Saturday, 7 June 2025
NewsFeed

'ชายมาเลย์' สังเกต!! หญิงทำสัญญาณมือสากล 5-4-0 เอะใจ!! รหัสขอความช่วยเหลือ โทรหาตร.ช่วยชีวิตทัน

อุทาหรณ์! ชายมาเลย์สังเกต หญิงทำสัญญาณมือสากล 540 ขอความช่วยเหลือเงียบ ๆ รีบโทรหาตำรวจเพื่อช่วยชีวิตแทบไม่ทัน

(19 ก.ย.66) อันตรายเกิดขึ้นได้ทุกวันทั้งจากอุบัติเหตุ ความรุนแรงเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิด คุกคาม หรือทำร้ายร่างกายทั้งจากคนแปลกหน้าและคนใกล้ตัวจึงเกิดสัญญาณมือแบบอวัจนภาษา ที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า ท่า 540 เพื่อขอความช่วยเหลือสากล

แม้การทำสัญญาณมือดังกล่าวจะดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ใครจะคาดคิดว่าสามารถใช้งานได้จริง เพราะล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กระแสไวรัลที่ชาวเน็ตรายหนึ่งออกมาโพสต์ถึงประเด็นคู่รักกำลังเดินเที่ยวชมตลาดกลางคืน แต่จู่ๆ ฝ่ายหญิงเริ่มทำท่าทางยกมือข้างหนึ่งขึ้นกางมือเหมือนเลข 5 จากนั้นนำนิ้วโป้งแตะฝ่ามือ คล้ายกับชูนิ้วเลข 4 จากนั้นพับอีก 4 นิ้วที่เหลือทับนิ้วโป้งคล้าย 0

ชาวเน็ตคนดังกล่าวสังเกตพฤติกรรมแปลก ๆ แม้ว่าเธอจะเดินไปกับแฟนของเธอ แต่เธอก็สบตากับผู้คนที่เดินผ่านไปมาและแอบทำท่าทางมือ ‘540’ เขาตระหนักว่าผู้หญิงคนนั้นตกอยู่ในอันตรายจึงรีบแจ้งตำรวจ และในที่สุดก็สามารถช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นจากการควบคุมของแฟนหนุ่มที่ใช้ความรุนแรงในบ้านได้สำเร็จ

เจ้าของโพสต์เผยในติ๊กต็อกว่า หลังจากสังเกตเห็นสิ่งแปลก ๆ เขาก็ถือโอกาสถามผู้หญิงว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนั้นแอบบอกว่า เธอถูกแฟนติดยาทำร้ายเธอ ไม่เพียงแต่เธอจะถูกมัดและทุบตีเท่านั้น แต่เธอยังถูกแฟนราดน้ำร้อนลวกจนผิวหนังเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำ

หลังจากที่เจ้าของโพสต์โทรหาตำรวจ เขาก็ขอความช่วยเหลือจากพ่อค้าแม่ค้าและเจ้าหน้าที่ในตลาดกลางคืน ขณะนี้แฟนหนุ่มดูเหมือนจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจึงพยายามหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ แต่กลับถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่คุมตัวไว้เมื่อเห็นตำรวจปรากฏตัว เขาก็ขัดขืนอย่างดุเดือดแต่ถูกพาตัวไปในที่สุด

ทางด้านเจ้าของโพสต์เดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อจดบันทึกประจำวันเพื่อเป็นพยาน และพ่อของผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มติดต่อเขาเพื่อแสดงความขอบคุณด้วย เจ้าของโพสต์กล่าวว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่า ‘สัญญาณมือ 540’ เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ หวังจะเรียกร้องให้ทุกคนกล้าพอที่จะยื่นมือช่วยเหลือ

‘สัญญาณมือ 540’ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สัญญาณขอความช่วยเหลือ’ และ ‘สัญญาณ SOS ความรุนแรงในครอบครัว’ หากบุคคลรู้สึกว่าถูกคุกคามหรือต้องการความช่วยเหลือ เขาหรือเธอสามารถขอความช่วยเหลือได้ด้วยมือเดียวระหว่างการสนทนาทางวิดีโอหรือการติดต่อแบบเห็นหน้ากัน กลายเป็นเครื่องมือเตือนง่าย ๆ แต่ได้ผล

