Monday, 26 May 2025
NewsFeed

‘เท่ง เถิดเทิง’ ยอมรับ!! ถ้าไม่มีภรรยาคนนี้ ชีวิตไม่มีอะไรเลย คอยสะกิด-มีความคิดผู้ใหญ่ ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้มาเจอกัน

(8 ก.ย.66) ‘เท่ง เถิดเทิง’ มาเล่าเรื่องความรักกับ ‘แจ๊ส ชวนชื่น’ ในรายการ ‘รสวิวาห์’ เผยถึงตอนมีแฟนคนแรกว่า ตอน ป.4 ปั๊ปปี้เลิฟ ถ้าคลิปนี้ถึงคนๆ นี้ วันนั้นเขาแค่ 10 ขวบ เขาอาจยังไม่คิดอะไรหรอก แต่เรา 10 ขวบ เริ่มมีความรู้สึกกับเพศตรงข้าม ความรัก เขาชื่อ ‘สิริมา บุญครอบ’ เขาอยู่ชั้นล่าง เราอยู่ชั้นบน แล้วมีร่องเขียนจดหมายแล้วหย่อนไป ครูชั้นนั้นเอามาอ่าน ครูขึ้นมาที่ชั้นเราเลย คนไหนอยากเจอ ‘สิริมา บุญครอบ’ อายเลย จบ ป.4 มาเขาก็เรียนต่อ คนละโลกกันแล้ว

จากนั้นมีคอมเมนต์ เข้ามาบอก “ขอบคุณนะคะที่จำกันได้ เห็นพูดกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว” ทำเอาแฟนๆ เข้ามาเซอร์ไพรส์ตัวจริงมาเองเลย

ขณะที่ ‘เท่ง’ ยังได้ย้อนถึงการพบรัก ‘มาลา’ ภรรยาคนปัจจุบัน ‘เท่ง’ เล่าด้วยความคลั่งรักแรกเห็น ขณะตัวเองเป็นตลกคาเฟ่และ มาลา เป็นนักร้องว่า สวยเหมือนนางฟ้า ชีวิตนี้แค่เห็น พอแล้ว ก่อนเล่าเรื่องราวความรักชีวิตคู่ ตอนมีลูกชายคนแรกชีวิตลำบากมาก ต้องไปเช่าห้องอยู่ หาเช้ากินค่ำ ก่อนจะไปบวชให้สมเด็จย่า ตั้งใจบวชให้ดีที่สุด สึกแล้วขอให้ดี พอสึกออกมาชีวิตค่อยๆ ไต่เต้าดีขึ้นเรื่อยๆ มาอยู่กับ ‘หม่ำ จ๊กมก’

‘มาลา’ เก็บเงินของสามีชวนกันไปซื้อบ้านแถวหนองแขม ‘เท่ง’ เผยความรู้สึก ก็มีบ้าน กลับไปบ้าน 3-4 ทุ่ม ไม่นอน เดินน้ำตาไหล ภูมิใจ และ ภูมิใจกับเมียเก็บตังค์ซื้อบ้านหลังแรกซื้อสด มาลา ความคิดผู้ใหญ่มาก

ก่อนจะโชว์ นิ้วก้อยงอเพราะเมียใช้สากกะเบือตีหัก เท่ง ทำท่าร้องไห้หนักบอกว่า เวลาเขาพูดสากกะเบือยันเรือรบxูทุกทีเลย จน ‘แจ๊ส’ ต้องกอดปลอบ ‘เท่ง’ เล่าว่าเมียไล่ตี หนีไปขึ้นต้นไม้ กิ่งหักร่วงลงมา จุกก็จุก เขาจะตีหัว ยกมือกัน ก๊อกเลย

‘เท่ง’ พูดถึง มาลาว่า ถ้าไม่มีเมียคนนี้ ชีวิตพี่ไม่มีอะไรเลย ชีวิตพี่เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง พี่เขาคอยสะกิด เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด ขอบคุณเทวดา ทุกอย่างที่ทำให้มาเจอเขา เราจะอยู่กันแบบนี้ตลอดไป

อุทาหรณ์!! ก้างปลาเก๋า 1.7 ซม.ทิ่มคอ ปล่อยทิ้ง 5 วัน โชคดี!! ยังไม่โดนกล่องเสียง หมอแนะอย่ากินไปคุยไป

(8 ก.ย.66) พญ.ลลิตา พระธานี แพทย์หูคอจมูก โรงพยาบาลธนบุรี 1 เปิดเผยว่า เพิ่งได้ผ่าตัดเคสคนไข้มารับบริการตรวจรักษา หลังพบความผิดปกติบริเวณคอ สอบถามเบื้องต้น ระบุว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากกินหัวปลาเก๋าหม้อไฟต้มเผือก เมื่อ 5 วันก่อน

แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะกลืนอาหาร และพูดคุยได้ปกติ แต่รู้สึกว่ามีอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต จนไปหาหมอและมีการเอกซเรย์บริเวณคอ และส่องกล้องระบบทางเดินอาหารก็ยังไม่พบสาเหตุ

