Friday, 30 May 2025
NewsFeed

'รมช.คลัง' รับ!! เงินไม่พอทำ 'สวัสดิการถ้วนหน้า' ชี้!! 'ภาษีที่จัดเก็บได้ยังห่างไกล-รัฐต้องคุมวินัยคลัง'

(12 ก.ย.66) ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงถึงนโยบายพักหนี้เกษตรกร ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า เรื่องการเกษตรเป็นเรื่องสำคัญ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรก จะมีเรื่องการพักหนี้เข้าสู่ที่ประชุมเป็นเรื่องเร่งด่วนจะทำให้ได้ในไตรมาสสี่ปีนี้ โดยเป็นการพักหนี้ทั้งต้นและดอก พร้อมแผนสร้างรายได้ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างปลูกและผลิตตามที่ตลาดโลกต้องการ และการพักหนี้ทั้งต้นทั้งดอกนี้จะทำให้เกษตรกรมีแรงทำมาหากินสร้างรายได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และไม่เสียวินัยการเงินการคลัง เช่น การใช้ปุ๋ยตามการวิเคราะห์ดิน ลดจำนวนปุ๋ยเคมีและเพิ่มผลผลิตเพื่อเพิ่มรายได้ ส่วนเรื่องการใช้ดาต้าเข้ามาสนับสนุนการเพาะปลูกนั้น เราจำเป็นต้องถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกรปรับใช้ให้มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการให้ความรู้เกษตรกรทั่วไป

นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นเรื่องหมูเถื่อนที่เข้ามานั้น ตนได้รับฟังปัญหานี้มาก่อนแล้วเป็นปัญหาใหญ่ที่ลามไปทั่วประเทศจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อหาแผนสั่งการต่อไป ขณะที่เรื่องของรายได้ครูและข้าราชการนั้นถือเป็นภาคส่วนสำคัญในการดูแลประชาชน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ และรับปากว่าจะไปดูแลเรื่องรายได้ให้เหมาะสมกับงบประมาณโดยรักษาไว้ซึ่งวินัยการเงินการคลัง

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า การแก้ปัญหาการพักหนี้เกษตรกร สมาชิกหลายท่านอภิปรายให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ตนในฐานะรมช.คลัง รวมถึงนายกฯ เน้นย้ำการเดินหน้าเรื่องการพักหนี้ เราเตรียมการล่วงหน้าไปมากแล้ว โดยเชื่อมั่นว่าภายในไตรมาสนี้จะเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องการพักหนี้เกษตรได้ การพักหนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะต่อชีวิตให้พี่น้องภาคการเกษตร หลังจากนั้นรัฐบาลจะมีโครงการอีกจำนวนมาก พร้อมกับวางเป้าเพิ่มมูลค่าทางเกษตรภายใน 4 ปี เพื่อให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้อย่างแท้จริง รวมถึงจะมีการเจรจาการค้าเอฟทีเอกับหลายๆประเทศเพื่อเปิดประตูการค้า เพราะรัฐบาลมองสถานการณ์เอญนีโญที่จะเกิดขึ้นเป็นโอกาส เพราะจะเกิดภาวะขาดแคลนด้านอาหารจำนวนมากในโลก ถ้าประเทศไทยสร้างความแข็งแกร่งด้านการเกษตรได้ เราจะกลับมาเป็นครัวโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ เกษตรกรจะลืมตาอ้าปากได้

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการพูดถึงสวัสดิการถ้วนหน้า เราต้องตื่นจากความฝันและอยู่กับความเป็นจริง เนื่องจากจีดีพีของไทยต่ำกว่าประเทศที่ทำสวัสดิการถ้วนหน้ามาก ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่การจัดเก็บภาษี ยังไม่สามารถอยู่ในจุดที่เราจะทำสวัสดิการถ้วนหน้าได้จริงๆ เราเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลกันมาช่วงหนึ่ง ทราบดีว่าข้อจำกัดคืออะไร ตนอยากถามกลับว่าหากท่านต้องการให้ทำสวัสดิการถ้วนหน้า ท่านคาดว่าจะเอางบประมาณมาจากไหน หรือท่านจะเอาเงินมาจากการขายทรัพย์สินของรัฐมาทำสวัสดิการถ้วนหน้า หรือจะขายกองทุน กู้แบงก์ แต่สำหรับรัฐบาลนี้เราตระหนักเรื่องวินัยการเงิน การคลัง ฉะนั้น เราคงจะทำแบบนั้นไม่ได้