 

โตโยต้า ซุ่มพัฒนาแบตฯ อีวีใหม่วิ่งไกล 1,000 กม. คาดเริ่มใช้กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในปี 2027

โตโยต้า ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแบตเตอรี่ขั้นสูงใหม่ที่จะจ่ายให้กับรถยนต์ Next-Gen EV โดยแบตเตอรี่ในเจเนอเรชั่นถัดไปจะมี 4 ประเภท โดย 3 ประเภทมีเทคโนโลยีแบตเตอรี่อิเล็กโทรไลต์เหลวแบบใหม่และอีก 1 ประเภทเป็นแบตเตอรี่โซลิดสเตต 

รายละเอียดแบตเตอรี่ทั้ง 4 ประเภทของโตโยต้า

📌แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประสิทธิภาพสูงที่จะมาในปี 2026 จะสามารถวิ่งได้ 800 กม./ชาร์จ 

โดยแบตเตอรี่สมรรถนะสูงแบบลิเธียมไอออนมีแผนจะเปิดตัวในรถ BEV Next-Gen ของโตโยต้าตั้งแต่ปี 2026 ทำให้ระยะการวิ่งกว่า 800 กม./ชาร์จ โตโยต้าอ้างว่า แบตเตอรี่ใหม่นี้จะช่วยลดต้นทุนลง 20% เมื่อเทียบกับ Toyota bZ4X ในปัจจุบัน และเวลาในการชาร์จที่รวดเร็ว ชาร์จ 10 ถึง 80% ในเวลาต่ำกว่า 20 นาที

📌แบตเตอรี่ LFP ที่ให้ระยะทางมากกว่า bZ4X ถึง 20% 

สำหรับแบตเตอรี่ LFP จะเป็นตัวเลือกที่ต้นทุนต่ำกว่า สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีไบโพลาร์ที่โตโยต้าเป็นผู้บุกเบิกสำหรับแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ (NiMH) โดยคาดว่าแบตเตอรี่จะออกสู่ตลาดในปี 2026 – 2027 และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่จะให้ระยะการขับขี่เพิ่มขึ้น 20% และลดต้นทุนลง 40 % เมื่อเทียบกับ Toyota bZ4X และจะมีเวลาในการชาร์จ 10 ถึง 80 % ใน 30 นาทีหรือน้อยกว่า

📌แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประสิทธิภาพสูงระยะทาง 1,000 กม./ชาร์จ ในปี 2027 – 2028 

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประสิทธิภาพสูง ใช้เคมีลิเธียมไอออนร่วมกับแคโทดนิกเกิลสูงเพื่อทำให้ EV วิ่งได้ 1,000 กม./ชาร์จ เมื่อรวมกับการออกแบบ Next-Gen EV ที่จะมี Aerodynamic ที่ดีขึ้นและน้ำหนักที่ลดลง และเวลาในการชาร์จ DC 10 ถึง 80% ในเวลาต่ำกว่า 20 นาที

📌แบตเตอรี่โซลิดสเตทที่มีระยะทาง 1,000 กม./ชาร์จ ในปี 2027 – 2028 

โตโยต้าอ้างว่าลิเธียมไอออนโซลิดสเตต มีอิเล็กโทรไลต์แข็งที่ช่วยให้ไอออนเคลื่อนที่เร็วขึ้น และทนทานต่อแรงดันไฟฟ้าและอุณหภูมิสูงได้มากขึ้น แบตเตอรี่เหล่านี้เหมาะสำหรับการชาร์จ การคายประจุ และการจ่ายพลังงานอย่างรวดเร็วในขนาดที่เล็กลง แต่มีข้อเสียคืออายุการใช้งานของแบตจะสั้นลง แต่โตโยต้ายังเชื่อว่าจะสามารถเอาชนะข้อจำกัดนี้ได้ภายในปี 2027

