Monday, 9 June 2025
NewsFeed

‘รฟท.’ ไฟเขียว!! รถไฟฟ้าสายสีแดง 20 บาทตลอดสาย หวังช่วยลดค่าใช้จ่าย - จูงใจประชาชนใช้บริการมากขึ้น

เมื่อวานนี้ (21 ก.ย. 66) นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด รฟท.) ว่า ที่ประชุมฯ ได้อนุมัติดำเนินการตามนโยบาย 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต เบื้องต้นจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาในสัปดาห์หน้า ซึ่งตามขั้นตอน ในการขอปรับค่าโดยสารจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ตามมาตรา 27 ที่ระบุว่าหากหน่วยงานมีมาตรการหรือโครงการใด ๆ ที่กระทบต่อรายได้ขององค์กรสามารถดำเนินการได้ซึ่งจะต้องกำหนดแผนหรืองบประมาณที่ใช้จ่าย รวมทั้งระยะเวลาดำเนินการ และประโยชน์ที่จะได้รับด้วย หากกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบแล้ว จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษานโยบายดังกล่าว พบว่า รฟท.จะสูญเสียรายได้ และรัฐต้องสนับสนุนเงินชดเชยประมาณ 80 ล้านบาทต่อปี แต่การลดค่าโดยสารนั้น จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนให้หันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 5-20% ต่อปี ซึ่งจะมีผลทำให้รายได้ของ รฟท. เพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรถไฟชานเมืองสายสีแดง มีผู้โดยสารใช้บริการอยู่ที่ 2 หมื่นคนต่อวัน

‘ธนกร’ เข้าเยี่ยม ‘ลุงตู่’ หลังไม่ได้เจอกันนานนับเดือน บอกลุงตู่ดูสดชื่นแจ่มใส พร้อมฝากความคิดถึงถึงพี่น้องทุกคน

(22 ก.ย. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความ ในเฟซบุ๊ก ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ ระบุว่า…

ผมไม่ได้เจอลุงตู่มานานนับเดือน แต่ได้ไลน์คุยกับท่านทุกวัน วันนี้จึงไปเยี่ยมท่านด้วยความคิดถึง พูดคุยกันนานร่วม 2 ชั่วโมง เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข ท่านสดชื่นมาก สุขภาพดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส และยังถามถึงทุก ๆ คน ที่เคยทำงานร่วมกันมา

วันนี้ ลุงตู่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวการเมืองแล้วแต่ยังคงเป็นห่วงบ้านเมือง ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ท่านยังฝากความห่วงใย ฝากความคิดถึง ฝากความปรารถนาดีมายังพี่น้องคนไทยทุกคนครับ 

ผมสอบถามท่านว่า ได้ดู ‘ติ๊กต็อก’ บ้างไหม ท่านบอกได้ดูบ้าง ผมบอกมีแต่คนคิดถึงท่าน ผลงานท่านถูกนำออกมาโพสต์เต็มไปหมด ไม่ถูกด้อยค่าเหมือนสมัยตอนเป็นนายกเลย ท่านถามเพราะอะไร ผมบอกสงสัย AI เลิกทำงาน ท่านหัวเราะ ผมเรียนท่านว่า สิ่งที่เราเห็นในติ๊กต็อกตอนนี้ คือของจริงที่ประชาชนแสดงออก ยืนยันว่า ท่านทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง มีผลงานชัดเจน

วันนี้ ผมมีความสุขมากครับ ที่ได้เจอลุงตู่ จริง ๆ แล้วไม่อยากไปรบกวนท่านเพราะช่วงนี้ท่านคงอยากพักผ่อน ผมชวนท่านไปไหว้พระ พักผ่อนต่างจังหวัดบ้าง ท่านบอกว่า ช่วงนี้ขอให้เวลากับครอบครัวก่อน เพราะที่ผ่านมาทำงานให้ประเทศชาติอย่างเต็มที่ ไม่ได้ใช้เวลากับครอบครัวเลย จากนี้แล้วค่อยว่ากัน  

สำหรับผมแล้ว ‘ลุงตู่’ เป็นผู้มีพระคุณ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพรักตลอดชีวิต เป็น ‘สุภาพบุรุษผู้ปิดทองหลังพระ’ ตั้งใจ ทุ่มเท ทำงาน ไม่พูด ไม่อวด ถึงวันนี้ ‘แผ่นทอง คือ ผลงานของท่าน’ ถูกกล่าวขาน ชื่นชม นำเสนอทั้งในโลกโซเชียลว่า ผลงานนี้ สร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศและคนไทยทุกคน 

