Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

"บิ๊กตู่" สั่งด่วนตั้ง คกก. ติดตามการลงทุนดึงต่างชาติมาไทย

วันที่ 8 เมษายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว 1 ชุดเพื่อไปติดตามการลงทุน แล้วให้มีการเชื่อมต่อกับบริษัทเอกชนต่างประเทศที่เขาสนใจว่าจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยว่าใครอยากจะมาจะมาลงทุนอะไรในประเทศไทยและรัฐบาลจะต้องดูแลอะไรบ้างตามมาตรฐานของสากลในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถที่จะแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ที่มีนโยบายการส่งเสริมและการลงทุนและต้องการดึงนักลงทุนเข้าสู่ประเทศเหมือน ๆ กันกับเรา 

ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องของโควิด-19 และเรื่องของการพัฒนาประเทศของเราให้สอดคล้องกับสถานการณ์หลังโควิด-19 ซึ่งต้องมองไปถึงการเจรจาและชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

"ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อม และเตรียมตัวในช่วงนี้ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ต้องทำวันนี้ การเจรจาการพูดคุยการทำข้อตกลงกับต่างประเทศต้องเร่งรัดในการพิจารณาดำเนินการกับ ทุกกลุ่มประเทศไม่ว่าจะประเทศใดประเทศเล็ก ต้องพูดคุยกันตลอดเวลาประชุมผ่านทางไกลกันก็ได้วันนี้เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต"

การรถไฟฯ ประกาศ ‘คืนตั๋วเต็มราคา’ ให้ประชาชน ยกเลิกเดินทาง ช่วงสงกรานต์

8 เมษายน 2564 นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุม ป้องกัน และลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้กำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการงดการเดินทาง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 9 - 18 เมษายน 2564 ให้สามารถคืนเงินตั๋วโดยสารได้เต็มราคา 

โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.) ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วโดยสาร (รายบุคคล) ไว้ล่วงหน้า หากต้องการงดการเดินทางสามารถติดต่อขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารเป็นกรณีพิเศษได้เต็มราคา (ก่อนขบวนรถออกไม่น้อยกว่า 1 วัน) และในส่วนของตั๋วโดยสารที่ชำระด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร่วมกับเงินสด การรถไฟฯ จะคืนค่าโดยสารให้เฉพาะส่วนที่เป็นเงินสดเท่านั้น

2.) ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วหมู่คณะ ตั๋วนำเที่ยวหมู่คณะ ตั๋วสำหรับเช่าขบวนรถพิเศษโดยสาร และตั๋วเช่ารถโดยสารไว้ล่วงหน้า สามารถติดต่อขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารเป็นกรณีพิเศษได้เต็มราคา (ก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 1 วัน)

3.) กรณีจังหวัดของสถานีต้นทางหรือปลายทางตามตั๋วของผู้โดยสาร ได้ประกาศมาตรการเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด อนุญาตให้คืนเงินค่าตั๋วก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง

4.) ผู้โดยสารที่จองตั๋วทางอินเตอร์เน็ต สามารถยื่นคำร้องขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารเป็นกรณีพิเศษได้เต็มราคา โดยแนบไฟล์ตั๋วอินเตอร์เน็ต ส่งมาที่ E-MAIL [email protected] 

“ประชาชนที่ซื้อตั๋วโดยสารเดินทางในช่วงวันดังกล่าว สามารถติดต่อขอคืนเงินได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของสถานีทุกแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2564 เป็นต้นไป หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง” 

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ได้เตรียมความพร้อมการให้บริการแก่ผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทาง ทั้งการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในอาคารสถานี ชานชาลา ที่พักผู้โดยสาร ห้องสุขา และพื้นที่โดยรอบบริเวณสถานี นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง และลงทะเบียนหรือสแกนคิวอาร์โค้ด เช็กอิน / เช็กเอาต์ แอพพลิเคชั่นไทยชนะทุกครั้งที่ใช้บริการ หรือหากพบเห็นผู้โดยสารที่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสถานี / ขบวนรถ หรือศูนย์ปลอดภัยของการรถไฟฯ โทรศัพท์ 02-5379198

จับโป๊ะ!!… ‘นางงามพม่า’ ยังไม่มีค่าหัว

Special Scoop

จากที่ข่าวใหญ่ในไทยมีการเปิดเผยว่า ‘มิสแกรนด์เมียนมา’ ถูกตั้งข้อหาเป็นผู้ต่อต้านแล้วนั้น

