตุอย่างยั่งยืน ยกระดับความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน พร้อมรองรับรถไฟทางคู่ในอนาคต ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ จุดตัดทางรถไฟกับ
ถนนทางหลวงชนบทสาย ปข.1003 แยก ทล.4 - บ้านโพธิ์เรียง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน แก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในระยะยาว รวมทั้งเป็นการสนับสนุนโครงการรถไฟทางคู่ของกระทรวงคมนาคมในอนาคต ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ปัจจุบันถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทช. ที่มีจุดตัดผ่านทางรถไฟมี จำนวน 153 แห่ง สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ จุดตัดทางรถไฟกับถนนทางหลวงชนบทสาย ปข.1003 แยก ทล.4 - บ้านโพธิ์เรียง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่บนถนนที่มีจุดตัดผ่านทางรถไฟ ซึ่งในอดีตบริเวณถนนทางหลวงชนบทสาย ปข.1003 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทช. จึงได้ดำเนินการปรับปรุงจุดตัดผ่านทางรถไฟดังกล่าวให้สอดคล้องกับมาตรการความปลอดภัยของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่กำหนดให้บริเวณจุดตัดผ่านทางรถไฟที่มีค่าคูณควบจราจร (Traffic Moment หรือ T.M.) มากกว่า 100,000 ให้ก่อสร้างทางผ่านเป็นทางต่างระดับในรูปแบบของสะพานหรืออุโมงค์ ซึ่งเป็นการสนับสนุนนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการรองรับโครงการพัฒนาการขนส่งระบบราง (โครงการรถไฟทางคู่)

โครงการก่อสร้างสะพานดังกล่าว ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 288.700 ล้านบาท มีจุดเริ่มต้นโครงการ เชื่อม ทล.4 (กม.ที่ 278) จุดสิ้นสุดเชื่อมถนนองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (กม.ที่ 1+450) ซึ่งก่อสร้างเป็นสะพานข้ามทางรถไฟ จำนวน 2 แห่ง ประกอบด้วย

- สะพานแห่งที่ 1 ยาว 310 เมตร พื้นสะพานกว้าง 10 เมตร และก่อสร้างถนนต่อเชื่อมแบบคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 7 เมตร ไหล่ทางกว้าง 1.5 เมตร รวมความยาวถึงจุดสิ้นสุดโครงการ 1,246 เมตร พร้อมก่อสร้างทางกลับรถใต้สะพานผิวทางคอนกรีตเสริมเหล็ก 

- สะพานแห่งที่ 2 ยาว 449.95 เมตร พื้นสะพานกว้าง 8 เมตร และก่อสร้างถนนต่อเชื่อมแบบคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 6 เมตร ไหล่ทางกว้าง 1 เมตร รวมความยาวถึงจุดสิ้นสุดโครงการ 195 เมตร พร้อมสะพานลอยคนเดินข้าม 1 แห่ง มีผนังกันราวตกและมีหลังคาคลุมตลอดทางเดิน

‘ไห่เวย-2’ ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกลางทะเลในกว่างตง ใช้เทคโนโลยีในการควบคุม จับปลาได้ 500 ตัน/ครั้ง

(27 ก.ย. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘ไห่เวย-2’ ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกลางทะเลอัจฉริยะในอ่าวหลิวซา เมืองจ้านเจียง มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งกำลังรองรับการเพาะเลี้ยงลูกปลาจาระเม็ดทองเกือบ 1 ล้านตัว น้ำหนักรวมประมาณ 100 ตัน

แท่นเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำขนาดยักษ์นี้ มีความกว้าง 32 เมตร ยาว 86 เมตร และสูง 16.5 เมตร ทั้งยังมีความจุน้ำ 30,000 ลูกบาศก์เมตร สำหรับเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยสามารถจับปลาถึง 500 ตันภายในรอบเดียว