ด้วยรักและเคารพ
สส. ธนกร วังบุญคงชนะ 
อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ปล. ขอทำความเข้าใจท้ายสุดครับ วันนี้ลุงตู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว ผมก็ไปเยี่ยมเยียน ‘ลุงตู่’ ตามปกติในฐานะเป็นคนที่ผมเคารพรักนะครับอย่าโยงการเมืองอีกนะจ๊ะ

‘อินเดีย’ ตึง!! ระงับออกวีซ่าพลเมืองชาวแคนาดา หลังถูกกล่าวหาเอี่ยวสังหารนักเคลื่อนไหวชาวซิกข์

‘อินเดีย’ ระงับการออกวีซ่าให้กับพลเมืองชาวแคนาดา โดยอ้างเหตุผลเรื่องภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อเจ้าหน้าที่ในแคนาดา ในจังหวะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติดิ่งหนัก จากประเด็นการสังหารนักเคลื่อนไหวชาวซิกข์

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 66 บริษัทผู้ให้บริการออกวีซ่าในแคนาดา บีแอลเอส อินเตอร์เนชันแนล ประกาศระงับการออกวีซ่าในแคนาดา ‘อย่างไม่มีกำหนด’ เนื่องจาก ‘ปัญหาด้านการปฏิบัติการ’ ตามการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศอินเดียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

อินเดียประกาศแผนระงับออกวีซ่าให้แคนาดา ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสถานทูตแคนาดาในอินเดียประกาศปรับจำนวนเจ้าหน้าที่ในอินเดีย เนื่องจากเจ้าหน้าที่การทูตแคนาดาบางรายได้รับคำข่มขู่คุกคามบนสื่อสังคมออนไลน์

การเคลื่อนไหวของแคนาดาและอินเดีย ยิ่งสะท้อนถึงสัมพันธ์ร้าวลึกระหว่างสองชาติ ซึ่งมีต้นตอมาจากการที่รัฐบาลแคนาดาเดินหน้าสืบสวนข้อกล่าวหาที่ว่าอินเดียมีส่วนเชื่อมโยงกับการลอบสังหาร ‘ฮาร์ดีป ซิงห์ นิจจาร์’ นักเคลื่อนไหวชาวซิกข์วัย 45 ปี ที่มณฑลบริติชโคลัมเบีย เมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งรัฐบาลอินเดียออกมาปฏิเสธ

ประเด็นดังกล่าวได้นำไปสู่ความตึงเครียดด้านการทูตและเศรษฐกิจระหว่างกัน ตั้งแต่การขับทูตของอีกฝ่ายออกนอกประเทศ การแจ้งเตือนพลเมืองให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในการพำนักอาศัยในประเทศคู่กรณี ไปจนถึงการระงับการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างกัน

ผบ.ตร.เป็นประธานมอบโล่ และใบประกาศเกียรติคุณ ยกย่องเชิดชูเกียรติ แก่บุคคล หน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติดีเด่นโครงการชุมชนยั่งยืนปี 2566 ชื่นชมความตั้งใจ ทุ่มเท เสียสละ จนโครงการประสบความสำเร็จตามนโยบายรัฐบาล นำผู้เสพสู่การบำบัดได้เกือบ 26,000 ราย

วานนี้ (21 ก.ย.66) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีมอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติและใบประกาศเกียรติคุณ ให้แก่บุคคล และหน่วยงานที่มีส่วนร่วมสำคัญในการดำเนินโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นพดล ศรสำราญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. รรท.รอง ผบช.ปส. และข้าราชการตำรวจที่ได้รับรางวัลเข้าร่วม ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.

ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อผู้ติดยาเสพติด โดยให้ถือว่าคือผู้ป่วยที่ต้องนำเข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูเพื่อกลับคืนสู่สังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นการบูรณาการในหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส., เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ  โดยดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ในพื้นที่ทั่วประเทศ สถานีตำรวจละ 1 หมู่บ้าน/ชุมชน  รวมจำนวน 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน ต่อปี มีวัตถุประสงค์เพื่อลดอุปสงค์หรือจำนวนผู้ป่วยยาเสพติดในประเทศลง โดยบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในการป้องกัน ปราบปราม บำบัดรักษา ฟื้นฟู และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยยาเสพติด เพื่อคืนคนดีสู่สังคม โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน อย่างเป็นระบบและยั่งยืน 

โดยผลการดำเนินโครงการในปี 2566 สามารถค้นหาและนำผู้ป่วยยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพทางสังคม ได้จำนวน 25,964 คน และจากการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน ที่เข้าร่วมโครงการพบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยได้รับความร่วมมือจากบุคคลในชุมชน และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญร่วมแรงรวมใจในการดำเนินการโครงการฯ

สำหรับวันนี้ เป็นพิธีมอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติและใบประกาศเกียรติคุณ ให้แก่บุคคล และหน่วยงานที่มีส่วนร่วมสำคัญในการดำเนินโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืนที่มีผลปฏิบัติงานดีเด่น และเป็นการขอบคุณในความร่วมมือของบุคคล และหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโครงการ  โดย ผบ.ตร.เป็นประธานมอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติให้แก่ ชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืน,หมู่บ้าน/ชุมชน , บุคคล และหน่วยงาน จำนวน 77 โล่ และใบประกาศเกียรติคุณ ให้แก่บุคคลและหน่วยงานจำนวน 203 ฉบับ

ผบ.ตร. ได้กล่าวขอบคุณและชมเชย เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่ทุ่มเท เสียสละ มีผลการปฏิบัติดีเด่น จนได้รับรางวัลชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืน,หมู่บ้าน/ชุมชน , บุคคล และหน่วยงาน จำนวน 77 โล่ และใบประกาศเกียรติคุณ จำนวน 203 ราย ขณะเดียวกันได้ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานชุมชนยั่งยืนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าฝ่ายปกครอง และภาคเครือข่ายที่ได้ร่วมบูรณาการการดำเนินโครงการฯ ร่วมกันทั้งประเทศ แม้จะไม่ได้รับรางวัล แต่ก็ถือว่าทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ จนทำให้โครงการเกิดผลสำเร็จอย่างดียิ่ง สามารถนำผู้ป่วยยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพทางสังคม ได้จำนวน 25,964 คน และมีเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน ทำให้ยาเสพติดในพื้นที่ลดน้อยลง หรือหมดไป ซึ่งถือว่าโครงการชุมชนยั่งยืน เดินมาถูกทาง คือ คำตอบสุดท้ายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายรัฐบาล ช่วยให้สังคมปลอดยาเสพติด คืนชุมชนสีขาวให้ประชาชนช่วยกันดูแลรักษาให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

DSI จับมือทัพเรือภาค 3 ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบพื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน คดีพิเศษที่ 59/2564

สืบเนื่องจากทัพเรือภาคที่ 3 ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน เนื้อที่ 3,763 ไร่เศษ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ต่อมาทัพเรือภาคที่ 3 ได้ตรวจสอบภายในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต พบว่ามีผู้บุกรุกสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวร รวมจำนวน 49 หลัง จึงได้มีหนังสือร้องทุกข์มายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 59/2564 เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามที่ทัพเรือภาคที่ 3 ได้ร้องทุกข์ดังกล่าว

ด้านพันตำรวจโท อมร หงษ์ศรีทอง ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การกำกับดูแลของ ร้อยตำรวจเอกปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้ พันตำรวจตรี นิมิตร พรหมมา รองผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และคณะฯ เดินทางลงพื้นที่ประสานข้อมูลกับทัพเรือภาคที่ 3

ผลการปฏิบัติงานในระหว่างวันที่ 18 - 19 กันยายน 2566 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าพบ พลเรือตรี ภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 ประชุมร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสอบปากคำผู้แทนทัพเรือภาคที่ 3 ในการให้ข้อมูลและการเข้าตรวจสอบพื้นที่ที่มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรภายในเขตพื้นที่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยผู้แทนทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 591 และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.1 (ถลาง) กรมป่าไม้ ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบในเบื้องต้น จำนวน 3 จุด พบอาคารสิ่งปลูกสร้างถาวร รวมจำนวน 12 หลัง โดยมีผู้ครอบครองและทำประโยชน์เป็นผู้นำชี้พิกัดที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และพื้นที่ใช้ประโยชน์ พร้อมนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้จัดทำพิกัด แนวเขตสิ่งปลูกสร้างและพื้นที่ใช้ประโยชน์แต่ละรายไว้เป็นหลักฐานแล้ว สำหรับสิ่งปลูกสร้างถาวรที่เหลือนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เข้าตรวจสอบเพิ่มเติมให้ครบถ้วน

ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘นายกฯ’ ขอบคุณ ‘Microsoft’ ร่วมมือ-ลงทุนในไทยมายาวนาน ด้าน Microsoft ชมจุดแข็งไทย เป็นศูนย์กลางข้อมูลของภูมิภาค

(22 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พบกับผู้บริหารบริษัท Microsoft เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ Microsoft ที่มีความร่วมมือ และมีการลงทุนในไทยมาอย่างยาวนาน และพร้อมจะร่วมมือต่อไปให้มีความต่อเนื่องและเกิดผลรูปธรรมในอนาคตอันใกล้

ขณะที่ผู้บริหารบริษัท Microsoft กล่าวชื่นชมไทยที่มีจุดแข็งสามารถเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค (Regional Hub) มีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของภูมิภาค

“บริษัทฯ ต้องการสนับสนุนให้ทั้งภาคเอกชน และภาครัฐในการใช้ Cloud ซึ่งการมี Cloud investment ในไทย จะช่วยส่งเสริมความสามารถของคนไทย ทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น สายงาน IT สาขาวิศวกร และจะช่วยพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรบุคคล ที่ใช้ระบบงานต่างๆ เพื่อส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของไทย”

‘พิมพ์ภัทรา’ รุกสร้างต้นแบบ ‘Smart Farmer’ พื้นที่ภาคใต้ มุ่งสร้างรายได้-ลดค่าใช้จ่ายด้วย ‘เทคโนโลยี-นวัตกรรมพลังงาน’

(22 ก.ย. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ มุ่งสร้างต้นแบบ Smart Farmer สร้างรายได้ ลดค่าใช้จ่ายด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมพลังงาน

ทั้งนี้ ในพื้นที่ภาคใต้มีผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรม 2 แห่ง ในจังหวัดชุมพร ประกอบด้วย บริษัท ห้างหุ้นส่วน จำกัด ฟาร์มอินทร์แปลง และ บริษัท สวนทวีทรัพย์ ฟู้ด จำกัด ที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงอุตสาหกรรม

สำหรับห้างหุ้นส่วน จำกัด ฟาร์มอินทร์แปลง ผู้ประกอบการฟาร์มโคนม และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากน้ำนม ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อพัฒนากิจการให้เป็นเกษตรอัจฉริยะหรือ Smart Farmer ต้นแบบ โดยการนำระบบ IoT (Internet of Things) มาใช้ติดตาม วิเคราะห์พฤติกรรมโคนมที่เลี้ยงไว้ในฟาร์ม และบริหารจัดการนำผลิตภัณฑ์นมมาต่อยอดเพิ่มมูลค่า

รวมถึงนำของเสียจากฟาร์ม อาทิ มูลวัว มาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ และปุ๋ยอินทรีย์ ตามแนวทาง BCG Model หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) โดยบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 11.2 ล้านบาท เพื่อใช้จัดซื้อโคนม เครื่องผลิตอาหาร ปรับปรุงโรงเรือน โรงแปรรูป และเป็นเงินทุนหมุนเวียน จนสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการได้ถึง 40 % ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 7 ล้านบาทต่อปี

ส่วนบริษัท สวนทวีทรัพย์ ฟู้ด จำกัดผู้ประกอบการสวนผลไม้ผสมผสาน และโรงงานแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรด้วยวิธีการแช่แข็ง และการทำแห้งแบบแช่เยือกแข็งหรือ Freeze Dry ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 10 ล้านบาท สำหรับจัดซื้อโดรนเพื่อใช้ในการพ่นยาฆ่าแมลงภายในสวนทุเรียน รวมทั้งติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงงาน โดยสามารถลดต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และยกระดับการบริหารจัดการสวนผลไม้ให้เข้าสู่มาตรฐาน GAP โดยการพัฒนาโรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรด้วยเทคโนโลยีแช่แข็งและฟรีซดราย และได้รับมาตรฐาน GMP พร้อมทั้งส่งเสริมการนำวัสดุเหลือใช้ เช่น เปลือกทุเรียนมาทำปุ๋ยและอาหารสัตว์ สร้างมูลค่าเพิ่มในระบบผลิต

