Tuesday, 10 June 2025
NewsFeed

สื่อจีนชื่นชม 'ป๊อปปี้' ผู้ประกาศ Top News หลังแต่งชุดไทย ร่วมพิธีเปิดเอเชียนเกมส์

(26 ก.ย.66) กลายเป็นที่ฮือฮาและพูดถึงกันเป็นอย่างมาก เมื่อ พรสวรรค์ จารุพันธ์ หรือ ‘ป๊อปปี้’ ผู้ประกาศข่าว Top News โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘พรสวรรค์ จารุพันธ์-Poppy-Phonsawan Jarupan’ ระบุว่า เก็บตกบรรยากาศ #พิธีเปิดเอเชียนเกมส์ 2022 ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ปธน.สี จิ้นผิง และภริยาเผิง ลี่หยวน เป็นประธานในพิธี ซึ่งมีโชว์การแสดงแสง สี เสียง ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และปีนี้งดใช้พลุไฟ (จากคาร์บอนที่สร้างมลพิษ และฝุ่น PM 2.5) แต่ใช้พลุแบบดิจิทัล ผ่านเทคโนโลยี AR

ส่วนทัพนักกีฬาไทย เดินขบวนเข้าสนามลำดับที่ 38 โดยมี ‘ธันยพร พฤกษากร นักกีฬายิงปืน’ และ ‘วีระพล จงจอหอ นักกีฬามวยสากล’ ถือธงไตรรงค์ นำนักกีฬาไทยเข้าสู่สนาม

พอสัมผัสภายในงานแล้ว ยิ่งใหญ่อลังการมากๆ เลยค่ะ ที่สำคัญ ใน #สนามหางโจวโอลิมปิกสปอร์ตเอ็กโปเซนเตอร์ กว่าจะเข้าไปถึงได้…ต้องผ่าน Security หลายด่าน ขึ้นลงรถบัสอีกหลายต่อกว่าจะถึงสนาม และห้ามนำของเหลว เจล สเปรย์และทุกอย่างที่เป็นแอลกอฮอล์ ของมีคม รวมถึงทุกอย่างที่เป็นด้ามๆ (เช่น ร่ม ธงชาติพันไม้ฯ) อาหาร ขนม และทุกอย่างที่เป็นบลูทูธ ห้ามนำเข้าไปในสนามโดยเด็ดขาด เหตุผลด้านความปลอดภัย

ล่าสุดวันนี้ พรสวรรค์ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความอีกว่า #ชุดไทย Hot มากกกกก ป๊อปปี้ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนและสื่อต่างชาติ เป็นจำนวนมาก หลังจบพิธีเปิดค่ะ...เก็บตกพิธีเปิดเอเชียนเกมส์ 2022…

ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก ‘Street Hero V3’ โพสต์ภาพของ พรสวรรค์ หรือ ‘ป๊อปปี๊’ พร้อมระบุข้อความว่า “น้องป๊อบปี้ นักข่าว Top News เป็นที่สนใจของสื่อจีนเมื่อแต่งชุดไทยเข้าร่วมพิธีเปิดเอเชียนเกมส์” ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันเข้ามาชื่นชมและแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก

ซึ่งโดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย พร้อมด้วย พลเรือตรีหวัง เจิ้ง ผู้ช่วยทูตทหารสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ให้เกียรติเชิญ ผู้บริหารสถานีข่าว Top News นำโดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และคุณชยธร ธนวรเจต ร่วมในงานเฉลิมฉลองเนื่องในวันกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ซึ่งปีนี้ครบรอบ 96 ปี ที่ตรงกับวันที่ 1 สิงหาคม ที่ห้องแกรนบอลรูม ณ โรงแรมเชียงกรีล่า

นอกจากนี้ ทางสถานทูตจีน ยังได้ให้เกียรติสถานีข่าว Top News ให้เป็นตัวแทนสื่อของไทยเพียงคนเดียว คือน้องป๊อบปี้ พรสวรรค์ จารุพันธ์ ผู้ประกาศข่าว Top News เข้าร่วมโครงการ China Asia Pacific Press Center 2023 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเวลา 4 เดือน

โดยโครงการนี้มีนักข่าวมากกว่า 70 คนจากกว่า 60 ประเทศเข้าร่วม และโปรแกรมที่น้องป๊อปปี้ไปเข้าร่วมมีนักข่าว 16 คนจาก 12 ประเทศ เป็นการบรรยายเกี่ยวกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของจีน, การทูต, วัฒนธรรม, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ให้การฝึกอบรมด้านสื่อสารมวลชนและการฝึกงานด้านสื่อของจีน, จัดสัมมนาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสถาบันคลังความคิดและองค์กรด้านสื่อ, จัดการเยี่ยมชมตามมณฑลต่างๆ และครอบคลุมถึงเหตุการณ์สำคัญในประเทศจีนด้วย