ไห่เวย-2 ซึ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มีระบบการดำเนินการแบบพึ่งพาพลังงานสีเขียว ไม่ต้องอาศัยมนุษย์ควบคุม และเอื้อต่อการตรวจสอบระยะไกลแบบเรียลไทม์ โดยสะท้อนความพยายามระยะเวลาหลายปีของกว่างตงในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำใต้ทะเลลึก

กงสุลใหญ่สปป.ลาว ณ ขอนแก่นพบผู้ว่ากาฬสินธุ์พร้อมเชื่อมสัมพันธ์การค้าท่องเที่ยววัฒนธรรม กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ ขอนแก่น ราชอาณาจักรไทยเข้าพบผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ พร้อมร่วมมือเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ที่ห้องรับรองแพรวา ชั้น 2 ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ให้การต้อนรับท่านสมสัก วิไลทอน กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ ขอนแก่น ราชอาณาจักรไทย พร้อมด้วยนางคำวา วิไลทอน ภริยา และนายบุนเนือง เกดแก้ว กงสุลฯ ในการเข้าเยี่ยมคารวะ พบปะและแนะนำตัวกับผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ เป็นกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ จังหวัดขอนแก่น คนที่ 7 

โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมทั้ง 20 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมหารือข้อราชการในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในระดับจังหวัด และขยายความสัมพันธ์ด้านต่างๆ เช่น ด้านการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน วัฒนธรรม และด้านการศึกษา ซึ่งมีนายประยูร ศิริวรรณ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าร่วมต้อนรับด้วย

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จ.กาฬสินธุ์ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการเดินทางมาเยือนของกงสุลใหญ่ฯ และคณะในครั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ พัฒนาความร่วมมือกันในหลาย ๆ ด้านโดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  อีกทั้งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและภาษาที่คล้ายกัน เช่น วัฒนธรรมชนเผ่าภูไท 

ทั้งนี้ จ.กาฬสินธุ์มีการจัดงานมหกรรมภูไทนานาชาติ ขึ้นเป็นงานประจำทุกปี โดยได้เชิญชนเผ่าภูไท และศิลปินนักร้อง จากประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมงานทุกปี จึงทำให้มีความผูกพันและใกล้ชิดกันมากขึ้นนอกจากนี้ จ.กาฬสินธุ์ยังเป็นหนึ่งในสมาชิก 3 ประเทศ ที่ใช้เส้นทางหมายเลข 12 (ไทย ลาว เวียดนาม) ซึ่งเป็นแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) เชื่อมมหาสมุทรอินเดียสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เชื่อว่าจะได้มีการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือทางการค้าและด้านอื่น ๆ ระหว่างกันเพิ่มมากขึ้นในโอกาสต่อๆ ไป

'ผศ.ดร.อานนท์' โพสต์!! เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในคดี กรณี 'อานนท์ นำภา' ถูกจำคุก 112 ไม่รอลงอาญา 4 ปี

(27 ก.ย. 66) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก 'Arnond Sakworawich' ระบุว่า...

คดีที่อานนท์ นำภา ถูกศาลพิพากษาจำคุกมาตรา 112 ป.อาญา ไม่รอลงอาญา 4 ปีนั้น อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในคดีนี้เองครับ และทนายอานนท์ นำภา เป็นทนายความว่าความให้ตัวเองด้วยตัวเองด้วยครับ

นอกจากนี้ ผศ.ดร.อานนท์ ยังได้ยกข้อความปราศรัยช่วงหนึ่งของนายอานนท์ นำภา อีกด้วย ระบุว่า…