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวอีกว่า ทั้ง 2 ราย มีการขับเคลื่อนการดำเนินกิจการ ตามนโยบาย MIND 4 มิติ ได้แก่

-ความสำเร็จทางธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ ที่มุ่งให้ผู้ประกอบการมีกำไรในการดำเนินธุรกิจ

-ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวมส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างสถานประกอบการ ชุมชน และสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตรและมีความสุข

-ความลงตัวกับกติกาสากล ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมสู่อุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อโอกาสทางธุรกิจมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนตอบโจทย์ไทยและประชาคมโลก

-การกระจายรายได้สู่ชุมชนที่ตั้ง ด้วยการกระจายรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิกระบวนการผลิต โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ลดการสูญเสีย ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ และเป็นแหล่งสร้างงานให้กับชุมชน

‘กรมพัฒนาธุรกิจฯ’ เสริมแกร่งร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น ปี 67 ปั้น 30 ร้านต้นแบบ เร่งเข้มติว 2 พันราย ดันเป็นสมาร์ตโชห่วย

(22 ก.ย. 66) นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงแผนการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น ปีงบประมาณ 2567 ว่า กรมตั้งเป้าที่จะเดินหน้าส่งเสริมร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น ระดับอำเภอและจังหวัดที่เป็นนิติบุคคล และมียอดขายตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ถือเป็นผู้ประกอบการที่มีพื้นฐานแข็งแรง สามารถยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการตามแนวทางของกรม และพัฒนาสู่การเป็น ‘ร้านค้าต้นแบบ’ ได้ โดยตั้งเป้าที่จะเข้าไปพัฒนาผู้ประกอบการรายใหม่ ที่สนใจพัฒนาเป็นร้านค้าต้นแบบจำนวน 30 ร้านค้า ครอบคลุม 4 ภูมิภาค เหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง และใต้

โดยแนวทางการพัฒนาจะเริ่มตั้งแต่การเสริมสร้างองค์ความรู้ การศึกษาดูงานร้านต้นแบบรุ่นพี่ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ ตลอดจนการลงพื้นที่ของผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานประกอบการ เพื่อให้คำแนะนำในเชิงลึกที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้กับการดำเนินธุรกิจได้ตรงจุด ทั้งประเด็นที่ต้องแก้ไขปรับปรุงเร่งด่วน รวมถึงการเสริมจุดแข็งให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาร้านค้าปลีกรายย่อย หรือ ‘โชห่วย’ ให้มีความเข้มแข็ง เพราะตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาร้านค้าโชห่วย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโมเดลธุรกิจของห้างโมเดิร์นเทรด ที่ปรับตัวย่อขนาดเป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ที่มีภาพลักษณ์ดีและเทคโนโลยีทันสมัย ขยายตัวออกสู่ชุมชน รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอันเป็นผลจากเทคโนโลยี จึงต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งให้กับโชห่วย โดยกำหนดจัดสัมมนาออนไซต์ใน 4 ภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ และลงพื้นที่ ณ สถานประกอบการ พัฒนาโชห่วยไทยทั่วประเทศให้เป็น ‘สมาร์ตโชห่วย’ โดยมีร้านค้าต้นแบบเข้ามาช่วยเหลือ

ทั้งนี้ การช่วยเหลือร้านโชห่วย จะเน้นการปรับภาพลักษณ์ร้านค้าตามหลัก 5 ส. (สวย สะอาด สว่าง สะดวก สบาย) เพื่อช่วยดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน เพิ่มโอกาสในการขายสินค้า และส่งเสริมการใช้ระบบ POS เพื่อผลักดันให้ร้านค้าโชห่วยปรับเปลี่ยนจากวิถีเดิม สู่การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการร้านค้า ซึ่งจะทำให้สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว โดยในปี 2567 ตั้งเป้าจัดสัมมนาออนไซต์ จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และ 4 ภูมิภาค เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการรวมทั้งสิ้น 2,000 ราย และพัฒนาต่อยอดเป็น ‘สมาร์ตโชห่วย’ ต้นแบบในพื้นที่ จำนวน 20 ราย

