Monday, 9 June 2025
NewsFeed

YG Entertainment ชี้แจงล่าสุดปมต่อสัญญา BLACKPINK เผย!! ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการอยู่ในขั้นตอนเจรจา

(21 ก.ย.66) จากกรณีที่สื่อเกาหลีใต้ รายงานเกี่ยวกับเรื่องการต่อสัญญาของสมาชิก BLACKPINK ของ โรเซ่ (Rosé), เจนนี่ (Jennie), จีซู (Jisoo) และลิซ่า (Lisa) กับทาง YG Entertainment อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจาสัญญา 

โดยรายงานอ้างว่า โรเซ่ เป็นสมาชิกคนเดียวที่ท้ายที่สุดเลือกที่จะต่อสัญญากับ YG Entertainment ส่วนสมาชิกอีก 3 คน เจนนี่, จีซู และลิซ่า ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยในวินาทีสุดท้าย

ล่าสุดทาง YG Entertainment ได้ออกมาระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันเกี่ยวกับการต่อสัญญาของสมาชิกวง BLACKPINK ใดๆ ทั้งสิ้น กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากัน

ทั้งนี้ หลังจากมีข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ก็ส่งผลทำให้หุ้นของ YG ร่วง -13% กันเลยทีเดียว

‘ปปป.’ บุกรวบ ‘นายกฯ บางแก้ว’ คาที่ทำงาน หลังเรียกเงินใต้โต๊ะจากผู้ประกอบการ 1.5 ล้านบาท

(21 ก.ย. 66) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ร่วมกันจับกุมนายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ได้ที่ภายในห้องทำงานเทศบาลเมืองบางแก้ว ถนนบัวนครินทร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมเงินสดของกลางเงินสด จำนวน 1,560,650 บาท

ทั้งนี้ ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการร้องเรียนจาก หจก.แห่งหนึ่ง ที่ถูกนายณัฐพงศ์เรียกรับเงินสินบน จำนวนร้อยละ 25 ของวงเงินตามสัญญา เพื่อแลกกับหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนาม โครงการติดตั้งจอแอลอีดี มูลค่า 13 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเงินกันสองงวด งวดแรกนัดจ่ายในวันนี้ (21 ก.ย.) ส่วนงวดที่สองจะจ่ายเมื่อส่งมอบงานกันแล้ว

หลังจากนั้นต่อมาเจ้าหน้าที่ได้วางแผนให้ผู้เสียหายนำเงินงวดแรกไปส่งมอบให้นายณัฐพงศ์ ที่ห้องทำงาน ปรากฏว่าเมื่อส่งมอบเงินแล้วทาง นายณัฐพงศ์ เกิดไหวตัวทันรีบถือเงินของกลางในซองเดินลงจากห้องทำงาน เดินตรงไปยังลานจอดรถ ก่อนจะโยนซองเงินสดทิ้ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมดังกล่าว

สอบสวน นายณัฐพงศ์ ให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา จึงแจ้งข้อหา "เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ” ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน บก.ปปป.ดำเนินคดีต่อไป

'โตโต้' โวย!! กลไกแฝงใน 'รธน.60' ทำ 'ช่อ' หมดอนาคตการเมือง ลั่น!! รธน.ฉบับนี้ มีไว้ 'ปราบ-กลั่นแกล้ง' นักการเมืองที่ไม่ยอมจำนน

(21 ก.ย.66) ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคก้าวไกล แถลงกรณีศาลฎีกาพิพากษา น.ส.พรรณิการ์ วานิช ถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า ในฐานะที่ตนอภิปรายแนวนโยบายของรัฐบาล หลักนิติธรรม โครงสร้างปัญหาของประเทศ และการใช้นิติสงคราม กับนักการเมือง เป็นการปราบโกงหรือปราบใคร เนื่องจากเนื้อแท้ของเรื่องนั้นแฝงอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อให้อำนาจองค์กรอิสระพิจารณาออกจริยธรรมขององค์กรขึ้นมา โดย สส. - สว.และคณะรัฐมนตรี ต้องอยู่ภายใต้จริยธรรมดังกล่าวด้วยจึงเกิดปัญหาตามมา เช่น กรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับจริยธรรมจะไม่สิ้นสุดที่องค์กรอิสระแต่จะไปสิ้นสุดที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเอาผิดต่อได้ ถือเป็นการลงโทษซ้ำซ้อน