พญ.ลลิตา กล่าวว่า เท่าที่สอบสวนคนไข้มีอาการระคายเคืองคอด้านขวา คล้ายกับมีของทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ตนจึงคลำเพื่อตรวจสอบบริเวณดังกล่าว จนพบรอยนูนเล็ก เมื่อส่งอัลตราซาวด์ พบชัดเจนว่ามีก้างปลายาว 1.70 ซม.ปักอยู่ เฉียดกล่องเสียงไปนิดเดียว

หลังพบสาเหตุที่เกิดจากก้างปลาตำคอ จึงผ่าตัดออกมาใช้เวลาเพียง 5 นาที และเปิดบาดแผลเพียง 3 ซม. โชคดีว่าก้างปลาที่มีแง่งอยู่ ไม่ได้มีส่วนใดไปในกล่องเสียง จึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่าหากพบสิ่งผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์ เพราะมีโอกาสติดเชื้อสูง

พญ.ลลิตา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้แนะนำว่าขณะรับประทานอาหาร ควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน รวมทั้งไม่พูดคุยหัวเราะ รวมถึงลุ้นแข่งขันกีฬา ขณะมีอาหารอยู่ในกระพุ้งแก้ม แม้ว่าจะเป็นอาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม ลูกชิ้น เต้าหู้ เพื่อป้องกันการสำลัก ติดคอ จนเกิดเหตุไม่คาดคิดได้

เปิดรายละเอียด ‘แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น’ ที่คนไทยควรรู้ ภายใต้ ‘ผลลัพธ์-ข้อจำกัด’ ที่ผู้ออกนโยบายต้องคิดให้ดี

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.66 Spacebar ได้โพสต์คลิปวิดีโออธิบายรายละเอียด ‘เงินดิจิทัล 10,000 บาท’ ถึงความเป็นมาโครงการ รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย และความเป็นไปได้ที่จะทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน หลังรัฐบาลเศรษฐา 1 ได้มีการประกาศไว้ว่า จะสามารถใช้ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 67 โดยระบุว่า...

เงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นเงินที่สามารถนำไปใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้เผยว่าจะทำบน ‘ระบบ Blockchain’ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนและเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ผู้ที่มีสิทธิรับเงิน คือ คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 56 ล้านคน เท่ากับต้องใช้งบประมาณ 560,000 ล้านบาท โดยทางพรรคเพื่อไทยอธิบายไว้ว่า นี่คือมาตรการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อสู้กับความยากจน อันจะส่งผลให้เกิดการไหลเวียนทางเศรษฐกิจได้กว่า 3 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

สำหรับที่มาของเงินที่หลายคนเป็นห่วงว่าเอามาจากส่วนไหน เพื่อใช้ในการดำเนินการโครงการดังกล่าวนั้น ทางพรรคเพื่อไทย ได้ระบุว่า จะมีการนำมาจากการบริหารงบประมาณและภาษี โดยประกอบไปด้วย...

1.) ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 67 = 260,000 ล้านบาท

2.) ภาษีที่ได้จากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย = 100,000 ล้านบาท

3.) การบริหารจัดการงบประมาณ = 110,000 ล้านบาท

4.) การบริหารงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน = 90,000 ล้านบาท

โดยสามารถปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ด้านการคลังของประเทศ

ในส่วนของร้านค้าที่สามารถรับเงิน 10,000 บาท หรือเข้าร่วมโครงการนี้ได้นั้น ต้องเป็นร้านที่จดทะเบียนการค้า จึงจะสามารถแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินสดได้ รวมถึงต้องเป็นร้านที่อยู่ในระบบภาษี, เคยยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือยื่นแบบนิติบุคคลมาเรียบร้อยแล้วนั่นเอง

‘รพ.ช้าง’ อัปเดตอาการ ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ พบข้อเสื่อม-ศอกอักเสบ ทำให้งอขาไม่ได้-กล้ามเนื้อหัวไหล่ฝ่อลีบ ล่าสุดเตรียมวางแผนรักษาแล้ว

(8 ก.ย.66) โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง เปิดเผยความคืบหน้าการรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์ ว่า ทีมงานได้มีการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของขาหน้าซ้ายพลายศักดิ์สุรินทร์โดยละเอียด พบว่า การวัดและวิเคราะห์การก้าวย่าง ใช้ระบบวิเคราะห์การเดินของช้างเอเชีย

โดยวิธีการใช้หน่วยวัดแรงเฉื่อย (Inertial Measurement Unit : IMU) ซึ่งจะมีการติดเซนเซอร์ที่ตำแหน่งต่างๆ บนร่างกายช้าง ให้ช้างเดินบนทางราบเป็นระยะทางประมาณ 25 เมตร แล้วจึงนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลผล

พบว่าขาหน้าซ้ายมีจังหวะการก้าวย่างสั้นกว่าขาข้างอื่น และพบการเหยียดของขาหน้าซ้ายท่อนบนมากกว่าส่วนอื่น นอกจากนี้ยังพบว่า มีการใช้ขาหน้าขวา เพื่อชดเชยการทำงานของขาหน้าซ้าย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโครงสร้างผิดรูปได้ในอนาคต