“ด้วยภาระของรัฐบาลปัจจุบันหากทำสวัสดิการถ้วนหน้าจะเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้ ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีงบประมาณมากเพียงพอ ที่จะรองรับการจัดสวัสดิการถ้วนหน้า สิ่งสำคัญที่ทุกท่านทราบคือรัฐจะต้องจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลมีความตั้งใจเดินหน้าสวัสดิการโดยรัฐให้กับประชาชนในระดับที่เหมาะสม และจะทำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน” รมช.คลัง กล่าว

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผย!! กู้หลักฐานกล้องวงจรปิดใกล้เสร็จแล้ว เตรียมออกหมายจับเพิ่ม ขอตำรวจในงานเลี้ยงพูดความจริง

(12 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรแบงค์ สังกัดตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนเลี้ยงว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นาย และพลเรือน 27 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย ถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1 คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับใครเพิ่มเติมยังต้องรอการกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดให้ได้ก่อนเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีและจะเห็นความชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่ามีการออกหมายจับเพิ่มทั้งตำรวจและพลเรือนแน่นอน

ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์หากมีการกู้สำเร็จจะไม่มีการจะไม่มีการนำมาเปิดเผยเนื่องจากรายละเอียดนี้ใช้ประกอบสำนวนทนายของจำเลยอาจจะใช้ต่อสู้คดีได้ ดังนั้นตัวเองจะไปดูและเป็นผู้นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเอง 

ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีนี้ผู้เสียชีวิตจะได้รับความเป็นธรรมที่สุด และจะมีการขยายผลไปถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เชื่อมโยง เครือข่ายกำนันนก ว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการฮั๊วะประมูลโครงการของรัฐในพื้นที่ภาคเจ็ด เรื่องเว็บพนันออนไลน์ก็กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน

รวมถึงกรณีกระแสข่าวเส้นทางการเงินเครือข่ายกำนันนก ที่มีการโอนให้กับนายตำรวจทั้งที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุและตำรวจที่ไม่ได้ไปงานด้วยตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่าอยู่หน่วยงานไหน แต่ขอยังไม่เปิดเผยเพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน

ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวกำนันนก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บอวตารที่ทำขึ้นมาหลังจากเกิดคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาตัวบุคคลดังกล่าว หากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม พ.ต.อ.วชิรา ผู้กำกับการตำรวจทางหลวง 2 ที่ก่อเหตุปลิดชีพในบ้านพัก เป็นเรื่องที่ทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก จากที่ตัวเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจากหลักฐานตอนนี้ยังพบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังต้องรอผลการตรวจของเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานเพื่อความชัดเจน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับปลิดชีพตัวเองยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นประเด็นความเครียดเนื่องจากพนักงานสอบสวน ที่สอบปากคำผู้กำกับเบิ้ม ระบุว่าผู้กำกับเบิ้มมีความเครียดสูง ส่วนประเด็นที่โซเชียลสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์มือถือถึงอยู่ที่บางนา ห่างไกลจากสถานที่พบศพ เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้ถือโทรศัพท์มือถือมาสอบปากคำอีกครั้ง 

ส่วนแท็กซี่ที่ขับมาส่งผู้กำกับเบิ้มที่บ้านก่อนเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้ได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว จากคำให้การ ไม่ครบข้อพิรุธ ระหว่างเดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุผู้กำกับเบิ้มก็ได้บอกเส้นทางกลับบ้านด้วยตัวเอง และเดินทางเพียงลำพังคนเดียว

ส่วนประเด็นเรื่องโรบอทดูดฝุ่น ที่พบหัวกระสุน จะมีการตั้งเวลาหรือมีการสั่งการผ่านมือถือจากข้างนอกหรือไม่ ข้อสงสัยนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กับบริษัทผู้ผลิต

ส่วนกรณีผู้กำกับ สน.พญาไทที่มีคลิปเสียงข่มขู่ผู้สื่อข่าว เชื่อว่าเกิดจากความเครียด ซึ่งหลังจากนี้หากผู้สื่อข่าว ยังติดใจสามารถแจ้งความผ่านตัวเองได้ ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคเจ็ดจัดกำลังดูแลผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเจ็ดเชื่อว่าทำไปเพื่อความสบายใจ

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เวลานี้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงทั้งหมดยังให้การไม่เป็นความจริง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องมีจิตสำนึก รักพวกพ้องตำรวจด้วยกัน เพราะตอนนี้มีตำรวจถูกยิงตายแล้วหนึ่ง บาดเจ็ดหนึ่ง และปลิดชีพเพิ่มอีก ดังนั้น ก็ควรออกมาพูดความจริง เพราะสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นเกิดจากการเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งแย่เต็มที

