Sunday, 1 June 2025
Lite

22 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 วันสวรรคต สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระองค์ทรงเป็นพระอัครมเหสี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมเหสีพระองค์แรกตามแบบยุโรปและระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย หลังจากพระราชสวามีสละราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2477 พระองค์ประทับอยู่ประเทศอังกฤษจวบจนพระราชสวามีเสด็จสวรรคต และเสด็จนิวัติกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2492 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลในขณะนั้น

ในอดีตกล่าวกันว่าพระองค์เป็นสตรีชาวไทยที่ทรงพระสิริโฉมสามารถเลือกฉลองพระองค์ยุโรปมาสวมใส่ได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังมีพระจริยวัตรนุ่มนวล พระพักตร์แจ่มใส แย้มพระสรวลอยู่เนืองนิตย์ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ประสบกับโลกธรรมและความสูญเสียอันใหญ่ยิ่งมาแล้ว

พระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเคียงคู่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในฐานะพระบรมราชินีในการเสด็จพระราชดำเนินไปยังหัวเมือง รวมทั้งต่างประเทศเพื่อเป็นการเชื่อมพระราชไมตรีระหว่างประเทศ ภายหลังการนิวัติประเทศไทยหลังการสวรรคตของพระราชสวามีแล้ว พระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชหลายครั้ง 

เมื่อเสด็จย้ายไปประทับ ณ จังหวัดจันทบุรี ทรงดำเนินกิจการในด้านการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และทรงพัฒนาการทอเสื่อ เพื่อเป็นโครงการตัวอย่างและนำความรู้นั้นออกเผยแพร่แก่ประชาชน นอกจากนี้ พระองค์ยังมีส่วนในการพัฒนาการสาธารณสุขและการศึกษาของชาวจันทบุรี โดยรับเป็นพระราชภาระในการปรับปรุงโรงพยาบาลพระปกเกล้า รวมทั้งทรงตั้งมูลนิธิพระปกเกล้าเพื่อสนับสนุนกิจการต่าง ๆ ของโรงพยาบาลพระปกเกล้า วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี และมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี

พระองค์ทรงเริ่มมีพระอาการประชวรด้วยพระโรคความดันพระโลหิตสูง ตั้งแต่ พ.ศ. 2518 และวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 เวลา 15.50 นาฬิกา พระองค์เสด็จสวรรคตด้วยพระหทัยวายโดยพระอาการสงบ ณ พระตำหนักวังศุโขทัย รวมพระชนมายุได้ 79 พรรษา 5 เดือน 2 วัน

23 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 รัชกาลที่ 10 ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ 'โรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ'

ย้อนไปเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2545 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ไปทรงประกอบพิธี วางศิลาฤกษ์ พร้อมพระราชทานนาม 'โรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ' ณ บ้านปลาดุก หมู่ 3 อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

สำหรับโรงพยาบาลแห่งนี้ เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงพยาบาลสงฆ์ต้นแบบ เพื่อบำบัดโรคาพาธ ดูแลสุขภาพพระภิกษุสามเณร และดูแลสุขภาพประชาชนผู้ด้อยโอกาส ในชนบทของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด

เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา พระสงฆ์ในชนบทของประเทศไทย เวลาอาพาธจะเข้ารับการบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลท้องถิ่นในอำเภอ หรือในจังหวัดของตนปะปนและแออัดกับคนไข้คฤหัสถ์ ซึ่งมีจำนวนมากอยู่แล้วจนเตียงและห้องไม่เพียงพอ อันเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ในกรณีที่เป็นเรื่องสำคัญก็จะเข้าไปรับการบำบัดที่โรงพยาบาลสงฆ์ในกรุงเทพฯ ซึ่งก็มักจะมีปัญหาในเรื่องหาที่พำนักก่อนเข้าโรงพยาบาล รวมถึงปัญหาค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่าง ๆ เช่น ค่าพาหนะและภัตตาหารตลอดถึงจะต้องหาพระเถระผู้ใหญ่ให้การรับรองเข้าโรงพยาบาลเป็นต้น