จากการถ่ายภาพรังสี (x-ray) ขาหน้าซ้าย เพื่อดูความผิดปกติของกระดูก โดยเฉพาะในส่วนของข้อต่อ พบว่า บริเวณข้อศอกผิวกระดูกมีความขรุขระ และมีช่องว่างระหว่างข้อแคบกว่าปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณของข้อเสื่อม (Osteoarthritis ; OA)

การตรวจกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonography) พบว่า เอ็นบริเวณข้อศอกด้านซ้ายมีการอักเสบเรื้อรัง เกิดเป็นพังผืด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ช้างไม่สามารถงอขาได้ และพบว่ากล้ามเนื้อหัวไหล่ด้านซ้ายมีการฝ่อลีบเนื่องมาจากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน

เมื่อทำการวินิจฉัยจนพบสาเหตุของความเจ็บป่วยแล้ว ทีมงานจึงได้วางแผนการรักษา ดังนี้

1. กำหนดให้ช้างเดินออกกำลังกายในทางราบโดยให้เดินข้ามสิ่งกีดขวางเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อขาหน้าซ้าย วันละ 30 นาที

2. ทำการนวดบริเวณข้อศอกซ้ายด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound therapy) เพื่อรักษาพังผืดในบริเวณดังกล่าว

3. กระตุ้น/เสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่ด้านซ้ายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Peripheral Magnetic Stimulation ; PMS)

โดยจะมีการติดตามและประเมินผลการรักษาทุกๆ 30 วัน ทั้งนี้ขอขอบคุณคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Ams Cmu คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ร่วมตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาร่วมกันในครั้งนี้ และขอขอบคุณ BTL Medical Thailand (บริษัท บีทีแอล เมดิคอล เทคโนโลจีส์ จำกัด) สำหรับอุปกรณ์เครื่อง PMS

‘เบสท์ คำสิงห์’ ควักเงินซื้อบิลบอร์ดให้ตัวเอง หลังปล่อยเพลงใหม่ “เรื่องที่เธอไม่หลอก”

(8 ส.ค.66) งานนี้ทำเอาเหล่านักเชียร์มีกรี๊ด เพราะต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคมีดีมากจนอยากจับจิ้น เมื่อสาวสวยอย่าง ‘เบสท์-รักษ์วนีย์ คำสิงห์’ ได้กลับมาทำเพลงในรอบ 3 ปี โดยเพลงนี้ก็ได้หนุ่มหล่ออารมณ์ดีอย่าง ‘คิวเท โอปป้า’ เพื่อนซี้ มาร่วมเล่นเป็นพระเอกประกอบมิวสิกวิดีโอให้อีกด้วย

โดยล่าสุด ‘เบสท์’ ได้โพสต์ภาพโมเมนต์ประทับใจลงอินสตาแกรมส่วนตัว @bestkamsing ซึ่งเป็นภาพที่เธอและคิวเทยืนถ่ายรูปคู่กับบิลบอร์ดเพลงตัวเองอยู่ใจกลางกรุง ด้านหนุ่มคิวเทก็ดีใจมากจนเก็บอาการแทบไม่อยู่ พร้อมกับระบุแคปชันว่า "ก็ซื้อบิลบอร์ดให้ตัวเองไปเลยสิคะ พระเอก MV ได้ขึ้นบิลบอร์ดครั้งแรก ตื่นเต้นสุด"

‘มิสแกรนด์’ รุกแจกอาหาร-ถุงยังชีพให้คนไร้บ้าน ร่วมกับ ‘ชัชชาติ’ พร้อมมอบเงินให้ ‘มูลนิธิกระจกเงา’ เพื่อสนับสนุนโครงการจ้างวานข้า

(8 ก.ย.66) เข้าสู่การประกวดและการเก็บตัวของ มิสแกรนด์กรุงเทพฯ ​และ​ มิสแกรนด์​สระบุรี​ 2024​ อย่างเป็นทางการแล้ว​ ‘มอร์ฟีน รัชรินทร์ อุดเมืองคํา’​ แม่ทัพและผู้อำนวยการประกวดมิสแกรนด์​กรุงเทพฯ​ - สระบุรี​ 2024​ ขอพาสาวๆ​ มิสแกรนด์​กรุงเทพ​ฯ​ มาเข้าร่วมกิจกรรม​ดีๆ​ ที่กองประกวดจับมือร่วมกับ​กรุงเทพมหานคร​ โดย​ ท่าน​ผู้ว่าราชการ​กรุงเทพ​มหานคร​ ท่านชัชชาติ​ สิทธิ​พันธุ์​ รวมถึงมูลนิธิ​กระจกเงา​ ร่วมแจกอาหาร​ และถุงยังชีพให้กับคนไร้บ้านบริเวณ​ใต้​สะพาน​พระ​ปิ่นเกล้า​