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตำรวจที่ให้การร้องไห้และพูดความจริงออกมาทั้งหมดยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลตรงนั้น มีเพียงตำรวจที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้นที่มีความเครียดเวลาญาติไปเยี่ยมก็จะร้องไห้ 

ส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาคอยติดตามอย่างต่อเนื่องหากมีความเครียดก็ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจและมีนักจิตวิทยาคอยประเมินสภาพจิตใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำรอยผู้กำกับเบิ้ม

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าเมื่อวานนี้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ติดต่อมาหาตัวเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกันโดยนายชาดาจะช่วยสแกนรายชื่อผู้มีอิทธิพลและส่งมาให้ตัวเองดำเนินการต่อ

เชียงใหม่-อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ อุทยานวิทย์ มช.  ติดอาวุธผู้ประกอบการในโครงการ Begin to Tech Startup เตรียมพร้อมก้าวสู่โลกธุรกิจด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม

วันที่ 12 กันยายน 2566 อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ผสานกำลัง อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) จัดกิจกรรม Chiangmai Startup Driven Economy ในรอบ Pitch Demo  ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ Begin to Tech Startup ภายใต้กิจกรรมเร่งการเติบโตของผู้ประกอบการ จากกระบวนการ Spin-out และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีศักยภาพสูง (SMEs Spin-out to Tech Startup) โดยมีผู้ประกอบการ SMEs ในจังหวัดเชียงใหม่ กว่า 30 สถานประกอบการ เข้ารับการบ่มเพาะธุรกิจอย่างเข้มข้น ตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือน และทำการคัดเลือกให้เหลือเพียง 10 สถานประกอบการ เพื่อทำการนำเสนอ แผนธุรกิจรูปแบบ Private Pitching ในวันที่ 11 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา และนำเสนอแผนธุรกิจรูปแบบ Public Pitching ในวันที่ 12 กันยายน 2566 โดยได้รับเกียรติจาก นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัลแก่ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 3 สถานประกอบการ พร้อมมอบใบประกาศนียบัตรแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ  ณ NSP Rice Grain Auditorium อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่)

ทั้งนี้ กิจกรรมการคัดเลือกผู้ประกอบการทั้ง 2 วัน ได้มีตัวแทนนักลงทุนระดับแนวหน้าของประเทศ ได้แก่ Krungsri Finnovate, Beacon Venture Capital, 500 TukTuks, KT Venture Capital และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ร่วมเป็นคณะกรรมการในการเฟ้นหาผู้ชนะที่มีความพร้อมด้านการนำเสนอแผนธุรกิจSpin-out เพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 150,000 บาท พร้อมรับโล่ประกาศเกียรติคุณ โดยผลการแข่งขันผู้ประกอบการที่สามารถคว้าชัยการนำเสนอแผนธุรกิจใหม่ในรอบชิงชนะเลิศ ได้แก่ ผู้ประกอบการจากบริษัท เชียงใหม่ ที.ดี. จำกัด พร้อมเงินรางวัล จำนวน 70,000 บาท ตามมาด้วยรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 บริษัท เวลเนส มี จำกัด พร้อมเงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ แอนด์ เอ แคนเดิล แอนด์ โซป ซัพพลายส์ และเงินรางวัล จำนวน 20,000 บาท

ด้านนางพัชรี ใบยา สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การดำเนินโครงการฯ เป็นไปตามนโยบาย MIND จากกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่วิถีใหม่ ภายใต้แนวคิด “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากผ่านนโยบาย 4 มิติ อันได้แก่  มิติที่ 1 ด้วยการปรับธุรกิจและอุตสาหกรรมสู่ S-Curve มิติที่ 2 การดูแลสังคมโดยรอบโรงงานอุตสาหกรรม   มิติที่ 3 การรักษาสิ่งแวดล้อมสู่ความเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตอบโจทย์ประชาคมโลก และมิติที่ 4 การกระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดและของภูมิภาค โดยการสร้างกลไกในการผลักดัน Startup รูปแบบใหม่ เน้นพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้ประกอบการ เสริมสร้างความเข้มแข็งในช่วงเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ด้วยการพัฒนาแนวคิดธุรกิจต่อยอด ให้เกิดการจัดตั้งธุรกิจใหม่ (SMEs Spin out)  เพื่อเป็นการเร่งพัฒนาหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ของภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นและผลักดันให้เกิดการจัดตั้งบริษัทใหม่ (Spin-out)