ตอนนี้ทางฝั่งจีนไม่ว่าจะเป็น CATL หรือ BYD ต่างก็ทยอยปล่อยแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่มาอยู่เรื่อย ๆ ทั้งในแง่ระยะทางที่เพิ่มขึ้น ระยะเวลาชาร์จที่ลดลง ก็ต้องมาดูกันแล้วหล่ะครับว่า Toyota จะทำตาม Roadmap ได้ไหมในปี 2026 แล้วมันจะช้าไปไหม จะแซงจีนได้หรือเปล่า อันนี้ก็น่าคิด🤩🤩

‘น้องดีโด้’ เด็กสู้ชีวิต!! เรียนเก่ง-วาดภาพสวย แต่ฐานะยากจน ต้องขอครูกลับบ้านทุกวันเพื่อมาดูแลพ่อพิการ แถมไฟฟ้าเข้าไม่ถึง

(19 ก.ย.66) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Kruchem jitsiripaiboon ได้มีการโพสต์คลิปและภาพนิ่ง เล่าเรื่องราวของลูกศิษย์ที่ได้ไปเจอมาว่า “เมื่อวันจันทร์ไปเยี่ยมบ้านนักเรียนอยู่กับพ่อที่พิการ และน้องชายได้เห็นความเป็นอยู่ที่ลำบากอยู่ในบ้านเล็กๆ ของญาติท้ายหมู่บ้านที่ไฟฟ้ายังไปไม่ถึง ไม่มีไฟส่องสว่าง ซึ่งท่านนายอำเภอโนนนารายณ์ ท่าน สจ.ชิติพัทธ์ นายก อบต.โนน ผู้ใหญ่บ้านผักไหม ทีมงาน อสม. ได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจ วางแผนเพื่อช่วยเหลือ และให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ในนามตัวแทนของโรงเรียนนารายณ์คำผงวิทยา ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ ค่ะ”

ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อสอบถามผู้โพสต์ซึ่งเป็นครูของน้อง เล่าว่า ได้ออกเยี่ยมบ้านเจอสภาพการเป็นอยู่ของลูกศิษย์แล้ว น้ำตาแทบไหลเลย สงสารลูกศิษย์ อยู่บ้านหลังเล็กๆ ท้ายหมู่บ้านผักไหม ตำบลโนน อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์ โดยอาศัยอยู่กับคุณพ่อพิการ และน้องชายอีกคนกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.3 บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ จะหุงข้าวแต่ละครั้ง ต้องหุงด้วยหม้อดิน 

น้องชื่อนายจักรภพ บุญยิ่ง กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของอำเภอโนนนารายณ์ น้องเป็นเด็กมีความประพฤติดี กตัญญู ส่วนผลการเรียนดี เกรดเฉลี่ย 3.32 ส่วนคุณพ่อเป็นคนพิการอาชีพขายลอตเตอรี่เพื่อเลี้ยงดูลูก ช่วงนี้คุณพ่อป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ น้องจึงขออนุญาตคุณครู เพื่อมาดูแลพ่อในช่วงบ่ายไปกลับระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร และคุณครูได้ตามนักเรียนมาเห็นการเป็นอยู่ลูกศิษย์ด้วยสายตาตัวเองถึงกับอึ้ง จึงอยากวอนสังคมช่วยเหลือลูกศิษย์ด้วย เพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาและการเป็นอยู่

ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่ บ้านน้องดีโด้ นายจักรภพ บุญยิ่ง นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนนารายณคำผงวิทยา อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์ เด็กกตัญญู เรียนดี เคยได้รับรางวัลที่ 1 การประกวดวาดภาพที่มหาลัยขอนแก่น อยู่กับพ่อพิการ และน้องชายอีกคนเรียนอยู่ชั้น ป.3 สภาพบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้หุงข้าวด้วยเตาฟืน อาศัยอยู่กับพ่อพิการ นายศุภชัย บุญยิ่ง อายุ 44 ปี อาชีพขายลอตเตอรี่ ประทังชีวิต รายได้เดือนละ 4,000 บาท เบี้ยยังชีพ 800 เพื่อส่งลูกเรียน