นายปิยรัฐ กล่าวต่อว่า ปัญหาคือการใช้มาตรฐานจริยธรรมขององค์กรอิสระมาใช้กับนักการเมือง จึงต้องถามกับองค์กรอิสระว่าในอดีตเคยทำผิดจริยธรรมหรือไม่ก่อนมาดำรงตำแหน่ง ความผิดของนางสาวพรรณิการ์ เป็นความผิดที่เกิดขึ้นก่อนมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเชื่อว่านี่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐธรรมนูญกลั่นแกล้งนักการเมือง ปราบนักการเมืองที่ไม่ยอมจำนน และนักการเมืองที่ไม่ยอมอยู่เป็น ด้วยกฎหมายนี

ด้าน นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล กล่าวว่า น.ส.พรรณิการณ์ เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ ตนขอตั้งคำถามว่ามาตรฐานจริยธรรมของ สส.ต้องย้อนกลับไปก่อนที่จะมาเป็น สส.หรือไม่ พฤติกรรมในอดีตสามารถนำมาใช้ในขณะเป็น สส.หรือไม่ รวมถึงการกระทำที่เกิดไปแล้ว ความผิดเหล่านั้นยังคงติดตัวหรือไม่ ขอฝากไปถึงองค์กรอิสระว่าสิ่งที่วางบรรทัดฐานไว้ถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้คนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีโทษในมาตรา 112 หากถูกตรวจสอบจริยธรรมจะซ้อนทับกับกฎหมายอาญาหรือไม่ และยุติธรรมหรือไม่ หากในอนาคตกฎหมายนี้ย้อนกลับมาที่ตัวท่านเอง

ขณะที่ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในแง่ของกฎหมาย ไม่ควรมีกฎหมายลงโทษย้อนหลัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นการตัดสิทธิ์ทางการเมือง หากเทียบทางอาญาถือเป็นโทษประหารชีวิต ถือเป็นโทษสูงหากเทียบพฤติการณ์

เมื่อถามว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ออกมาแสดงความเห็นว่าพรรคก้าวไกลแสดงท่าทีล่าช้า และแล้งน้ำใจ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ความเห็นดังกล่าวถือเป็นคุณูปการกับพรรค ในนามพรรคก้าวไกลได้มีการแถลงข่าวผ่านทางเพจเฟซบุ๊กไปแล้ว แต่ในการแถลงข่าววันนี้ไม่ได้แถลงในนามพรรค ไม่ได้ต้องการให้มองว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล พรรคก้าวไกลก็หารือภายใน ไม่สามารถแอ็กชันได้ทันท่วงที เนื่องจากเมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) มีการประชุมสภาด้วย

เมื่อถามต่อว่า ได้มีการคุยกับ น.ส.พรรณิการ์ หรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้คุยกับ น.ส.พรรณิการ์ แต่คิดว่าทางพรรคน่าจะพูดคุยกันตามปกติ

เมื่อถามถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่อยากให้ศาลพิจารณาเรื่องจริยธรรม นายปิยรัฐ กล่าวว่า ตามที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลได้นำเสนอการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการต่อยอด เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เราเสนอให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่เกิดเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อถามว่า เป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวหรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ไม่ใช่การเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกล หรือคดีมาตรา 112 เท่านั้น แต่คำถามสำคัญก็คือ กรณีทั่วไปที่ศาลเคยตัดสินโทษไปแล้ว ศาลฎีกาจะกลับมาเอาโทษนักการเมืองคนนั้นในภายหลังได้อีกหรือไม่

"ผมว่าไม่ใช่การเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่นักการเมืองทุกคน ต้องสำนึกว่ากฎหมายอยู่ในมือใคร และจะใช้กฎหมายกับใคร" นายปิยรัฐ กล่าว

‘นักกีฬาเปตอง’ เดินทางถึงไทยแล้ว หลังคว้า 3 เหรียญทอง จากการแข่งขัน ‘เปตองชิงแชมป์โลก 2023’ ที่ประเทศเบนิน

