Monday, 7 July 2025
NewsFeed

'อุตตม' ชี้!! ขีดแข่งขันไทยลดฮวบ สะท้อนอนาคตประเทศเสี่ยงสูง

หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ชี้ ตัวเลขขีดความสามารถทางการแข่งขันไทยตก สะท้อนอนาคตประเทศมีความเสี่ยงสูง แนะเร่งยกระดับสินค้าส่งออก แก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน และจัดหาแหล่งเงินทุนให้ผู้ประกอบการ

17 มิ.ย. 65 นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังจะเผชิญกับมรสุมเศรษฐกิจถึง 3 ลูก โดยลูกแรกคือโควิด แม้จะทุเลาลงแต่ก็ได้สร้างบาดแผลทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง ลูกที่ 2 คือราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นจากสงครามยูเครน และลูกที่ 3 ซึ่งกำลังก่อตัวรุนแรงขึ้น คือภาวะเงินเฟ้อ ที่ส่งผลทำให้สินค้าราคาแพง กระทบกับการทำธุรกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน

“เรากำลังเผชิญกับปัญหาทั้งต้นทุนพลังงาน ปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก สหรัฐอเมริกากำลังห่วงว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย จีนก็ยังไม่เปิดประเทศ ขณะที่ไทยต้องพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้ จึงมีคำถามว่าเราจะบริหารจัดการกับภาวะท้าทายที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร ไม่ใช่เพียงการจัดการระยะสั้น แต่ต้องมองไปถึงความยั่งยืนในอนาคตด้วย”

นายอุตตม กล่าวต่ออีกว่า ความกังวลประการหนึ่ง คือตัวเลขผลสำรวจขีดความสามารถทางการแข่งขันจากมุมมองของนักบริหารทั่วโลก ที่เพิ่งเผยแพร่โดยสถาบัน TMA ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ปรากฏว่าปี 2565 ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 33 จากปีก่อนที่อยู่ในอันดับที่ 28 เป็นการลดลงถึง 5 อันดับ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยพบว่าประเทศไทยจะมีอันดับลดลงมากขนาดนี้

โดยสมรรถนะทางเศรษฐกิจที่ลดลงมีผลมาจากปัจจัยหลักในเรื่องการค้า ทั้งการบริโภคภายในประเทศที่ลดลงจากโควิด ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกแม้ที่ผ่านมาจะมีตัวเลขที่สูงขึ้น แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนทั่วโลก ทำให้เราไม่สามารถไว้วางใจได้ ที่สำคัญประเทศไทยจำเป็นต้องยกระดับสินค้าส่งออกให้สู้กับคู่แข่ง และตรงความต้องการของตลาดโลกในปัจจุบัน รวมทั้งพัฒนาระบบเศรษฐกิจจากฐานราก เพื่อความยั่งยืนในอนาคต 

ส่วนประสิทธิภาพภาครัฐ อันดับที่ตกลงมาเกิดจากการบริหารการคลัง ที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อบริหารจัดการผลกระทบโควิด ซึ่งผลการจัดอันดับนี้เป็นสัญญาณที่ชี้ว่า คนภายนอกหรือผู้บริหารทั่วโลกมองประเทศไทยอย่างไร มีความสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านการคลังแค่ไหน เราจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อมาดูแลยามวิกฤตเป็นเรื่องถูกต้อง แต่ต้องดูว่ากู้มาแล้วเอาไปทำอะไร แก้ไขปัญหาถูกจุดหรือไม่ วันนี้เรากู้เต็มเพดานแล้วจะมีผลกระทบกับการคลังในอนาคตอย่างไร

สำหรับประสิทธิภาพภาคเอกชนที่ลดลง ต้องยอมรับว่าเป็นผลสะท้อนจากสมรรถนะเศรษฐกิจ และประสิทธิภาพภาครัฐมีผลต่อประสิทธิภาพของเอกชน เนื่องจากรัฐบาลคือผู้ขับเคลื่อนนโยบายที่จะสนับสนุนภาคเอกชน วันนี้ต้องดูว่านโยบายของภาครัฐนั้นถูกทิศทางและทันต่อสถานการณ์หรือไม่ ยุทธศาสตร์ที่วางไว้ตอบโจทย์กับความเสี่ยงในอนาคตหรือไม่

‘ผู้นำฝรั่งเศส-เยอรมนี-อิตาลี’ ดอดพบเซเลนสกี้ กล่อม ‘ยูเครน’ ให้อ่อนข้อต่อ ‘รัสเชีย’ จริงหรือ?

