Thursday, 10 July 2025
NewsFeed

Sakun C โชว์โฉม รถบัสไฟฟ้าสัญชาติไทย ชูจุดเด่น!! ใช้งานนาน 30 ปี ไม่ผุกร่อน ช่วยลดมลพิษ 

Sakun C ผู้ประกอบการด้านนวัตกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เชี่ยวชาญด้านการออกแบบวิจัย, พัฒนารวมถึงผลิตและจัดจำหน่าย รถและเรือตัวถังอะลูมิเนียมขึ้นรูป เปิดตัวผลงาน “EV Aluminum Bus” โดยล่าสุดได้นำไปโชว์ตัวในงาน Motor Show 2022 

Sakun C ได้ร่วมกับ สวทช. พัฒนา “EV Aluminum Bus” สัญชาติไทย ตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียมขึ้นรูปผสมพิเศษ แข็งแรงกว่าเหล็กและอะลูมิเนียมทั่วไปถึง 4 เท่า ซึ่งเป็นอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้สำหรับผลิต Super Car แต่บริษัทนำมาใช้เพื่อผลิตรถบัส EV สำหรับคนไทย ซึ่งจะมีน้ำหนักเบากว่าเหล็กครึ่งนึง ทำให้ใช้งานได้นานถึง 30 ปี วิ่งได้ไกล ไม่ผุกร่อนหรือเป็นสนิม และจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ลดฝุ่นควัน PM 2.5 มีค่า CO2 เป็นศูนย์ ด้านแบตเตอรี่, มอเตอร์ และระบบการชาร์จไฟจะจัดทำไว้ให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่ ขสมก. กำหนด

พิธีปิดการฝึกผสม COPE TIGER 2022 ณ กองบิน ๑ จังหวัดนครราชสีมา

พลอากาศเอก นภาเดช  ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมด้วย MG Kelvin Khong (พลอากาศตรี เคลวิน ค็อง) ผู้บัญชาการทหารอากาศสาธารณรัฐสิงคโปร์ และ MG David Burgy (พลอากาศตรี เดวิด เบอร์กี้) ผู้แทน ผู้บัญชาการทหารอากาศสหรัฐอเมริกา ภาคแปซิฟิก ร่วมเป็นประธานในพิธีปิดการฝึกผสม COPE TIGER 2022 ณ กองบิน ๑ จังหวัดนครราชสีมา 

การฝึกผสมโคปไทเกอร์ (Multi-Lateral Exercise Cope Tiger) ถือได้ว่าเป็นการฝึกผสมทางอากาศ ที่มีการสนธิกำลังทางอากาศใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการนำกำลังทางอากาศ จาก ๓ ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐสิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมการฝึก มีการพัฒนารูปแบบการฝึกให้เข้ากับสถานการณ์การสู้รบในปัจจุบัน จะมีการสมมติสถานการณ์เสมือนจริง ทั้งด้านการควบคุมและสั่งการ การฝึกยุทธวิธีการรบระหว่างเครื่องบินรบต่างแบบ การฝึกโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายภาคพื้นดินที่มีการต่อต้านจากกอาวุธของหน่วยต่อสู้อากาศยานภาคพื้น การฝึกด้านการข่าวกรองยุทธวิธีโดยใช้อากาศยานไร้คนขับ และการให้การสนับสนุนของหน่วยสนับสนุนต่าง ๆ สำหรับวัตถุประสงค์ในการฝึกครั้งนี้ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยบิน และหน่วยต่อสู้อากาศยานที่เข้าร่วมการฝึก และเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศผสม อีกทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างมิตรประเทศ ที่เข้าร่วมการฝึกอีกด้วย

'พลังธรรมใหม่' ฉะ 'วิโรจน์' ทวงคืนสนามหลวงให้ใคร จี้ หยุดสร้างวาทกรรมใส่ร้ายสถาบันฯ