(21 ก.ย. 66) นายชุริน ภัทรดิลก อุปนายกสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย และนายสูนชัย คำนูณเศรษฐ์ อุปนายกสมาคมกีฬาเปตองฯ พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน และ นายสมศักย์ ปรางทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารด้านการใช้ไฟฟ้า และกิจการเพื่อสังคม กฟผ.ไปให้การต้อนรับ คณะนักเปตองแชมป์โลก หลังเสร็จสิ้นภารกิจแข่งขันในรายการ เปตองชิงแชมป์โลก 2023 ที่เมืองโกโตนู ประเทศเบนิน ระหว่างวันที่ 12-17ก.ย. ที่ผ่านมา

โดยทีมชาติไทยสามารถคว้ามาได้ 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และอีก 1 เหรียญทองแดง การแข่งขันในครั้งนี้ทั้งหมด 7 ประเภท ดังนี้

- เหรียญทองทีมชาย ประกอบด้วย ‘แจ๊ค-ศราวุฒิ ศรีบุญเพ็ง, หนุ่ย-สุพรรณ ทองภู, มิว-ธนวันต์ ทูซิวฮะ และ ทรี-รัชตะ คำดี ซึ่งเป็นเหรียญทองประวัติศาสตร์ของไทยเป็นครั้งแรก

- เหรียญทองหญิงคู่ ประกอบด้วย ฝ้าย-นันทวัน เฟื่องสนิท และ แนท-สุนิตรา พ่วงอยู่

- เหรียญทองชายเดี่ยว ประกอบด้วย ทรี-รัชตะ คำดี และได้อีก 1 เหรียญเงินชูตติ้งชาย กับอีก 1 เหรียญทองแดงคู่ผสม ฝ้าย-นันทวัน เฟื่องสนิท และ แจ๊ค-ศราวุฒิ ศรีบุญเพ็ง ส่งผลให้ทีมไทยได้ครองเจ้าเหรียญทอง

อุปนายกสมาคมกีฬาเปตองฯ กล่าวว่า พอใจกับผลงานของนักกีฬา พร้อมกันนี้นักกีฬาทุกคนสามารถคว้าเหรียญทองกลับมาได้ ขอชื่นชมที่นักกีฬาสามารถช่วยกันเล่นกันได้เป็นอย่างดี ทั้งเกมลูกเข้าและลูกตี แม้ว่าบางเกมจะต้องเจอศึกหนักทีมฝรั่งเศสที่มีแชมป์โลกหลายคน ก็ไม่หวั่นไหวเล่นได้อย่างมีสมาธิ และวินัย จนสามารถเอาชนะคู่แข่งได้อย่างประทับใจ และขอขอบคุณการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ให้การสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ของสมาคมกีฬาเปตองฯ มาโดยตลอด

ในส่วน ‘น้องทรี-รัชตะ คำดี’ เคยลงแข่งขันชิงแชมป์โลกมา 2 ครั้งแล้ว และในครั้งนี้ประสบความสำเร็จที่คว้าคนเดียว 2 เหรียญทอง ทั้งประเภทชูตติ้งชาย และทีมชาย และ ‘น้องแนท-สุนิตรา พ่วงอยู่’ แชมป์ประเทศไทยปีนี้ ที่ลงแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งแรก ยังโชว์ฟอร์มคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ

นายชุริน กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย เตรียมจัดการแข่งขันเปตองชิงแชมป์โลก 2023 ประเภททีมหญิง และประเภทเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 23-27 พ.ย. 2556

ด้าน นายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านกีฬา จึงให้การสนับสนุนนักกีฬาไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดความสามารถนักกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล โดยหนึ่งในนั้นคือการสนับสนุนสมาคมกีฬาเปตองฯ ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน จึงขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาเปตองทีมชาติไทยที่คว้ารางวัล ด้วยผลงานการแข่งขันอันยอดเยี่ยม สร้างความสุข ความภาคภูมิใจ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาโดยตลอด

‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ ประธานรัฐสภา ร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง 74 ปีวันชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน

เมื่อวันพุธที่ 20 กันยายน 2566 เวลา 18.30 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา เข้าร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 74 ปี วันชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของนายหาน จื้อฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ณ  ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ในการนี้ ศ.พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นผู้แทน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาในฐานะแขกเกียรติยศได้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบวันสำคัญของจีน ในฐานะประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างมาก มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเสด็จฯ เยือนจีนของพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยในปี 2566 ครบรอบ 48 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน นอกจากนี้ ไทยกับจีนยังมีความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่มีการขยายความร่วมมือเชิงลึกในทุกมิติ จึงควรที่ทั้งสองฝ่ายจะสนับสนุนและพัฒนาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และพร้อมจะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างเต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์และความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

‘กรมพัฒน์ฯ’ ปั้นผู้ประกอบการชุมชนผลิตสินค้า ตาม BCG Model ภายใต้โครงการ DBD SMART Local BCG ครอบคลุม 77 จังหวัด

(21 ก.ย.66) นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงผลการจัดทำโครงการ DBD SMART Local BCG ปี 2566 ว่า กรมได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการชุมชน ที่มีความหลากหลายทั้งทางชีวภาพ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรม เพื่อให้มีการผลิตสินค้าและบริการที่ผสมผสานแนวคิด BCG Economy Model และให้นำไปพัฒนาต่อยอด สร้างสรรค์ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ชุมชน

ให้มีความโดดเด่น และเป็นที่ต้องการของตลาด โดยได้เข้าไปช่วยสร้างความรู้เรื่องผ่านบทเรียนออนไลน์ในหลักสูตร BCG ธุรกิจสร้างรายได้ รักชุมชน รักษ์โลกเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจชุมชนสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด จำนวน 139 ราย และได้มีการพัฒนาต่อให้เป็นธุรกิจชุมชนต้นแบบ ก่อนที่จะช่วยเหลือเพิ่มโอกาสในการตลาดต่อไป

โดยผลการดำเนินงาน ได้เข้าไปช่วยพัฒนาศักยภาพการประกอบธุรกิจตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG จากผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาเชิงลึกทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online สามารถสร้างชุมชนต้นแบบ DBD SMART Local BCG ครอบคลุม 77 จังหวัด จำนวน 88 ราย ประกอบด้วย 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์

ได้แก่ 1.อาหารและเครื่องดื่ม 2.ผ้าและเครื่องแต่งกาย 3.ของใช้ของตกแต่งของที่ระลึก และ 4.สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร แบ่งเป็นธุรกิจ Bio Economy จำนวน 22 ราย ธุรกิจ Circular Economy จำนวน 29 ราย และธุรกิจ Green Economy จำนวน 37 ราย

ส่วนการนำผู้ประกอบการชุมชนต้นแบบ DBD SMART Local BCG ไปเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการชุมชน จำนวน 56 ราย กับกลุ่มผู้จัดจำหน่าย และผู้ซื้อชั้นนำ 16 หน่วยงาน จำนวน 198 คู่ เกิดมูลค่าการค้า 30,629,500 บาท

นอกจากนี้ ได้นำผู้ประกอบการตัวแทน 18 กลุ่มจังหวัด และกรุงเทพฯ จำนวน 28 ราย เข้าร่วมออกบูธในงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบ DBD SMART Local BCG ช่วงเดือนก.ค. เกิดการซื้อขายภายในงาน 1,484,152 บาท โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการจำหน่ายมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ พระพิฆเนศจากนิล ภาชนะจากเศษไม้สัก บ้านแมวจากผักตบชวา ชุดเดรส และผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติ

สำหรับการดำเนินงานในปี 2567 กรมจะมุ่งเน้นสร้างโอกาสทางการค้าและขยายช่องทางการจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการชุมชน DBD SMART Local BCG อย่างยั่งยืนในกลุ่มตลาดใหม่ เช่น โรงแรม บริษัท องค์กร สถาบัน เพื่อเข้าสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจแบบ B2B มากขึ้น

ทั้งนี้ โครงการ DBD SMART Local BCG เป็นโครงการที่กรมได้เข้าไปคัดเลือกผู้ประกอบการชุมชนที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์โมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยต้องเป็นของเด่นพื้นที่ ของดีพื้นถิ่น และตรงตามหลัก S-M-A-R-T คือ