ปัญหาเรื้อรังตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็คือ พระสงฆ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ส่วนใหญ่ในประเทศ ต่างประสบความเดือดร้อนในเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น พระสงฆ์และประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงต้องการให้มี 'โรงพยาบาลสงฆ์' ขึ้น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อขจัดขั้นตอนปัญหาต่าง ๆ ในการบำบัดอาพาธของพระสงฆ์ และเพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลท้องถิ่น ในการบำบัดโรคภัยไข้เจ็บของประชาชนในชนบทด้วย แต่ความต้องการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว ยังมิได้รับการสนองตอบจากรัฐบาล เนื่องจากภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจดังเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ คณะสงฆ์และประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงเห็นควรรณรงค์ประชาชนร่วมกันบริจาคต้นทุนก่อสร้างตามกำลัง ก่อนที่จะได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาล

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งยังเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงทราบถึงปัญหาและทรงตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลนี้ เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ ในมหามงคลเฉลิมพระชนม 50 พรรษา ในปีพุทธศักราช 2545 พร้อมพระราชทานนามโรงพยาบาลนี้ว่า 'โรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ'

‘กระติ๊บ ชวัลกร’ ปวดไส้ติ่งเฉียบพลันกลางดึกที่เซี่ยงไฮ้ เผยสุดประทับใจโรงพยาบาลรัฐจีน ถูก-ดี-เร็วเกินคาด

(23 พ.ค. 68) นักแสดงสาว 'กระติ๊บ ชวัลกร' เผยประสบการณ์เจ็บป่วยเฉียบพลันระหว่างท่องเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงกลางดึกจนต้องเข้าห้องฉุกเฉิน พบเป็นไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน โดยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว

กระติ๊บเล่าว่า เดิมตั้งใจจะไปโรงพยาบาลเอกชน แต่คนขับแท็กซี่แนะนำให้ไปโรงพยาบาลรัฐแทน โดยมีเพื่อนชาวจีนช่วยแปลภาษา ผลการตรวจ CT Scan พบก้อนเล็กในไส้ติ่ง แพทย์ให้ยา กลับบ้านพร้อมยาฉีด โดยไม่ต้องผ่าตัดทันที

สิ่งที่ทำให้เจ้าตัวประทับใจที่สุดคือ ค่ารักษาถูกเกินคาด ทั้งค่าซีทีสแกน ค่าหมอ ค่ายา รวมแล้วไม่ถึง 3,600 บาท เทียบกับประสบการณ์เดิมที่ญี่ปุ่นที่ต้องจ่ายหลายหมื่นบาทแต่รอนานและทรมาน

ทั้งนี้ หลังอาการดีขึ้น กระติ๊บกลับมาเที่ยวต่อ พร้อมยืนยันยาที่ได้รับเป็นตัวยาคุณภาพ และทิ้งท้ายว่า “เลิฟจีนไปเลย!” ขณะที่แฟนคลับร่วมส่งกำลังใจให้หายป่วยและเดินทางปลอดภัยตลอดทริป

24 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 ‘ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก’ สร้างประวัติศาสตร์ คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลเป็นคนที่ 2 ของไทย

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 หรือวันนี้ 37 ปีที่แล้ว ประเทศไทยได้กลายเป็นที่รู้จักของชาวโลกอีกครั้ง กับการขึ้นไปคว้าตำแหน่งนางงามจักรวาลคนที่ 37 ของ ‘ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก’ ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย

ซึ่งเธอถือเป็นตัวแทนชาวไทยคนที่ 2 ที่ได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาล หลังจาก ‘อาภัสรา หงสกุล’ นางงามจักรวาลชาวไทยคนแรกที่ชนะการประกวดนางงามจักรวาลในปี ค.ศ. 1965 หรือ พ.ศ. 2508

