Sunday, 8 June 2025
NewsFeed

‘อุ๊งอิ๊ง’ อุบตอบปมนั่งหัวหน้าพรรค ย้ำ!! พร้อมทำงานเต็มที่ ชม ‘เศรษฐา’ ฟิตมาก อ้อน ปชช.ร่วมให้กำลังใจให้นายกฯ

(19 ก.ย. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่พรรคเพื่อไทยย่างเข้าสู่ปีที่ 16 ว่า วันนี้เป็นวันร่วมทำบุญพรรคเพื่อไทย แต่วันเกิดพรรคคือช่วง ก.ค. แต่ช่วงนั้นค่อนข้างยุ่ง และช่วงนี้สามารถจะจัดทำบุญได้ จึงรวบรวมคนในพรรคให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้มาทำบุญร่วมกัน

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยเดินหน้ามาถึงวันนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้เราผ่านอะไรกันมามาก ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ก่อตั้งพรรคมา โดนยุบไปแล้ว 2 รอบ และสามารถกลับมาได้ ตนคิดว่าทุกคนมีความเข้มแข็ง ทุกคนประสบความสำเร็จในแต่ละแง่มุมที่แตกต่างกัน และส่วนตัวของพรรคที่ทุกวันนี้เราสามารถมีพรรคอยู่ และคิดนโยบายทำประโยชน์เพื่อประชาชนได้ ตนถือว่าเป็นความสำเร็จขั้นหนึ่ง ส่วนกรณีที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ตนตื่นเต้นมาก ที่อยากจะเริ่มทำงาน เพราะโครงการนี้เราคิดเป็นนโยบาย ก่อนที่จะออกแคมเปญในการเลือกตั้ง ซึ่งทำการบ้านเรื่องนี้มาเป็นปี ถ้าได้ทำเมื่อไหร่เราจะทำอย่างเต็มที่ ทั้งทีมงานและที่ปรึกษามีการเตรียมกันมามากพอสมควร เมื่อมีการฟอร์มทีมเป็นที่เรียบร้อยจะเริ่มทำงานทันที หากเริ่มคิกออฟแมตช์แรกเมื่อไหร่ก็พร้อมที่จะทำงานทันที

เมื่อถามว่าจะเข้าไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงมีโอกาสได้เข้าไปทำงาน แต่ตนคิดว่าต้องดูที่สะดวกทั้งในส่วนของทีมงาน ซึ่งอาจจะต้องมีหลายวงประชุม และทำหลายหน้าที่ ดังนั้นสามารถทำงานได้หมด ในทุกสถานที่ที่สะดวกกับทีมงาน เพื่อให้ได้มีผลงานออกมาเร็วที่สุด

เมื่อถามถึงกรณีที่จะเข้าไปดูที่ทางตำแหน่งอื่นด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวติดตลกว่า “สื่อมวลชนชอบมอบตำแหน่งให้ตนทุกครั้ง ที่ได้มีการให้สัมภาษณ์ ซึ่งขอขอบคุณ แต่ยังคงไม่มองถึงตำแหน่งอื่น และหากได้มีโอกาสเข้าไป คงรู้สึกตื่นเต้น เพราะเคยเข้าไปทำเนียบตอนเด็ก สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ คิดว่าหากได้เข้าไปอีก จะต้องดูว่ายังคงเหมือนเดิม เหมือนภาพจำหรือไม่ เพราะตนไม่ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลนานมากแล้ว”

เมื่อถามถึงกรณีที่มีรายชื่อติดโผที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่มีความพร้อมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่หากถามว่าพร้อมหรือไม่ ส่วนตัวทำเพื่อพรรคอย่างทุ่มเทเต็มที่ ในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และวันนี้เป็นวันเกิดพรรคครบ 16 ปี ดังนั้นความรักความผูกพันจึงพร้อมทำเพื่อพรรคอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม การจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่เป็น ตนเต็มที่กับพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าเหมือนผู้ใหญ่ในพรรคต้องการดันคนรุ่นใหม่ เข้ามาทำงานในพรรค น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนพร้อมทำเพื่อพรรคอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเสียงเชียร์สนับสนุนเป็นกำลังใจให้ตน แต่ในช่วงไทม์มิ่งต่างๆ ที่ตนเข้ามาหากเกิดผลดีกับพรรคมากที่สุด รวมถึงกับสส. และทุกคน ดังนั้น ความหมายของตนคือถ้ามีคนที่ดีกว่า และจะนำพรรคได้ดีกว่าตนก็ยอม แต่ถ้าเป็นตนหากคิดว่าดีที่สุดก็ยอมเช่นกัน ซึ่งตนเป็นคนมองที่เป้าหมาย เมื่อมีคนพูดว่าตนควรเป็นหัวหน้าพรรค ตนเต็มที่แม้ว่ามีหรือไม่มีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม ฉะนั้น จะไม่มีการน้อยใจ หากไม่ได้เป็นหรือได้เป็นหัวหน้าพรรค เพราะจุดยืนของเราคือทำเพื่อพรรค