วันที่ 25 มี.ค. 65 นายมหัศจักร โสดี โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล ประกาศจะคืนสนามหลวงให้คนกรุงเทพ โดยอ้างความเท่าเทียมว่า ก่อนอื่นนายวิโรจน์ต้องหยุดเพ้อเจ้อ อย่าพูดเอาแต่ความมันส์ หรือคันปาก อยากจะพูดอะไรก็พูด เมื่อนายวิโรจน์ลาออกจาก ส.ส. มาเป็นผู้สมัครพ่อเมืองของคนกรุงเทพฯ ก็ต้องทำตัวให้เหมาะสม สนามหลวงก็เป็นของคนไทยทั้งประเทศอยู่แล้ว เพราะเป็นเจ้าของประเทศแล้วจะทวงคืนจากใครไปให้ใคร แต่ในรายละเอียดสนามหลวงหรือทุ่งพระสุเมรุ หรือทุ่งพระเมรุเป็นพื้นที่เขตพระราชฐานใช้เป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่างๆ เช่น พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เป็นต้น

แรมโบ้ ควง บิ๊กโจ๊ก บุกค้น ‘มังกรฟ้า’ พบสลาก 2 ล้านใบ ทั้งที่ไม่ได้โควตา

อนุฯ แก้หวยแพง เร่งประชุม หาจุดอ่อนจุดแข็ง ปิดช่องโหว่หายเกินราคา “แรมโบ้” ย้ำ นโยบายไม่ต้องอิงมาตรการกองสลากเพียงอย่างเดียว - รุดร่วม บิ๊กโจ๊ก บุกค้น บ.มังกรฟ้าลอตเตอรี่ พบสลากกว่า 2 ล้านใบ ทั้งที่ไม่ได้รับโควตา

เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ครั้งที่ 3/2565 ประชุมติดตามความคืบหน้าการติดตามแก้ไขปัญหาขายลอตเตอรี่เกินราคา

'ไบเดน' เชื่อ!! จีนรู้อนาคตเศรษฐกิจ ขึ้นอยู่กับตะวันตก และอาจต้องเสียใจ หากเลือกเข้าข้างรัสเซีย 

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐ เตือนว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนอาจต้องเสียใจหากเข้าข้างรัสเซียในวิกฤตสงครามยูเครน เพราะจีนรู้ดีว่าอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศขึ้นอยู่กับชาติตะวันตกมากกว่ารัสเซีย

ไบเดนเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวถึงการสนทนาระหว่างตนและผู้นำจีนว่า "ผมไม่ได้ขู่นะ แค่บอกตรงๆ ให้เขาเข้าใจถึงผลที่จะตามมาหากจีนให้ความช่วยเหลือรัสเซีย ผมชี้ให้เห็นถึงจำนวนของบริษัทอเมริกันและต่างชาติที่ถอยออกจากรัสเซีย อันเป็นผลมาจากการกระทำที่ป่าเถื่อนของพวกเขา"

ขณะที่รัฐบาลสหรัฐยังคงกดดันให้จีนละเว้นจากการสนับสนุนรัสเซีย ให้ความช่วยเหลือทางทหาร รวมถึงการช่วยรัสเซียหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตก

นอกจากนี้ไบเดนยังกล่าวว่า NATO จะเพิ่มศักยภาพด้านการป้องกัน และพร้อมที่จะตอบโต้หากรัสเซียใช้อาวุธเคมี ชีวภาพ หรือนิวเคลียร์โจมตียูเครน

สื่อระบุว่าไบเดนชี้ให้เห็นถึงการพึ่งพากันทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐ ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด เพื่อกันจีนออกจากรัสเซีย หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเยือนกรุงปักกิ่งในเดือนที่แล้ว และประกาศว่าทั้งสองประเทศเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ "ที่ไม่มีขีดจำกัด"

มข. ร่วม ‘มิส ลิลลี่’ คิดค้นนวัตกรรมต้านโควิดสำเร็จ ด้วย ‘แอนโดรกราโฟไลด์ นาโน อิมัลชัน’ ครั้งแรกของโลก

มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมมือ มิส ลิลลี่ (Miss Lily) คิดค้นเทคโนโลยีแอนโดรกราโฟไลด์ นาโน อิมัลชัน ได้เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์สำคัญในฟ้าทะลายโจร ใช้สำหรับต้านไวรัสโควิด-19 พร้อมเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่ายเร็วๆ นี้