‘กองทุนดีอี’ โชว์ผลสำเร็จโครงการโดรนสำรวจพื้นที่ป่า เตรียมใช้ข้อมูลเพิ่มศักยภาพดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

‘กองทุนดีอี’ โชว์ผลสำเร็จโครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังสำรวจครบ 11 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เตรียมนำข้อมูลช่วยดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

สถานการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน มีการบุกรุกทำลายก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน และทรัพยากรป่าไม้โดยการออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อสงวน และอนุรักษ์ป่าไม้มาโดยตลอด แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งปัญหาอีกประการด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยีในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศซึ่งในอดีตไม่สามารถแสดงผลข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศความละเอียดสูง เพื่อกำหนดขอบเขตของพื้นที่ป่าอย่างชัดเจน หรือติดตามสถานการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างละเอียด อีกทั้งยังไม่มีการประยุกต์ใช้ข้อมูลเพื่อจัดการด้านภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า น้ำป่าไหลหลาก หรือดินถล่ม เนื่องจากมีข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยี

กองการบิน สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำเสนอโครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดทำภาพถ่ายทางอากาศและการบินลาดตระเวนทางอากาศ ด้วยอากาศยานไร้คนขับ ในการสนับสนุนภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการติดตามสถานการณ์ไฟป่าและน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงเพื่อพัฒนาระบบจัดเก็บ แลกเปลี่ยน และแสดงผลข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศความละเอียดสูงสำหรับสนับสนุนการจัดการพื้นที่ทำกิน ให้บริการแก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และแสดงผลข้อมูลสถานการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสถานการณ์ด้านไฟป่าและน้ำป่าไหลหลากในรูปแบบ real time บน web map service และ mobile application และเพื่อพัฒนาระบบติดตามและเฝ้าระวังพื้นที่ป่าและป่าอนุรักษ์ รวมทั้งพื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยอากาศยานไร้คนขับในรูปแบบขึ้นลงทางดิ่ง (vertical takeoff and landing, VTOL) สำหรับการลาดตระเวนทางอากาศและการสำรวจจัดทำภาพถ่ายทางอากาศ 

โครงการดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปีงบประมาณ 2564 โดยเป้าหมายของโครงการนี้เพื่อใช้อากาศยานไร้คนขับสำหรับงานลาดตระเวน ติดตามสถานการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการบุกรุกทำลายและสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ต่ำกว่า 9 ล้านไร่ อีกทั้งยังเป็นฐานข้อมูลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนที่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่า และป่าอนุรักษ์ ด้านการจัดพื้นที่ทำกิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมถึงการจัดการด้านภัยธรรมชาติ เช่นไฟป่า น้ำป่าไหลหลาก หรือดินถล่ม และเป็นการเสริมศักยภาพในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากเดิมที่ใช้อากาศยานเป็นอุปกรณ์หลักเพียงอย่างเดียว ให้มีอุปกรณ์เสริมช่วยลดความเสี่ยง และสามารถเข้าพื้นที่ได้รวดเร็ว ครอบคลุมมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาช่องทางให้บริการข้อมูลที่จำเป็นแก่ประชาชน และหน่วยงานภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ข้อมูลภาพถ่ายความละเอียดสูงแบบหลายช่วงคลื่น ประกอบภาพถ่ายสีธรรมชาติ ข้อมูลสภาพภูมิประเทศแบบสามมิติ วิดีโอในรูปแบบ real time เป็นต้น ในการสนับสนุนการตัดสินใจของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและประชาชน

สรุปผลการดำเนินงาน โครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอากาศยานไร้คนขับ จำนวนทั้งสิ้น 14  ลำ โดยมีพื้นที่เป้าหมายดำเนินการใน 11 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและพื้นที่ส่วนกลางในกรุงเทพมหานคร 

ปัจจุบันได้มีการทดสอบการใช้งานจริงในพื้นที่เป้าหมายที่กำหนดซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าเขา พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ไฟป่า และพื้นป่าที่มีประชาชนอยู่อาศัยทำกิน โดยกำหนดเป็นภารกิจการบินสำหรับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ การบินลาดตระเวนพื้นที่ รวมทั้งการฝึกอบรมผู้ใช้งานให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

จากการได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ส่งผลให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีสำหรับการสำรวจที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการจัดการพื้นที่ทำกิน ด้วยข้อมูลสารสนเทศเชิงพื้นที่ความละเอียดสูงจากอากาศยานไร้คนขับ และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ลดความเสี่ยงและการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ อีกทั้งมุ่งผลลัพธ์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ โดยการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยั่งยืน