เมื่อถามว่าได้ให้กำลังใจกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จริงๆ ทุกคนก็คงได้วางแพลนชีวิตตัวเองไว้แล้วว่าจะทำอย่างไร ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรทั้งในสภาฯ หรือนอกสภาฯ ก็รู้จักกันอยู่แล้ว ตนก็ขอให้กำลังใจด้วย

น.ส.แพทองธาร กล่าวถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลังในการทำงานว่า ได้มีโอกาสคุยกับนายกฯ และนายกฯ สู้มาก ซึ่งตนได้แซวนายเศรษฐาว่าเหนื่อยหรือไม่ นายกฯ ตอบว่าไม่เหนื่อย และมีงานเยอะมาก พร้อมบอกให้ฟังว่ามีอะไรบ้าง นอกจากนี้ ตนยังแซวอีกว่าฝากดูทีมงานด้วย เดี๋ยวสลบกันไปหมดแล้ว และตนยอมรับว่านายกฯ สู้ และฟิตมาก ขยันมากจริงๆ จึงอยากขอฝากพี่น้องประชาชนให้กำลังใจนายกฯ ด้วย เนื่องจากอยากทำงานให้เต็มที่ เพื่อจะให้ประเทศไทยไปถึงจุดที่ดีขึ้น

‘CATL’ เปิดตัวแบตเตอรี่ EV ชาร์จ 10 นาที วิ่งได้ 400 กม. คาด!! เริ่มวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสแรก ปี 2024

เมื่อไม่นานมานี้ CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่จากจีนได้เปิดตัว ‘Shenxing’ แบตเตอรี่ 4C superfast charging LFP ก้อนแรกของโลกที่ช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรภายในเวลาชาร์จเพียงแค่ 10 นาที

โดยหากทำการชาร์จนเต็มนั้น Shenxing จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 700 กิโลเมตร ซึ่งทาง CATL นั้นก็คาดว่า Shenxing จะช่วยให้ผู้ใช้รถ EV หมดกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ต้องใช้ในการชาร์จแต่ละครั้งได้ และจะช่วยเปิดยุคใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมขึ้นมา

แบตเตอรี่ Shenxing นั้นใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Super electronic network cathode และวัสดุแคโทด LFP ที่ตกผลึกในระดับนาโนเข้ามาช่วยให้แบตเตอรี่สามารถตอบสนองต่อการชาร์จที่รวดเร็วได้ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ครอบคลุมของ CATL ยังช่วยให้แบตเตอรี่ Shenxing มีคุณสมบัติที่สมดุลทั้งการชาร์จที่รวดเร็วและการขับขี่ในระยะไกล

และอีกหนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจก็คือแบตเตอรี่ตัวใหม่ยังสามารถรักษาประสิทธิภาพในการชาร์จตั้งแต่ความจุ 0 – 80% ได้ภายใน 30 นาทีภายใต้อุณหภูมิที่ต่ำกว่า -10 องศาเซลเซียส และสามารถรักษาประสิทธิภาพในการเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม.เอาไว้ได้ในอุณหภูมิต่ำ โดยในอุณหภูมิห้องนั้น Shenxing จะสามารถชาร์จตั้งแต่ 0 – 80% ได้ในเวลาเพียง 10 นาที

สำหรับปัจจุบันทาง CATL ได้คาดการณ์ว่า Shenxing จะสามารถเริ่มทำการ Mass Produce ได้ภายในปลายปีนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 ซึ่งทาง CATL นั้นก็มั่นใจว่าการเปิดตัวของ Shenxing นั้นจะเป็นอีกก้าวที่สำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV และจะช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าไปทั่วโลกได้อย่างครอบคลุม