โดย​ มอร์ฟีน​ รัชรินทร์​ ในฐานะผู้อำนวยการ​กองประกวด​เผยว่า​ ได้รับรู้​และเล็งเห็น​หนึ่งในปัญหา​ของเมืองหลวงที่รอรอยการแก้ไขอย่างยั่งยืนคือ​ ปัญหา​คนไร้บ้าน​ ที่มีเป็นจำนวนมาก​ในกรุงเทพฯ​ และอยากจะเป็นอีกหนึ่งกำลังจะช่วยเป็นกระบอกเสียงเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา​นี้ให้ลดน้อยลง​

ด้าน ผู้ว่าชัชชาติ​ ได้เผยว่าการที่​กอง​ประกวด​มิส​แกรนด์​กรุงเทพ​ฯ​ ได้มาร่วมมือกับทางกรุงเทพมหานคร​ ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีเพราะการประกวดครั้งนี้นอกจากแข่งขันเรื่องความงามด้านจิตใจก็สำคัญและยิ่งการได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสังคมให้น่าอยู่​ยิ่งขึ้นยิ่งเป็นเรื่องที่ดีและขอบคุณ​ทางกองประกวด​มิส​แกรนด์​กรุงเทพ​ฯ ​2024​ ที่มาร่วมแรงร่วมใจกันทำกิจกรรมในวันนี้

นอกจากนี้ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์กรุงเทพฯ-สระบุรี ​2024​ นำเงินจำนวนหนึ่งจากการขายบัตรเข้าชมรอบ Final ของมิสแกรนด์กรุงเทพฯ​ 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้น​ เป็นเงินจำนวน​ 100,000 บาท​ มอบให้ มูลนิธิกระจกเงา เพื่อสนับสนุนโครงการ ‘จ้างวานข้า’

โครงการที่สนับสนุน และเปิดพื้นที่ ให้เกิดการจ้างงาน ในกลุ่มคนไร้บ้าน และคนจนในเมืองหลวงที่มีวิถีชีวิต​คล้ายคนไร้บ้าน​ให้ได้มีงานทำทั้งช่วยเหลือมูลนิธิกระจกเงา​การจ้างงานขององค์กรเอกชน​ที่ต้องการกำลังคนมาช่วยงานในรูปแบบต่างๆ​ เส้นทางกองประกวดเรียนเห็นว่า เป็นโครงการที่ดีและช่วยส่งเสริมในการแก้ไขปัญหาให้กับคนไร้บ้านได้อย่างยั่งยืน

‘อ.พงษ์ภาณุ’ วิเคราะห์!! ยานยนต์ไทยใต้เงายุค EV ทางสองแพร่ง ที่ไม่ควรส่งเสริมแค่สิทธิด้านภาษี

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 10 ก.ย.66 ในประเด็นอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์โลก และทางแยกสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ภายใต้ทิศทางใดเพื่อผลักไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ของเอเชียได้อย่างแท้จริง ดังนี้...

อนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์อุตสาหกรรมและตลาดยานยนต์ของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engines) ซึ่งครองความเป็นเจ้าถนนมาตลอดระยะเวลากว่า 130 ปี กำลังเจอความท้าทายอย่างหนัก นับจาก Benz ได้จดสิทธิบัตร Motorwagen ครั้งแรกเมื่อปี 1880 และพาอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในยุโรป, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น และไทย

แต่วันนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ดั้งเดิมกำลังเจอกับ Technological Disruption ครั้งใหญ่ที่สุด ใหญ่ถึงขนาดที่จะเปลี่ยนแปลงวงการแบบถอนรากถอนโคน เมื่อ Tesla ของ Elon Musk ได้นำรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles - EV) ออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2010 จนผ่านมาถึงวันนี้ตลาดรถยนต์ EV ได้เติบโตอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันมียอดผลิต/จำหน่ายเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของรถยนต์นั่งทั้งหมดและน่าจะเติบโตต่อไปอีกมาก เพราะความสนใจของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญใน Hardware และความเป็นเลิศทางยนตรกรรม มาเป็น Software และประสบการณ์ทางดิจิทัลผ่านยานพาหนะมากขึ้น

แน่นอนว่า ประเทศไทยซึ่งประสบความสําเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่า 50 ปี และมีอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่มาก มีสัดส่วนใน GDP กว่า 10% พิจารณาได้จากการจ้างงานเกือบ 1 ล้านคน และถึงขั้นได้รับสมญานามว่าเป็น Detroit of Asia เมื่อปี 2017 ไทยผลิตรถยนต์ได้ 2 ล้านคัน ขายในประเทศ 1 ล้านคัน และส่งออกอีก 1 ล้านคัน ถือเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์ส่งออกมากเป็นอันดับ 13 ของโลก

แต่วันนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ได้เดินมาถึงทางแยกสำคัญ หากยังยึดโยงกับผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งมีการเคลื่อนตัวค่อนข้างช้าไปสู่การผลิตรถยนต์ EV เมื่อเปรียบเทียบกับแนวโน้มในประเทศอื่น โดยเฉพาะจีนที่ได้กลายเป็นผู้นำในรถยนต์ EV และในการผลิตแบตเตอรี