ผศ.ดร.จุฬาลักษณ์ เขมาชีวะกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการอุทยานฯ กล่าวว่าเสริมอุทยานฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างระบบบ่มเพาะองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ สู่การเพิ่มโอกาสและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้สามารถปรับตัวสู่ธุรกิจใหม่ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจเขตภาคเหนือ ผลักดันและพัฒนาให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางแห่งการเติบโตต่อโลกธุรกิจเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ (Tech Startups) สู่อุตสาหกรรมระดับประเทศ 

วิภาดา/เชียงใหม่

จับตา 5 เทรนด์ธุรกิจร้านอาหารยุคหลังโควิด ฝ่ามรสุม 'แข่งดุ-ต้นทุนพุ่ง-พฤติกรรมคนเปลี่ยน'

ไม่นานมานี้ Krungthai COMPASS ได้ประเมินว่า ตลาดร้านอาหารในประเทศไทยปี 66-67 จะเติบโตราว 7.8% (YoY) และ 5.8% (YoY) โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 6.2 และ 6.5 แสนล้านบาท ได้แรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่จะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น จากการที่ผู้คนเริ่มกลับมาใช้บริการร้านอาหารเป็นปกติมากขึ้น รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 66-67 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องเป็น 29.0 และ 35.5 ล้านคน ตามลำดับ

ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ยังได้ประเมิน 5 เทรนด์ของธุรกิจร้านอาหารในยุคหลังโควิดที่น่าจับตาไว้ด้วย ดังนี้...

1. Dining Experience ร้านอาหารที่สามารถมอบประสบการณ์แปลกใหม่ น่าจดจำ แต่เข้าถึงง่ายนั้นมีแนวโน้มฟื้นตัวจากช่วงโควิด-19 ได้เร็วกว่า โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารที่ได้รับ Michelin Guide ที่ถูกค้นหามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

2. Health & Wellness Cuisine เมื่อผู้คนต่างดูแลสุขภาพกันมากขึ้น อาหารที่ดีต้องส่งเสริมสุขภาพ โดย ผลสำรวจผู้บริโภคอเมริกันกว่า 1,000 คน ได้ให้นิยามของ ‘Healthy Food’ ว่าจะต้องเป็นอาหารที่ ‘สดใหม่-มาจากธรรมชาติ-น้ำตาลน้อย-ใช้แหล่งโปรตีนคุณภาพดี’

3. Elderly Food ร้านอาหารเพื่อดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุมีโอกาสกลายเป็น Segment ดาวรุ่งในระยะถัดไป จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย

4. Robotics in Restaurant ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง คือ 2 แรงผลักดันสำคัญให้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในธุรกิจร้านอาหาร

5. Sustainable Food 70% ของผู้บริโภค Gen ใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืนทางอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาจากขยะอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste) ทำให้เทรนด์พฤติกรรมการบริโภคอาหารแบบรักษ์โลกมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผย!! กู้หลักฐานกล้องวงจรปิดใกล้เสร็จแล้ว เตรียมออกหมายจับเพิ่ม ขอตำรวจในงานเลี้ยงพูดความจริง

(12 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรแบงก์ สังกัดตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนเลี้ยงว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นาย และพลเรือน 27 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย ถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1 คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับใครเพิ่มเติมยังต้องรอการกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดให้ได้ก่อนเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีและจะเห็นความชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่ามีการออกหมายจับเพิ่มทั้งตำรวจและพลเรือนแน่นอน

ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์หากมีการกู้สำเร็จจะไม่มีการจะไม่มีการนำมาเปิดเผยเนื่องจากรายละเอียดนี้ใช้ประกอบสำนวนทนายของจำเลยอาจจะใช้ต่อสู้คดีได้ ดังนั้นตัวเองจะไปดูและเป็นผู้นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเอง 

ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีนี้ผู้เสียชีวิตจะได้รับความเป็นธรรมที่สุด และจะมีการขยายผลไปถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เชื่อมโยง เครือข่ายกำนันนก ว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการฮั๊วะประมูลโครงการของรัฐในพื้นที่ภาคเจ็ด เรื่องเว็บพนันออนไลน์ก็กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน

รวมถึงกรณีกระแสข่าวเส้นทางการเงินเครือข่ายกำนันนก ที่มีการโอนให้กับนายตำรวจทั้งที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุและตำรวจที่ไม่ได้ไปงานด้วยตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่าอยู่หน่วยงานไหน แต่ขอยังไม่เปิดเผยเพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน

ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวกำนันนก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บอวตารที่ทำขึ้นมาหลังจากเกิดคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาตัวบุคคลดังกล่าว หากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม พ.ต.อ.วชิรา ผู้กำกับการตำรวจทางหลวง 2 ที่ก่อเหตุปลิดชีพในบ้านพัก เป็นเรื่องที่ทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก จากที่ตัวเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจากหลักฐานตอนนี้ยังพบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังต้องรอผลการตรวจของเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานเพื่อความชัดเจน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับปลิดชีพตัวเองยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นประเด็นความเครียดเนื่องจากพนักงานสอบสวน ที่สอบปากคำผู้กำกับเบิ้ม ระบุว่าผู้กำกับเบิ้มมีความเครียดสูง ส่วนประเด็นที่โซเชียลสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์มือถือถึงอยู่ที่บางนา ห่างไกลจากสถานที่พบศพ เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้ถือโทรศัพท์มือถือมาสอบปากคำอีกครั้ง 

ส่วนแท็กซี่ที่ขับมาส่งผู้กำกับเบิ้มที่บ้านก่อนเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้ได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว จากคำให้การ ไม่ครบข้อพิรุธ ระหว่างเดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุผู้กำกับเบิ้มก็ได้บอกเส้นทางกลับบ้านด้วยตัวเอง และเดินทางเพียงลำพังคนเดียว

ส่วนประเด็นเรื่องโรบอทดูดฝุ่น ที่พบหัวกระสุน จะมีการตั้งเวลาหรือมีการสั่งการผ่านมือถือจากข้างนอกหรือไม่ ข้อสงสัยนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กับบริษัทผู้ผลิต

ส่วนกรณีผู้กำกับ สน.พญาไทที่มีคลิปเสียงข่มขู่ผู้สื่อข่าว เชื่อว่าเกิดจากความเครียด ซึ่งหลังจากนี้หากผู้สื่อข่าว ยังติดใจสามารถแจ้งความผ่านตัวเองได้ ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคเจ็ดจัดกำลังดูแลผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเจ็ดเชื่อว่าทำไปเพื่อความสบายใจ

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เวลานี้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงทั้งหมดยังให้การไม่เป็นความจริง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องมีจิตสำนึก รักพวกพ้องตำรวจด้วยกัน เพราะตอนนี้มีตำรวจถูกยิงตายแล้วหนึ่ง บาดเจ็บหนึ่ง และปลิดชีพเพิ่มอีก ดังนั้น ก็ควรออกมาพูดความจริง เพราะสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นเกิดจากการเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งแย่เต็มที

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตำรวจที่ให้การร้องไห้และพูดความจริงออกมาทั้งหมดยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลตรงนั้น มีเพียงตำรวจที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้นที่มีความเครียดเวลาญาติไปเยี่ยมก็จะร้องไห้ 

ส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาคอยติดตามอย่างต่อเนื่องหากมีความเครียดก็ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจและมีนักจิตวิทยาคอยประเมินสภาพจิตใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำรอยผู้กำกับเบิ้ม

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าเมื่อวานนี้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ติดต่อมาหาตัวเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกันโดยนายชาดาจะช่วยสแกนรายชื่อผู้มีอิทธิพลและส่งมาให้ตัวเองดำเนินการต่อ

‘พ่อค้าแม่ค้า’ โอด!! ไข่ไก่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ปชช.เดือดร้อนกันถ้วนหน้า วอนรัฐบาลใหม่ช่วยดูแลด่วน

(12 ก.ย.66) ที่ร้านขายไข่ไก่ตลาดเช้าเทศบาลเมืองเลย ร้านศูนย์ไข่เมืองเลย พบว่า ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นราคาต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน พ่อค้าแม่ค้าขายข้าวแกง ร้านเบเกอรี่ ต่างได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากราคาไข่ปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาไข่เบอร์ 0 จำหน่ายยกแผง 145 บาท ครึ่งแผง 75 บาท ราคาขายปลีกพุ่งฟองละ 6 บาท ราคาแพงสุดในรอบ 30 ปี ราคาไข่ไม่เคยแพงถึงแผงละ 145 บาท

นายไพโรจน์ แดงพูลผล เจ้าของร้านศูนย์ไข่เมืองเลย เผยว่า ราคาในช่วงนี้ราคาไข่ไก่ทั้งไข่เป็ดราคาขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีท่าทีว่าจะลงอีก ซึ่งมีหลายปัจจัย อย่างในช่วงนี้ เป็นช่วงเปิดเทอม และสภาวะไข่ที่อยู่ในตลาดปริมาณไม่เพียงพอกับการบริโภค รวมทั้งวัตถุดิบต่างๆ ราคาก็สูงขึ้น เกษตรกรในช่วงพักที่ผ่านมา ทั้งอาหารสัตว์ อุปกรณ์การเลี้ยงชักธงเรียงแถวขึ้นราคา จนเกษตรกรของขึ้นปรับราคา และปศุสัตว์เองวางมาตรการเรื่องการปลดไก่ หรือการปลดอายุไขของไก่ซึ่งได้ปลดไวกว่าเดิม รวมทั้งเข้ามาควบคุมราคารวมกับการค้าภายใน