‘รมว.อุตฯ’ ชงปั้น ‘อาหารฮาลาล’ เป็นอุตสาหกรรมมุ่งเป้า ปั้นระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เป็นฐานส่งตลาดตะวันออกกลาง

(19 ก.ย.66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตนได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ชี้พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor หรือ SEC) มีศักยภาพสามารถส่งเสริมสู่การเป็น ศูนย์กลางอาหารฮาลาลในภูมิภาค (Halal Hub) เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ทั้งยังมีอาณาเขตติดกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีตลาดรองรับทั้งกลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่ และยังสามารถส่งออกไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่มีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ

และสั่งการให้เร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีทิศทางและสอดรับกับศักยภาพในแต่พื้นที่ เร่งชี้เป้าอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมทั้งกระตุ้นการดึงการลงทุนเข้าสู่พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาคตามที่ได้มีการกำหนดสิทธิประโยชน์และมาตรการลงทุนในพื้นที่ไว้แล้ว

พร้อมกันนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ สศอ. ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานสะอาด การหาแนวทางเพื่อการส่งเสริม Soft Power ไทยในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการยกระดับการบริการผู้ประกอบการและประชาชนผู้อย่างเต็มที่ อำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน ปรับภาพลักษณ์ใหม่ ให้มีรอยยิ้มจากการใช้บริการ

ด้าน นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า สศอ. ขานรับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สร้างเศรษฐกิจนำอุตสาหกรรม โดยจะเร่งชี้เป้าอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้งอุตสาหกรรม S-Curve และ New S-Curve ให้เกิดการผลักดันอย่างต่อเนื่อง การยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรให้มีศักยภาพ รวมทั้งการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและพลังงานหมุนเวียน

ทั้งนี้สำหรับการพัฒนาการดำเนินงาน สศอ. จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้การกระบวนการทำงาน โดยใช้ระบบ iSingleForm เป็นระบบการรายงานเดียว ทั้งการให้บริการ Eco Sticker สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงมุ่งเน้นการสื่อสารผ่านช่องทาง Platform ต่างๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้สามารถนำข้อมูล ข่าวสาร มาใช้ในการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม พร้อมเตรียมยกระดับการดำเนินงานทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อนำพาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมสำคัญระดับสากล ภายใน 4 ปี

‘EA’ เสนอขาย ‘กรีนบอนด์’ 3 รุ่น อันดับเครดิต A- ชูดอกเบี้ย 3.20 - 4.10% ต่อปี ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำ

(19 ก.ย. 66) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำในธุรกิจพลังงานสะอาด โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เสนอขายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน (Public Offering) จำนวน 3 รุ่น ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่ง โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง ที่ระดับ A- สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แข็งแรงจากธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ และ ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2566 ซึ่งเป็นการเสนอขายแก่ประชาชนเป็นการทั่วไป

โดยหุ้นกู้เสนอขายครั้งนี้ มีจำนวน 3 รุ่น และกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน (ตลอดอายุหุ้นกู้) ได้แก่ 
1.รุ่นอายุ 1 ปี อัตราผลตอบแทน 3.20% ต่อปี
2.รุ่นอายุ 3 ปี อัตราผลตอบแทน 3.70% ต่อปี 
3.รุ่นอายุ 5 ปี อัตราผลตอบแทน 4.10% ต่อปี

เสนอขายผ่านสถาบันการเงิน 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ และ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย)

สำหรับหุ้นกู้ EA มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ ‘A-’ เมื่อดูระดับความเสี่ยงที่มี 8 ระดับ (ต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 1 และสูงสุดที่ระดับ 8) กรีนบอนด์ของ EA รุ่นอายุ 1 ปี มีความเสี่ยงเพียงระดับ 2 เท่านั้น ส่วนรุ่นอายุ 3 ปี และ 5 ปี มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 3 ในขณะที่ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ สูงกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินทั่ว ๆ ไปอย่างชัดเจน

EA เป็น ‘ผู้นำในธุรกิจพลังงานสะอาด’ เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากว่า 10 ปี ด้วยผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 16,860.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,589.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.16 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 

EA ขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้แนวคิด ‘MISSION NO EMISSION’ โดยมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไออนที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์กำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 1 GWh และกำลังขยายกำลังการผลิตที่ 4 GWh ในช่วงไตรมาสที่ 2/2567 อีกทั้งมีโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ มีกำลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี โดยที่ผ่านมา EA ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เช่น รถโดยสารไฟฟ้าหรือ E-Bus ที่วิ่งให้บริการในหลากหลายเส้นทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รถบรรทุกไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า ตลอดจนมีสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 490 สถานี ครอบคลุมทุกภูมิภาค