เฟซบุ๊กเพจ ‘Pat Sangtum’ โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘OVERNIGHT TRAIN TO KIEV’ ระบุว่า…

เมื่อผู้นำอิตาลี เยอรมนี และฝรั่งเศส นั่งรถไฟจากโปแลนด์ขบวนข้ามคืนเข้ายูเครน เพื่อไปเยี่ยม เซเลนสกี้ ที่กรุงคีฟ

เดากันว่า ผู้นำ 3 ท่านนี้ ไปเกลี้ยกล่อมให้เซเลนสกี้ เจรจากับปูติน 

อย่าเชื่อมาก!! 

เพราะข่าวต่าง ๆ จากการประชุม อ้างถึงคำพูดโอ้อวดและป้ายความเลวให้รัสเชียทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฆ่าหมูชาวยูเครน หรือยุทธการของรัสเชียที่อ่อนแอ หรือกองทัพรัสเชียสูญเสียทหารและอาวุธจำนวนมาก

แต่บทสรุปจะออกมาเป็นเช่นไร ก็ยังไม่ทราบได้ หากอ้างถึงคำถามจาก ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี และนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ผู้นำอิตาลี ว่า “ชัยขนะของยูเครน” มีนิยามว่าอย่างไร ชัยชนะทางทหารที่เซเลนสกี้ต้องการ คือ ชนะระดับไหน

อย่างไรเสีย ชาวยุโรปในประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินเฟ้อ และความขาดแคลนทั้งน้ำมัน และสินค้าอุปโภคบริโภค เริ่มออกมาบอก EU และผู้นำยูเครนว่า รัสเชียต้องการอะไร ให้สนองตอบให้เร็วที่สุด

ท่องเที่ยวไทยสดใส!! รายได้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 3.48 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 149% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

(17 มิ.ย. 65) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ผลการดำเนินงานเปิดรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร จากการรายงานจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า วันที่ 1-15 มิ.ย. นักท่องเที่ยวเข้ามา 348,699 คน เฉลี่ยวันละ 2-2.5 หมื่นคน โดยประเทศที่นักท่องเที่ยวเข้ามามากสุด คือ 

1.) มาเลเซีย 6.1 หมื่นคน 
2.) อินเดีย 5.1 หมื่นคน 
3.) สิงคโปร์ 3.1 หมื่นคน 
4.) เวียดนาม 1.8 หมื่นคน 
และ 5.) สหรัฐอเมริกา 1.5 หมื่นคน 

ส่วนตั้งแต่ยกเลิก Test & Go จะเห็นว่าแนวโน้มนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น หากนับตั้งแต่ต้นปีที่เข้ามามากสุด คือ อินเดีย 1.69 แสนคน 

"ส่วนไทยเที่ยวไทยมี 53.52 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 127% จังหวัดเป้าหมายที่ไปท่องเที่ยวมากสุด คือ กทม. ชลบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ขณะที่เรามีรายได้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 3.48 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 149% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขอบคุณคนไทยเที่ยวไทย สร้างเม็ดเงิน 2.48 แสนล้านบาท มากกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งการผ่อนคลายที่จะเกิดขึ้น เช่น Thailand Pass อาจทำให้ขึ้นมาเป็นแสนล้านบาทโดยเร็ว" นพ.ทวีศิลป์กล่าว