สำหรับการประกวดนางงามจักรวาล ค.ศ. 1988 หรือ พ.ศ. 2531 จัดขึ้น ณ เมืองไทเป เกาะไต้หวัน โดยมีผู้เข้าประกวด 66 คน ซึ่งตัวเก็งการประกวดในสายสื่อมวลชน คือ นางงามสหรัฐอเมริกา นางงามเม็กซิโก นางงามสาธารณรัฐโดมินิกัน นางงามนิวซีแลนด์ และนางงามของไทย รวมถึงนางงามจากไอซ์แลนด์ ที่เคยได้รับตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสเวิลด์ 1987 ที่ อังกฤษ มาแล้ว ซึ่งก็พ่ายให้กับสาวในแถบเอเชีย ในการประกวดรอบแรก

ทั้งนี้ ภรณ์ทิพย์ สามารถทำคะแนนในชุดว่ายน้ำได้ลำดับที่ 11 แต่เมื่อรวมคะแนนจากชุดราตรีและการสัมภาษณ์แล้ว สามารถเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายมาในลำดับที่ 4 โดยมีคะแนนตามหลัง นางงามสหรัฐอเมริกา นางงามสาธารณรัฐโดมินิกัน และนางงามเกาหลีใต้ ซึ่งในการประกวดรอบ 10 คน เธอได้สร้างความประทับใจให้กับกรรมการอย่างมาก ระหว่างช่วงการประกวดรอบสัมภาษณ์ซึ่งทำให้เธอกวาดชัยชนะทั้ง 3 รอบ และกลายเป็นผู้ชนะอย่างขาดลอยของการประกวดนางงามจักรวาลในปีนั้น และนอกจากได้รับมงกุฎนางงามจักรวาลแล้วยังได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมอีกตำแหน่งเพิ่มด้วย

นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักธุรกิจ และได้ดำรงตำแหน่งผู้แทนองค์การสหประชาชาติ สำหรับโครงการช่วยเหลือเด็กและสตรีในระดับนานาชาติ รวมถึงเป็นประธานตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กอีกหลายแห่ง

25 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นเป็น ‘พระมหากษัตริย์วังหน้า’

วันนี้เมื่อ 174 ปีก่อน คือ วันพระราชพิธีราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ ในลำดับรัชกาลที่ 4 พระองค์ที่ 2

25 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ที่ 2 ในรัชกาลที่ 4 หรือ พระมหากษัตริย์วังหน้า ทรงมีพระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2351 

หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2394 ขุนนางผู้ใหญ่ได้กราบทูลเชิญ เจ้าฟ้ามงกุฎ สมมติเทวาวงศ์พงษ์อิศรกษัตริย์ ซึ่งขณะนั้นได้ผนวชอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ให้เสวยราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จากนั้นพระองค์ได้ทรงมีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจุฬามณี ทรงมีพระปรีชาสามารถรอบรู้ในการพระนคร และการต่างประเทศ ตลอดจนขนบธรรมเนียมต่าง ๆ อีกทั้งพระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดีนิยมนับถือมาก จึงโปรดเกล้าให้จัด พระราชพิธีอุปราชาภิเษก ขึ้นเป็น พระมหาอุปราช พระราชวังบวรสถานมงคล 

พร้อมทั้งพระราชทานพระนามอย่างพระเจ้าแผ่นดินว่า พระปวเรนทราเมศมหิศเรศรังสรรค์ฯ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระเกียรติยศเป็นอย่างพระเจ้าแผ่นดิน เหมือนเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกย่องสมเด็จพระเอกาทศรถ ราชอนุชามหาอุปราชครั้งกรุงเก่า 

ชาวต่างประเทศรู้จักพระองค์ในนาม 'the second king' พระราชพิธีอุปราชาภิเษกให้มีพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์นี้ เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมา สมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงยกเลิกตำแหน่งวังหน้า และปฏิรูประบบการปกครองใหม่ ให้มกุฎราชกุมารเป็นผู้สืบต่อราชสมบัติ