นอกจากนี้ อัยการยังเห็นว่าอานนท์ปราศรัยเข้าข่ายความ ผิดตามมาตรา 112 โดยกล่าวคำปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงในพื้นที่ชุมนุมว่า "ข้อที่ 3 มาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ข้อเรียกร้องมีสามข้อเท่านั้น วันนี้ จะไม่เหมือนเมื่อวานเพราะพี่น้องที่มาจากต่างจังหวัดทยอยมาสมทบกันเรื่อย ๆ และ นิสิตนักศึกษาก็ทยอยมาเรื่อย ๆ ถ้ามีการสลายการชุมนุมวันนี้ คนที่จะสั่งสลายการชุมนุมมีเพียงคนเดียว คือ ถ้ามีการสลายการชุมนุม ไม่ต้องไปหาคนอื่นใด"

"อย่างที่ผมเรียนไว้ ถ้ามีการสลายการชุมนุม คนอื่นจะสั่งไม่ได้นอกจาก…"

“อย่างที่บอกถ้าวันนี้มีการสลายการชุมนุม คนที่จะสั่งได้คนเดียว คือ…ให้รู้ไว้เช่นนั้น"

ข้อความข้างต้น อัยการเห็นว่าไม่ใช่การกระทำหรือเป็นการแสดงความคิดเห็นและติชมโดยสุจริต เป็นการใส่ร้ายกษัตริย์ ทำให้กษัตริย์เสื่อมเสีย ถูกเกลียดชัง และทำให้ประชาชนหลงเชื่อข้อความที่จำเลยได้พูดออกไป ทำให้ไม่เป็นที่เคารพสักการะต่อกษัตริย์ ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้

‘ปชช.เชื้อสายอาร์เมเนีย’ เร่งอพยพออกจากเมืองนากอร์โน-คาราบัค ผู้ลี้ภัยกว่า 6,500 ราย หวั่น ถูก ‘รบ.อาเซอร์ไบจาน’ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

(27 ก.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประชาชนในเมืองนากอร์โน-คาราบัค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายอาร์เมเนีย ต่างหวาดกลัวว่าหากรัฐบาลของประเทศอาเซอร์ไบจาน เข้ามาควบคุมพื้นที่ส่วนนี้ได้ จะทำให้พวกเขาไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจลี้ภัยไปที่ประเทศอาร์เมเนีย

โดยประชาชนที่มีเชื้อสายอาร์เมเนีย ประมาณ 6,500 คน ที่อาศัยอยู่ในนากอร์โน-คาราบัค ได้เดินทางออกจากเมืองและข้ามชายแดนลี้ภัยไปที่อาร์เมเนียแล้ว เหตุที่ทั้งหมดนั้นจะต้องลี้ภัยกันเป็นการเร่งด่วน เพราะพื้นที่ตรงนี้กำลังถูกอาเซอร์ไบจานยึดครอ งพวกเขากลัวว่าจะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้น

ต่อมาทางด้านรัฐบาลของอาเซอร์ไบจาน ได้ออกมายืนยันแล้วว่า จะมีการรวมคนเชื้อสายอาร์เมเนียในพื้นที่ส่วนนี้เข้ากับประชาชนคนอื่นๆ อย่างเท่าเทียม แต่ก็ยังไม่สามารถคลายความวิตกกังวลลงได้ เพราะเคยมีการกล่าวหาว่า อาเซอร์ไบจานพยายามกวาดล้างกลุ่มชาติพันธุ์ชาวอาร์เมเนียมาแล้วในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งอาเซอร์ไบจานปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง

ทางด้านรัฐบาลอาเซอร์ไบจานเองก็เผชิญกับเสียงวิพาษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากชาติตะวันตก ซึ่งมองว่าการใช้กำลังทหารโจมตีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอย่างหนักหน่วง ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ซึ่งควรจะมีการเจรจาเพื่อหาทางออกกันมากกว่า และยิ่งทำให้วิกฤตด้านผู้ลี้ภัยและมนุษยธรรมที่เป็นปัญหาใหญ่ของโลกต้องเลวร้ายลง โดยมีรายงานว่า วันนี้คณะผู้แทนจากอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน เตรียมพบปะกันที่กรุงบรัสเซลส์เพื่อหาทางออก