EA ได้รับรางวัลที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการและผลการดำเนินงานที่ดีหลายรางวัล เช่น รางวัลด้านองค์กรยอดเยี่ยม ได้แก่ รางวัล Most Innovative Energy Solution Provider Thailand 2021 โดย World Business Outlook, รางวัล Outstanding Company Performance Awards 2022 ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 100,000 ล้านบาท โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร 

การที่ EA ออกหุ้นกู้เป็น ‘กรีนบอนด์’ ดังกล่าว สามารถบ่งบอกได้ว่า ผู้ลงทุนจะได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย เนื่องจากธุรกิจของ EA เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เพื่อโลกที่ยั่งยืน โดยบริษัทฯ ได้รับการประเมินเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน MSCI ESG Ratings 2023 ระดับ A โดย MSCI และล่าสุดยังได้รับรางวัล Corporate Excellence Award ในเวทีระดับสากล Asia Pacific Enterprise Award s จัดโดย Enterprise Asia Enterprise Asia ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรางวัลที่สะท้อนประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการองค์กรที่ดีเลิศ มีการเติบโตที่มั่นคงแข็งแกร่งและยั่งยืน 

นอกจากนี้ EA ยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยจะเห็นได้จากรางวัลต่างๆ ที่ได้รับ เช่น รางวัลประเภทนวัตกรรมยอดเยี่ยมด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ รางวัล Emerging Technology of the Year : The 2020 Global Energy Awards ผลงานเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry โดย : S&P Global Platts, รางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี ผลงานเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), รางวัล Best Innovative Company Awards 2022 ผลงานนวัตกรรมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน AMITA Technology (Thailand) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร 

ผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 7 แห่ง ดังนี้

-ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นสาขาไมโคร โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking

-ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) * หรือ โทร. 02-777-6784 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY ได้อีก 1 ช่องทาง)

-ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอปพลิเคชัน - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)

-บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050

-บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675

-บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-820-0410

-บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02-009-8351-59

*ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

‘ศิษยานุศิษย์’ ร่วมพิธีเคลื่อนสรีระสังขาร ‘หลวงปู่แขก’ กลับบางระกำ หลังกู้ร่างกลับสู่สภาพเดิมสำเร็จ จากเหตุเพลิงไหม้โลงแก้ว ปี 65

(19 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศิษยานุศิษย์และคณะศรัทธา ‘หลวงปู่แขก’ หรือ ท่านเจ้าคุณพระมงคลสุธี (ลำยอง ปภาโส) อายุ 94 ปี พระเกจิชื่อดังเมืองพิษณุโลก อดีตเจ้าอาวาสวัดสุนทรประดิษฐ์ และที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมรณภาพเมื่อปี 2561 และนำร่างไปทำหุ่นขี้ผึ้งที่จังหวัดเชียงใหม่ นำมาเปลี่ยนถ่ายรถทหาร บชร.3 ที่หน้าวิหารวัดใหญ่ (พระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร) เคลื่อนย้ายไปวัดสุนทรประดิษฐ์ ระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร โดยมีบรรดาลูกศิษย์ทราบข่าวต่างมาร่วมพิธีพร้อมกับส่องเลขรถที่ขนย้ายหลายคัน

อนึ่ง เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 65 สรีระหลวงปู่แขกได้บรรจุโลงแก้วตั้งไว้บนศาลาการเปรียญชั้น 2 ของวัด แต่กลับเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรลามไหม้สังขารหลวงปู่แขก จนเสียหายทั้งร่างเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่เค้าโครงสรีระยังอยู่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ สร้างความโศกเศร้าเสียใจแก่บรรดาลูกศิษย์และชาวบ้านที่นับถือศรัทธาหลวงปู่แขก

ต่อมาศิษยานุศิษย์และคณะศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์ นำร่างสรีระสังขารหลวงปู่แขกที่ถูกไฟไหม้ไปทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมและสมบูรณ์ที่สุดจาก จ.เชียงใหม่ กระทั่งอัญเชิญสรีระสังขารหลวงปู่แขกในรูปหุ่นขี้ผึ้งกลับสู่วัดสุนทรดิษฐ์ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ในวันนี้ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่แขกอายุครบ 99 ปีพอดี