9 เรื่องน่าเซ็งใน 'เยอรมนี' ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแบบนี้ จากประสบการณ์ 4 ปี ของคนไทยที่ไปอาศัยจริง

(26 ก.ย. 66) เจ้าของช่องยูทูบชื่อ ‘pattamai’ ได้โพสต์วิดีโอบอกเล่าประสบการณ์การใช้อยู่ที่เยอรมนีตลอด 4 ปี พร้อมระบุถึง ‘ข้อเสีย’ ที่ไม่ชอบในประเทศเยอรมนี ซึ่งได้เน้นย้ำอย่างยิ่งว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่พบเจอ ทั้งหมด 9 ข้อ ดังนี้…

ข้อ 1 ระบบการแพทย์ แม้ประเทศเยอรมนีจะโดดเด่นในเรื่องการแพทย์ หรือเทคโนโลยีด้านการแพทย์ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ ‘ระบบการแพทย์’ หรือ ‘สาธารณสุข’ ที่แม้ทุกคนจะมีประกันสุขภาพที่สามารถใช้รักษาอาการเจ็บป่วยได้ฟรี แต่สิ่งที่เป็นปัญหาหนักมาก ๆ คือ การนัดพบแพทย์ เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์ของเยอรมนีมีจำนวนน้อย ทำให้การนัดพบแพทย์ใช้เวลารอนาน บางครั้งอาการป่วยเล็กน้อยก็กลายเป็นอาการรุนแรง ปัญหานี้เกิดขึ้นกับทั้งคนเยอรมันและชาวต่างชาติที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้

ข้อ 2 วันอาทิตย์ที่เงียบเหงาในประเทศเยอรมนี คนที่ประเทศนี้จะให้ความสำคัญกับวันอาทิตย์มาก ๆ เพราะถือว่าเป็นหยุดและต้องใช้ชีวิตกับครอบครัว เป็นวันที่ทุกอย่างเงียบสงบจนดูเหงาหงอย และแน่นอนว่านี่คือปัญหา เพราะร้านค้า ห้าง ซูเปอร์มาร์เก็ต ทุก ๆ ที่ปิดหมด ซึ่งเรื่องนี้ไม่สอดรับกับโลกยุคปี 2023 ที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะหยุดวันอาทิตย์ หรือทำงานแค่จันทร์ถึงศุกร์ นี่จึงเป็นปัญหาที่มองเห็นได้ชัดเจน

ข้อ 3 กฎ ข้อห้าม ข้อบังคับถี่ยิบย่อยและละเอียดเกินไป ที่ประเทศเยอรมนีจะมีกฎแปลก ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่า มีกฎข้อนี้ทำไม ยกตัวอย่างเช่น การปั่นจักรยาน เขาจะมีกฎเลยว่า สามารถปั่นจักรยานได้ตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง ตรงบริเวณไหนที่ต้องจูงจักรยาน เวลาไหนถึงจะขี่เล่นนี้ได้ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ การใช้ฟิตเนส ก็มีข้อบังคับเหมือนกัน เช่น หากจะว่ายน้ำก็จะมีกฎระบุว่าเวลากี่โมงถึงกี่โมงเป็นการว่ายน้ำออกกำลังกาย หรือช่วงไหนเป็นการว่ายน้ำชิว ๆ จะมีกฎแบบนี้เยอะมาก ซึ่งคนจำไม่ได้ แต่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่จะจริงจังมาก บางครั้งก็โดนปรับแบบงง ๆ 

ข้อ 4 สังคมเงินสด ที่เยอรมนียังนิยมใช้จ่ายเป็นเงินสด น้อยมาก ๆ ที่จะจ่ายด้วยบัตรหรือการสแกนจ่ายแบบที่ไทย ระบบ banking ที่นี่ช้ามาก ไม่ได้โอนปุ๊บเงินเข้าปั๊บ แต่ต้องรอ 1-2 วันกว่าเงินจะเข้า ซึ่งถือเป็นเรื่องลำบากมากสำหรับคนที่ไม่มีเงินสด เพราะบางร้านไม่รับโอนจ่าย หรือบัตรเลย ซึ่งสังคมเงินสดนี้เกี่ยวโยงถึงการรักษาความเป็นส่วนตัวด้วย คนเยอรมันยังคงยึดถือเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า หากเราต้องการความสะดวกสบายในการชำระเงินผ่านระบบที่รวดเร็ว เราพร้อมที่จะแลกข้อมูลทางการเงินของเราหรือไม่?