‘ททท.’ จับมือพันธมิตร นำเสนอจุดเด่นการท่องเที่ยวภาคตะวันออก ผ่านซีรีส์วาย 6 เรื่อง หวังปลุกกระแสรับนทท.รุ่นใหม่ หนุนเที่ยวยั่งยืน

เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.66) นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ฮาล์ฟ โทสท์ จำกัด เปิดตัวโครงการ ‘Y JOURNEY (STAY LIKE A LOCAL)’ ยกคอนเซปต์ ‘Amazing 5F and More’ โดยเฉพาะ F-Food และ F-Film กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ Gen X Y และ Millennial และ SDGs ถ่ายทอดผ่านมินิซีรีส์ 6 เรื่อง นำแสดงโดย 12 นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังที่จะชวนทุกคนไปสัมผัสเสน่ห์และอัตลักษณ์ของการท่องเที่ยวภาคตะวันออกอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างแรงบันดาลใจสู่การท่องเที่ยวจริง

นายอัครวิชย์ กล่าวว่า เราจะนำเสนอจุดเด่นของการท่องเที่ยวภาคตะวันออก อาทิ แหล่งท่องเที่ยว อาหาร สินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยว ผนวกเข้ากับแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการออกเดินทางท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ตามรอยภาพยนตร์ สร้าง Meaningful Relationship รับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมาย และนำไปสู่การกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนต่อไป

นายอัครวิชย์ กล่าวว่า โครงการประชาสัมพันธ์ ‘Y JOURNEY (STAY LIKE A LOCAL)’ ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ฮาล์ฟ โทสท์ จำกัด เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานมินิซีรีส์ทั้ง 6 เรื่อง โดยมี 12 นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังร่วมถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดในภาคตะวันออก ทั้ง 6 จังหวัด โดยแต่ละเรื่องจะมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