เมื่อวาน (วันที่ 7 เมษายน 2564) พอเอย่าได้ทราบข่าว เอย่าถึงกับต้องเข้าไปหาข้อมูล โดยเอย่าไปดูประกาศจากหนังสือพิมพ์ Global New Light Myanmar ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลทหาร โดยพยายามค้นหาข่าวว่ามีการตั้งข้อหา ‘ฮาน เลย์’ ว่าจริงหรือไม่? เรียกว่าพยายามดูย้อนกลับไปถึงวันที่ 1 มีนาคม กันเลยทีเดียว

แต่สรุปว่าหาไม่เจอจ้า เจอแต่ดารา นางแบบ นักร้องและเซเลบฯ คนอื่นๆ ที่โดนตั้งข้อหาเต็มไปหมด แถมประกาศจับเพิ่งมีช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เองด้วย

(รายชื่อของคนที่โดนข้อหาจากทางคณะรัฐประหารของเมียนมา)

 

เอย่าพยายามมองแล้วมองอีก ก็หาไม่เจอชื่อของนางงามคนนี้แต่อย่างใด มีแต่การรายงานออกมาตามเฟซบุ๊ก แต่ไม่เห็นสื่อหลักอย่าง The Global New Light of Myanmar หรือ IRRAWADDY NEWS แต่อย่างใด

อย่างที่ว่าข่าวนี้นอกจากจะเป็นข่าวปลอมแล้ว ยังเป็นข่าวที่สร้างกระแสให้กับนางงามคนนี้ไม่น้อย ด้วยความหวังผลที่จะได้ลี้ภัยในประเทศไทยนั่นเอง

แต่คำถามของเอย่าคือคิดว่าใครเป็นผู้สร้างข่าวปลอมนี่ล่ะคะ?

ในสังคมทุกวันนี้การวิเคราะห์ข่าวปลอมไม่ยาก ข้อแรกเลยคือใครได้ประโยชน์จากข่าวปลอมนั้น ข้อต่อมาคือมีคนนำข่าวปลอมนั้นไปต่อความยาวสาวความยืดไหม?

เอาเป็นว่า เอย่า เชื่อว่าทุกท่านคงตัดสินเองได้ เพราะเท่าที่เห็นบนเฟซบุ๊กของนางงามคนนี้ ก็มีแต่แชร์เฟซบุ๊กคนอื่น โดยที่แทบไม่ใส่ความเห็นของตัวเองเลย

เอาเป็นว่าไม่ต้องเชื่อเอย่านะคะ อยากรู้ไปหาดูเองได้ค่ะ

สรุป ถ้าเปรียบเทียบกับดารา เซเลบฯ ที่ถูกออกหมายจับแล้ว… สิ่งที่ ‘คุณ’ ทำอยู่...มันต่างกันค่ะ Han!!

ที่มา: AYA IRRAWADEE

 

“ราเมศ”เผย ปชป. ห้าม รมต.-ส.ส.-ผู้บริหารพรรค จัดงานเลี้ยงเด็ดขาด ป้องกันโควิด

เมื่อวันที่ 8 เมษายน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่เกิดขึ้นว่า ด้วยความร่วมมือของทุกคนจะเป็นแนวทางป้องกันการแพร่กระจายได้ดีที่สุด และมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นพวกเราทุกคนมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และจะต้องเข้มงวดเรื่องการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันมากขึ้นด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ใช้ช้อนกลาง การเว้นระยะห่างทางสังคม และควรติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด 

ไม่ควรมีการใช้สิทธิพิเศษเพื่อยกเว้นจากมาตรการป้องกันที่สำคัญ ซึ่งในส่วนของพรรคได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีข้อกำหนดที่ทุกคนตัองปฏิบัติอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรี ส.ส. อดีต ส.ส. หัวหน้าสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด อดีต ส.ก. ส.ข. ผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกพรรคทุกคน ต้องยึดหลักมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด ห้ามจัดงานเลี้ยงหรือรวมกลุ่มกันในช่วงนี้เด็ดขาดจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่ทำการพรรคได้มีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิดแล้ว

มท.1 ยืนยัน ไม่จำเป็นต้องล็อคดาวน์ประเทศ วอน ประชาชนเคร่งครัดมาตรการสาธารณสุข ป้อง โควิด-19

เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลห่วงใยประชาชนที่จะเดินทาง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ต้องระมัดระวัง ป้องกันตัวจากเชื้อโควิด-19 ด้วย และขอให้ทุกคนทำในสิ่งที่เป็นมงคล หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุและการรวมกลุ่ม เสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 

พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่นายกรัฐมนตรีมอบผู้ว่าราชการจังหวัดในการตัดสินใจออกมาตรการต่างๆในการป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่เอง ส่วนตัวเห็นด้วยและเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เพราะสถานการณ์แต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัดจะเป็นตัวชี้ว่าควรจะมีมาตรการที่เหมาะสมอย่างไร โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะกระทบด้านเศรษฐกิจ และยังไม่จำเป็นที่จะต้องล็อคดาวน์ประเทศ ถ้าประชาชนทุกคนมีมาตรการป้องกันตนเองอย่างดีที่สุด การระบาดก็จะสามารถควบคุมได้ การปิดกิจการไม่ให้คนไปรวมกลุ่ม ก็จะกระทบกับเศรษฐกิจ แต่ถ้าทุกคนใช้ระบบดูแลตัวเอง สิ่งอื่นก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดส่งผลต่อเศรษฐกิจ 

พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวว่า ส่วนแผนการเปิดประเทศนำร่องพื้นที่ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ จะมีการทบทวนหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา เข้าใจว่าต้องมีการประเมินแนวทางอีกครั้ง โดย ศบค. และ ครม. จะพิจารณาร่วมกัน 

จับตา ศบค. แถลงวันนี้ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ตัวเลขทะลุ 405 ราย กทม. ติดเชื้อ 95 ราย

ทะลุไม่หยุด รายงานข่าวจาก ศบค. วันนี้ 8 เมษายน มีผู้ติดเชื้อโควิดถึง 405 ราย มีผู้ติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ 95 ราย จับตาดูการแถลงของ ศบค. วันนี้โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ในเวลา 11.30 น. ยกระดับมาตรการเข้มป้องกันการแพร่ระบาด

จุรินทร์ ปลื้มดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2 เดือนติดกัน อานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและราคาพืชผลการเกษตรปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

วันที่ 8 เมษายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่าดัชนีความเชื่อมั่น ผู้บริโภคโดยรวมในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ทุกภาค และทุกอาชีพ โดยเฉพาะในอนาคต ปรับขึ้นมาอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง เนื่องด้วยประชาชนเชื่อมั่นในมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจและราคาพืชผลการเกษตรดีขึ้นจากมาตรการเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และประชาชนมีความคาดหวัง ในแง่ดีต่อวัคซีน Covid-19

นายจุรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนมีนาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ ระดับ 47.5 เทียบกับระดับ 45.5 ในเดือนก่อนหน้า เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 38.1 มาอยู่ที่ระดับ 40.2 และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต พบว่า ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 50.4 มาอยู่ที่ระดับ 52.3

เมื่อจำแนกรายภูมิภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากระดับ 46.1 มาอยู่ที่ระดับ 49.6 และภาคใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 47.0 มาอยู่ที่ระดับ 48.5 เมื่อจำแนกรายอาชีพ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 45.8 มาอยู่ที่ระดับ 49.3 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว 

ส่วนกลุ่มเกษตรกรปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 46.8 มาอยู่ที่ระดับ 47.7 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคา สินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และกลุ่มพนักงานของรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.4 มาอยู่ที่ระดับ 52.5 ซึ่งปรับตัวมาอยู่ในระดับเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส Covid-19 น้อยที่สุด

กล่าวโดยสรุป แนวโน้มความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มมั่นใจ ที่จะจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ซึ่งหากไม่มีสถานการณ์ปัญหาร้ายแรงอื่นเพิ่มเติม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ เศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องขึ้นเป็นลำดับ

พล.อ.ประวิตร ห่วงใยชุมชนคนริมคลอง ประชุมคกก. ขับเคลื่อนโครงการเร่งด่วน คลองลาดพร้าว-คลองเปรมฯ-คลองแสนแสบ มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัย ภูมิทัศน์ การสัญจร การระบายน้ำและคุณภาพน้ำ เน้นสร้างความเข้าใจ รัฐบาลจริงใจแก้ปัญหา มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต

เมื่อ 8 เม.ย.64  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง.นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ ครั้งที่ 1/2564 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มท. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม  301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ ความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนและพัฒนา ที่อยู่อาศัยริมคลองลาดพร้าว และคลองเปรมประชากร ซึ่งมีหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ได้แก่ กทม.,สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พม.,กรมธนารักษ์ และทภ.1 ได้ดำเนินโครงการ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเจรจา/สร้างความเข้าใจ ,การส่งมอบพื้นที่ ,การตอกเสาเข็มเขื่อน ,การรื้อถอน/การขนย้าย และการก่อสร้างบ้าน เป็นต้น โครงการก่อสร้าง เขื่อนริมคลองลาดพร้าว มีความก้าวหน้า คิดเป็นร้อยละ 48.50 มีบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 3,062 ครัวเรือน สำหรับคลองเปรมประชากรได้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนไปแล้ว จำนวน 900 เมตร (ร้อยละ 95 ของพื้นที่ส่งมอบ) มีบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 193 ครัวเรือน

สำหรับการพัฒนาคลองแสนแสบ และคลองสาขา รัฐบาลได้เห็นชอบแผน ปฏิบัติการพัฒนาฟื้นฟูสภาพแวดล้อมคลองแสนแสบ โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้การสัญจร ,การปรับปรุงภูมิทัศน์ ,การป้องกันการบุกรุก และการรักษาคุณภาพน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้เร่งรัดโครงการ โดยจะต้องให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการฟื้นฟู และพัฒนาพื้นที่คลองลาดพร้าว,คลองเปรมประชากร และคลองแสนแสบ เพื่อกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินงาน พร้อมทั้งให้มีการรายงานผลให้คณะกรรมการฯ ทราบ ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ สตช.ใช้มาตรการทางกฎหมาย อย่างเคร่งครัด และเป็นธรรม ต่อผู้บุกรุกพื้นที่ ควบคู่กับการเจรจา สร้างความเข้าใจกับประชาชน  ให้ ทบ.ร่วมเจรจาสร้างการรับรู้ และให้การสนับสนุนการรื้อถอน/การขนย้ายสิ่งของ เพื่ออำนวยความสะดวก แก่ประชาชน รวมทั้งให้ กรมประชาสัมพันธ์ เร่งสร้างการรับรู้/ความเข้าใจ ถึงประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับ และให้ความร่วมมือ สอดคล้องตามนโยบาย ของรัฐบาลที่มีความจริงใจ ที่จะให้ความช่วยเหลือ ชุมชนคนริมคลองทั้ง 3 แห่ง ต่อไป ภายใต้แนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"

‘บิ๊กป้อม’ ป้อง ‘ศักดิ์สยาม’ เชื่อติดโควิด จากลูกน้อง ย้อนถามโซเชียลฯออกมาแฉ เชื่อถือได้หรือไม่ มั่นใจเจ้าตัวไม่โกหกปกปิด ‘ไทม์ไลน์’ เผยกระทรวงกลาโหม พร้อมตั้งโรงพยาบาลสนาม ในกรุงเทพฯ

เมื่อเวลา 09.45น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐมนตรีติดเชื้อโควิด-19 แล้วไม่เปิดไทม์ไลน์ทั้งหมด จะกระทบรัฐบาลหรือไม่ว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ก็บอกมาว่าติดจากลูกน้อง เขาติดจากหน้าห้องจะต้องถามไทม์ไลน์อะไร เพราะท่านก็ไม่ได้ไปไหนแค่ไปประชุมเท่านั้น การติดก็ติดมาจากหน้าห้อง ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด

เมื่อถามว่าสังคมต้องการให้เปิดเผยไทม์ไลน์และการใช้แอปฯ ‘ไทยชนะ’ นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไทม์ไลน์เขาก็เปิดแล้วว่าไปประชุมที่ไหน ตนอ่านดูแล้วเขาก็มีความจริงใจอยู่แล้วที่จะเปิดเผย ขอย้ำว่าเขาไม่ได้ติดจากใคร แต่มาจากหน้าห้อง

เมื่อถามว่าโซเชียลฯระบุว่าอาจติดมาจากการไปเที่ยวสถานบันเทิง ย่านทองหล่อ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โซเชียลจะเชื่อได้หรือไม่ แล้วใครเป็นคนเขียน เมื่อถามกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ระบุว่าคริสตัลคลับเป็นสถานที่คุยงานของรัฐมนตรีเปรียบเหมือนไทยคู่ฟ้า 2 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ผมไม่รู้ ผมก็เชื่อจากที่รัฐมนตรีท่านพูดอย่างงั้น