โอกาสนี้ ขบวนรถเคลื่อนย้ายสรีระสังขารหลวงปู่แขกยังวนรอบตลาดบางระกำ 1 รอบ ก่อนเข้าไปในวัดสุนทรประดิษฐ์ ท่ามกลางศิษยานุศิษย์โปรยข้าวตอกดอกไม้ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ตั้งแต่ประตูทางเข้าวิหารวัดสุนทรประดิษฐ์

สำหรับประวัติท่านเจ้าคุณพระมงคลสุธี หรือ หลวงปู่แขก ปภาโส อายุ 94 ปี 70 พรรษา เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสุนทรประดิษฐ์ อ.บางระกำ ถือเป็นเกจิชื่อดังของเมืองพิษณุโลก มีลูกศิษย์ทั่วประเทศไทยให้ความเคารพและศรัทธา มีชื่อเสียงด้านปลุกเสกวัตถุมงคลและปลุกเสกน้ำมนต์

‘เมย์ รัชนก’ นักแบดสาวมือ 1 ของไทย บาดเจ็บหนักที่ข้อเท้าซ้าย ประกาศถอนตัวจากการแข่งทั้งหมดในปีนี้ รวมถึงเอเชียนเกมส์ด้วย

(19 ก.ย. 66) โรงเรียนสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด ออกแถลงการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ‘เมย์ รัชนก อินทนนท์’ นักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือ 7 ของโลก จำเป็นต้องถอนตัวจากทุกรายการแข่งขันในปีนี้เนื่องจากอาการบาดเจ็บ เริ่มตั้งแต่กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน ซึ่งกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

แถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความว่า “อาการบาดเจ็บครั้งนี้ มาจากการบาดเจ็บที่ข้อเท้าซ้าย เนื่องจากพื้นสนามที่ค่อนข้างลื่นในศึกฮ่องกง โอเพ่น 2023 เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

โดยหลังเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ด้วยการสแกน MRI ผลพบว่า เอ็นรอบข้อเท้าซ้ายฉีกขาด จากการปรึกษาแพทย์วิธีการรักษาไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้น 6-8 สัปดาห์ ส่งผลให้นักตบลูกขนไก่หญิงเดี่ยวมือ 1 ของไทย ต้องใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายและจะกลับมาลงแข่งขันอีกครั้งในปี 2024”

ทั้งนี้ รายการสำคัญที่เหลือในปีนี้นอกเหนือจากเอเชี่ยนเกมส์ จะมีรายการระดับซุปเปอร์ 750 ที่ประเทศเดนมาร์กและฝรั่งเศส ในเดือนตุลาคม รวมถึงที่จีน ในเดือนพฤศจิกายน และมีรายการใหญ่ที่สุดอย่างเวิลด์ทัวร์ไฟนัลส์ ที่นครหางโจว ประเทศจีน ในเดือนธันวาคมอีกด้วย

‘ยูเนสโก’ ประกาศขึ้นทะเบียน ‘เมืองโบราณศรีเทพ’ เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 4 ของไทยแล้ว

ถือเป็นข่าวที่คนไทย โดยเฉพาะชาวเพชรบูรณ์ได้ร่วมกันแสดงความยินดี หลังที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 10-25 ก.ย.นี้ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประกาศขึ้นทะเบียน ‘เมืองโบราณศรีเทพ’ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 4 ของไทย

ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2447 ประมาณ 118 ปีที่ผ่านมา สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงค้นพบเมืองโบราณศรีเทพ ที่ถูกทิ้งร้างอยู่กลางป่า ซึ่งเดิมชาวบ้านเรียกว่า เมืองอภัยสาลี ต่อมาสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พบเมืองโบราณขนาดใหญ่ใกล้กับเมืองวิเชียรบุรี ซึ่งเมืองวิเชียรบุรีนั้น มีชื่อเดิมว่า เมืองท่าโรง และเมืองศรีเทพจึงทรงมีพระวินิจฉัยว่า ชื่อเมืองโบราณแห่งนี้น่าจะเป็นต้นเค้าของการเรียกชื่อเดิมของเมืองวิเชียรบุรีว่า ‘เมืองศรีเทพ’

ต่อมากรมศิลปากร ได้ทำการสำรวจขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ และพัฒนาจนกระทั่ง จัดตั้งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ.2527

