Monday, 19 May 2025
NewsFeed

สาธารณสุขแถลงผลสอบเบื้องตัน ยืนยัน!! ชายเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดในท้องโป่งพองแตก ไม่เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 แต่เกิดจากโรคประจำตัวเส้นเลือดโป่งพอง

นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีการเสียชีวิต ของผู้ป่วยเส้นเลือดในท้องโป่งพองแตก ภายหลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยค่อนข้างมั่นใจว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 แต่น่าจะเป็นเหตุร่วมหรือเหตุบังเอิญ

“มีผู้ได้รับผลข้างเคียงรุนแรง 2 รายที่แพ้วัคซีนโควิด-19 ในลักษณะลมพิษขึ้น ส่วนอีก 1 ราย กำลังนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการพิจารณาอาการข้างเคียงหลังรับวัคซีน คือกรณีมีผู้ป่วยเส้นเลือดในท้องโป่งพองแตกและเสียชีวิตหลังรับวัคซีน แต่คาดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื่องจากว่าผู้ป่วยรายนี้ป่วยโรคเส้นเลือดโป่งพองในท้องอยู่ระหว่างรับการรักษา ซึ่งโรคนี้มีโอกาสที่เส้นเลือดจะแตกได้ตลอดเวลา ซึ่งเกิดขึ้นหลังรับวัคซีนดังนั้นตามหลักแล้วเมื่อมีอะไรที่เกิดขึ้นระหว่างการรับวัคซีนก็ต้องนำเข้าคณะกรรมการเพื่อสอบสวนต่อไป”

ด้าน รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า มีข้อมูลจากการสอบสวนโรค เบื้องต้นเป็นผู้ป่วยชายมีโรคประจำตัวอยู่เดิมเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ซึ่งได้มีการผ่าตัดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปลายเดือนมกราคมหลังจากผ่าตัด 40 วัน กลับบ้านไปพักฟื้นที่บ้าน 1 สัปดาห์อาการปกติ

โดยผู้ป่วยรายนี้มีโรคประจำตัว แต่เห็นว่าตัวเองมีความเสี่ยงจึงเข้ารับการฉีดวัคซีนเมื่อต้นเดือนมีนาคม หลังจากนั้นอาการปกติ มีการส่งข้อมูลเข้าระบบตามปกติ ข้อมูลรายงานวันที่ 1-3 มีนาคมอาการปกติ โดยวันที่ 7 มี.ค. ทางผู้ติดตามไม่สามารถติดต่อได้ ปรากฏว่าวันถัดไปวันที่ 8 - 9 ของการฉีดวัคซีน มีอาการแน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ เป็นลมจึงเข้าแอดมิดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นคนไข้มีอาการทรุดลงและวันที่ 13 มีนาคม ก็เสียชีวิต

แพทย์สรุปว่าผู้ป่วยรายนี้ น่าจะเสียชีวิตเสียชีวิตจากหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง มีอาการแตกหรือรั่วซึมเป็นโรคเก่าของผู้ป่วย แต่รายนี้บังเอิญไปฉีดวัคซีนโควิดไปเมื่อ 10 วันที่แล้ว ซึ่งเบื้องต้นทางทีมแพทย์คณะผู้เชี่ยวชาญสรุปไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน และวัคซีนไม่ได้เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต

.

ที่มา: https://www.posttoday.com/social/general/648909


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

‘พรรคกล้า กทม.’ ร้องผู้ว่า กทม. จ่ายเงินลูกจ้างโครงการ หลังค้างจ่ายค่าจ้าง 3 เดือน ขอเร่งบรรเทาความเดือดร้อน แก้ระเบียบหรือสำรองจ่ายไปก่อน

นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เลขานุการกลุ่มกรุงเทพมหานคร พรรคกล้า เรียกร้องถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จ่ายค่าตอบแทนลูกจ้างโครงการของ กทม. เนื่องจากไม่ได้ค่าตอบแทนการทำงานเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบันได้รับผลกระทบสถานการณ์โควิดระบาด และยังต้องปฏิบัติหน้าอยู่