นางสุพัฒตรา แม่ค้าขายข้าวแกงและทำร้านเบเกอรี่ เผยว่า ต้องยอมรับว่าปีนี้ไข่ไก่ถือว่าแพงที่สุด เป็นประวัติการณ์เท่าที่เคยเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง และเปิดร้านเบเกอรีมากว่า 30 ปี จากที่เคยซื้อไข่ไก่อย่างสบายกระเป๋า วันนี้กลายเป็นอาหารที่แสนแพงไปแล้วกับคนที่หาเช้ากินค่ำ อาหารประเภทไข่กลายเป็นอาหารที่แพงไปแล้ว อย่างดูราคาไข่วันนี้ เบอร์ 0 ราคา 145 บาท ครึ่งแผง 75 บาท ขายปลีกราคาใบละ 6 บาท เบอร์ 1 ราคา 135 บาท เบอร์ 2 ราคา 130 บาท และอย่างเราต้องค้าขายใช้ไข่จำนวนมากในแต่ละวัน ทั้งทำไข่พะโล้ ทำขนมปัง ทำเค้ก กระทบต่อต้นทุนอย่างมาก โดยทางร้านยังขายไข่ดาว ไข่ต้ม ไข่พะโล้ ใบละ 10 บาท แม้ราคาต้นทุนใบละ 6 บาท ขายพร้อมข้าวแกงจานละ 45 บาท ลูกค้าบางคนยังบ่นว่าแพงเลย ทุกวันนี้ข้าวของทุกอย่างขึ้นราคาหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล และไข่ไก่ จึงอยากจะฝากถึงรัฐบาลใหม่ช่วยมาลงมาดูเรื่องในเรื่องนี้ด้วย ประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้ากันแล้ว

‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ สุดปลื้มถูกเซอร์ไพรส์ด้วย ‘Hermes’ ถามกูรู ‘รุ่นนี้รุ่นอะไร’ ไม่ต้องบอกราคายกเป็นคุณค่าทางใจ

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 66 ‘แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ ได้โพสต์คลิปแสดงความดีใจและปลื้มใจหนักมาก หลังจากได้ของขวัญถุงใหญ่จากเจ้าของแบรนด์ ‘SYN FIBER’ เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู ‘Hermes’ โดยเจ้าตัวได้ไปร่วมกิจกรรมและเล่นเกมในการไลฟ์สดโปรโมทแบรนด์สินค้า โดยระบุว่า พี่เจ้าของแบรนด์  ‘SYN FIBER’ ได้เซอร์ไพรส์ตนเอง ด้วยการให้หลับตาแล้วบอกมีของจะให้ ซึ่งในใจคิดว่าคงเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบตุ๊กตาหมีที่อยู่ในกระเช้าหรือกล่องไฟเบอร์ แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นกระเป๋า Hermes ซึ่งถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่มาก

โดยแพรรี่ ยังแอบถามกูรูกระเป๋าแบรนด์เนมด้วยว่า ไม่รู้ว่ากระเป๋ารุ่นนี้เป็นรุ่นอะไร เพราะตนเองไม่เคยมีแบรนด์นี้มาก่อน ใบนี้นับเป็นใบแรก จึงรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก อยากรู้เพียงว่ารุ่นอะไร ไม่อยากรู้ราคา เพราะมั่นใจว่าราคาน่าจะสูงอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือรู้สึกซาบซึ้งมาก เพราะไม่เคยมีใครเอ็นดูและมอบของขวัญที่มีมูลค่ามากขนาดนี้ ที่นำคลิปมาโพสต์ครั้งนี้ เพื่ออยากจะขอบคุณพี่เจ้าของแบรนด์ ‘SYN FIBER’ เป็นอย่างสูง 

“แม้ว่าจะเป็นของที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ได้มองที่มูลค่าตรงนั้น แต่มองในแง่คุณค่าทางจิตใจและความเอ็นดูที่ได้รับมากกว่า”

‘กรมการจัดหางาน’ เตือนภัย!! มิจฉาชีพปลอมเพจบริษัทจัดหางาน แอบอ้างใช้ชื่อ - โลโก้บริษัท รับสมัครคนทำงานเรือสำราญ