เมื่อถามถึงความพร้อมในการตั้งโรงพยาบาลสนามในกทม. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายกฯสั่งการแล้ว ส่วนเรื่องพื้นที่ทางกระทรวงกลาโหมจะไปดูเพราะเป็นผู้รับดำเนินการในเรื่องนี้ ไม่ต้องห่วงเขาเตรียมการไว้แล้ว

ส่วนกรณีการแจกขันน้ำของพรรคพลังประชารัฐนั้น พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ไม่มีอะไร และเรื่องนี้พรรคเป็นคนดำเนินการ

เมื่อถามว่าการจัดแจกขันน้ำพลาสติกดังกล่าวจะนำไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ เมื่อถามว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาระบุว่าเหมือนการแจกขันให้ประชาชนไปอยู่ตามสะพานลอย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แล้วเราจะให้อย่างงั้นหรือเปล่า และในอดีตเคยมีใครทำ เพราะฉะนั้นก็เป็นอย่างนั้นไปแล้วกัน

‘อาจารย์นิด้า’ ชี้ โควิดระลอกนี้หนักกว่า 2 ครั้งก่อน พร้อมทลายกรุงเทพฯแตกเป็นเสี่ยง ฟันธงติดเชื้อไม่ถึงแสนคนถือว่าเก่ง เหตุคนไร้สำนึก จากการเที่ยวสถานบันเทิงจาก ‘ศูนย์กลาง’ แต่กลับเพ่นพ่านไปทั่วประเทศ

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค บริษัท กรีนเนอร์ยี่ไทยแลนด์ จำกัด โพสต์เฟซบุ๊ก  Sunt Srianthumrong ในหัวข้อ

Covid-19: Alert Code Red: The Third Wave Confirm กรุงเทพฯแตกแล้วครับ 

หลังจากรักษาพระนครมาได้ยาวนาน แต่ถึงที่สุดแล้วตัวเลขและกราฟ 6 วันที่ผ่านมาตั้งแต่ 1 เม.ย. 2021 ยืนยันการเข้าสู่ Wave#3 อย่างแน่นอน และรุนแรงมาก มากกว่า Wave#2 ที่เริ่มที่สมุทรสาครอย่างมาก 

ผมทำตัวเลขและกราฟมาให้ดูหลายชุดครับ ตอนนี้เราเข้าสู่ Exponential แล้ว Total Case ของ Wave#3 ใกล้แตะระดับ 1,000 แล้ว ก้าวข้ามสถานการณ์ของ Wave#1 เมื่อตอน Lockdown ปีที่แล้วและก้าวข้าม Wave#2 ตอนเปิดตัวเลขที่สมุทรสาครไปแล้วครับ ดังนั้นไม่ต้องหวังแล้วว่าจะจบต่ำกว่าหมื่น ขอแค่หยุดไม่ให้ถึงแสนได้ก็เก่งมากแล้วครับรอบนี้ 

คำแนะนำ: Lockdown กรุงเทพมหานคร ทันทีตั้งแต่คืนนี้ ไม่มีใครสมควรได้ออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นตั้งแต่คืนนี้พรุ่งนี้เป็นต้นไป ถ้าเรายังคิดว่าอยากจะหยุด Wave#3 นี้ไว้แค่หลักหมื่นครับ

และสำหรับ ปุถุชนทั่วไป ไม่ว่าใครจะ Encourage ท่านมากอย่างไรก็ตาม ภาครัฐและธุรกิจจะเอาน้ำเย็นเข้ารูปอย่างไรก็ตาม ผมแนะนำด้วยความปรารถนาดีต่อท่านและครอบครัวว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ อยู่บ้านครับ และอยู่ไปยาวๆ 2 เดือนครับ Wave#3 นี้แตกต่างจาก Wave#2 มาก ครั้งนี้เราถูกโจมตีกลางเมืองหลวง ซึ่งที่ผ่านมาเมียนมาสูญเสียย่างกุ้ง มาเลเซียสุญเสีย KL ฟิลิปปินส์สูญเสียมะนิลา และถึงที่สุดตัวเลขวิ่งไม่หยุดไปไกลมากก็ต้อง Lockdown อยู่ดีครับ และยังไม่มีใครกอบกู้กลับมาได้เลย 