นายเอกชัย กล่าวว่า "ลูกจ้างกลุ่มนี้มีการแต่งตั้งภายใต้คำสั่ง การแต่งตั้งบุคคลภายนอกที่ช่วยปฏิบัติราชการเกี่ยวกับกิจกรรมส่งเสริมกีฬา ศูนย์เยาวชน ดนตรี ห้องสมุดประชาชน สภาเยาวชนเขตต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการพัฒนาเด็ก เยาวชน และประชาชนตามโครงการหรือกิจกรรมที่ช่วยปฏิบัติราชการ อื่น ๆ ตามคำสั่ง"

โดยยึดระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยอัตราค่าตอบแทนค่ารางวัล ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ พ.ศ.2539 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2557 อัตราค่าจ้างคิดเป็น 360 บาทต่อวัน ระยะเวลาการจ้างงานสัญญาปีต่อปี ทำงานทุกวันคือ 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่เว้นวันหยุด พร้อมถูกหักเงินเข้าประกันสังคมด้วย โดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนมาตลอด จนกระทั่งมีการร่างระเบียบขึ้นใหม่เพื่อปรับอัตราค่าจ้างขึ้นเป็น 480 บาท แต่สำนักงานเขตหลายแห่งไม่สามารถทำเรื่องเบิกค่าตอบแทนดังกล่าวได้ เพราะระเบียบไม่ได้ระบุค่าตอบแทนให้ทางสำนักงานเขตเป็นผู้จ่าย แต่ระบุให้สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร เป็นผู้จัดการเท่านั้น ให้ทำเรื่องเบิกจ่ายทำได้แต่เพียงหน่วยงานเดียว

แต่ต่อมา สำนักวัฒนธรรมฯ ได้ยกเลิกระเบียบเดิม โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้สำนักงานเขตหลายแห่ง ไม่สามารถอ้างถึงระเบียบการจ่ายใด ๆ ได้เลย ทำให้ลูกจ้างไม่ได้รับอัตราค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่เช่นเดิม ได้เงินเยียวยาตามโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด-19 เพียงเท่านั้น

นายเอกชัย ฝากถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอให้แก้ไขปัญหานี้ให้กับลูกจ้างโครงการฯ ที่ได้รับความเดือดร้อนหลายพันคน ขอเสนอให้ลูกจ้างโครงการได้รับเงินเดือนตามอัตราที่จ้างไม่ว่าจะเป็นระเบียบเดิมหรือระเบียบใหม่โดยเร็วที่สุด หรือจะเป็นการเบิกเงินสำรองจ่าย หรือเงินอื่น ๆ ที่พึงกระทำได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ทีมงานในระดับผู้ปฏิบัติงาน ได้มีพลังในการทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายเพื่อชาวกรุงเทพฯ ด้วย


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ศรีสุวรรณ บุก สภ.ภูพิงค์ เชียงใหม่ แจ้งความ เอาผิด ก๊วนทำธงชาติไร้สีน้ำเงิน - นักแสดงดัง

วันที่ 16 มีนาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไปยัง สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ที่นำธงชาติไทยแต่ไร้แถบสีน้ำเงินมากระทำการในลักษณะไม่สมควร เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 บริเวณคณะวิจิตรศิลป์ มช.ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ.2522 โดยมีนักแสดงหญิงชื่อดังที่ทำตัวเป็นท่อน้ำเลี้ยงพ่วงอยู่ด้วยนั้น

สืบเนื่องมาจาก รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ ได้เข้าไปหอศิลป์มหาลัยในฐานะคณะบดีวิจิตรศิลป์ เพื่อดูความพร้อมของสถานที่ เตรียมรับผลงานแสดงวิทยานิพนธ์ของต่างสถาบัน ที่มาขอใช้พื้นที่แสดงงานแล้วตรวจพบธงชาติไทยที่เอาสีน้ำเงินออก พร้อมข้อความด่าทอในลักษณะต่างๆ ซึ่งเป็นธงที่เคยใช้ในม็อบต่อต้าน112 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 ที่สนามกีฬา มช. เมื่อไม่กี่วันก่อน ปะปนอยู่กับงานศิลปะนักศึกษา โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงให้เจ้าหน้าที่เอาออกไป จนกลายเป็นข่าววิพากษ์วิจารณ์กันมากในขณะนี้