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด ทำให้ชื่อของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรกลายเป็นความหวังในการบรรเทาอาการของผู้ป่วย เพราะมีสรรพคุณที่ป้องกัน รักษาอาการหวัด และยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส โดยสารสำคัญในฟ้าทะลายโจรที่ให้ฤทธิ์ป้องกันและยับยั้งเชื้อโควิดได้ก็คือ ‘แอนโดรกราโฟไลด์’ (Andrographolide) ซึ่งปัจจุบันสารตัวนี้ได้รับความสนใจในระดับสากล มีการนำมาพัฒนามากยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ และมีงานวิจัยข้อมูลทางการแพทย์มากมายในต่างประเทศ 

มหาวิทยาลัยขอนแก่นเอง โดยฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษาก็ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสารดังกล่าวมาโดยตลอด จนล่าสุดประสบความสำเร็จในการคิดค้นแนวทางการนำสารแอนโดรกราโฟไลด์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอยู่ในรูปแบบนาโนอิมัลชัน (nano-emulsion)

ด้าน ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา มข.เปิดเผยถึงข้อมูลวิจัยว่า “แอนโดรกราโฟไลด์ที่เป็นสารในกลุ่มไดเทอร์ปีนแลคโตน (Diterpene Lactone) เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญที่พบในสมุนไพรฟ้าทะลายโจร (Andrographis paniculate) ที่มีรายงานทางวิชาการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศว่า มีฤทธิ์ลดไข้ ต้านการอักเสบ และต้านเชื้อไวรัส เป็นสารที่ให้รสขม ปัจจุบันมีการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรจากใบ หรือส่วนอื่นๆ หรือสารสกัดหยาบในรูปยาผงแบบอัดเม็ดและแคปซูล อย่างแพร่หลายในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การใช้ในรูปแคปซูลดังกล่าวจะมีแอนโดรกราโฟไลด์ที่เป็นสารสำคัญอยู่ประมาณ 1.38-3.21% ขึ้นกับสถานที่ปลูก และเนื่องด้วยเป็นสารที่ไม่ละลายในน้ำ จึงทำให้สารแอนโดรกราโฟไลด์ถูกดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ในร่างกายได้เพียง 2.67% จึงทำให้ต้องรับประทานครั้งละ 4 แคปซูล และต่อเนื่องวันละ 4 ครั้ง รวม 12 แคปซูล/วัน หรือให้ได้ปริมาณผงยา 6,000 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งเทียบเท่ากับสารแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มิลลิกรัม/วัน

โดยทีมงานได้ทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แอนโดรกราโฟไลด์บริสุทธิ์ (>98%) ด้วยเทคโนโลยีนาโนอิมัลชัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมขึ้นอีกหลายเท่า ทำให้ใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยแต่มีประสิทธิภาพในการทำงานในระดับสูง ลดความเสี่ยงของการรับประทานสมุนไพรในรูปปกติในปริมาณมากเกินขนาด (over dose) เป็นการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากงานวิจัยมาใช้ประโยชน์และต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ในการดูแลสุขภาพของคนไทยในสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างแท้จริง

'ก้าวไกล' แจง!! ผู้ไม่หวังดีแฮ็กเพจ 'พรรคก้าวไกล-พิธา' เร่งแจ้ง 'Facebook - หน่วยงานเกี่ยวข้อง' ขอกู้คืนสิทธิ์แล้ว

เมื่อ 25 มีนาคม 2565 ทีมงานพรรคก้าวไกล แจ้งเตือน!! ว่า... ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นมา มีกลุ่มบุคคลไม่หวังดีทำการเจาะและสวมรอยยึดบัญชีส่วนบุคคลผู้รับผิดชอบเป็นแอดมินผู้บริหารจัดการเฟซบุ๊กแฟนเพจพรรคก้าวไกลและพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

แม้เราจะมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยเต็มที่แล้ว ทั้งการจำกัดคนและอุปกรณ์ที่สามารถเข้าถึงสิทธิ์ การตรวจสอบอุปกรณ์และคนแปลกปลอมอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการใช้ระบบ Two-Factor Authentication ในการลงชื่อเข้าใช้แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้