จากการสอบถามคุณครูสมใจ จิตสิริไพบูลย์ เล่าว่า นายจักรภพ บุญยิ่ง เป็นคนนิสัยดีร่าเริง ไม่เคยเอาปัญหาชีวิตมาใช้ที่โรงเรียน เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนในชั้นเรียน ผลการเรียนอยู่ในระดับดี ซึ่งตอนที่ตนไปเยี่ยมนั้น ไม่คิดว่าจะลำบากขนาดนี้ นึกว่าพอมีไฟฟ้าใช้ พอไปเห็นแล้วมันแย่กว่าที่เราคิด รู้สึกสงสารน้อง และคิดว่าจะช่วยน้องได้อย่างไรกับครูที่ไปด้วยกัน

คุณครูเกษร ศรีจำปา ครูที่ไปเยี่ยมน้อง เล่าให้ฟังว่า พอไปเจอถึงกับอึ้ง น้องหุงข้าวด้วยหม้อดิน อาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ กับผู้ที่พิการ ครูเกษร เล่าความรู้สึกที่ไปเจอวันนั้น น้ำตาคลอเบ้า น้องเขาอยู่อย่างลำบาก แต่น้องเขาไม่เคยแสดงให้ออกมาให้เรารู้ว่าเขาลำบาก น้องเป็นเด็กดีมาก เป็นเด็กร่าเริง

ส่วนเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ก็ได้เล่าความในใจให้ฟังว่า เป็นเด็กดี ขยัน ร่าเริง เรียนเก่า และเป็นคนที่ชอบวาดภาพด้วย การที่เป็นคนดีมีน้ำใจและร่าเริง จึงทำให้เป็นที่รักของเพื่อนๆในชั้นเรียน

ส่วนทางด้าน บ้านชุมชน วันนี้ก็พากันมาร่วมตัดยูคา เพื่อทำเสาไฟฟ้า เดินไฟให้กับครอบครัวของน้อง โดยมีผู้ใหญ่บ้าน นางขนิษฐา โพธิ์ศรี (ผู้ใหญ่บ้าน) หน่วยงานภาครัฐ  มีนายอำเภอโนนนารายณ์ นายชาญชัย พชรวรางกูล ร่วมวางแผนช่วยเหลือครอบครัวของน้องร่วมกับผู้นำในพื้นที่ ซึ่งเห็นแล้วอบอุ่น โดยเฉพาะนายอำเภอ ลงมือทำด้วยตนเอง

ความฝันของน้องอยากเป็นครูและอยากเป็นจิตรกร เพราะน้องเป็นคนที่ชื่นชอบในการวาดภาพอยู่แล้ว หากใครอยากช่วยเหลือน้อง มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค ข้าวของเครื่องใช้ และทุนเพื่อการศึกษา ตามความฝันน้องอยากเรียนครูและจิตรกร ก็สามารถโอนเงินที่บัญชี ธนาคาร ธกส. สาขารัตนบุรี 020 2256 34703 นายจักรภพ บุญยิ่ง

DITP ติดอาวุธผู้ประกอบการ ส่ง Podcast 'เจาะตลาดการค้า กับ DITP' องค์ความรู้จากภูมิภาคสำคัญในระดับโลก ที่ผู้ส่งออกควรฟัง

(19 ก.ย. 66) สำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ OMD2 พร้อมเจาะลึกข้อมูลการค้าการลงทุนในตลาดต่างประเทศ กับ Podcast ‘เจาะตลาดการค้า กับ DITP’ ร่วมพูดคุยแบบข้ามทวีป กับทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) และผู้ประกอบการที่จะมาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์จากภูมิภาคสำคัญในตลาดการค้าโลก อย่างตลาดภูมิภาคอเมริกา ลาตินอเมริกา ยุโรป และ CIS แอฟริกาและตะวันออกกลาง ตลาดอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และเอเชียใต้ พร้อมการติดตามความเคลื่อนไหวทางการตลาดต่างประเทศ เจาะลึกสถานการณ์ตลาดการค้าของแต่ละประเทศ วิกฤตการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก รวมไปถึงส่องเทรนด์ความต้องการของตลาดใหม่ ๆ ที่น่าจับตามอง รวมถึงการให้ความสำคัญ กับกฎระเบียบ การนำเข้า การจัดจำหน่าย ใบอนุญาตการผลิต และใบรับรอง เป็นต้น