ซึ่งการจัดทำธงชาติไทย แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงินนั้น เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ธง 2522 ในหลายมาตรา อาทิ ม.53 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด อาทิ ประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นใดในผืนธง ใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือในแถบสีของธง อันมีลักษณะโดยไม่สมควร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ม.54 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎของกระทรวง ซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

และตามประมวลกฎหมายอาญา ม.118 ก็ยังบัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายอื่นใดอันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงไม่อาจทนดูพฤติกรรมของผู้ที่นำธงของชาติไทยมาลบหลู่ ดูหมิ่น และใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปได้ จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อเอาผิดผู้ที่ทำธงดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมที่สนามกีฬา มช. เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 ฐานเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด ตาม พรก.ฉุกเฉิน 2548 และ พรบ.โรคติดต่อ 2558 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ม.116 และ ม.215

รัฐบาลปลื้ม 3 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชวนใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง” ก่อนสิ้นสุดโครงการ 31 มี.ค. นี้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่โครงการคนละครึ่งจะหมดเขตในวันที่ 31 มีนาคมนี้ อยากเชิญชวนให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์ เร่งใช้จ่าย เพื่อจะได้ใช้วงเงินสิทธิ์ครบเต็มจำนวน ขณะนี้ มีผู้ใช้สิทธิ์ครบ 3,500 บาท แล้ว 6.38 ล้านคน จากจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ 14.79 ล้านราย โดยมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นรวม ณ 20 มี.ค. จำนวน 100,042 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายจากภาคประชาชน 51,214 ล้านบาท รัฐช่วยจ่าย 48,828 ล้านบาท สำหรับโครงการฯ ในเฟส 3 ทางกระทรวงการคลังแจ้งว่าอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ ซึ่งจะออกมาได้หลังจากที่โครงการเราชนะ และ ม.33เรารักกัน สิ้นสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564

ในส่วนของจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์โครงการเราชนะ ขณะนี้มี 32.4 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1.53 แสนล้านบาท ขณะที่โครงการม33เรารักกัน มีผู้ได้รับสิทธิ์แล้ว 7.4 ล้านคน เริ่มโอนเงินงวดแรก 1 พันบาท แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ เมื่อ 22 มีนาคมมียอดการใช้จ่ายประมาณ 750 ล้านบาท และจะเปิดให้ยื่นทบทวนสิทธิ์ ถึงวันที่ 28 มีนาคมนี้ ทาง www.ม33เรารักกัน.com โดยประกาศผล วันที่ 5-11 เมษายน 64 ทางเว็บไซต์เช่นเดียวกัน 

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ทั้ง 3 โครงการของรัฐบาล สามารถแบ่งเบาภาระประชาชนจากผลกระทบโควิด-19 ได้มาก รวมถึงเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบคาดว่าไม่ต่ำ 2.5 แสนล้านบาท ตัวเลข ณ วันที่ 25 มีนาคม ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯทั้งสิ้นมากกว่า 1.5 ล้านกิจการ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากก็ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างมากด้วย

“เทพไท” เข้าใจหัวอก “เอ๋ ปรีณา” ชะตากรรมเดียวกัน ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. พร้อมอวยพรขอให้โชคดี

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า มีข่าวเกี่ยวกับคดีความการขึ้นโรงขึ้นศาลที่ปรากฏในหน้าสื่ออยู่หลายข่าว แต่ข่าวที่ปรากฎในหน้าสื่อมากที่สุด ก็น่าจะเป็นข่าวของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์  ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับคำร้องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว ทำให้ข่าวของคุณเสก โลโซ ที่ถูกศาลฎีกามีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว เล็กลงไปทันที รวมไปถึงข่าวการเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของตน ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ปรากฎเป็นข่าวเล็ก ๆ ในสื่อบางสำนักเท่านั้นเอง