ต้องเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ชุมชนในแต่ละพื้นที่ (Superlative), มีการผลิตสินค้าที่ทันสมัยรองรับตลาดยุคใหม่ (Modern), คงเสน่ห์เอกลักษณ์ไทย ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น (Attractive), สินค้ามีความโดดเด่น มีอัตลักษณ์ สร้างสรรค์ เพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง (Remarkable) และต้องมั่นใจได้ในคุณภาพมาตรฐาน (Trust) 

‘Nio’ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า บุกเจาะตลาดสมาร์ตโฟน มั่นใจ!! มีผู้ใช้เกินครึ่ง หลังตัดสินใจท้าชน ‘หัวเว่ย-iPHONE’

(21 ก.ย.66) นายวิลเลียม หลี่ ผู้ก่อตั้งและประธานนีโอ (Nio) บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีน ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า นีโอได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ในวันนี้ และคาดว่าลูกค้าของบริษัทอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะซื้อสมาร์ตโฟนดังกล่าว

นายหลี่ระบุว่า ราคาโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ของนีโอมีราคาอยู่ที่ประมาณ 900 - 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีราคาถูกกว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นใกล้เคียงกันของแบรนด์หัวเว่ยอยู่ 150 ดอลลาร์สหรัฐ

นายหลี่กล่าวเสริมว่า ในบรรดาผู้ใช้รถ EV ของนีโอนั้น มากกว่าครึ่งใช้งาน iPhone ขณะที่เหลือเลือกใช้โทรศัพท์แอนดรอยด์รุ่นเรือธงจากหัวเว่ย และแบรนด์อื่น ๆ

นายหลี่กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าผู้ใช้กลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะยอมรับอุปกรณ์ใหม่นี้ เมื่อพวกเขาต้องการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ” โดยอ้างถึงประสิทธิภาพโดยรวมของโทรศัพท์มือถือและการเชื่อมต่อในรถยนต์

รายงานระบุว่า นีโอเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์แบรนด์แรกของจีนที่เปิดตัวสมาร์ตโฟนของตัวเอง โดยนายหลี่กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาสมาร์ตโฟนขึ้นมาภายในเวลาประมาณหนึ่งปี โดยบริษัทผลิตรถยนต์ EV หลายแห่งในจีนพยายามทำให้ความบันเทิงในรถและการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเป็นจุดขายสำหรับแบรนด์รถยนต์ของตน

ทั้งนี้ นีโอจะเริ่มจัดส่งสมาร์ตโฟนตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. โดยสามารถสั่งซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้

'สรรเพชญ' ซัด!! ปัญหาความล่าช้าก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์ ใบ้ชื่อย่อ 'ช' และ 'ม' อาจเอี่ยวทุจริตโครงการฯ ทำ 15 ปีไม่คืบ

(21 ก.ย.66) ณ ห้องกระทู้ถามแยกเฉพาะ อาคารรัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ยื่นกระทู้ถามแยกเฉพาะ ได้ถามคำถามต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในครั้งนี้ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าตอบคำถามในกระทู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 

ในการนี้ นายสรรเพชญ ได้กล่าวถึงปัญหาความล่าช้าของโครงการ ที่มาและความจำเป็นของการที่ต้องมาตั้งกระทู้ถามสดในวันนี้ โดยกล่าวว่า “โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือที่รู้จักกันดี คือ อควาเรียมหอยสังข์ เป็นโครงการที่ตนคิดว่ามีวัตถุประสงค์ที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวสงขลา และครั้งหนึ่งเคยมีการขายฝันกับชาวสงขลาไว้ว่า อควาเรียมหอยสังข์ จะเป็นอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะวัตถุประสงค์ของการก่อสร้าง คือ ใช้เป็นสถานที่จัดแสดง วิจัยและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ซึ่งครอบคลุมทั้งสัตว์น้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม เพราะจังหวัดสงขลาเองก็เป็นจังหวัดใหญ่ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ โครงการนี้ตนจึงคิดว่าเป็นโครงการที่ดี” 