ขณะนี้พรรคก้าวไกลกำลังร่วมมือกับ Facebook และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมทั้งดำเนินการกู้คืนสิทธิ์การเข้าถึงทั้ง 2 เพจ ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

"บิ๊กตู่' สั่งดูแลเส้นทางจราจรงาน "มอเตอร์โชว์" ลดปัญหาการจราจรคับคั่ง พร้อมติดตามการให้บริการผู้ป่วยโควิด – 19 อย่างครอบคลุม "เจอ แจก จบ" ดูแลผู้ป่วยไปแล้วเกือบ 7 แสนราย สธ. เผยพบ 92% พึงพอใจในระดับมากถึงมากที่สุด

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกในเส้นทางจราจร ที่จะเดินทางไปงานมอเตอร์โชว์ อิมแพค เมืองทองธานื เพื่อลดปัญหาจราจรติดขัดบนทางด่วน   หลังได้รับรายงานเมื่อวานนี้ ตั้งแต่เปิดงาน-ช่วงบ่ายมีรถสะสมบนทางด่วนกว่า 400 เมตรและการจราจรติดขัดบนทางด่วนนายกว่า 30  นาที วันเดียวกันนี้  (27 มี.ค.) ซึ่งยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คาดว่า จะมีประชาชนเข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก  จึงขอให้ทั้งตำรวจภูธร จ. นนทบุรี การท่าพิเศษแห่งประเทศไทยร่วมจังหวัดนนทบุรี ติดตามสภาพการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทาง ใช้รถ ใช้ถนนของประชาชน ขณะเดียวกัน ยังกำชับให้ผู้จัดงานและเจ้าหน้าที่ประจำบูธภายในงาน ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในการป้องการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งประชาชนที่จะเข้าร่วมชมต้องป้องกันตนเองขั้นสูงสุดด้วย

"นายก ฯ ใส่ใจ ห่วงใยประชาชนที่วางแผนจะไปชมงาน มอเตอร์โชว์ หรือกิจกรรมต่างๆ ในช่วงนี้การ์ดอย่าตกและเน้นดูแลตนเองขั้นสูงสุด  พร้อมย้ำผู้จัดงาน ประสานทุกหน่วยงาน เตรียมความพร้อมเส้นทางจราจร สถานที่จอดรถ ไม่ให้กระทบต่อประชาชนที่สัญจรไปมาตามปกติ ที่สำคัญต้องปฏิบัติตามมาตรความปลอดภัยสาธารณสุข ที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของ ศบค. ในการควบคุมและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัดด้วย"  นายธนกรกล่าว

"รัฐบาล" ยันดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เน้นใช้จ่ายงบประมาณใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง "ย้ำ" เสถียรภาพการคลังประเทศยังแข็งแกร่ง "ฟุ้ง"เสถียรภาพเศรษฐกิจยังเข้มแข็งขับเคลื่อนได้ คาดการขยายตัวภาคการส่งออกไทยปีนี้จะอยู่ที่ 5-10%

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการดูแลช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ควบคู่กับทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าได้ รวมถึงออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้านต่าง ๆ ทั้งด้านพลังงานและเชื้อเพลิง ค่าครองชีพ ด้านขนส่ง แรงงานและนายจ้าง โดยมุ่งเน้นให้การใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ และอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การบริหารจัดการที่เป็นไปอย่างมีระบบ มีแผนงาน/โครงการที่ชัดเจน ทำให้ขณะนี้ฐานะทางการเงินการคลังของประเทศไทยยังมีเสถียรภาพที่เข้มแข็ง โดยเสถียรภาพด้านการคลังดูได้จากการบริหารรายได้และรายจ่ายของภาครัฐ ซึ่งฐานะทางการคลังของรัฐบาลตัวเลขล่าสุดใน 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565) ระดับอัตราเงินคงคลังปลายงวดอยู่ที่ประมาณ 400,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงตามดุลเงินสดที่ขาดดุลอยู่ในขณะนี้และเป็นไปตามดุลงบประมาณ  