ข้อ 5 อินเทอร์เน็ตที่เยอรมนีช้ามาก เนื่องจากโครงข่ายที่นี่ยังเป็นเคเบิล ไม่ใช่ไฟเบอร์ออปติก จึงทำให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เร็วแรงเหมือนที่ไทยหรือประเทศโซนเอเชีย แม้จะใช้โทรศัพท์ที่รองรับ 5G แต่ก็ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตแบบรวดเร็วทันใจได้ ส่วนเรื่องไวไฟในที่สาธารณะก็น้อยและช้ามาก ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับยุคดิจิทัลในตอนนี้เลย

ข้อ 6 อาหารในเยอรมนีไม่อร่อย เนื่องจากวัตถุดิบที่เอามาทำอาหารไม่หลากหลาย รสชาติของอาหารไม่หลากหลายเหมือนไทยที่จะมีครบทุกรสชาติ แต่เยอรมนีจะมีแค่เค็ม จืด วนไปมาอยู่แบบนี้ แต่สิ่งที่อร่อยคือขนมปัง

ข้อ 7 รถไฟที่เยอรมนีมาเลท ช้า จริงอยู่ที่รถไฟเยอรมนีเคยเป็นรถไฟที่มาตรงเวลา แต่ปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ตอนนี้รถไฟมาช้า หรือบางทีก็ไม่มาเลย ต้องรอนานมาก ๆ 30 นาทีขึ้นไปก็เคยมีมาแล้ว ดังนั้นใครคิดว่ารถไฟที่นี่ตรงเวลาคือคิดผิด

ข้อ 8 ระบบราชการเยอรมนีช้ามาก เนื่องจากเยอรมนีไม่ค่อยใช้ระบบดิจิทัล หรืออินเทอร์เน็ตในการทำงาน ทุกอย่างจะผ่านการพิมพ์ในกระดาษทั้งหมด ทำให้การติดต่อกับภาครัฐช้าและใช้เวลานานมาก เช่น หากจะต่อวีซ่า ต้องนัดล่วงหน้า 3-4 เดือน หรือบางครั้งอาจจะต้องรอไปอีกเป็น 5-6 เดือนเลย

ข้อ 9 คบคนเยอรมันเป็นเพื่อนยากมาก ชาวต่างชาติที่มาอยู่เยอรมนีและหวังว่าจะมีเพื่อนเป็นคนเยอรมัน ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก เนื่องจากคนเยอรมันเขามีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งคือเขาจะคบหรือสนิทอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิม ๆ เช่น เพื่อนที่เรียนมัธยมด้วยกัน คบกันนานมาก ๆ และไม่ค่อยเปิดรับเพื่อนใหม่ ๆ เข้ากลุ่ม ยิ่งเป็นชาวต่างชาติยิ่งยากเลย หลายคนที่มาอยู่ที่นี่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หาเพื่อนเยอรมนียากมาก เหมือนมีกำแพงคั่นตลอด ถึงแม้พวกเราจะคุย เล่น ปาร์ตี้กับเราปกติก็ตาม 

‘รัสเซีย’ ยกระดับเอาคืน!! ขู่ขึ้นบัญชีดำหมายหัว ‘ปธ.ศาลโลก’ ปม ‘ไอซีซี’ ออกหมายจับ ‘ปูติน’ ฐานก่ออาชญากรรมสงคราม

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 66 ‘รัสเซีย’ ได้เปิดเผยว่าได้ใส่ชื่อ ‘ปิโอเตอร์ ฮอฟมันสกี’ (udge Piotr Hofmański) ประธานศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ในบัญชีต้องการตัว ความเคลื่อนไหวตอบโต้กรณีที่ศาลแห่งนี้ออกหมายจับ ‘ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน’ ตามข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงคราม

‘ฮอฟมันสกี ปิโอเตอร์ โจเซฟ’ ชาวโปแลนด์ เป็นที่ต้องการตัวภายใต้มาตรการหนึ่งของประมวลกฎหมายอาญาแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ตามประกาศฉบับหนึ่งที่ปรากฏในฐานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยรัสเซียไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับคำกล่าวหาที่มีต่อ ฮอฟมันสกี

เมื่อเดือนมีนาคม ศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ออกหมายจับ ‘ปูติน’ ฐานก่ออาชญากรรมสงคราม ตามข้อกล่าวหาบังคับเนรเทศเด็กๆ ชาวยูเครนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศยังออกหมายจับ ‘มาเรีย ลโววา-เลโบวา’ คณะกรรมาธิการด้านสิทธิเด็กประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ในข้อหาเดียวกัน