ปัจจุบัน มีร้านค้าส่งค้าปลีก ที่ได้รับการพัฒนาเป็นร้านค้าต้นแบบ รวม 307 ร้านค้า และมีร้านโชห่วยที่ผ่านการพัฒนา และได้รับป้ายสัญลักษณ์โครงการ ‘สมาร์ตโชห่วย พลัส’ จำนวน 306 ร้านค้า

‘นายกฯ’ พบ ‘เลขาฯ ยูเอ็น’ ย้ำ ไทยให้ความสำคัญสิทธิมนุษยชน ยัน!! พร้อมดูแลผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาชายแดน ตามสิทธิ์ที่ควรได้รับ

(22 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระหว่างการเดินทางเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 78 (UNGA 78) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ว่า เมื่อเวลา 17.10 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ซึ่งช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง) วันที่ 21 ก.ย. นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับนายอันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า ได้กำชับว่าไทยต้องดูแลสถานการณ์เมียนมา ต้องพูดคุยสนทนากัน และเห็นว่าการพูดคุยกันเป็นเรื่องสำคัญ

นายเศรษฐา กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ในอดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ก็โตมาจากสายงานผู้ลี้ภัย ท่านเคยมาอยู่เมืองไทยและทำงานใกล้ชิด ซึ่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนสูงอยู่แล้ว และเป็นที่ชื่นชมของนานาประเทศ ทั้งนี้ หน้าที่ของตน คือสานต่อเท่านั้นเอง และยึดหลักตามที่กระทรวงการต่างประเทศประสาน

“ขอย้ำว่า เราสนับสนุนให้มีการพูดคุยและเจรจากันอย่างสันติสุข ถ้าหากมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในแง่ของชายแดน หรือเรื่องการเข้า และออก เราช่วยดูแลตามสิทธิ์ที่ทุกคนควรได้ ส่วนประเทศเขาก็เป็นเรื่องของเขา” นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยบทบาทกับกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ว่า ปัญหาที่มีอยู่บริเวณชายแดนจะทำอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้รับฟังโจทย์จากเลขาฯ ยูเอ็น ไปก็จะทำให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามถึงวันสันติภาพโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ก.ย.ของทุกปี นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเป็นเรื่องที่เราพูดในเชิงสัญลักษณ์มากเกินไป ส่วนการปฏิบัติ ตนอยากให้เราปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นวันไหนแล้วค่อยมาทำกัน พอทำแล้วก็ลืมกันไป จากนั้นก็มาจับอาวุธห้ำหั่นกัน

“ความจริงแล้วการประชุม UNGA 78 ในครั้งนี้ เราทราบดีว่ามีหลายประเทศ มีภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่จับคู่ทะเลาะกัน ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เราหาข้อตกลงกันไม่ได้ ซึ่งเลขาฯ ยูเอ็น มีความสามารถสูงที่จะหาจุดร่วม ให้ทุกประเทศอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข โดยดึงเรื่องอากาศสะอาดเข้ามา ซึ่งเลขาฯ ยูเอ็นรู้อยู่แล้วว่าทุกประเทศ ให้ความสนใจเหมือนกัน จึงสามารถช่วยได้ และหล่อหลอมจิตใจกัน ความจริงเรื่องวันสันติภาพโลกกับเรื่องนี้ไม่ได้ห่างไกลกัน เป็นเรื่องที่เรามองเห็นตรงกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ” นายเศรษฐา กล่าว

‘ป.ป.ช.’ เผย!! ‘อิทธิพล คุณปลื้ม’ ติดต่อขอมอบตัว หลังหนีหมายจับ คดีสร้าง ‘วอเตอร์ฟร้อนท์ฯ’

(22 ก.ย. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม หลบหนีหมายจับคดี ออกใบอนุญาตสร้างโครงการวอเตอร์ฟรอนท์ หาดพัทยา จ.ชลบุรี มิชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ว่า ทราบมาว่า นายอิทธิพลมีการประสานเพื่อติดต่อเพื่อจะขอมอบตัว แต่ไม่ทราบว่าจะมามอบตัวกับหน่วยไหน อาจจะเป็นศาลหรือไม่ เพราะเป็นผู้ออกหมายจับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top