“ในฐานะที่เป็นนักการเมืองคนหนึ่ง และเคยถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราวมาก่อน ย่อมเข้าใจความรู้สึกของ คุณปารีณา เป็นอย่างดี และรู้สึกเห็นใจ เพราะคนที่เป็นนักการเมืองย่อมมีความผูกพันกับชาวบ้านในเขตพื้นที่เลือกตั้งเป็นธรรมดา แต่ระหว่างที่กำลังสู้คดีความนั้น  คุณปารีณาก็สามารถทำหน้าที่ ส.ส.นอกสภาได้เหมือนเดิม เพียงแต่ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถอภิปราย หรือใช้สิทธิ์ลงมติใด ๆ ได้เท่านั้น 

แต่การทำหน้าที่ ส.ส. ที่เป็นตัวแทนของประชาชนนอกสภา ก็ยังสามารถทำได้เหมือนเดิม  เช่น การลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพบปะพี่น้องประชาชน หรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ก็ยังคงทำได้เหมือนเดิม และเชื่อว่าบทบาทของคุณปารีณา ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ก็คงยังปรากฏให้เห็นอยู่บนหน้าสื่อเหมือนเดิม เพียงแต่อาจจะน้อยลงไปบ้าง ถ้าหากต้องเจียดเวลาไปเตรียมการต่อสู้คดีในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จนกว่าคดีจะถึงที่สุด”

ส่วนตัวกับคุณปารีณารู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แม้บางครั้งอาจจะถูกคุณปารีณาให้ข่าวพาดพิงถึงบ้างก็ตาม  แต่ก็ไม่ได้ถือสาและตอบโต้แต่อย่างใด มาวันนี้เมื่อคุณปารีณา เจอชะตากรรมเหมือนที่ผมเคยเจอมาก่อน ก็ย่อมเข้าใจความรู้สึกเป็นอย่างดี ขอให้กำลังใจในฐานะนักการเมืองด้วยกัน และขอให้โชคดีนะครับ” นายเทพไท ระบุ

กระทรวงแรงงาน จับมือ ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ เสิร์ฟตำแหน่งงานกว่า 5 พันอัตรา เพื่อคนหางานใน “BANGKOK JOB FAIR 2021”

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมาย นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงาน Bangkok Job Fair 2021 ณ ฟอร์จูนสตรีท ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ กรุงเทพมหานคร พบปะ 40 สถานประกอบการชั้นนำ และคนหางาน

นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ดำริให้จัดงาน BANGKOK JOB FAIR 2021 ในวันนี้โดยมีเป้าหมายในการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 และลดปัญหาการว่างงาน โดยส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ ผู้ว่างงาน ผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และคนไทยทุกคนที่ประสงค์จะหางานทำ ด้วยการจัดกิจกรรมเพิ่มโอกาสสมัครงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการจำนวนมากโดยตรงในคราวเดียว รวมทั้งเพิ่มโอกาสคัดเลือกตำแหน่งงานว่างที่ตรงกับความรู้ความสามารถ

“กระทรวงแรงงาน นำนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นแนวทางสู่การปฏิบัติ โดยมุ่งเน้นตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยการพัฒนาแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทำให้คนในวัยแรงงานสามารถเลือกทำงานได้ตามความรู้และความถนัดของตน ยกระดับจากผู้ใช้แรงงาน เป็นผู้ใช้พลังสมอง ที่สามารถเข้าถึงแหล่งทุน นวัตกรรม เทคโนโลยี และข่าวสารข้อมูลได้สะดวก มีทักษะในการทำงาน มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน “เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ขอเชิญชวนผู้สนใจสมัครงาน ผู้กำลังมองหาไอเดียในการประกอบอาชีพเสริม และประชาชนผู้สนใจทุกท่าน เข้าร่วมงานได้ในวันศุกร์ที่ 26 และวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.30 น. ที่บริเวณลานฟอร์จูนสตรีท (หน้าอาคาร) ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ กรุงเทพมหานคร กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ได้จัดกิจกรรมนัดพบแรงงาน โดยมีนายจ้าง/สถานประกอบการชั้นนำเข้าร่วมรับสมัครงาน จำนวน 40 แห่ง อาทิ บริษัท ซีพี แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท เอกชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น 