ทิศทางการส่งออกรถยนต์ (สันดาป) ไปตลาดสำคัญๆ ของไทยก็เริ่มมีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตลาดที่เคยเป็นฐานหลักของไทยเริ่มหันเหไปมองหารถยนต์ EV มากขึ้น

ครั้นจะพลิกบทบาทมาเป็นผู้เล่นในตลาด EV ก็น่าห่วงกับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ซึ่งยังไม่สามารถเทียบได้กับจีนที่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง หรือแม้แต่อินโดนีเซียที่มีสินแร่สำคัญสำหรับผลิตแบตเตอรีและมีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า

ดังนั้น จากนาทีนี้ จึงเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลใหม่จะต้องทบทวนนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนที่เคยมุ่งเน้นแต่การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร มาเป็นการส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเทคโนโลยี ก่อนที่เราจะไม่มีอุตสาหกรรมยานยนต์เหลือให้พัฒนา

‘ดร.คณิศ’ ฟันธง!! คิกออฟ ‘แลนด์บริดจ์’ ช่วยบูม ‘เศรษฐกิจไทย’ ดัน GDP เพิ่ม

ทีมข่าว THE STATES TIMES  ได้พูดคุยกับ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อดีตคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยและ อดีตคณะกรรมการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในประเด็น ‘อภิมหาโปรเจกต์แลนด์บริดจ์’ 1 ล้านล้านบาท ที่จะเปลี่ยนประเทศไทย และเส้นทางการเดินเรือโลก

โดยก่อนที่จะไปถึงเรื่องแลนด์บริดจ์ ดร.คณิศ ได้เปิดประเด็นถึงความสำคัญของ SEC หรือ Southern Economic Corridor เพื่อเชื่อมต่อไปถึงอภิมหาโปรเจกต์ดังกล่าว ไว้ดังนี้…

SEC (Southern Economic Corridor) คือการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน ในพื้นที่ ชุมพร, ระนอง, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช ซึ่งจะดำเนินการพัฒนาเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ เหตุผลหนึ่งต้องทำเพราะ หากเราลองพิจารณาบริบทการค้าขาย โดยดูจากเศรษฐกิจรอบๆ ภูมิภาคอาเซียนแล้ว เราจะพบเห็นการจัดตั้งกลุ่มเศรษฐกิจต่างๆ ขึ้นมามากมาย เช่น กลุ่ม บริกส์ (BRICS) ได้แก่ บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, สาธารณรัฐประชาชนจีน และแอฟริกาใต้ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคแปซิฟิก รวมถึงเคลื่อนย้ายไปเชื่อมต่อไปยังตะวันออกกลางและยุโรปได้เพิ่มมากขึ้น ผ่านโครงการ ‘หนึ่งเข็มขัดหนึ่งเส้นทาง จีนเชื่อมโลก’ (Belt and Road Initiative) เส้นทางสายไหมยุคใหม่ของจีน โดยรถไฟซึ่งสร้างมูลค่าเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น นี่คือตัวอย่าง

เช่นเดียวกันประเทศไทยเอง ก็สามารถเชื่อมโยงระหว่างเอเชียกับยุโรป หรืออินเดียได้ โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณเรือคับคั่ง โดยมาพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน ด้วยการคิกออฟโครงการ ‘แลนด์บริดจ์’ (Landbridge) ชุมพร, ระนอง ซึ่งไทยจะเป็นศูนย์กลางการค้าโลกได้

ย้อนกลับมาต่อคำถามที่ว่า แล้วทำไมต้องทำ SEC นั่นก็เพราะเขตพิเศษในปัจจุบัน จะช่วยทำให้ท้องถิ่นได้เติมศักยภาพ และยกระดับทางเศรษฐกิจ รวมถึงคุณภาพสังคมของคนในพื้นที่ได้มากขึ้น จนกลายเป็นGrowth Center ช่วยให้ประเทศก้าวได้เร็ว ไม่เจริญกระจุกตัว ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน รางรถไฟการขนส่ง ทำเรื่องเศรษฐกิจชุมชน ทำเรื่องอุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างการลงทุนให้ประเทศ และก็ทำเมืองใหม่เชื่อมโยงทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่ในองค์รวม ไม่ใช่การทำเขตพิเศษเพื่อส่งออกเหมือนในอดีต

อย่างไรก็ตาม SEC ซึ่งจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ไปได้ถึงสถานภาพแห่งการเป็น Growth Center ได้นั้น ต้องมีความสามารถในการเชื่อมโยงโลกได้ เช่น เชื่อมโยงแปซิฟิก กับมหาสมุทรอินเดีย นั่นจึงต้องมีการยกโครงการแลนด์บริดจ์ ขึ้นมาพูดคุย เพื่อเชื่อมโยง 2 ฝั่งทะเลไว้ด้วยกัน