การฟัง Podcast ‘เจาะตลาดการค้า กับ DITP’ จะเป็นการเปิดประตูโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยที่มีความสนใจในตลาดต่างประเทศได้นำเอาสาระที่ได้ไปพัฒนาสินค้าและธุรกิจให้ได้มาตรฐานตรงกับความต้องการของตลาดเป้าหมาย เสริมสร้างศักยภาพและเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทยให้ก้าวสู่เวทีการค้าระดับโลก

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารด้านการค้า และกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกของทางกรมฯ รวมถึง Podcast ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยได้ที่เว็บไซต์ www.ditp-overseas.com หรือรับฟังผ่าน www.soundcloud.com/ditp-overseas

‘ชัชชาติ’ นำทัพผู้บริหารกทม. เข้าพบ ‘อนุทิน’ เพื่อแสดงความยินดี พร้อมรับมอบนโยบายต่อ

(19 ก.ย.66) ที่กระทรวงมหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะผู้บริหารกทม. เดินทางเข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสรับตำแหน่ง โดยนำพวงมาลัยดอกไม้ มาแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ในโอกาสรับตำแหน่งรมว.มหาดไทย พร้อมรายงานการทำงานของ กทม.และรับมอบนโยบายการโดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้บริหารกระทรวง ร่วมหารือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการพบกันเป็นไปอย่างชื่นมื่น เป็นกันเอง โดยนายอนุทิน ได้ทักทายนายชัชชาติ พร้อมกล่าวหยอกล้อและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ว่า "เมื่อวานนายชัชชาติ เข้าพบกับนายกฯ เป็นแบบพี่น้องกัน แต่วันนี้มาพบแบบเป็นเพื่อนกัน เพราะเป็นเพื่อนเรียนกันมา จากนั้นทั้งคู่จะชนหมัด ก่อนที่นายชัชชาติ บอกว่าจับมือดีกว่า เดี๋ยวจะไปเหมือนกับนายกรัฐมนตรี จึงได้เปลี่ยนมาจับมือแสดงความยินดีแทน โดยนายอนุทิน ได้มอบพระพุทธรูปปางลีลา เป็นที่ระลึกให้แก่นายชัชชาติ

จากนั้น นายอนุทิน ได้แนะนำคณะทำงาน อาทิ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ที่ย้ายมารับตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ทำให้นายชัชชาติ ระบุว่า ดีเลย จะได้ประสานทำงานกันอย่างเข้มข้น และที่ผ่านมากทม.ก็ประสานการทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นอย่างดี จากนี้จะได้เดินหน้าทำงานต่อไป ทั้งนี้ใช้เวลาหารือ ประมาณ 30 นาที 

‘พิมพ์พิชชา สส.พิษณุโลก’ โพสต์แจง!! ยังสังกัดเพื่อไทย ยัน!! ไม่คิดย้ายซบก้าวไกล และไม่ได้ร่วมก๊วนดูงานสิงคโปร์

(19 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูล นายปดิพัทธิ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร นำคณะพา สส.ไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ และมีข่าวใช้งบประมาณเกินจริง คาดว่า 1.3 ล้านบาทโดยปรากฏชื่อ น.ส.พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ เป็น สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ร่วมคณะไปด้วยนั้น ทำให้ น.ส.พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ สส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า 

“ข้อมูลข่าวบิดเบือน ไม่เป็นความจริง ข้าพเจ้ายังสังกัดพรรคเพื่อไทย และทำงานให้กับพี่น้องชาว เขต 4 เป็นปกติและไม่มีแผนการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้จึงแจ้งเพื่อทราบโดยทั่วกันค่ะ ขอบคุณค่ะ”

‘เศรษฐา’ โพสต์ ‘ภารกิจต่างประเทศครั้งแรกรัฐบาลใหม่’ พร้อมแสดงบทบาทใหม่ไทยที่จะเปลี่ยนไปให้โลกได้เห็น