(12 ก.ย. 66) อธิบดีกรมการจัดหางาน เตือนภัย มิจฉาชีพอ้างชื่อบริษัทจัดหางานถูกกฎหมาย สร้างเพจรับสมัครคนทำงานเรือสำราญต่างประเทศ หลอกขอข้อมูลส่วนบุคคล ย้ำกรมฯ เอาผิดตาม พรบ.จัดหางานฯ มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมการจัดหางาน เผยแพร่ข่าว  บริษัทจัดหางานซึ่งประกอบธุรกิจเรือสำราญ จำนวน 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทจัดหางาน ญาณดา จำกัด บริษัทจัดหางาน เอเซียน แมนพาวเวอร์ จำกัด และบริษัทจัดหางาน บีเอสซี แมแนจเม้นท์ จำกัด เตรียมรับสมัครคนไทย ทำงานบนเรือสำราญต่างประเทศ จำนวน 2,602 อัตรา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 นั้น 

ล่าสุดมีผู้แอบอ้างใช้ชื่อและโลโก้ของบริษัทจัดหางานดังกล่าวเป็นรูปโปรไฟล์ เพื่อโพสต์ข้อความรับสมัครคนหางานทางเพจเฟซบุ๊ก โดยขึ้นข้อความว่าเป็นการรับสมัครผ่านกรมการจัดหางาน จนมีคนหางานให้ความสนใจกดไลก์ กดแชร์มากกว่า 500 ครั้ง เมื่อคนหางานหลงเชื่อเข้าไปสอบถาม แอดมินเพจจะทำการแจ้งรายละเอียดผ่านทางอินบอกซ์ก่อนขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์ สำเนาทะเบียนบ้านและเอกสารสำคัญอื่น ๆ 

นายไพโรจน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบผู้เสียหาย แต่หากท่านใดรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงจากกรณีดังกล่าว สามารถรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ในส่วนของกรมการจัดหางานจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับผู้ชักชวนและหลอกลวงคนหางานตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งการโฆษณาการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้กรมฯ จะแจ้งไปที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อเอาผิดและดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศ สามารถใช้บริการกับบริษัทจัดหางานที่จดทะเบียนกับกรมการจัดหางานถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 137 บริษัท โดยก่อนหลงเชื่อโอนเงินหรือส่งเอกสารหลักฐานสำคัญให้ผู้ใด ควรตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานที่เว็บไซต์กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน doe.go.th/ipd ซึ่งมีที่อยู่และช่องทางติดต่อที่ถูกต้องของบริษัทจัดหางานระบุไว้อย่างชัดเจน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

‘บิ๊กต่อ’ เผย ‘ผู้กำกับเบิ้ม’ มากอดขาขอโทษที่ตนเป็นต้นเหตุ ยันเป็นตำรวจฝีมือดีคนหนึ่ง เชื่อ!! ไม่ใช่การฆ่าตัดตอนแน่นอน

(12 ก.ย. 66) ภรรยา และลูกชายวัย 8 ปีของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ‘ผู้กำกับเบิ้ม’ ผกก.2 บก.ทล. ที่ยิงตัวตาย เดินทางมารอรับศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลภูมิพล โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) มาให้กำลังใจครอบครัว เคลื่อนย้ายศพไปประกอบพิธียังวัดตรีทศเทพ ในช่วงเย็นวันนี้ (12 ก.ย. 66)

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ 1 วัน พ.ต.อ.วชิรา มากอดขาขอโทษบอกว่า “พี่ครับ ผมผิด ผมพาน้องไปตาย” และยังบอกด้วยว่า ถ้าจบเรื่องนี้ จะขอไปบวช เพราะรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา และอยากแสดงความรับผิดชอบ โดยพูดอยู่ตลอดว่า “ผมทำให้น้องตาย” ตนจึงให้กำลังใจ และบอกเพื่อนๆ นรต.รุ่น 55 ให้คอยดูแลให้ดี เพราะทราบว่า พ.ต.อ.วชิรา เคยป่วยซึมเศร้ามาก่อน ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา เพื่อนจะคอยให้กำลังใจ แต่สภาพจิตใจกลับไม่ดีขึ้นจนเกิดเหตุ

“ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม พ.ต.อ.วชิรา จึงโทรไปเรียก พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว มาที่เกิดเหตุ แต่หลังเกิดเหตุ ทราบว่าเจ้าตัวดูแลน้องอย่างเต็มที่ และบอกกับคนรอบตัวว่าอยากตายแทน เพราะรู้สึกผิด อยากฝากถึงสังคมว่าให้แยกแยะตำรวจ อย่าเหมารวม อย่าง พ.ต.อ.วชิรา ถือเป็นตำรวจฝีมือดี และเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ถูกโซเชียลพิพากษาว่าเป็นตำรวจไม่ดีไปแล้ว” รอง ผบ.ตร. กล่าว

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าการเสียชีวิตเป็นการฆ่าตัดตอน หรือการจัดฉากหรือไม่นั้น แพทย์นิติเวช ได้พิสูจน์ออกมาชัดเจนแล้วว่ากระสุนมีเพียงแค่นัดเดียว เข้าสมองด้านขวา อีกทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุ เวลาในกล้องวงจรปิดก็ตรงกันหมด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการจัดฉาก แนวคิดแบบนี้เป็นแนวคิดของตำรวจรุ่นเก่าที่ไม่มีความรู้ในเรื่องของการสืบสวน ซึ่งจะทำให้ตำรวจเสียหายด้วย จึงขอให้ยึดที่พยานหลักฐานดีกว่าการคิดมโนไปเอง และครอบครัวของ พ.ต.อ.วชิรา ก็ไม่ได้ติดใจอะไรในสาเหตุการเสียชีวิต

ตำรวจไซเบอร์รวบมือขวาเอเย่นต์หลอกเปิดบัญชีม้าในชลบุรี พบเหยื่อนับร้อย เสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่า มีขบวนการกว้านซื้อบัญชีม้าจำนวนมาก ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.2 บก.สอท.1 ได้ทำการลงพื้นที่เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้ดังกล่าวแล้วพบว่า
มีการซื้อบัญชีม้าจำนวนมากจริง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบได้ว่าผู้ใดทำหน้าที่เป็นมือขวาของเอเย่นต์ชาวจีนที่ทำหน้าที่รวบรวมบัญชีม้าภายในประเทศไทย สำหรับใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งพบมูลค่าความเสียหายจำนวนมากในสังคมขณะนี้

ต่อมาวันที่ 11 กันยายน 2566 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.1 ได้ทำการลงพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง
จ.ชลบุรี และได้ทำการค้นหาติดตามตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการรับซื้อบัญชีม้า จนกระทั่งพบ นายสุริยา (สงวนนามสกุล) ชาวจังหวัดชลบุรี และ นางสาวปาริชาต (สงวนนามสกุล) ชาวจังหวัดจันทบุรี ผู้ซึ่งเป็นมือขวาคนสำคัญของเอเย่นต์ชาวจีน ที่บริเวณริมถนนภายใน ซ.เขาตาโล 14 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้แสดงหมายจับและทำการจับกุมตัวบุคคลทั้ง 2 ราย ในข้อหา “ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”

ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และให้การว่า หลังจากรวบรวมบัญชีม้าและข้อมูลของชาวบ้านที่รู้จัก จึงส่งต่อให้กับเอเย่นต์ชาวจีนอีกที โดยเอเย่นต์กลุ่มนี้ จะมีลักษณะการติดต่อโดยการ ใช้เบอร์โทรศัพท์ของผู้อื่นติดต่อมายังผู้ต้องหา และนัดหมายเวลาและสถานที่เพื่อขอข้อมูลบัญชีและเอกสารในการทำธุรกรรมในการเปิดบัญชี ที่ผู้ต้องหาหามาได้ และหลังจากนั้นจะทำการตัดช่องทางการติดต่อดังกล่าวทันที และจะติดต่อกลับมาใหม่โดยเบอร์โทรศัพท์ของผู้อื่น ที่เชื่อว่าได้ถูกหลอกให้เปิดซิมโทรศัพท์เพื่อใช้ในการติดต่อมายัง นายสุริยาฯ และ นางสาวปาริชาตฯ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ามีผู้ถูกหลอกให้เปิดบัญชีในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มากกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท

เตือนภัยสังคม
1. รับจ้างเปิดบัญชี หากบัญชีถูกนำไปใช้ในทางทุจริต อาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน อัตราโทษจำคุกตั้งแต่
1-10 ปี ปรับ 10,000 -200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ผลของกฎหมายยังมีผลให้เจ้าของบัญชีม้าหรือเบอร์ม้ามีโทษอาญาหนักจำคุก 3 ปี หรือ ปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้ที่ได้เป็นธุระจัดหา ก็มีโทษอาญาหนักเช่นกัน มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้น อย่า! ขายบัญชีธนาคารของตนเองให้กับคนอื่นเด็ดขาด อย่า! รับจ้างเปิดบัญชี อย่า! ยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top