‘บิ๊กตู่’ ชื่นมื่น ควง ‘ชัชชาติ-นายกเมืองพัทยา’ แถลงข่าวพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลเต็มที่

(17 มิ.ย.65) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 9/2565 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ร่วมแถลงข่าวท่ามกลางสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจจำนวนมาก โดยทันทีที่ถึงโพเดียมนายกฯ ได้หันไปบอกนายชัชชาติว่า เห็นไหมวันนี้สื่อมวลชนเยอะเป็นพิเศษ นายชัชชาติ จึงกล่าวตอบว่า “ครับ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ” 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีแถลงว่า วันนี้ถือเป็นอีกวาระหนึ่งที่มีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ เพื่อจะอนุมัติอนุญาต ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์หลักการต่าง ๆ มากมายหลายประการ ซึ่งล้วนแล้วแต่ที่เราพยายามปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งสถานการณ์การแพร่เชื้อ การติดเชื้อ การเสียชีวิตก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

“วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะกับนายกเมืองพัทยา และผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งก็ได้พูดคุยกันแล้วว่าเราจะร่วมมือกันทำงานที่เราต้องรับผิดชอบกันด้วยความร่วมมือกันอย่างครบถ้วนในทุก ๆ เรื่อง ผมพูดคุยกับท่าน เพราะรู้จักท่านดีอยู่แล้ว วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้แนะนำทั้ง 2 ท่านให้ที่ประชุมศบค.ด้วย ซึ่งก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นในการทำงาน ช่วยกันทำทุกอย่างให้พี่น้องประชาชนของเราทั้งประเทศ และวันนี้ที่เชิญมาพิเศษคือ นายกเมืองพัทยา เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และในส่วนของกทม.ถือเป็นปกติที่มาร่วมประชุมกันอยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงของการเลือกตั้งที่ส่งปลัดฯกทม.รักษาการมาแทน ก็เข้าใจกันทั้งหมดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เชิญนายชัชชาติให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นผู้เข้าร่วมประชุมก็พร้อมดำเนินการร่วมกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะว่า เราต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ในส่วนของมติศบค. ก็มีความผ่อนคลายขึ้น คิดว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลง และเราก็พร้อมที่จะดำเนินงานทุกอย่างกับทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนรายละเอียดให้ทางศบค.เป็นผู้ชี้แจง

ควันหลง ‘นายกฯ’ ลงพื้นที่ ‘สกลนคร’ รับฟังปัญหาด้วยตัวเอง – เร่งบรรเทาความเดือดร้อนปปช.

เก็บตกจากสกลนคร! ‘บิ๊กตู่’ ได้หารือนอกรอบ ผู้ว่าฯ จุรีรัตน์ เพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่ พร้อมให้เร่งแก้ความเดือดร้อนประชาชน

หลายคนอาจค่อนขอดการลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า เป็นการลงพื้นที่เพื่อสำรวจคะแนนนิยม แต่ในความเป็นจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมาเพื่อรับรู้ถึงปัญหาของประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับสั่งการให้แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าสำรวจและช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน

ขณะที่ในแต่ละจุดที่ นายกรัฐมนตรี ได้แวะเยี่ยมเยือน ยังได้สั่งการอย่างเป็นระบบอีกด้วย 

โดยจุดที่ 1 ที่ได้ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย โดยใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP) และโอกาสความก้าวหน้าของสกลนครในการเป็นศูนย์กลางสมุนไพร ณ รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร อ.พรรณานิคม ได้สั่งการให้

1) การใช้ประโยชน์จากข้อมูล TPMAP โดยให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางในการยกระดับการเก็บข้อมูลประชากรให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และนำข้อมูลดังกล่าวมากำหนดแนวทางในการวางแผนโครงการและการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

2) การยกระดับและพัฒนาคุณภาพการผลิตสมุนไพร ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาฯ และกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงองค์ความรู้จากงานวิจัยมาพัฒนา มาช่วยยกระดับคุณภาพการผลิตสมุนไพรให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การดำเนินการ และผลักดันการพัฒนาศักยภาพของผู้ปลูกสมุนไพรไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ 