(19 ก.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 02.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมด้วยภริยา พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน และคณะ ประกอบด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ออกเดินทางด้วยสายการบินไทย เดินทางถึงสนามบินจอห์นเอฟเคเนดี นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA 78) ระหว่างวันที่ 19 - 23 ก.ย.นี้ 

นอกจากนี้ นายเศรษฐา โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เมื่อ 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา ระบุว่า “#UNGA78 จะเป็นภารกิจต่างประเทศอย่างเป็นทางการแรกของรัฐบาลใหม่ เพื่อแสดงบทบาทใหม่ของไทยที่จะเปลี่ยนไปให้กับเวทีโลกเห็น ผมตั้งใจจะขับเคลื่อนการดำเนินการต่างๆ เพื่อบรรลุ #SDGs ความสำคัญในการยึดมั่นระบบพหุภาคี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายและความต้องการของประชาคมโลกในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การระดมทุนเพื่อการพัฒนา และสิ่งแวดล้อมสีเขียว และด้านอื่นๆ อย่างครอบคลุม เดินหน้าเต็มที่เพื่อประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน และกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำจากนานาประเทศ เพื่อเสริมสร้างสันติภาพและความมั่งคั่ง รวมทั้งความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคนครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจแรกจะเริ่มเวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา) โดยเอกอัครราชทูตไทยประจำนครนิวยอร์ก จะเข้าบรีพงานให้กับนายกรัฐมนตรี และคณะ หลังจากนั้น นายกฯ มีกำหนดการเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Summit) และกล่าวถ้อยแถลงในลำดับที่ 10 ในช่วง Leaders‘Dialogue6 Mobilizing Finace and investments and the means of implementation for SDGs achievement โดยจะกล่าวถ้อยแถลง 3 นาที 

'รฟม.' ปลื้ม 2 ต่อ!! แคมเปญ 'ชวนใช้รถไฟฟ้า MRT' เข้าถึงผู้คนมหาศาล ใต้คอนเทนต์ 'สร้างสรรค์-โดนใจ' จนคว้ารางวัลใหญ่ Thailand Influencer Awards 2023

(19 ก.ย.66) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้รับรางวัล Best Automotive and Transportation Influencer Campaign ในสาขา Brand and agency awards จากเวทีประกาศรางวัล Thailand Influencer Awards 2023 โดยมี นายยุทธศักดิ์ ชื่นใจ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เป็นผู้แทน รฟม. เข้ารับรางวัล ณ ICONSIAM HALL

ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการตัดสินผู้ทรงคุณวุฒิด้านการโฆษณาและการจัดทำแบรนด์ทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ เช่น นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย), สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย, ตัวแทนผู้บริหารจาก Line และ Tiktok (Thailand) ซึ่งมอบให้แก่หน่วยงานและองค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างคอนเทนต์ ให้มีพลังจนเป็นที่ยอมรับในสังคม อีกทั้งยังมีการสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 

ทั้งนี้ ทาง รฟม. ได้นำกลยุทธ์ Influencer Marketing มาใช้ในการจัดทำแคมเปญ 'ชวนใช้รถไฟฟ้า MRT' ภายใต้โครงการเพิ่มจำนวนการใช้บริการรถไฟฟ้าของ รฟม. โดยสื่อสารสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์และบริการของ รฟม. ผ่าน Influencer กว่า 31 ราย และมีผลตอบรับที่ดีด้วยยอดเข้าถึงกว่า 1.1 ล้านครั้งเลยทีเดียว 

'แกร็บฟู้ด' เปิดตัวบริการใหม่ 'DINE-IN' ชูคอนเซ็ปต์ 'อิ่ม คุ้ม ครบ' จบทุกเรื่องกินที่ร้าน

(19 ก.ย.66) จิรกิตต์ กว้างสุขสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี และพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บประเทศไทย เปิดตัวบริการใหม่ ‘DINE-IN’ (กินที่ร้าน) ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘อิ่ม คุ้ม ครบ จบทุกเรื่องกินที่ร้าน’ ครอบคลุมตั้งแต่บริการค้นหาและรีวิวร้านอาหาร นำเสนอดีลส่วนลดสูงสุดถึง 40% พร้อมพ่วงบริการเรียกรถจากแกร็บ เล็งเจาะไลฟ์สไตล์คนเมืองทั้งกลุ่มครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อน