ซึ่งกิจการที่เปิดรับสมัครมีทั้งประเภทกิจการธุรกิจค้าปลีก กิจการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ กิจการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ กิจการร้านอาหารและเครื่องดื่ม กิจการให้บริการด้านการเงิน และกิจการบริการขนส่งสินค้าและขนส่งสาธารณะ มีตำแหน่งงานว่างซึ่งต้องการแรงงานในทุกระดับการศึกษา จำนวนกว่า 5,000 อัตรา ตำแหน่งงานที่น่าสนใจ ได้แก่ วิศวกรโยธา สถาปนิก เขียนแบบ ผู้ช่วยผู้จัดการร้าน พนักงานบัญชี เจ้าหน้าที่ธุรการ พนักงานบริการ และพนักงานทั่วไป (ฝ่ายผลิต) เป็นต้น โดยแยกเป็นวุฒิปริญญาตรี 2,106 อัตรา วุฒิปวส. 461 อัตรา วุฒิปวช. 179 อัตรา วุฒิม.6 และต่ำกว่า 2,842 อัตรา รวมทั้งมีการสาธิตการประกอบอาชีพอิสระ วันละ 10 อาชีพต่อวัน รวมทั้งสิ้น 20 อาชีพ  และการแสดงการประกอบ อาชีพอิสระในรูปแบบ Food Truck จำนวน 4 คัน

“กรมการจัดหางาน ร่วมมือกับศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ จัด “BANGKOK  JOB  FAIR 2021” โดยมุ่งหวังให้คนหางานได้รับความสะดวกสบายและประโยชน์สูงสุด สำหรับผู้ที่เข้าร่วมงานสามารถสมัครงานง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอน คือ 1. เลือกบริษัทที่ต้องการ 2. แสกนคิวอาร์โค้ด 3. เลือกตำแหน่งงานและกรอกข้อมูลส่วนบุคคลแล้วกดส่ง นายจ้าง/สถานประกอบการจะได้รับข้อมูล และผู้สมัครงานเข้ารับการสัมภาษณ์กับนายจ้าง/สถานประกอบการได้ทันที ในส่วนของการเดินทางได้เลือกจัดงานใจกลางเมืองที่มีความสะดวกในการเดินทาง โดยศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกพระราม 9 ติดกับโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน และเทสโก้ โลตัส สามารถเดินทางทั้งด้วยรถยนต์ส่วนตัว  ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ลงสถานีพระราม 9 ทางออกที่ 1  หรือรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ต่อรถเมล์ หรือรถตู้ปรับอากาศ มีนบุรี-อนุสาวรีย์ (ลงหน้า อสมท.) หรือลงสถานีอโศก ต่อรถไฟใต้ดินลงสถานีพระราม 9 ทางออกที่ 1 หรือเดินทางด้วยรถตู้ปรับอากาศ สะพานใหม่-อสมท., งามวงศ์วาน-อสมท., มีนบุรี-อนุสาวรีย์ (ลงหน้า อสมท.) หรือเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางสาย 172, 98 ,171 ,36 ,73 ,73ก ,137 ,168 ,204 ,206 ,514 ,517 ,528 และ 529” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694

รองโฆษก ปชป. แจง เปลี่ยนตัววิปรัฐบาล ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่ตามนโยบายของพรรค

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่มีการปรับปรุงตัวบุคคลในวิปรัฐบาล ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการเปลี่ยนตัวบุคคลนั้น เนื่องจาก ส.ส.ที่เป็นกรรมการวิปรัฐบาลอยู่ก่อนหน้านี้ เต็มใจที่จะออกจากตำแหน่ง เพื่อต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำหน้าที่