โดยชุมพรจะมีท่าเรือใหญ่ เช่นเดียวกันกับทางฝั่งระนองก็จะต้องมีท่าเรือใหญ่ ของที่ส่งจากญี่ปุ่นหรือจีน ก็มาเข้าท่าเรือที่ชุมพร แล้วขนผ่านถนน รถไฟ แลนด์บริดจ์หรือสะพานบก ข้ามสะพานฝั่งทะเลหนึ่ง มาอีกทะเลหนึ่ง

ข้อดีก็คือว่า เรือที่มาจากญี่ปุ่นจะขนสินค้าไปยุโรป มาขึ้นท่าเรือที่ชุมพร เรือเค้ากลับได้เลยไม่ต้องวิ่งไปปานามา จนถึงยุโรปและวิ่งกลับมา เรือฝั่งระนองก็วิ่งมารับของสินค้าและไปยุโรปได้เลย ซึ่งสามารถลดเวลาเดินทางไปได้ถึง 4 วัน จากเดิม 7-9 วัน ไม่ต้องข้ามช่องแคบมะละกา

ทว่า ในปัจจุบันช่องแคบมะลาจะหนาแน่นไปด้วยกระบวนการขนส่งสินค้าไปอินเดีย ยุโรป เพราะแต่เดิมมี ช่องเดินเรือแค่ 1.ช่องแคบมะละกา 2.ทางรถไฟจากจีนไปยุโรป แต่ถ้าโครงการแลนด์บริดจ์ของไทยสำเร็จ ประเทศไทย ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการขนส่งของโลกและที่สำคัญเราควบคุมมันได้ 

ในปัจจุบันนี้โครงการแลนด์บริดจ์ มีการเลือกพื้นที่ทำท่าเรือน้ำลึกแล้ว ที่อ่าวอ่าง จังหวัดระนอง และแหลมริ่ว ที่ชุมพร ซึ่งกำลังทำประชาพิจารณ์ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะทำให้มีการขนส่งระหว่าง 2 ฝั่งสูงสุด 20 ล้าน TEU (Twenty foot Equivalent Unit คือ ตู้สินค้าที่มีขนาด 20 ฟุต) ถ้าเปรียบเทียบความใหญ่ว่าใหญ่ขนาดไหน แหลมฉบังวันนี้ขนส่งตู้กันเพียง 8 ล้าน TEU  ขยายเต็มที่ได้เพียง 15 ล้าน TEU

ส่วนระยะทางในการทำแลนด์บริดจ์ อยู่ที่ประมาณ 89 กิโลเมตร มีทั้งมอเตอร์เวย์ รถไฟขนส่ง และการขนส่งทางท่อ ซึ่งจะครบถ้วนมาก เงินลงทุนประมาณไว้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งผมคิดว่าเราไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เพราะเราทดลองใน EEC แล้ว เอกชนไทยมีความสามารถในการลงทุนอย่างมาก และแน่นอนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน มอเตอร์เวย์ รถไฟ ชาวบ้านก็ได้ประโยชน์อยู่แล้ว เพียงแต่สิ่งที่เราตระหนักเพิ่ม คือ ต้องมีการฝึกอบรมสร้างงานให้ชัดเจน เพราะจะมีอุตสาหกรรมเป้าหมายมาลงอีกมาก ส่วนการพัฒนาพื้นที่คงต้องทำในหลายมุม โดยสิ่งแรกที่ต้องทำคือ สิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรายได้หลักจากสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ก็คือ การท่องเที่ยว ต้องดูแลทั้งหมดที่กล่าวมาแบบควบคู่กันไป

โดยสรุปแล้ว การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน หรือ SEC จะช่วยให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการขยายตัวไม่ต่ำ 5% เนื่องจากเราได้พิสูจน์แล้วจากพื้นที่ EEC ที่มี GDP ในพื้นที่ได้ใกล้เคียง 4- 5% ซึ่งจริงๆ แล้วเรามีโอกาสในการทำเขตเศรษฐกิจพิเศษได้ในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้ขอนแก่นเป็นศูนย์เกษตรเพื่อการพัฒนา ส่วนการท่องเที่ยวในภาคใต้ สามารถสร้างความเชื่อมโยงให้แต่ละพื้นที่ เช่น ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง, สตูล ซึ่งสามารถรวมกันเพื่อเป็นการท่องเที่ยวอันดามัน เป็นต้น

ทิศทางของอภิมหาโปรเจกต์เหล่านี้ ล้วนสามารถผลักดัน GDP ผ่านศักยภาพผ่านจุดเด่นในแต่ละพื้นที่ได้แน่นอน และถ้าเกิดขึ้นพร้อมเพรียง ก็จะยิ่งพาเศรษฐกิจไทยเติบโตไปได้แบบพร้อมกันทั้งประเทศ...