รัฐบาลเคียฟกล่าวอ้างว่า เด็กยูเครนหลายหมื่นคนถูกนำตัวไปรัสเซียนับตั้งแต่เริ่มการสู้รบ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว โดยมีข้อมูลว่าเด็กจำนวนมากถูกส่งไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ และบ้านอุปถัมภ์ ภายใต้ความพยายามล้างสมองเด็กเหล่านั้นให้ฝักใฝ่สหพันธรัฐรัสเซีย

ก่อนหน้านี้ รัสเซียเคยออกหมายจับ ‘คาริม ข่าน’ อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศและผู้พิพากษาหลายคน

มอสโกตอบโต้ว่า ไอซีซีไม่มีอำนาจหรือความชอบธรรมในการออกหมายจับ เพราะว่ารัสเซียไม่ได้เป็นสมาชิกและไม่เคยให้การรับรองธรรมนูญกรุงโรมปี 1998 ที่จัดตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศแห่งนี้

ในเดือนกันยายน ศาลอาญาระหว่างประเทศเปิดทำการสำนักงานสนามแห่งหนึ่งในยูเครน ส่วนหนึ่งในพยายามหาทางลงโทษกองกำลังรัสเซีย ต่อปฏิบัติการรุกรานยูเครนที่ได้รับการหนุนหลังจากตะวันตก

‘ครม.’ ประกาศให้ 13 ตุลาคม เป็นวัน ‘นวมินทรมหาราช’ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9

(26 ก.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยให้วันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวัน ‘นวมินทรมหาราช’ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ล้นกระหม่อมแก่อาณาประชาราษฎร์ ตลอดรัชสมัยของพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ เพื่อความวิวัฒน์พัฒนาของบ้านเมือง เป็นคุณประโยชน์อเนกอนันต์ และยังความผาสุก ร่มเย็นแก่ผองพสกนิกรชาวไทย พระเกียรติคุณเป็นที่แซ่ซ้องก้องประจักรทั้งแก่ปวงชนชาวไทยและนานาอารยประเทศ แม้การเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จะล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน แต่พสกนิกรทุกหมู่เหล่ายังล้วนคำนึง ซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างไม่รู้ลืมเลือน 

นายชัย กล่าวว่า วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เป็นวันแห่งการเสด็จสวรรคตครบ 7 ปี หรือ ‘สัตตมวรรษ’ ดังนั้นเพื่อให้วันคล้ายวันสวรรคต เป็นวันแห่งการร่วมรำลึก และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่แผ่นดิน การนี้รัฐบาลจึงได้นำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่าวัน ‘นวมินทรมหาราช’ ตามที่รัฐบาลได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ จึงเห็นสมควรกำหนดให้วันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันนวมินทรมหาราช นับตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2566 เป็นต้นไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจผู้มีประสบการณ์สูงด้านต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจที่มีประสบการณ์สูงด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงงานบริหารงานบุคคลขอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และงานเลี้ยงรับรอง ประจำปีงบประมาณ 2566 ในระหว่างวันที่ 25-27 ก.ย.66 ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ, 
โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีข้าราชการตำรวจที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์และจะพ้นจากราชการเนื่องจากเกษียณอายุราชการ รวมถึงข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล (Early Retire) ทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับชั้นยศ พ.ต.อ. หรือตำแหน่งเทียบเท่า จนถึงระดับชั้นยศ พล.ต.อ. ที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น 396 นาย 

โดยแบ่งเป็นผู้ที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 346 นาย และผู้ที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล จำนวน 50 นาย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะเกษียณอายุราชการ อาทิ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ชินภัทร  สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิสนุ  ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น
 สำหรับการดำเนินงานโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นข้าราชการตำรวจ
ที่มีประสบการณ์สูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจผู้มีประสบการณ์สูงในงานด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการปรับปรุงงานบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อไป โดยภายในงานสัมมนาได้มีการจัดแสดงนิทรรศการ และกิจกรรมต่างๆ อาทิ โรงพยาบาลตำรวจ จัดคณะแพทย์และพยาบาล เพื่อตรวจสุขภาพและคอยให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น, กองสวัสดิการตำรวจ จัดเจ้าหน้าที่ในการแนะนำเรื่องของสวัสดิการต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดให้มีการสัมมนา อภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ

'ดร.สุวินัย' ยกกรณี 'บ้านบิ๊กโจ๊ก-เว็บพนันออนไลน์-หมิ่น 112' ฉากทัศน์พิฆาตมาเฟียทุกวงการอย่างเด็ดขาด กำลังเกิด!!

(26 ก.ย.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ระบุว่า...