3) การส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการรายย่อยทางโลจิสติกส์ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการรวมกลุ่มทางโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการสมุนไพรรายย่อย เพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง

4) การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติกัญชาที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสร้างการรับรู้กับประชาชนเกี่ยวกับคุณประโยชน์และโทษของกัญชา เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างถูกต้อง และป้องกันการนำกัญชาไปใช้จนเกิดโทษแก่ร่างกาย 

ขณะที่ จุดที่ 2 เยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมืองสกลนคร ได้มอบหมายให้

1) การส่งเสริมการพัฒนาสายพันธุ์ปศุสัตว์ และนวัตกรรมทางการเกษตร 
    - ให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาและสร้างความหลากหลายของสายพันธุ์ปศุสัตว์ต่างๆ ให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น และตรงความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
    - ให้ กระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการขยายการเพาะพันธุ์กระต่ายให้มากขึ้นโดยอาจดำเนินการในรูปแบบของธนาคารกระต่าย
    - ให้ กระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้มีการจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ ตลอดจนกำกับดูแลเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาอย่างเคร่งครัด

‘ชัชชาติ’ ชม ‘บิ๊กตู่’ มองประโยชน์ปชช.เป็นที่ตั้ง ฟาก ‘สุพัฒนพงษ์’ เสริม ให้หนุนเรื่องไหนบอก

‘ชัชชาติ’ ออกปากชมนายกฯ เป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา เผย ‘บิ๊กตู่’ ขอให้จับมือร่วมกันทำงานยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมเผยไม่ติดใจปมคลุมถุงดำ-มัดมือ ช่วงรัฐประหาร คสช. ขอทิ้งอดีต มองไปที่อนาคตข้างหน้า พร้อมลงพื้นที่ร่วมกัน

(17 มิ.ย.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ให้สัมภาษณ์หลังพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พาชมตึกภักดีบดินทร์ หลังจบประชุมศบค.ว่า นายกฯพาดูตึกใหม่ ที่ยังไม่เคยเห็นเพราะเพิ่งสร้าง และนายกฯได้แสดงความยินดีกับตน และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยขอให้ร่วมมือกันทำงาน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และตนเคยเจอนายกฯเมื่อนานมาแล้ว เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา ท่านขอให้เน้นการทำงานและประสานงานร่วมกัน โดยกทม.ต้องร่วมงานกับรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย

นายชัชชาติ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังได้พูดคุยกับ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้ากทม.กับรัฐบาลร่วมมือกันได้ เช่น เรื่องมาตรการประหยัดพลังงาน เป็นต้น และตนได้แจ้งว่า กทม.อยากจัดงานถนนคนเดินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนายสุพัฒนพงษ์ บอกว่าสนใจเรื่องนี้เช่นกัน และให้เอารายละเอียดโครงการมาพูดคุย เพื่อดูว่ารัฐบาลจะสนับสนุนเรื่องไหนได้บ้าง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะ กทม.เป็นองค์กรท้องถิ่น ที่จะต้องยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะสุดท้ายประโยชน์จะอยู่ที่ประชาชน

รองแม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมการดำเนินการ 'โครงการทหารพันธุ์ดี ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย' ของกรมทหารราบที่ 151