‘No More Bets’ ทำนักท่องเที่ยวจีนมอง 'อาเซียน' ไม่ปลอดภัย หลังตัวหนังชี้!! “หนึ่งคนดู ลดเหยื่อถูกโกงหนึ่งคน”

กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที หลังจากบรรดา 'นักท่องเที่ยวจีน' ซึ่งเป็นความหวังในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย อยู่ดีๆ ก็เริ่มชะลอการมาท่องเที่ยวยังโซนอาเซียน

แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งก็คงมาจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศจีนเอง ที่รัฐบาลพยายามจูงใจให้เที่ยวภายในประเทศ

แต่อีกส่วนหนึ่ง ดูเหมือนจะมาจากอิทธิพลของภาพยนตร์เรื่อง 'No More Bets' ที่ทำรายได้ถล่มทลายทั่วเมืองจีน แต่ด้วยเนื้อหาที่เล่าถึงการค้ามนุษย์และหลอกคนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชมชาวจีนจนไม่กล้ามาเที่ยวในละแวกนี้

>> ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น!!

'No More Bets' ภาพยนตร์แอ๊กชันอาชญากรรมสุดระห่ำเข้าฉายในจีนตั้งแต่เมื่อต้นเดือน ส.ค. และสามารถครองอันดับหนึ่งบนตารางหนังทำเงินได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าฉาย มาพร้อมกับสโลแกน โปรโมตภาพยนตร์ว่า “หนึ่งคนดู ลดเหยื่อถูกโกงหนึ่งคน”

โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคดีที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเล่าถึงเรื่องคู่รักชาวจีนที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปทำงานต่างประเทศ เพราะจะได้ค่าตอบแทนสูง แต่พอไปถึงกลับต้องอยู่โรงงานนรกในเมียนมา และทั้งคู่ถูกกักขังและต้องทำงานหลอกลวงผู้อื่น จนต้องหาทางหลบหลีกจากโรงงานค้ามนุษย์แห่งนี้ให้ได้

แน่นอนว่าตัวหนังมีความสอดคล้องกับกระแสข่าวในเมียนมาและกัมพูชาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากทั้ง 2 ประเทศ ถูกมองในฐานะประเทศฐานที่มั่นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฉ้อโกงออนไลน์ และขบวนการค้ามนุษย์มาโดยตลอด

จากรายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ที่พึ่งเผยแพร่ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า มีคนอย่างน้อย 120,000 คนในเมียนมา และประมาณ 100,000 คนในกัมพูชา ถูกหลอกและบังคับให้ทำงานหลอกลวงประชาชน ด้วยการเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เล่นพนันออนไลน์

>> ลุกลามเทือนเพื่อนบ้าน!!

ที่น่ากังวล คือ ในขณะที่ 2 ประเทศดังกล่าวถูกมองในสถานะที่กล่าวมา ก็พาประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดนหางเลขไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ลาว, ฟิลิปปินส์ และไทย ในฐานะของประเทศที่กลายเป็นทางผ่านของเหยื่อในขบวนการค้ามนุษย์หลายหมื่นคน

>> กระแสจากหนัง ฝังใจคนจีน ตีจากอาเซียน

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Straits Times ได้เคยรายงานไว้ว่า หลังจากภาพยนตร์เรื่อง 'No More Bets' เข้าฉาย ส่งผลให้ชาวจีนไม่กล้ามาเที่ยวเมียนมาและกัมพูชา เพราะกลัวจะตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์

...และจากกระแสของหนังนี้เอง ก็ลุกลามไปถึงชาวจีนที่มีความกังวลด้านความปลอดภัยต่อการมาเยือนอาเซียน ซึ่งรวมถึงไทยด้วย พร้อมตั้งคำถามผ่านโซเชียลมากมาย อาทิ...

"ถ้าฉันไปเที่ยวที่โน่น ฉันไม่คิดว่าจะสามารถเดินทางกลับมาโดยปลอดภัย"

"สถานทูตจีนในเมียนมาออกเตือนด้วยว่า เราไม่ควรสนใจประกาศรับสมัครงานออนไลน์ที่มีเงินเดือนสูงเกินจริง หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายที่นั่น"

"ก่อนปิดเทอมที่ผ่านมา ลูกชายชวนเพื่อนมาเที่ยวเมืองไทย แต่เขาบอกว่าอ่านข่าวมีทุนจีนสีเทา มีการจับไปเรียกค่าไถ่เอย เลยไม่กล้ามา เลยบอกลูกชายให้ไปบอกเพื่อนเข้าไว้"

"เรื่องจับเรียกค่าส่วนใหญ่ ไม่เกี่ยวกับไทย เพราะจะเป็นคนจีนจับคนจีนไปเรียกค่าไถ่ โดยเหยื่อจะเป็นนักศึกษาจีนที่มาเรียนในไทยหรือพวกนักธุรกิจจีนที่มาทำธุรกิจที่ไทย และพวกนี้เขาจะรู้กันเองว่าคนไหนรวย ยังไม่มีนักท่องเที่ยวที่เป็นเหยื่อในคดีพวกนี้ แต่นั่นแหละการมาไทยจึงเป็นสิ่งที่ต้องระวัง"