ความจริงที่มีหนึ่งเดียว เรื่องบ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ กับคดีเว็บพนันออนไลน์

เวลาอ่านข่าว อย่าอ่านตามตรรกะหรือวาทกรรมที่มีใครบางคนต้องการให้คนอ่านเชื่อตามนั้น เพื่อจูงจมูกคนอ่านให้เชื่อใน ‘บทสรุป’ ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว

สิ่งที่คนอ่านควรทำคือ หาข้อเท็จจริงที่เป็น ‘ความจริงที่มีหนึ่งเดียว’ ออกมา โดยยังไม่รีบด่วนสรุปอะไรทั้งสิ้น

(1) บ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ ทั้ง 5 หลัง ความจริงเจ้าของบ้าน 3 หลัง คือเสี่ยแต๋ม คนดังจังหวัดอุดรธานี ส่วนอีก 2 หลังเป็นของภรรยาเสี่ยแต๋ม…สรุปก็คือเป็นของเสี่ยแต๋มและภรรยา ที่ ‘อุปถัมภ์’ บิ๊กโจ๊กกับลูกน้อง โดยให้พักพิงแทบจะฟรี

(2) เพราะบ้านทั้ง 5 หลังนี้มีการจ่ายค่าไฟโดยใช้บัญชีม้าของมินนี่ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์ โดยที่บัญชีม้าคือ นายครรชิต ที่เป็นผู้ที่มีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมากกว่า 5 คดี

(3) ความจริงก็คือ บิ๊กโจ๊กพำนักอยู่ในบ้านที่มีชื่อเจ้าของเป็นคนอื่น แต่ทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น

(4) มีภาพที่บิ๊กโจ๊กถ่ายภาพกับมินนี่ แต่ไม่ชัดเจนว่าบิ๊กโจ๊กรู้จักมินนี่หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ลูกน้องคนสนิทของบิ๊กโจ๊กคนหนึ่งสนิทสนมกับมินนี่แน่นอน

(5) พ.ต.อ.เขมรินทร์ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก ผู้ที่ถูกออกหมายจับ มีการซื้อพระจากต้อม นครสวรรค์ ด้วยเงินจำนวนมาก ลักษณะเหมือนการฟอกเงิน โดยเอาเงินจากเครือข่ายมินนี่เข้าไปซื้อพระ โดยที่ต้อม นครสวรรค์ เกี่ยวข้องกับนายเป้ ผู้ต้องหาเว็บพนันออนไลน์ที่อ้างว่าถูกผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เรียกเงิน 140 ล้านบาท 

(6) มินนี่ทำเว็บพนันตั้งแต่ปี 2560 ดูจากหน้าตาและอายุ มินนี่น่าจะเป็นแค่หุ่นเชิดของขาใหญ่ในวงการสีเทามากกว่า โดยมีลูกน้องบิ๊กโจ๊กเข้าไปเกี่ยวข้องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

 (7) ผู้ต้องหาแถวสองแถวสามที่จะตำรวจถูกดำเนินคดีเว็บพนันออนไลน์ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือกลุ่มตำรวจ กลุ่มนักข่าว กลุ่มพลเรือน และกลุ่มนักกฎหมาย

ขอแถมข่าวอีกเรื่อง ที่ดูเผิน ๆ เหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน

"ชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทยได้ให้สัมภาษณ์เนชั่นว่า จะเพิ่มให้พวก 112 หรือหมิ่นสถาบันในประเภทที่ 17 เป็นผู้มีอิทธิพลที่จะต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาดไปด้วย ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงมีการจัดทำบัญชีดำแกนนำที่มีอิทธิพลในสื่อและแกนนำม๊อบต่อต้านรัฐบาลและหมิ่นสถาบันรวมถึงนักการเมืองพรรคก้าวไกลอีกด้วย"

หากมองป่าทั้งป่า เราจะเห็นภาพกว้างเรื่อง ‘การปราบปรามผู้มีอิทธิพลทุกวงการอย่างเด็ดขาด’ ที่น่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ โดยที่การปราบปรามผู้มีอิทธิพลในวงการเว็บพนันออนไลน์เป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น

จงจับตาเรื่อง ‘การปราบปรามผู้มีอิทธิพลทุกวงการ’ หลังจากนี้ให้ดีเถิด

‘ครม.’ เคาะสั่งลุยมาตรการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เริ่ม 1 ตุลาคมนี้

(26 ก.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรการในการพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลา 3 ปี และ 1 ปี ตามลำดับ โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นฝ่ายเลขานุการ และพิจารณาให้ความเห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล จำนวนทั้งสิ้น 11,096 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรและบุคคลตามข้อบังคับ ธ.ก.ส. (ฉบับที่ 44 และ 45) ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ที่มีต้นเงินเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท และมีสถานะเป็นหนี้ปกติ และ/หรือเป็นหนี้คงค้างชำระ จำนวน 2.698 ล้านราย รวมต้นเงินคงเป็นหนี้ทั้งหมด 283,327.99 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 16 กันยายน 2566) ระยะเวลา ระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 30 กันยายน 2567 (1 ปี)