แต่อย่างไรก็ดี โครงการนี้กลับมีความฉ้อฉลที่ทำให้ประชาชนสงสัย และสร้างบาดแผลในใจให้กับพี่น้องชาวสงขลาเป็นอย่างมาก เพราะใช้เวลาก่อสร้างกว่า 15 ปีแล้ว ก็ยังไม่เสร็จ อีกทั้งใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท ได้มาเพียงตึกรูปหอยสังข์กับระบบภายในที่ไม่แล้วเสร็จ กลายเป็นอนุสาวรีย์ที่ผู้คนกล่าวขานกันว่า ถ้าอยากดูซากหอยล้านปีต้องไปที่กระบี่ แต่ถ้าอยากดูซากหอยที่สร้างไม่เสร็จซักทีต้องไปที่สงขลา 

นายสรรเพชญ จึงได้ถามคำถามในห้องกระทู้ถามแยกเฉพาะ โดยถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 3 คำถามด้วยกัน คือ...

1) กระทรวงศึกษาธิการภายใต้รัฐบาลชุดนี้ มีแนวทางหรือแผนการดำเนินงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่ อย่างไร ขอทราบรายละเอียด

2) กระทรวงศึกษาธิการ มีแนวทางหรือนโยบาย เพื่อระงับข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม จากการขอลดสเปกของผู้รับเหมา แต่ราคากลับไม่ลดตาม เพื่อให้เกิดข้อยุติและไม่กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ในอนาคต นอกจากนี้ ในเรื่องของรายงานผลการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงที่ได้ตั้งคณะกรรมการสอบที่ผ่านมา ท่านมีข้อสรุปอย่างไร ขอทราบรายละเอียด

3) หากไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ กระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการอย่างไรกับงบประมาณที่ได้ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงการดำเนินการทางคดีกับผู้รับเหมาที่ทิ้งงานท่านได้ดำเนินการไปแล้วหรือไม่อย่างไร ขอทราบรายละเอียด 

หลังจากนั้น นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ ก็ได้ให้เกียรติตอบคำถามโดยสรุปว่า “ในขณะนี้คดีอยู่ในชั้น ป.ป.ช. และยังไม่ได้มีข้อสรุปออกมา ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้ส่งหนังสือสอบถามความคืบหน้าไปยัง ป.ป.ช. เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงฯ  จึงยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เหตุเพราะว่ารอการตรวจสอบของ ป.ป.ช. และเกรงว่าหากดำเนินการอะไรไปก่อน จะเกิดข้อผิดพลาดทางกฎหมายได้” 

นายสรรเพชญ ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “จากที่ตนได้ศึกษาที่มาที่ไปของปัญหาเบื้องต้น ก็ได้ทราบถึงต้นตอปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดจากการทุจริตของคนบางกลุ่ม ซึ่งอาจจะมีชื่อย่อ ช และ ม อย่างไรก็ตาม ต้องรอการตรวจสอบของ ป.ป.ช. และตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา” 

และในตอนท้าย นายสรรเพชญ กล่าวว่า “ตนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กระทรวง ศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการดำเนินการหาทางออกอย่างเร็วที่สุด เพราะกว่า 15 ปีแล้ว ที่งบประมาณถูกใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตาม หากจะมีการปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นอื่นหรืออย่างไร ก็ขอให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและโปร่งใส เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนชาวสงขลาและประชาชนทุกคน”

‘ไทย-เกาหลี’ เตรียมจัดงาน ‘สตรอว์เบอร์รีนานาชาติ’ ที่กทม. ปีหน้า หวังเผยแพร่ผลไม้เมืองนนซาน ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับสากล

(21 ก.ย.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้การต้อนรับ นายแบ็ก ซอง ฮยอน (H.E. Mr. Baek Seong Hyeon) นายกเทศมนตรีเมืองนนซาน สาธารณรัฐเกาหลี และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อกระชับความสัมพันธ์และหารือเกี่ยวกับการจัดงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รีนานาชาติ ณ กรุงเทพมหานคร (International Strawberry Festival in Bangkok) และประเด็นความร่วมมืออื่นๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่ทางเมืองนนซาน ได้มาเยี่ยมกรุงเทพฯ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่นายกเทศมนตรีเมืองนนซาน จะจัดงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รีนานาชาติขึ้นที่กรุงเทพฯ ในปีหน้า ซึ่งมีความสำคัญในแง่ของการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองเมือง ซึ่งกรุงเทพฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือในทุกด้าน ทั้งในเรื่องของการอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ และการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนไปร่วมงานนี้