ที่ โรงเรียนบ้านเขาตันหยงมิตรภาพที่ 153 หมู่ที่ 4 ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และคณะ เดินทางลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมการดำเนินการ 'โครงการทหารพันธุ์ดี ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย' ของกรมทหารราบที่ 151  โดยมี พันเอก ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151, นายมะลีเป็ง ลีฆะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเขาตันหยงมิตรภาพที่ 153  หน่วยงานราชการ คณะครู นักเรียน ร่วมให้การต้อนรับ โดยพลตรีไพศาล หนูสังข์ และคณะ ได้รับฟังบรรยายสรุปการดำเนินการ ของ 'โครงการทหารพันธุ์ดี ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย' ของกรมทหารราบที่ 151 พร้อมทั้งได้เยี่ยมชม แปลงเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ของบ้านเขาตันหยงมิตรภาพ ที่ 153 โดยมีน้องนักเรียน มัคคุเทศก์น้อย ทำหน้าที่เป็นวิทยากรคอยให้ความรู้ ในแต่ส่วนของแปลงเกษตร ซึ่งโครงการดังกล่าว ดำเนินงานตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานโครงการทหารพันธุ์ดีแก่หน่วยมาเพื่อดำเนินการขยายผลสู่สถานศึกษา และเปิดโอกาสให้เยาวชนได้รับความรู้ ซึมซับในวิถีพอเพียงการเรียนรู้ร่วมกับการปฏิบัติจริง 'เรื่อง การผลิตอาหารให้ชุมชน' ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลการดำเนินงานโครงการทหารพันธุ์ดีสู่สถานศึกษา ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติแก่นักเรียน รวมถึงเพื่อเป็นแหล่งอาหารให้กับโรงเรียน และชุมชนโดยรอบ ตลอดจนเพื่อให้นักเรียน และพี่น้องประชาชนตระหนักในการเรียนรู้วิถี ความพอเพียง สามารถต่อยอด พัฒนาเป็นองค์ความรู้ใหม่สู่การปฏิบัติในการดำเนินชีวิตต่อไป

สื่อสหรัฐฯ เผย ชาวมะกัน 62% อยากย้ายประเทศ!! พบอเมริกันชนย้ายไป 'เม็กซิโก' แล้ว 8 แสนคน

สำนักข่าว CNBC ของสหรัฐฯ ได้รายงานเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ชาวแคลิฟอร์เนียหลายแสนคน ย้ายฐิ่นฐานออกจากประเทศสหรัฐฯ ไปยังประเทศเม็กซิโก เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงเกินกว่าจะรับไหว ในขณะที่เม็กซิโกมีค่าครองชีพที่ถูกกว่า และมีลักษณะการใช้ชีวิตที่สุขสบายไม่เคร่งเครียด

แคลิฟอร์เนีย ถือเป็นรัฐที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ รองจากรัฐฮาวาย ซึ่งราคาบ้าน 1 หลังในแคลิฟอร์เนีย มีราคาเฉลี่ยหลังละ 797,470 ดอลลาร์ หรือประมาณ 28 ล้านบาท โดยสำนักข่าว CNBC ระบุว่า มีชาวแคลิฟอร์เนียเพียง 25% เท่านั้น ที่มีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านในแคลิฟอร์เนีย โดยพบว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 มีประชากรเดินทางออกจากรัฐแคลิฟอร์เนียไม่ต่ำกว่า 3.6 แสนคน ย้ายไปอาศัยอยู่ในรัฐวอชิงตัน รัฐอาริโซนา รัฐเท็กซัส และประเทศเม็กซิโก โดยในปี 2563 พบว่ามีประชากรชาวอเมริกัน 8 แสนคน อาศัยอยู่ในประเทศเม็กซิโก

จากกระแสการย้ายถิ่นฐานออกจากสหรัฐฯ ไปเม็กซิโก ที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ สำนักข่าว CNBC ยังได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่ของชาวอเมริกัน พบว่า 62% อยากย้ายไปประเทศอื่น โดยผู้ตอบแบบสอบถามผลสำรวจ ไม่ค่อยมีความกังวลเรื่องการสูญเสียโอกาสการงานหน้าที่ในสหรัฐฯ เพราะสามารถทำงานอยู่ที่บ้านหรือ Work From Home จากต่างประเทศ

นายทราวิส กรอสซี (Travis Grossi) และนายเดวิด ซิมมอนส์ จูเนียร์ (David Simmons Jr.) ชาวแคลิฟอร์เนีย 2 คนที่เคยอาศัยอยู่ในฮอลลีวูด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยทั้ง 2 เปิดเผยว่า พวกเขาย้ายมาประเทศเม็กซิโก เพราะค่าครองชีพทุกอย่างในเม็กซิโก ถูกกว่ามากถึงครึ่งหนึ่งของค่าครองชีพในแคลิฟอร์เนีย 

แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าจ้างแรงงานในแคลิฟอร์เนียจะมีตัวเลขที่สูงกว่ามาก แต่ระบบสาธารณสุขก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน แต่ช่วงที่นายเดวิด ซิมมอนส์ จูเนียร์ ยังอาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย นายเดวิด ไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าฉีดยารักษาโรคภูมิแพ้ แต่เมื่อย้ายมาอยู่เม็กซิโก การรักษาพยายาบาลในเม็กซิโก นอกจากจะถูกกว่าและเข้าถึงได้ง่ายกว่าแล้ว นายเดวิดยังได้รับการดูแลเรื่องโรคผิวหนังควบคู่ไปกับการรักษาโรคภูมิแพ้ ซึ่งถือว่าถูกกว่าและคุ้มค่ากว่ามาก

'สรยุทธ’ โดนแซะอวย!! หลังโพสต์ข่าวชัชชาติ สวน!! อาจจะเป็นแคมเปญใหม่ของฝ่ายต่อต้าน

‘สรยุทธ’ สวนแรง หลังโพสต์ข่าวชัชชาติ สั่งทุกเขตแก้สายสื่อสารรุงรัง โดนแซะอวย

กลายเป็นเหตุเดือดกลางเพจ เมื่อเพจนักข่าวคนดัง ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว’ โต้กลับลูกเพจที่เข้ามาคอมเมนต์อย่างหยาบคาย

เรื่องราวเริ่มขึ้นจาก เพจสรยุทธ ได้โพสต์ข่าว “ชัชชาติ เร่งแต่ละเขตแก้สายสื่อสารกรุงรัง ตัดสายตายที่ไม่ได้ใช้ทิ้ง เริ่มจากเขตละ 20 กม.ทำให้เชื่อมต่อกัน”

หลังจากโพสต์ข่าวดังกล่าวลงไป พบว่า มีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง เข้ามาโพสต์ข้อความว่า “แผล่บๆๆๆๆๆ” พร้อมภาพเลียนแบบภาพมีมนายชัชชาติ แต่เขียนข้อความซึ่งผวนแล้วเป็นคำหยาบคาย ทำให้ นายสรยุทธ เข้าไปตอบกลับว่า “แน่น-อก เหรอครับ กรี๊ดสิครับกรี๊ด”

EA เจ๋ง!! โรงงานผลิตแบตฯ 'อมิตา' เนื้อหอม!! กลุ่มทุนมาเลเซียสนใจ 'แนวทางธุรกิจ-นวัตกรรม'



กลุ่มนักลงทุนชาวมาเลเซีย เยี่ยมชม บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA



เมื่อ (18 มิ.ย.65) ที่ผ่านมา บริษัทอมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ท่าน Datuk Seri Mohd Redzuan (ดา-ทุก-เซ-รี-โม้ด-เรด-ซวน) และกลุ่มนักลงทุนชาวมาเลเซีย ให้ความสนใจแนวทางและนวัตกรรมตลอดจนเทคโนโลยีของกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) พร้อมเยี่ยมชมกิจการของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด โดยมีนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ



นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ เป็นบริษัทพลังงานของคนไทยที่เริ่มต้นจากธุรกิจไบโอดีเซล และขยายสุ่ธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งบริษัทเล็งเห็นถึงประโยชน์ของพลังงานสะอาดที่มีประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ ลดการนําเข้า เชื้อเพลิง และด้านสิ่งแวดล้อมที่ลดปัญหามลพิษ และลดภาวะโลกร้อน  ประกอบกับการเปลี่ยนผ่านในเทคโนโลยียานยนต์แบบเดิมที่ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนมาเป็นยานยนต์ไฟฟ้า



 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top