"จริงๆ เรื่องการจับเรียกค่าไถ่นี่ ฟิลิปปินส์หนักกว่าที่ไทยเยอะ และเป็นคนท้องถิ่นเองที่มุ่งจับคนจีนไปเรียกค่าไถ่ เพราะเข้าใจว่าคนจีนรวยทั้งนั้น อย่างลูกชายที่ไปเป็นล่ามแปลให้นักธุรกิจจีน เขาก็ลงทุนในฟิลิปปินส์เหมือนกัน เขาบอกที่นั่นอย่างเมืองของพวกมาเฟีย ตกดึกออกข้างนอกไม่ได้ อยู่ที่นั่นต้องจ้างบอดี้การ์ด เขาบอกเมืองไทยปลอดภัยกว่าเยอะ"

อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวที่เริ่มแพร่กระจายไปสู่คนจีนมากขึ้น จนเริ่มไม่กล้ามาท่องเที่ยวอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น คงเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาล หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว คงต้องรีบไหวตัว ประชาสัมพันธ์ถึงความเชื่อมั่นของไทย และถ้าส่วนไหนที่ทำให้เกิดความกังวล เช่น กลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างๆ ก็ควรต้องเร่งสะสางให้สิ้น

'พรรคอนาคตไกล' อัปเดตสถานที่ทำการพรรค ย่านถนนสุโขทัย พร้อมยืนยัน!! ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองใด-ไม่เป็นนอมินีของใคร

(8 ก.ย.66) มีความคืบหน้าพรรคการเมืองน้องใหม่เกิดขึ้นพร้อมกระแสบางพรรคจะถูกยุบพรรค อีกฟากหนึ่งของรัฐบาลเศรษฐา 1 รัฐบาลผสมที่จะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ก่อนที่จะบริหารราชการแผ่นดิน เป็นไปตามนโยบายและไม่ขัดต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

อีกฟากหนึ่งกระแสการรวบรวมสมาชิกก่อตั้งพรรคอนาคตไกลพร้อมเตรียมการเลือกตั้งใหญ่สามัญครั้งแรก จะเห็นรูปก่อร่างสร้างตัวเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า ‘พรรคอนาคตไกล’ แน่นอนการเกิดขึ้นพร้อมกับการตั้งรัฐบาลและอีกฟากฝั่งกระแสยุบพรรค ซึ่งแกนนำผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตไกล ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดและไม่เป็นนอมินีของบุคคลใด

ขณะเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ต่างออกมาปฏิเสธว่า พรรคอนาคตไกล ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลและอดีตพรรคอนาคตใหม่ แต่สิทธิในการตั้งพรรคการเมืองเป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง

กระแสร้อนแรงของกลุ่มอนาคตไกล ที่จะพัฒนาจดทะเบียนกับนายทะเบียนพรรคการเมือง เป็น

‘พรรคอนาคตไกล’ หากมองในชื่อและโลโก้พรรค สีของโลโก้พรรค ‘อนาคตไกล’ ภาษาไทยตัวย่อ อนก. ภาษาอังกฤษว่า FFT โดยใช้โลโก้พรรคการเมือง เป็นรูปอินฟินิตี้ มีคำว่า ‘อนาคตไกล’ อยู่ในวงล้อม เป็นเส้นสีแดงผสมสีส้ม หมายถึง เป็นพรรคของประชาชน อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และถูกจุดกระแสโดยปล่อยหนังสือแจ้งเตรียมการจัดตั้งออกมาทั้งผู้ประสงค์ดีและผู้สนับสนุน เป็นการจงใจอย่างยิ่งในทางการเมือง ไม่ต่างจากการโยนหินถามทางในทางการเมืองของนักการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะสู้ในสนามการเลือกตั้งในสมัยหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเจาะลึกพบว่า กลุ่มอนาคตไกลได้ใช้สถานที่ตั้งย่านถนนประวัติศาสตร์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ย่านถนนสุโขทัย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่บัญชาการในการกุมบังเหียนของผู้นำระดับสูงของแกนนำพรรคอนาคตไกล ล่าสุดกำลังรีแบรนด์สถานที่ตั้งพรรค สำนักงานใหญ่ ห้องทำงาน ห้องประชุม คืบหน้าไปแล้ว โดยใช้สถานที่ตั้งพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง กำลังตกแต่งภายในห้องประชุม เตรียมความพร้อมทุกด้าน ก่อนการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรก

จากการเปิดเผยของแกนนำระดับสูง โดยไม่เปิดเผยชื่อว่า เดิมจะใช้สถานที่อาคารทาวเวอร์แห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท แต่เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงเดินทางไปมาไม่สะดวกเพราะจราจรติดขัด จึงเลือกสถานที่บัญชาการเป็นสถานที่ตั้งพรรคอนาคตไกลแห่งใหม่ ย่านถนนสุโขทัย เขตดุสิต ด้วยความเชื่อในโหราศาสตร์ดวงเมือง ในสถานที่มั่นแห่งใหม่ เป็นมงคลแก่พรรคอนาคตไกล ใกล้สถานที่ราชการ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล และใกล้อาคารรัฐสภา สมาชิกพรรค แกนนำ สะดวกเดินทางเข้าพรรค ส่วนเสื้อพรรคได้ออกแบบเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างโรงงานผลิตเสื้อเพื่อให้ทันต่อการจัดประชุมใหญ่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top