นายธนกร กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 901,414 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 1,429,194 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 394,465 ล้านบาท ซึ่งในปี 2565 ได้ตั้งงบประมาณขาดดุลไว้ที่ 700,000 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลังปลายงวด ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 418,588 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลได้มีการกำหนดสภาพคล่องไว้อยู่ที่ประมาณ 400,000 – 500,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพพียงพอ ทั้งนี้ การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลคาดจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดคือ 2.4 ล้านล้านบาท ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565 ยังมีความเข้มแข็งอยู่ที่ประมาณ 245,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ในระดับสูงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ 

นายธนกร กล่าวว่า ขณะเดียวกันเสถียรภาพทางด้านราคา ซึ่งดูจากอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีผู้บริโภคนั้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565 ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาพลังงาน โดยเดือนมกราคม อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% และเดือนกุมภาพันธ์ อัตราเงินเฟ้อประมาณ 5% แต่หากดูอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมเรื่องพลังงานกับอาหารสด อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 0.5 ในเดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์ อัตราเงินเฟ้อเพิ่มที่ 1.8 ซึ่งรัฐบาลก็ได้เข้ามาดูแลช่วยเหลือประชาชนระยะสั้นในการลดต้นทุน และการช่วยเหลือค่าครองชีพต่าง ๆ ผ่าน 10 มาตรการสำคัญโดยพุ่งเป้าเน้นช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง

พร้อมมีการติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับมาตรการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะต่อไป ส่วนอัตราการว่างงานในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ปรับตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ของแรงงานรวม ซึ่งเป็นผลมาจากที่รัฐบาลได้มีการผ่อนคลายมาตรการและเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาลเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา รวมไปถึงการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ผู้ประกอบการด้านโรงแรมสามารถกลับมาเริ่มดำเนินกิจการและรักษาการจ้างงานได้ รวมทั้งประชาชนมีความมั่นใจที่จะเดินทางมากขึ้นภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 

โฆษกรัฐบาลเผย 'นายกฯ' เดินหน้าแก้ไขปัญหา PM 2.5 กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมชื่นชมเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาจนผลกระทบลดลง

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ โดยเน้นย้ำให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั่วทั้งประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีห่วงใยผลกระทบที่อาจส่งผลถึงชีวิตความเป็นอยู่ และสุขภาพของประชาชน ซึ่งเกิดจากปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 และมลพิษทางอากาศ

โดยได้กำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ซึ่งจากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษพบว่า นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – 23 มีนาคม 2565 ได้มีการตรวจสอบตรวจวัดควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศ และปรับปรุงค่ามาตรฐานควันดำโดยเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพการแก้ปัญหา PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์ โดยปรับมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด พ.ศ. 2564 ซึ่งกำหนดค่าความทึบแสงไม่เกินร้อยละ 30 จากเดิมไม่เกินร้อยละ 45 และค่ากระดาษกรองไม่เกินร้อยละ 40 จากเดิมไม่เกิน ร้อยละ 50 หากตรวจพบค่าควันดำเกินกำหนดจะลงโทษเปรียบเทียบปรับสถานหนัก 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถทันที ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 13 เมษายนนี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับปัญหามลพิษอากาศจากหมอกควันและไฟป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินโครงการ “ชิงเก็บ ลดเผา” ซึ่งในปี 2564 สามารถดำเนินการเก็บขนเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่ามาใช้ประโยชน์ได้ 2,800 ตัน จากเป้าหมาย 1,000 ตัน ครอบคลุมพื้นที่ 400,000 ไร่ ทำให้จำนวนจุดความร้อนในพื้นที่ลดลงร้อยละ 60 และในปี 2565 มีการดำเนินงานต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสามารถเก็บขนเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่ามาใช้ประโยชน์ได้ 1,310 ตัน จากเป้าหมาย 3,000 ตัน และคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ตามเป้าหมาย ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ปรับแนวคิดและระบบในการทำงานแบบใหม่ สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับชุมชน พร้อมทำงานแบบมีส่วนร่วมกับชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top