แกร็บฟู้ด แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม รับเทรนด์ผู้บริโภคหันกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น เปิดตัวบริการใหม่ ‘DINE-IN’ (กินที่ร้าน) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารที่ร้านแบบครบวงจรได้เพียงปลายนิ้ว ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘อิ่ม คุ้ม ครบ จบทุกเรื่องกินที่ร้าน’ ครอบคลุมตั้งแต่บริการค้นหาและรีวิวร้านอาหาร นำเสนอดีลส่วนลดสุดคุ้มสูงสุดถึง 40% จากร้านอาหารชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ รวมถึง #GrabThumbsUp หรือร้านอร่อยยกนิ้ว พร้อมพ่วงบริการเรียกรถจากแกร็บที่มอบส่วนลดสูงสุดถึง 25% เล็งเจาะไลฟ์สไตล์คนเมืองทั้งกลุ่มครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อนที่ชอบใช้เวลาร่วมกันในมื้อพิเศษ

นายจิรกิตต์ กว้างสุขสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เทรนด์ของธุรกิจร้านอาหารในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเป็นไปในทิศทางบวก โดยเป็นที่คาดการณ์ว่าในปี 2566 ธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 4.35 แสนล้านบาท และจะมีอัตราการเติบโตตลอดทั้งปีราว 7.1%1 อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ผนวกกับปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ แกร็บมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการปรับตัวของผู้บริโภค โดยเฉพาะพฤติกรรมการรับประทานอาหารนอกบ้านที่กลับมาทวีความนิยมมากขึ้นหลังสถานการณ์โควิดได้คลี่คลายลง ล่าสุดแกร็บจึงได้เปิดตัวบริการใหม่ที่ชื่อ DINE-IN (กินที่ร้าน) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งบริการดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารนอกบ้านได้อย่างสะดวกสบายและคุ้มค่าผ่านแอปพลิเคชัน Grab โดยอาศัยจุดแข็งของการเป็นซูเปอร์แอปซึ่งมีบริการที่หลากหลาย ทั้งเดลิเวอรี การเดินทางและการเงิน เพื่อนำเสนอประสบการณ์แบบไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้บริการสายกินได้ภายในแอปพลิเคชันเดียว”

แกร็บเริ่มทดลองให้บริการ DINE-IN ครั้งแรกในประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้บริการทั้งในด้านความสะดวกสบายและความคุ้มค่า โดยปัจจุบันแกร็บได้ขยายบริการดังกล่าวไปในประเทศต่างๆ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม สำหรับในประเทศไทย แกร็บได้ผนึกพันธมิตรกับพาร์ตเนอร์ร้านอาหารชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเปิดตัวบริการ DINE-IN ในเฟสแรกครอบคลุมร้านอาหารประเภทต่างๆ ทั้งร้านไฟน์ไดนิ่ง (Fine Dining) พรีเมียมไดนิ่ง (Premium Dining) แคชชวลไดนิ่ง (Casual Dining) ร้านอาหารในโรงแรม ร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ ไปจนถึงร้านสตรีทฟู้ดชื่อดัง ที่มาพร้อมดีลส่วนลดสุดพิเศษในรูปแบบของ E-Voucher ภายในแอปพลิเคชัน Grab

บริการ DINE-IN เปิดตัวภายใต้คอนเซปต์ ‘อิ่ม คุ้ม ครบ จบทุกเรื่องกินที่ร้าน’ โดยมี 3 ไฮไลต์สำคัญ คืออิ่ม (Enjoyable) : อิ่มอร่อยเต็มๆ ไปกับร้านอาหารชื่อดัง รวมถึง #GrabThumbsUp หรือร้านอร่อยยกนิ้วที่คัดสรรโดยแกร็บ อาทิ Vaso - Spanish Tapas Bar, Petits Plats Bangkok - French Mediterranean Cuisine, Burger & Lobster, OJI Omakase, Indus, 100 Mahaseth, CQK MALA Hotpot, HOLIDAY PASTRY, อบอร่อย, 26BraisedBeef (26 ยี่ สับ หลก) เป็นต้น