ตลอดเวลาดังกล่าวได้มีการศึกษาวิจัย โดยนักวิชาการทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ทั้งนี้รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญของเมืองโบราณแห่งนี้ จึงมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ดำเนินงานอนุรักษ์และพัฒนาเมืองโบราณศรีเทพอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเส้นทางสู่การขึ้นทะเบียน เมืองโบราณศรีเทพ และแหล่งต่อเนื่องนำเสนอเพื่อขึ้นทะเบียนมรดกโลก จำนวน 3 แหล่ง ได้แก่…

>> เมืองโบราณศรีเทพ
>> โบราณสถานเขาคลังนอก
>> โบราณสถานถ้ำเขาถมอรัตน์

ภายใต้เกณฑ์คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล ด้วยเกณฑ์ข้อที่ 2 คือความสำคัญของการแลกเปลี่ยนคุณค่าของมนุษย์ในช่วงเวลาใด เวลาหนึ่งหรือในพื้นที่ในวัฒนธรรมใดๆ ของโลกผ่านการพัฒนาด้านสถาปัตยกรรม หรือทางเทคโนโลยีอนุสรณ์ศิลป์ ขณะที่การวางแผนผังเมืองหรือการออกแบบภูมิทัศน์และเกณฑ์ข้อที่ 3 เป็นพยานหลักฐานที่ยอดเยี่ยมหรือหาที่เสมอเหมือนไม่ได้ของประเพณีวัฒนธรรม หรือวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่ หรือสูญหายไปแล้ว

กระทั่งนำไปสู่การเสนอเมืองโบราณศรีเทพ เข้าสู่บัญชีเบื้องต้นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม (Tentative List) เมื่อพ.ศ.2562 และจัดทำเอกสารนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพขึ้นบัญชีแหล่งมรดกโลกฉบับสมบูรณ์แล้วเสร็จ นำส่งยังศูนย์มรดกโลกเมื่อ 28 ก.พ.2565

ต่อมาสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจประเมินเมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 12-17 ก.ย.2565

เมื่อผ่านการตรวจประเมินของผู้เชี่ยวชาญแล้ว เมืองโบราณศรีเทพจึงได้ถูกบรรจุเข้าในวาระการพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 10-25 ก.ย.นี้ ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย

อย่างไรก็ตาม ภารกิจของรัฐบาล ยังไม่สิ้นสุดเพียงการเฉลิมฉลองการประกาศให้เมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลกเท่านั้น กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้จัดทำแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์ ศรีเทพ เพื่อรองรับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองโบราณศรีเทพภายหลังจากการได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก

โดยแผนดังกล่าวได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์ และการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชนในพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะครอบคลุมทั้งเรื่อง การอนุรักษ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม แผนบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว การจัดทำแผนชุมชนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และ การจัดทำข้อบัญญัติท้องถิ่นในด้านการอนุรักษ์ ทั้งเรื่องการอนุรักษ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม และการจัดทำข้อบัญญัติท้องถิ่นในด้านการอนุรักษ์
30 ปีมรดกโลกแห่งที่ 4 ของไทย...

สำหรับแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทย ก่อนหน้านี้เคยมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกไว้ 3 แหล่ง ได้แก่…

1. นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2534
2. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และ กำแพงเพชร เป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2534
3. แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จ.อุดรธานี ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี 2535

ดังนั้นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเมืองโบราณศรีเทพ แห่งที่ 4 จึงห่างกันนานถึง 30 ปี

ไม่เพียงเท่านี้ ปัจจุบันประเทศไทย ยังได้นำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อขึ้นบัญชีเบื้องต้นแหล่งมรดกโลก (Tentative List) ซึ่งคาดว่าจะเข้าที่ประชุมมรดกโลกของยูเนสโกในปี 2567 อีกด้วย อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี

‘หนุ่มออสซี่’ ถูกปรับครึ่งแสน หลังพางูหลามออกมาเล่นโต้คลื่น จนท.ชี้!! การกระทำนี้เสี่ยงทำให้ผู้อื่นตกใจถึงขั้นรับอันตรายได้

(19 ก.ย.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายฮิกอร์ ฟิวซา (Higor Fiuza) ถูกกระทรวงสิ่งแวดล้อมในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย สั่งปรับ 2,322 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 53,345 บาท โทษฐานนำสัตว์เลี้ยงชื่อชีวา (Shiva) ซึ่งเป็นงูหลามคาร์เพท (Carpet Python) ออกมาในระหว่างเล่นเซิร์ฟ แล้วยังถ่ายคลิปอวดจนกลายเป็นคลิปไวรัล

เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า การกระทำของนายฟิวซาอาจเป็นเหตุให้คนในที่สาธารณะแตกตื่น และอาจตกใจถึงขั้นได้รับอันตรายได้ แม้ว่าเขามีใบอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์พื้นเมือง แต่ไม่สามารถนำสัตว์ออกจากสถานที่ที่ขึ้นทะเบียนไว้ หากไม่ได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษ และในลักษณะที่ดูแลสวัสดิภาพสัตว์ ความปลอดภัยของสาธารณะ และสอดคล้องกับระเบียบที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่เผยด้วยว่า แม้งูเป็นสัตว์เลือดเย็นที่สามารถว่ายน้ำได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักหลีกเลี่ยงน้ำ นอกจากนี้น้ำในทะเลยังอาจเย็นเกินไปสำหรับงูหลามด้วย

‘ทล.’ ขยายถนน ‘มาบตาพุด-นิคมพัฒนา’ เป็น 6 เลน แล้วเสร็จ รองรับการสัญจร-ระบบโลจิสติกส์ หนุนเขตเศรษฐกิจ EEC

(19 ก.ย. 66) กรมทางหลวง โดยสำนักก่อสร้างสะพาน ดำเนินการโครงการก่อสร้างทางหลวงสาย ต.มาบตาพุด - อ.นิคมพัฒนา รวมทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3191 กับทางหลวงหมายเลข 3375 (เดิม) (แยกนิคมพัฒนา) จ.ระยอง ระยะทาง 13.6 กิโลเมตร แล้วเสร็จ เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง การขนส่ง และระบบโลจิสติกส์ รองรับการสนับสนุนการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)  

โครงการก่อสร้างทางหลวงสาย ต.มาบตาพุด - อ.นิคมพัฒนา รวมทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3191 กับทางหลวงหมายเลข 3375 (เดิม) (แยกนิคมพัฒนา) พื้นที่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงการคมนาคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งทางหลวงสายดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ประชาชนเลือกใช้ในการเดินทางไปสู่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ปัจจุบันมีปริมาณการจราจรรวมถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งผ่านเป็นจำนวนมาก จึงทำให้มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูงและส่งผลกระทบถึงการจราจรในเส้นทางใกล้เคียงด้วย 

กรมทางหลวงเล็งเห็นความสำคัญโดยคำนึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยของผู้ใช้ทางเป็นสำคัญ จึงดำเนินการก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางหลวงสาย ต.มาบตาพุด - อ.นิคมพัฒนา รวมทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3191 กับ ทางหลวงหมายเลข 3375 (เดิม) (แยกนิคมพัฒนา) ช่วง กม.0+000 ถึง กม.13+600 โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการที่ ต.มาบตาพุด สิ้นสุดที่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง รวมระยะทางทั้งหมด 13.6 กิโลเมตร 

โครงการมีลักษณะเป็นการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 3191 จากเดิมขนาด 4 ช่องจราจร เป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษขนาด 6 ช่องจราจร (ไป - กลับ) ผิวจราจรคอนกรีต ช่องจราจรกว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร แบ่งทิศทางการจราจรแบบเกาะยก และดำเนินการก่อสร้างทางลอดบริเวณแยกนิคมพัฒนา ขนาด 4 ช่องจราจร (ไป - กลับ) มีความยาว 893 เมตร ความกว้าง 21 เมตร เพื่อไปสู่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งก่อสร้างขยายสะพาน (เดิม) 12 แห่ง ก่อสร้างสะพานข้ามแยก (ที่ กม.7+500) 1 แห่ง พร้อมงานไฟฟ้าแสงสว่างตลอดทั้งโครงการ วงเงินงบประมาณ 1,473,482,804.86 บาท 

เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้ช่วยลดปัญหาการจราจรที่คับคั่ง สามารถรองรับปริมาณจราจรที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต รวมถึงปรับทัศนียภาพทางหลวงให้เป็นระเบียบ เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ยกระดับคุณภาพการให้บริการ อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่นักลงทุนตลอดจนนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดระยอง ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี และนโยบาย Thailand 4.0 ในการสนับสนุน EEC ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top