ส่วนวิธีดำเนินโครงการ เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ที่ต้องการรับสิทธิพักชำระหนี้สามารถแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการดังกล่าวได้ตามความสมัครใจ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 31 มกราคม 2567 งบประมาณ รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้แทนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ที่เข้าร่วมมาตรการในอัตราร้อยละ 4.50 ต่อปี

นายชัยกล่าวว่า ที่ประชุมยังพิจารณาเห็นชอบการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ของ ธ.ก.ส. งบประมาณ 1,000 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายคือเกษตรกรลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ และสมัครใจเข้ารับการพัฒนาศักยภาพ โดยการจัดอบรมเพื่อส่งเสริมฟื้นฟูการประกอบอาชีพแก่ลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ

โอกาส ‘ไทย’ หลังขึ้นแท่น ‘คลัสเตอร์ PCB’ รายใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายใต้ ‘ไต้หวัน’ ผู้นำแห่งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 66 เพจเฟซบุ๊ก ‘BOI News’ ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ ‘อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์’ ในไทย ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการลงทุนตั้งฐานการผลิต ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยระบุว่า…

เมื่อพูดถึงผู้นำใน ‘อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์’ ของโลก 🌏

ประเทศไต้หวัน คือคำตอบอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วปัจจัยใดที่ผลักดันให้ไต้หวันผงาดขึ้นเป็นผู้นำในตลาดผู้ผลิตชิปของโลก?

ย้อนไปในปี 2516 รัฐบาลไต้หวันได้จัดตั้งสถาบัน ‘Industrial Technology Research Institute’ (ITRI) โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงจากต่างประเทศ ทำให้ ITRI สามารถพัฒนากระบวนการผลิตชิปได้เป็นของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ให้กับไต้หวันได้อย่างมั่นคงในระยะต่อมา

🔹 โดยในปี 2530 มีการก่อตั้งบริษัทผู้ผลิตชิป ‘Taiwan Semiconductor Manufacturing Company’ หรือ ‘TSMC’ ขึ้น ซึ่งต่อมากลายมาเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่มีส่วนผลักดันให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างระบบสาธารณูปโภค การสุขาภิบาล ระบบพลังงาน และการคมนาคม ในไต้หวันขึ้นอย่างรวดเร็ว ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานนี้ส่งผลให้การผลิตชิปเช็ตของไต้หวันมีคุณภาพสูง จนทำให้ไต้หวันก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกของอุตสาหกรรมผลิตชิป

ในช่วงเวลาดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2530-2543 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของไต้หวัน เนื่องจากมีการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หรือการผลิตชิปซึ่งเป็นหัวใจของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างก้าวกระโดด 💻

กลยุทธ์ของผู้ผลิตชิปจากไต้หวันนั้นแตกต่างจากที่อื่น ๆ ตรงที่บริษัทของไต้หวันจะเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะไปขายในแบรนด์ของตัวเอง หรือเป็นที่รู้จักในรูปแบบที่เรียกว่า ‘OEM’ เนื่องจากการลงทุนในโรงงานผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้หลาย ๆ บริษัทเลือกทำเพียงขั้นตอนการออกแบบชิปแล้วมอบหมายให้กับ TSMC หรือบริษัทอื่นในไต้หวันทำหน้าที่ผลิตแทน

🔹 ปัจจุบัน ไต้หวันเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของโลก โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 65% ของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ของโลก โดยมีบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Corporation (TSMC) เป็นผู้ผลิตรายใหญ่

‘เซมิคอนดักเตอร์’ เป็นส่วนสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ อีกทั้งความต้องการใช้งานชิปก็ยังเพิ่มขึ้นในอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เน้นการผลิตยานพาหนะที่มีความสามารถด้านการเชื่อมต่อ (Connectivity) และความเป็นอัจฉริยะ (Intelligence) ส่งผลให้ความต้องการชิปขั้นสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดลง

ประเทศไทยขึ้นแท่น ‘คลัสเตอร์ PCB’ รายใหญ่ที่สุดในอาเซียน
ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ของไทยมาจากการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทั้งระบบไฟฟ้าที่มีความเสถียร พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่พร้อมรองรับการลงทุนได้อีกมาก อีกทั้งบุคลากรยังมีทักษะและความเชี่ยวชาญในด้านอิเล็กทรอนิกส์ หรือการที่ไทยมี Supply Chain ของอุตสาหกรรมนี้อย่างครบวงจร รวมไปถึงการที่ภาครัฐมีมาตรการและนโยบายสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและเติบโตได้ ปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก โดยเฉพาะจากไต้หวัน ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักเพื่อส่งออกไปยังตลาดโลก 