ซึ่งการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาทำหน้าที่ก็เป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อได้รับแจ้งจากนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาลว่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล จึงให้แต่ละพรรคการเมืองไปพิจารณาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลหรือไม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้มีหารือและได้ปรับเปลี่ยนตัวบุคคลดังที่ปรากฎไป

“รุ่นพี่ที่เป็น ส.ส.มาแล้วหลายสมัย ที่อยู่ในวิปรัฐบาลมีสปิริตและเต็มใจออกเพื่อที่จะเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่ เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งได้มี ส.ส.ที่เป็นคนรุ่นใหม่แจ้งความจำนงว่าอยากจะเข้ามาทำหน้าที่ ผู้ใหญ่ในพรรคจึงได้พิจารณาให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น” นายอัครเดช กล่าว

ธุรกิจไทยไปเมียนมาอ่วม วอนรัฐช่วย

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจในเมียนมา เพื่อหารือถึงผลกระทบและมาตรการช่วยเหลือต่อธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงในเมียนมา โดยมีการประเมินว่าเศรษฐกิจของเมียนมาจะชะลอตัวลง และหากการชุมนุมยืดเยื้อก็ยิ่งชะลอตัวมากกว่าเดิมอีก 

อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์จะรวบรวมผลการหารือ และข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนครั้งนี้ เสนอให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เพื่อพิจารณาหาทางช่วยเหลือต่อไป เช่น การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นต้น

“การลงทุนของผู้ประกอบการรายย่อยของไทยในเมียนมา ได้รับผลกระทบมากพอสมควร เพราะยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้ โดยบริษัทส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจปิดกิจการชั่วคราว เพื่อลดความเสี่ยงและกำลังอยู่ในช่วงของการขาดสภาพคล่อง”
 

ตำรวจชี้ เร่งสอบ 3 นิ้วกระทำผิดมาตรา 112 แยกราชประสงค์ วันที่ 24 มีนาคม ส่วนผู้ต้องหาปราศรัยหน้าสถานทูตเยอรมันบางรายหลบหายไปต่างประเทศ

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ บช.น.อยู่ระหว่างถอดเทปคำปราศรัยของแกนนำที่ร่วมชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา หากพบบุคคลใด มีการกล่าวถ้อยคำ หรือแสดงออกในลักษณะที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะความผิดกฎหมายตามมาตรา 112 ก็จะถูกดำเนินคดีเป็นราย ๆ ไป

รวมถึงตรวจพิสูจน์ตัวบุคคลอีกอย่างน้อย 10 คน ที่ถือป้ายข้อความในลักษณะหมิ่นสถาบัน หากพบมีความผิดชัดเจน ก็จะทยอยออกหมายเรียก มาแจ้งความดำเนินคดีต่อไป พร้อมประสานกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อเอาผิดกับผู้โพสต์ข้อความชักชวนให้มวลชนมารวมชุมนุมในทุกครั้งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เบื้องต้น สามารถรวบรวมข้อมูลได้ในระดับหนึ่งแล้ว

ส่วนกรณีการติดตามตัวเพื่อนสาวคนสนิทของ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ ที่ร่วมกับแอมมี่ ก่อเหตุเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ล่าสุด ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัว และทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ ยังคงอยู่ในประเทศ ส่วนผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ถูกออกหมายเรียกจากการชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยก่อนหน้านี้ จากการติดตามล่าสุดทราบว่า มีบางคนหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

.

ที่มา: https://www.naewna.com/local/561959


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

คลังขยายเวลาเราชนะกลุ่มพิเศษถึง 9 เมษายน 64

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้ขยายระยะเวลาเปิดรับลงทะเบียนโครงการเราชนะ (เพิ่มเติม) สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียง) ที่ไม่สามารถเดินทางออกจากที่พักอาศัยได้และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 26 มีนาคม 2564 เป็นวันที่ 9 เมษายน 2564 เพื่อให้ครอบคลุมผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคน

ส่วนความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 26 มีนาคม 2564 พบว่า มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการเราชนะแล้ว รวมทั้งสิ้น จำนวน 32.4 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 160,716 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอพพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการเราชนะ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top