เรามาดูสถานการณ์และกราฟต่างๆว่า คณิตศาสตร์บอกอะไรเราบ้างครับ

จาก Wave#2 สู่ Wave#3 กราฟ %Increase:

กราฟสีม่วงทึบและสีเขียวที่ทำต่อเนื่องจาก Wave#2 พลิกกลับขึ้นอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. โดยเฉพาะสีม่วงทึบที่ขึ้นไปแตะระดับมากกว่า 3% ในวันนี้ส่งสัญญาณชัดเจนครับว่า นี่ไม่ใช่แค่ Cluster แต่คือ Wave ใหม่ครับ และ %Increase ในกราฟนี้ยังเป็นขาขึ้นอยู่ ซึ่งเวลา 6 วันนี้ยาวนานเท่ากับ 2 Doubling Day มาตรฐาน ซึ่งมากพอที่จะ Confirm ครับ 

กราฟของ Bangkok Cluster: 

ผมทำกราฟตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. มาให้ดูครับ กราฟ %Increase เปิดมาที่สูงกว่า 180% และทุกวันนี้ยังอยู่ที่ มากกว่า 60% แสดงว่า การติดเชื้อในวงกว้างเริ่มมาก่อน 1 เม.ย. พอสมควร เราน่าจะเจอช้าไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ และมี Doubling Day ที่สั้นมากจนน่าใจหายครับ 

กราฟของ Total Case ในเขตกรุงเทพฯ ยืนยันหายนะที่ชัดเจนครับ กำลังเป็น Exponential ที่เพิ่มเป็นสองเท่าภายในทุกๆ 1-2 วันเท่านั้น ถึงแม้ส่วนหนึ่งเกิดจากการตรวจเชิงรุก แต่ตัวเลขการตรวจเจอจากโรงพยาบาลก็สูงมากครับ และโดยทั่วไป Doubling Day แค่ 3 วันก็หนักแล้วครับ ผ่านไปแค่ 6 วันเฉพาะ Wave#3 แค่กรุงเทพก็ราว ๆ 505 คนแล้ว และทุกคนอยู่กระจายไปทั่ว เดินทางไปทั่วเมืองและทั่วประเทศ ที่นี่เป็นเมืองศูนย์กลางการเดินทางที่มีฐานประชากรมากกว่า 10 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 1 ล้านแบบสมุทรสาคร และไม่ใช่แรงงานต่างด้าวที่จะกักจะขังได้ตามใจชอบ  นี่คือสัญญาณว่า เราได้สูญเสียกรุงเทพฯไปแล้วครับ และมันร้ายแรงมาก

กราฟของ Wave#3 ทั่วประเทศ: 

กราฟมีความคล้ายกับของกรุงเทพฯครับทั้ง %Increase และ Total Case  และยืนยันลักษณะกราฟเป็น Exponential ที่รุนแรงเช่นกันครับ Doubling Day ยังสั้นกว่า 2 วัน ยังไม่นิ่ง แต่น่าจะใกล้ Stabilized ซึ่งจะทำให้เราเห็น Trend ระยะกลางได้ และจะสามารถประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงเวลาต่างๆของ Wave ที่จะเกิดขึ้นได้ครับ ต้องจับตาดูอีก 1 สัปดาห์ครับ

กราฟต่อเนื่องจาก Wave#2 ไป Wave#3 ที่ตัดแรงงานต่างด้าวออกไป:

กราฟนี้เพื่อการสังเกตุช่วง Transition จาก Wave#2 ไป Wave#3 เริ่มตั้งแต่ 17 ก.พ. ผมตัด Cluster สมุทรสาครและปทุมธานีออกไป เพื่อดูการติดเชื้อเฉพาะในหมู่คนไทยและคนต่างๆชาติอื่นๆ เราจะเห็นได้ชัดเจนจากทั้งกราฟ Total Case และ Daily New Case ที่กราฟพุ่งทะยานทันทีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นี่คือการติดเชื้อหลักรอบนี้ไม่ใช่แรงงานพม่าแล้วนะครับ แต่เป็นชาวกรุงทั้งไทยและเทศครับ ซึ่ง Character ของ Wave#3 จึงจะต่างจาก Wave#2 โดยสิ้นเชิงครับ 

 ความน่ากลัวในการจู่โจมของ Wave#3:

1.) เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ ที่เป็น Hub ประชากร> 10 ล้านคน ยากแก่การปิดเมือง และทำ Contact Tracing มากๆ 
2.) คณะรัฐมนตรีโดนไวรัสไปแล้วเรียบร้อย 
3.) เรายังไม่หายเหนื่อยจาก Wave#2 พักมาไม่ถึง 2 เดือนแบบตาปิดไม่สนิทด้วย
4.) ผู้คนมากมายในกรุงเทพฯเริ่มออกเดินทางไปต่างจังหวัด และพร้อมจะเดินทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
5.) ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังรอลูกค้าสงกรานต์ 10 วัน พวกเขาจะต้องร้องไห้กันอีกเท่าไหร่ พวกเขาไม่เหลือสายป่านแล้ว และเที่ยวนี้ก็จะไม่เหลืออะไรให้พวกเขากล้าที่จะคาดหวังอีกต่อไปแล้ว มันน่าเศร้ามาก 
6.) ผู้มีอำนาจตัดสินใจทางนโยบายในประเทศนี้ได้รับวัคซีนกันหมดแล้ว ทั้งภาครัฐและเอกชน ดังนั้น พวกเขาจะกล้าเดินนโยบาย GDP ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและน้ำตา ณ จุดนี้ต้นทุนความเสี่ยงตายของคนในชาติไม่เท่ากันแล้วนะครับ และผู้มีอำนาจไม่จำเป็นต้องกลัวตายเหมือนครั้งก่อนมีวัคซีนครับ

สิ่งที่ควรทำที่สุด:
1.) Lockdown กรุงเทพฯ ทันที และยึดเมืองหลวงคืนมาให้ได้ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครจะกล้าประกาศ Lockdown เร็วๆนี้แน่ แต่เราต้องทำอะไรบางอย่างครับ เวลามีค่ามาก ถ้าเราไม่ทำอะไรเอาแค่สั่งปิดเล็กๆน้อยๆเป็นน้ำจิ้ม ไม่รอดครับ ถ้าจะทำหลังสงกรานต์ก็หนักแล้ว 
2.) ธุรกิจท่องเที่ยวที่หยุดไม่ได้แล้ว ต้องตั้งการ์ดสูงสุดในการรอรับลูกค้า 
3.) คนที่เดินทางออกไปต่างจังหวัดแล้ว จองโรงแรมจ่ายตังค์ไปแล้ว ต้องมีสำนึกในการป้องกันตัวเอง ไม่ทำสิ่งที่คนอื่นจะเสี่ยงเพราะตัวเรา
4.) จังหวัดต่างๆ ต้องพิจารณาประกาศควบคุม 14 วันด้วยตนเอง เมืองหลวงแตกแล้ว หัวเมืองต้องเข้มแข็งครับ แล้วช่วยกันกลับมายึดกรุงเทพฯคืนมา
5.) ฉลองสงกรานต์อยู่บ้าน พยายามงดเว้นสถานที่ติดแอร์ทั้งหมด และหลังสงกรานต์ Work from Home ทันที 
6.) วัคซีนต้องเร่งให้เร็วขึ้นอีกอย่างมากครับ ไม่มีวัคซีนเราไม่ชนะหรอกครับ
7.) ติดตาม Timeline ฟังศบค.และข้อมูลจากบุคลากรสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดทุกๆวันครับ สำคัญมากๆ

พวกเราคนไทยเคยเสียกรุงไป 2 ครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่ข้าศึกเข้มแข็ง แต่เป็นเพราะคนไทยติดประมาท ไม่สามัคคี ไม่ตั้งใจเพียงพอในการรักษาพระนคร ครั้งนี้ และครั้งนี้ ถ้าจะนับเป้นครั้งที่ 3 เราเสียเมืองหลวงเพราะ คนไทย เสพติดอบายมุข สุรา กามา บันเทิง ไม่ละเว้นทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงที่ประเทศอยู่ในวิกฤตเจียนอยู่เจียนไป 

นับจากวันนี้ คนกรุงเทพฯ Mind Set ต้องรีบเปลี่ยน กลับมาตั้งหลักกันใหม่ ช่วยกันครับ กอบกู้พระนครกลับมาให้ได้ ต้องเรียนตามตรงครับว่า ภาระกิจนี้กับ Covid แทบไม่มีชนชาติใดที่โดนตัวเลขระดับนี้แล้วกู้กลับมาได้ แต่ผมมั่นใจว่าเราจะเป็นชาติแรกๆครับ ช่วยกันครับ ผมเชื่อว่ายังไม่สายเกินไป


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5639518276088846&id=100000921874426


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top