มินิซีรีส์ 1 เรื่อง ‘เพื่อนรักแอบรักเพื่อน’ นำแสดงโดย ‘แฟรงค์-ธนัตถ์ศรันย์ ซําทองไหล’ และ ‘หล่งซื่อ ลี’ ถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวสายมู เส้นทางแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ วัดหงษ์ทอง วัดอโศกการาม วัดจีนประชาสโมสร ตลาดบ้านใหม่ ผสมผสานกับวัฒนธรรมอาหารถิ่น เช่น ข้าวห่อใบบัว ขนมเกสรลำเจียก ขนมเปี๊ยะสดนายเล้ง ผัดไทนายแกละ ออกอากาศเป็นตอนแรกในวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 2 เรื่อง ‘คำสารภาพ’ นำแสดงโดย ‘เน็ต-สิรภพ มานิธิคุณ’ และ ‘เจมส์-ศุภมงคล วงศ์วิสุทธิ์’ ถ่ายทอดเรื่องราวการลดขยะอาหาร Zero Food Waste ด้วยการแปรรูป ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี ชุมชนตลาดเก่าริมน้ำจันทบูร น้ำตกพลิ้ว ศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ย และเพ็ญทิวาทุเรียนทอด และอาหารท้องถิ่น เช่น ยำมังคุดกุ้งสด กวยจั๊บป้าไหม แกงหมูใบชะมวง ไอติมจรวด แกงมัสมั่นทุเรียน ออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 3  เรื่อง ‘เฮียไม่ปลื้ม’ นำแสดงโดย ‘ฟลุ้ค-ณธัช ศิริพงษ์ธร’ และ ‘ยูโด-ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์’ ถ่ายทอดเนื้อหาวิถีชีวิตและการจ้างงานชุมชนท้องถิ่น ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดตราด ชุมชนท่าระแนะ ประภาคารแหลมงอบ หาดตาลคู่ สะพานวัดใจ พร้อมสอดแทรกอาหารท้องถิ่น เช่น ข้าวผัดพริกเกลือ อาหารซีฟู้ด ปลาโคกหว่น ปลาทราย-ปลาซิวทอด  เป็นต้น ออกอากาศในวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 4 เรื่อง ‘คู่กัดออกทริป’ นำแสดงโดย ‘แม้ก-กรธัสส์ รุจีรัตนาวรพันธุ์’ และ ‘ณฐ-ณฐสิชณ์ เอื้อเอกสิชฌ์’ ถ่ายทอดเนื้อหาการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ผ่านเรื่องราวของเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดนครนายก อ่างเก็บน้ำทรายทอง-เขาช่องลม และจังหวัดปราจีนบุรี น้ำตกเขาอีโต้-วัดพระใหญ่-ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าปราจีนบุรี ผสมผสานอาหารท้องถิ่น ได้แก่ ไผ่ตงหวาน ต้มหน่อไม้ ส้มตำไผ่บงหวาน ออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 5 เรื่อง ‘สมมติว่าเป็นแฟน’ นำแสดงโดย ‘มอส-ภาณุวัฒน์ โสประดิษฐ’ และ ‘แบงค์-มณฑป เหมตาล’ ถ่ายทอดเนื้อหาของการรีไซเคิลพลาสติกที่มาจากทะเล ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดระยอง เขาแหลมหญ้า สะพานคู่หาดแม่รำพึง วิสาหกิจชุมชนแยกขยะวัดชากลูกหญ้า และอาหารท้องถิ่น เช่น ยำผักกระชับ แกงส้มปู แกงคั่วเล เส้นหมี่น้ำแดงโบราณ ต้มหมูชะมวง เป็นต้น  ออกอากาศในวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 6 เรื่อง ‘ตามหาความทรงจำ’ นำแสดงโดย ‘ยุ่น-ภูษณุ วงศาวณิชชากร’ และ ‘ดิว-นิติกร ปานคร้าม’ ถ่ายทอดเนื้อหาการใช้พลังงานทดแทน ผ่านเรื่องราวจังหวัดชลบุรี ในแหล่งท่องเที่ยวสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ม.บูรพา หาดบางแสน อ่างเก็บน้ำบางพระ แกรนด์แคนยอนชลบุรี และอาหารถิ่น เช่น ข้าวหลามหนองมน ข้าวเกรียบอ่อน ไก่ย่างบางแสน เป็นต้น ออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566

ทั้งนี้ มินิซีรีส์ดังกล่าว มีกำหนดเผยแพร่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 17.00 น. เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 ผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน AIS PLAY, YouTube ของ AIS และ YouTube Channel : Amazing Thailand

'ดร.สุวินัย' ชี้!! ไม่มีใคร 'ได้เงิน-ชัยชนะ' จากเว็บพนันออนไลน์ เหตุ!! ผู้ 'แพ้-ชนะ' ถูกกำหนดล่วงหน้า ใต้ผู้ยิ่งใหญ่คอยคุมเกม

(27 ก.ย.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ในหัวข้อ 'รู้ทันเว็บพนันออนไลน์' ว่า...

เว็บพนันออนไลน์ที่หากินกับคนไทยทุกเว็บ จะมีรายได้แบบอู้ฟู่มาก ๆ โดยไม่มีทางที่จะสูญเสียแต่อย่างใดเลย

เนื่องเพราะทุกเว็บพนันออนไลน์เหล่านี้มีการใช้ระบบ AI ที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจจิตวิทยาและธรรมชาติของปุถุชนอย่างลึกซึ้ง

เพื่อหลอกล่อผู้คนให้หลงเข้าไปเล่นในเว็บพนันออนไลน์ จนเสพติดการพนันออนไลน์งอมแงมโงหัวไม่ขึ้น

ทั้งนี้มันได้มีการตั้งโปรแกรมดักเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะให้ผู้เล่นแต่ละรายจะชนะกี่ % และแพ้กี่ % 