คุ้ม (Affordable): คุ้มค่าไปกับส่วนลดสุดพิเศษจากร้านอาหารพันธมิตรสูงสุดถึง 40% พร้อมด้วยส่วนลดค่าบริการเรียกรถจากแกร็บสูงสุดถึง 25% เมื่อเดินทางไปยังร้านอาหารที่ร่วมรายการ (ทั้งไปและกลับ) เพียงกรอกโค้ด ‘DINE-IN’ ตั้งแต่วันนี้จนถึงเดือนธันวาคม 2566

ครบ (Comprehensive): ครบวงจรของบริการที่รองรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารนอกบ้านผ่านแพลตฟอร์มแกร็บที่ใช้ง่ายและสะดวก ครอบคลุมตั้งแต่การค้นหาและเช็ครีวิวร้านอาหาร การซื้อดีลส่วนลดในรูปแบบ E-Voucher ไปจนถึงการนำเสนอบริการเรียกรถเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง

“สำหรับในช่วงเปิดตัว แกร็บจะเน้นทำการตลาดไปกับกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ในเมืองเป็นหลัก โดยจะโฟกัสไปที่กลุ่มครอบครัว คู่รัก รวมถึงกลุ่มเพื่อน ซึ่งมักใช้เวลาร่วมกันในการไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ทั้งนี้ แกร็บเชื่อมั่นว่าบริการ DINE-IN จะได้รับความนิยมและกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในการรับประทานอาหารนอกบ้านให้กับผู้ใช้บริการของเรา” นายจิรกิ

จีนสกัด DNA มนุษย์โบราณ เก่าแก่ 6,000 ปี ชี้!! เหมือนหลากเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอาเซียน

(19 ก.ย.66) สำนักข่าวซินหัว เผยผลการวิจัยทางโบราณคดีครั้งใหม่ ที่ได้เปิดเผยการสกัดดีเอ็นเอ (DNA) จากโครงกระดูกมนุษย์อายุ 6,000 ปี ซึ่งพบในเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน

รายงานดังกล่าว เผยว่า คณะนักโบราณคดีปฏิบัติงานขุดค้นหลุมศพ ซึ่งพบจากซากโบราณหม่าอันของเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน ที่ได้รับการขุดและจัดส่งมายังสถาบันโบราณคดี สังกัดสถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์จีน ได้ระบุตัวอย่างดีเอ็นเอมนุษย์โบราณจากโครงกระดูกมนุษย์เพศชายที่พบในหลุมศพหลุมหนึ่ง ว่ามาจากยุควัฒนธรรมหม่าเจียปัง (Majiabang Culture) ของยุคหินใหม่

ด้าน เหวินเซ่าชิง นักโบราณคดีที่เป็นผู้นำการวิจัย กล่าวว่าเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลดีเอ็นเอของไมโทคอนเดรีย (mitochondrial DNA) ซึ่งพบในโบราณสถานแห่งอื่นทั้งในจีนและภูมิภาคต่าง ๆ พบว่าสารพันธุกรรมประเภทนี้เหมือนกับดีเอ็นเอที่พบในสถานที่แห่งอื่น ซึ่งรวมถึงเวียดนามตอนเหนือ (เมื่อ 4,000-2,000 ปีก่อน) ลาวตอนเหนือ (เมื่อ 3,000 ปีก่อน) อินโดนีเซีย (เมื่อ 2,000 ปีก่อน) ฟิลิปปินส์ (เมื่อ 1,800 ปีก่อน) และกว่างซีของจีน (เมื่อ 1,500 ปีก่อน)

เหวินระบุเพิ่มเติมว่า การค้นพบครั้งนี้ช่วยเติมเต็มช่องว่างการวิจัยดีเอ็นเอโบราณในพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเผชิญอุปสรรคจากผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ที่ย่ำแย่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top