ในส่วนของลักษณะงาน เป็นการจัดแสดงและจำหน่ายสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ต่างๆ และผลิตภัณฑ์สินค้าแปรรูปจากสตรอว์เบอร์รี ตลอดจนการนำศิลปินเกาหลีชื่อดังมาร่วมงานฯ เพื่อดึงดูดประชาชนและนักท่องเที่ยวให้มาเข้าร่วมมากยิ่งขึ้น โดยมีกำหนดจัดงานฯ ระหว่างวันที่ 15-18 ก.พ. 67 ณ ลานพาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน

สำหรับงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รีนานาชาติ ณ กรุงเทพฯ เป็นความคิดริเริ่มของเมืองนนซาน ที่จะจัดงานดังกล่าวในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นการขยายการดำเนินงานจากการจัดงานฯ ภายในเมืองนนซานเองในช่วงเดือนมี.ค. ของทุกปีเป็นระยะเวลา 27 ปีติดต่อกัน

ทั้งนี้ กรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือกเป็นสถานที่จัดงานฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่สตรอว์เบอร์รีคุณภาพดีจากเมืองนนซาน ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในระดับสากล สนับสนุนศักยภาพสินค้าทางการเกษตรของเกาหลีไปสู่ตลาดโลก และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างเมืองนนซาน และกรุงเทพฯ 

‘อั้ม พัชราภา’ ลั่น!! หนักมากสุดในชีวิต หลังเห็นตัวเลขบนตาชั่ง เหตุพุ่งขึ้นมาถึง 6 กิโลฯ สัญญา!! เตรียมลดจริงจังอาทิตย์หน้า

(21 ก.ย.66) ซุปตาร์ชื่อดังอย่าง ‘อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ’ ที่สวยครบเป๊ะปังตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ไม่วายมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเหมือนกันหรือนี่ หลังโพสต์สตอรี่ในอินสตาแกรมโชว์เลขน้ำหนักบนตาชั่งแบบชัด ๆ บ่นยาวหนักที่สุดในชีวิตแล้ว ขึ้นมา 6 กิโลกรัมจากตอนผอม บังคับตัวเองให้ลดด่วน

เรื่องหุ่นดีทุกคนมั่นใจว่าแม่อั้มติดทุกโผ กว่าเรียบรางวัลคนหุ่นดีศรีสยามแน่นอน แต่ล่าสุดซุปตาร์สาวของเราเพิ่งโพสต์รูปตนเองขณะชั่งน้ำหนัก เผยข้อความว่า “น้ำหนักมากสุดในชีวิตละ” โดยตัวเลขที่ปรากฏในภาพอยู่ที่ 54.8 กิโลกรัม ถึงกับเซ็งสุด ๆ เพราะเพิ่มขึ้นมาจากเดิมมากถึง 6 กิโลกรัม

อย่างไรก็ตาม แม่อั้มให้สัญญากับตัวเองและเทรนเนอร์ประจำตัวซึ่งได้แท็กชื่อไว้ในสตอรี่ให้มาเป็นพยานว่าหลังจากนี้จะตั้งใจลดน้ำหนักจริงจังแล้วจ้า

การเป็นดารานักแสดงแน่นอนว่าเป็นอาชีพที่ใช้รูปร่างหน้าตาในการทำงาน จึงต้องหมั่นดูแลและรักษาสุขภาพให้ดีอยู่สม่ำเสมอ อาจเป็นเพราะเมื่ออยู่หน้าจอโทรทัศน์ภาพอาจทำให้นักแสดงดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นได้ ทั้งนี้ การลดน้ำหนักควรทำอย่างถูกวิธี อยู่ในการดูแลของเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญ และรูปร่างที่ดีอาจขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top