สั้น ๆ มันก็เหมือนกับ AI ในเครื่อง GPS ที่รู้ตั้งแต่แรกแต่ต้นจนจบว่า ผู้เล่นคนนั้นจะลงเอยยังที่ใดตอนที่เข้ามาใช้ในแต่ละครั้ง

รายได้ของเว็บพนันออนไลน์จึงอู้ฟู่สุด ๆ ชนิดบ่อนจริงในโลกออฟไลน์ชิดซ้ายไปเลย

ยกตัวอย่าง โต๊ะบาคาร่าที่แทงกันสด ๆ และเห็นวิดีโอการแจกไพ่ เปิดไพ่ จากบ่อนปอยเปต แบบสด ๆ 

โดยแทงเสร็จปุ๊บ ก็จะเห็นสาวเขมรเปิดไพ่ให้เห็นแบบสด ๆ นั้น แท้จริงแล้ว มันเป็นภาพ AI ที่แต่งหลอกทั้งสิ้น

คนส่วนใหญ่ที่หลงเข้ามาเล่นพนันในเว็บพนันออนไลน์มักไม่ค่อยรู้กันหรอก 

เหมือนอย่างที่ Day Trader ที่เทรด Forex  มักไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเทรดกับโบรกเกอร์ที่เป็น ‘เจ้ามือตัวจริง’ ของแพลตฟอร์มที่ตัวเองใช้เทรด หาได้เข้าไปเทรดในตลาด Forex จริง ๆ ไม่

เพราะฉะนั้น คนที่เข้าไปเล่นพนันในเว็บพนันออนไลน์ แทงเท่าไหร่ ก็หมด! เพราะ AI มันจะฉลาดมาก พอรู้ว่า รายนี้เป็นนักเล่นหน้าใหม่เข้ามา มันก็จะอ่อยเหยื่อให้ได้ก่อนตามหลักจิตวิทยา 

เคยมีอินฟลูฯ คนนึงหมดไปกับบาคาร่าออนไลน์ 20 ล้าน 

และมีคดีดังคดีหนึ่งในอดีตที่หนุ่มโปรแกรมเมอร์ไทยคนนึงเข้ามาแจ้งความกับตำรวจและขอความคุ้มครองจากกระทรวงยุติธรรม เพราะว่าตนเองโดนไล่ล่าจากตำรวจใหญ่ยศนายพลคนหนึ่งที่ไปอุ้มเขาจากลานจอดรถ พร้อมข่มขู่ว่าจะฆ่า

เนื่องจากนายพลตำรวจ เจ้าของเว็บพนันออนไลน์คนนี้ ได้คาดคั้นถามเขาว่า...

“ทำไมจู่ ๆ รายได้จากเว็บพนันของกูลดลง”

ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้จากโปรแกรมที่ตั้งเอาไว้ นายพลตำรวจจึงคิดว่า โปรแกรมเมอร์คนนี้เป็นยักยอก จึงมาดักอุ้มและมีภาพวงจรปิดออกมาด้วย 

จากที่เล่ามาข้างต้น ‘ความจริงที่มีหนึ่งเดียว’ ก็คือ...

(1) นายพลตำรวจผู้มีอิทธิพลบางคน ล้วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ไม่มากก็น้อย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

(2) ไม่มีใครได้เงินจากเว็บพนันออนไลน์ ถ้าไปเล่นหุ้น ยังมีผู้ชนะในตลาดหุ้น 5-10% ของผู้เล่นทั้งหมด
แต่ในเว็บพนันออนไลน์ ผู้เล่นที่สามารถชนะเว็บพนันออนไลน์ได้มี 0% คือไม่มีเลย

ประชาชนจึงต้องรู้ทันกลไกและเล่ห์กลของเว็บพนันออนไลน์

เมื่อรู้ทันก็จะไม่หลงกล พลาดเสียเงินก้อนใหญ่ให้กับเว็บพนันออนไลน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top