26 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมผู้อพยพชาวเขมรเป็นการฉุกเฉิน

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมผู้อพยพชาวเขมรที่ลี้ภัยสงครามที่ บ.เขาล้าน ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เป็นการฉุกเฉิน และมีพระราชกระแสรับสั่งให้จัดสร้างศูนย์สภากาชาดไทยขึ้นที่บริเวณเขาล้านทันที เพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพ และดูแลผู้ป่วยเจ็บ โดยเน้นในด้านสุขภาพอนามัย รวมถึงการให้การศึกษาแก่ชาวเขมรอพยพเหล่านั้นด้วย 

โดยมีพระราชเสาวนีย์ว่า “ฉันตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหล่านี้ เท่าที่กำลังความสามารถของฉันจะมี”

และในเวลาต่อมา สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมผู้อพยพชาวกัมพูชาด้วยพระองค์เองอีกด้วย

ภายหลังจากการปิดศูนย์ช่วยเหลือฯ ได้จัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ 'ศาลาราชการุณย์' เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานแก่ชาวไทยชายแดนและชาวเขมรอพยพ

กาลเวลาทำอะไรเขาไม่ได้ ‘Daddy พีท’ พรีเซนเตอร์ MANDO หลังนำภาพในอดีต เทียบปัจจุบัน ‘หล่อไม่เคยเปลี่ยนแปลง’

(24 พ.ค. 68) พูดถึงพระเอกอมตะ “พีท ทองเจือ” ต้องบอกเลยว่าอายุจะเลข 6 อยู่แล้ว แต่ความแซ่บและความหล่อยังคงไม่เปลี่ยนแบบไม่น่าเชื่อ! เปิดภาพเทียบกันชัดๆ ระหว่างตอนหนุ่มๆ กับตอนนี้ บอกเลยว่าเหมือนเวลาหยุดเดินไปเลยจริงๆ

ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาที่ยังดูดีไม่มีเปลี่ยน แต่พลังและความสดชื่นของพีท ทองเจือ ก็ยังคงเต็มเปี่ยม เหมือนย้อนวัยกลับไปได้อีกครั้ง บอกเลยว่าเคล็ดลับนี้ไม่ใช่แค่การดูแลตัวเองธรรมดาๆ

เพราะล่าสุด พีท ทองเจือ ได้เผยเคล็ดลับความแกร่งแบบผู้ชายยุคใหม่ ที่ช่วยให้ร่างกายฟิตปั๋ง สดชื่นไม่ตก คืออาหารเสริม “MANDO” สำหรับผู้ชายทุกวัย โดยเฉพาะ 40+ ที่อยากคืนความมั่นใจ เติมพลังให้เต็มที่ ไม่ว่าจะงานหนัก หรือชีวิตส่วนตัว ก็เอาอยู่!!

ใครอยากลุคหล่อใส ใจฟิตแบบ ‘พีท ทองเจือ’ ต้องไม่พลาด!! ‘แมนโด’ ช่วยคืนความหนุ่มคืนความสดใสให้ชีวิตอีกครั้ง เหมาะกับผู้ชายทุกวัยที่อยากเอาชนะกาลเวลาอย่างมั่นใจ 

ติดตามพีท ทองเจือได้ที่ 
ไอจี : https://www.instagram.com/pete_thongchua.nmg?igsh=cXo1bjluMWVxZXNs

สถานทูต ณ กรุงปารีส ร่วมแสดงความยินดี หนังไทย!! คว้ารางวัลใหญ่จาก ‘เมืองคานส์’

(24 พ.ค. 68) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ขอร่วมแสดงความยินดีกับภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ผีใช้ได้ค่ะ” หรือ A Useful Ghost ในภาษาอังกฤษ และ Un Fantôme Utile ในภาษาฝรั่งเศส

ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ Grand Prize จากเวที Critics Week (Grand prix de la Semaine de la critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปีนี้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top