🔹 สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ซึ่งเป็นหัวใจของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ บริษัทจากไต้หวันยังถือเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 35% 

โดยปัจจุบัน ผู้ผลิต PCB ของไต้หวันรายใหญ่ 20 อันดับแรกของโลก ได้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้วจำนวน 10 ราย ไม่ว่าจะเป็น WUS PCB, APEX, Dynamic Electronics, Gold Circuit, APCB และถ้ารวมกับผู้ผลิต PCB จากประเทศอื่น ๆ อย่างจีนและญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เช่นกันด้วยแล้ว ก็จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นคลัสเตอร์ PCB ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

นี่คือสัญญาณแห่งโอกาสในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ที่ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นฮับของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาค แต่ยังเป็นการต่อยอดสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมต้นน้ำ ได้แก่ การผลิตเวเฟอร์ และการออกแบบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมไปถึงการพัฒนาสู่การเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ยานยนต์, ดิจิทัล, อุปกรณ์การแพทย์, ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ ซึ่งจะช่วยยกระดับ Supplier ไทยให้ได้เข้าไปอยู่ใน Supply Chain อิเล็กทรอนิกส์ของโลกด้วยเช่นกัน

🎗️ บีโอไอพร้อมสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำ หรืออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ ด้วยการให้สิทธิประโยชน์พิเศษทางภาษี และสิทธิประโยชน์และบริการด้านอื่น ๆ อีกจำนวนมาก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย ตลอดจนสร้างแรงจูงใจในการวิจัยและพัฒนาให้สามารถก้าวพร้อมไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลกได้ต่อไป

#บีโอไอส่งเสริมการลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติทุกขนาดการลงทุน
📱 0-2553-8111 
📧 [email protected]
🌐 www.boi.go.th
🔰ไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดต่อ

‘ไทยสมายล์บัส’ พร้อมรับผิดชอบเต็มที่ จากอุบัติเหตุบนถนนพระราม 2 หลังคนขับยอมรับพักผ่อนน้อย-เหยียบเบรกพลาด ทำให้ชนยับนับ 10 คัน

(26 ก.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีรถเมล์ไฟฟ้าสาย 558 วิ่งระหว่างการเคหะพระราม 2-สุวรรณภูมิ ของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด พุ่งชนท้ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 18 ราย เหตุเกิดช่วงเช้านี้ ช่องทางคู่ขนาน ถนนพระราม 2 ซอย 4 (ฝั่งขาเข้า) แขวงและเขตจอมทอง มุ่งหน้าแยกบางปะแก้ว เบื้องต้น คนขับอ้างว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้พยายามเบรกแล้วแต่เบรกไม่ทำงาน ทำให้รถพุ่งชนดังกล่าว

ล่าสุด บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ออกจดหมายชี้แจง พร้อมขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า บริษัทจะรับผิดชอบค่าเสียหายและดูแลผู้บาดเจ็บทุกรายอย่างเต็มที่ เบื้องต้นได้ส่งทีมตรวจสอบที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้า พบว่ารถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย S7 เบอร์ 11 ของอู่เคหะธนบุรี ระบบของรถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้าไม่มีความผิดปกติใดๆ ทั้งเรื่องระบบไฟฟ้าและระบบควบคุมการเบรก

จึงยืนยันว่า สาเหตุของการชนครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของระบบตัวรถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้า ซึ่งตามขั้นตอนปกติก่อนเดินรถในทุกวันทุกอู่จะทำการตรวจสอบความพร้อมของรถอย่างสม่ำเสมอ

ขณะเดียวกัน บริษัทได้สอบสวนพนักงานขับรถเป็นที่เรียบร้อย พนักงานขับรถยอมรับว่าตนเองพักผ่อนน้อยและเผลอเหม่อลอยชั่วขณะ เมื่อรถเคลื่อนตัวไปจึงเกิดอาการตกใจ เมื่อตั้งใจจะเหยียบเบรกรถกลับไปเหยียบคันเร่งแทน ทำให้ความเร็วของรถพุ่งตัวไปจนตัวรถเสียการควบคุมไปชั่วขณะ

ส่วนมาตรการของบริษัทจะดำเนินการลงโทษพนักงานขับรถตามมาตรการขั้นสูงสุด พร้อมกำชับแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต บริษัทขออภัยกับผู้บาดเจ็บและครอบครัวทุกท่านมา ณ โอกาสนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top