Saturday, 10 May 2025
Lite

เปิดวาร์ป ‘โบว์ พัชรีย์’ พี่เลี้ยง ‘คุณหนูเอวา’ ดีกรีไม่ธรรมดา!! ‘สวย-เก่ง-ใจกล้า-มีทักษะ’

(5 ธ.ค. 67) ขึ้นแท่นเซเลปสาวสี่ขาประจำปี 2024 สำหรับ ‘น้องเอวา’ เจ้าของฉายา ‘คุณหนูเอวาสุดแกลม’ เสือโคร่งสีทอง-เสือโคร่งสตรอว์เบอร์รี แห่ง เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari) ที่ใครเห็นก็อดใจไม่ไหว ตกหลุมรักในหน้าตาสุดแบ๊ว อยากไปเจอตัวเป็น ๆ

แต่นอกจากที่หลายคนจะโดน ‘น้องเอวา’ ตกแล้ว งานนี้เหล่าแฟน ๆ ก็โดนพี่เลี้ยงหญิงแกร่ง ‘คุณโบว์’ พี่เลี้ยงประจำตัวคุณหนูเอวาที่โด่งดังจากคลิปจกพุงน้องเอวาตกด้วยอีกคน ด้วยความใจกล้า แถมเก่ง มีทักษะ เพราะต้องอยู่ร่วมโซนแสดงกับสัตว์นักล่าอย่างเสือโคร่ง ทำให้ใครหลายคนอยากทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น

ประวัติส่วนตัว ‘โบว์ พัชรีย์’

นางสาวพัชรีย์ พิพัฒน์วงศ์ชัย (โบว์)

อายุ 25 ปี

จบการศึกษามาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่

ทำงานตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ฝึกและแสดงสัตว์ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง น้องเอวา เสือโคร่งลูกคุณหนูนานกว่า 3 ปี โดยดูแลตั้งแต่เกิด

6 ธันวาคม พ.ศ. 2443 ร.5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

ร.5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตร และพระราชทานสร้อยนาม 'วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม'

วันนี้ เมื่อ 124 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์จำนวน 33 รูป จากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตร และพระราชทานสร้อยนาม 'ดุสิตวนาราม' ต่อท้ายชื่อวัด เรียกรวมว่า 'วัดเบญจ มบพิตรดุสิตวนาราม' 

ทั้งนี้ เดิมวัดเบญจมบพิตรเป็นวัดโบราณชื่อ 'วัดแหลม' หรือ 'วัดไทรทอง' ต่อมารัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า 'วัดเบญจมบพิตร' 

๗ ธันวาคม วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง โดยเป็นวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ซึ่งปีนี้ทรงเจริญพระชันษา 45 ปี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหลากหลายด้าน ทางด้านกฎหมาย ทรงส่งเสริมหลักการยุติธรรมในสังคม โดยเฉพาะสตรีและผู้ต้องขังหญิง อีกทั้งส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมในระดับนานาชาติ โดยทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันถวไมตรีด้านการส่งเสริมหลักนิติธรรมและระบบงานยุติธรรมทางอาญา สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ

อีกหนึ่งพระราชกรณียกิจอันเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทย โดยทรงเป็นองค์ประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยวัตถุประสงค์ในการบรรเทาความเดือดร้อน ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนคนไทย ทั้งในยามประสบภัยพิบัติ และส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

เนื่องด้วยเป็นวันคล้ายวันประสูติ ขอพระองค์ทรงมีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของประชาชนคนไทยสืบไป ทรงพระเจริญ

8 ธันวาคม ของทุกปี วันนักศึกษาวิชาทหาร รำลึกวีรกรรมหาญกล้าเยาวชนไทย

จากวีรกรรมอันกล้าหาญของ 'ยุวชนทหาร' ที่ร่วมกับทหาร ตำรวจ และราษฎรอาสา ต่อต้านทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดชุมพร และในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของไทย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484

เพื่อเป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญของเยาวชนดังกล่าว กรมการรักษาดินแดน หรือ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ในปัจจุบัน จึงได้ขออนุมัติไปยังกองทัพบก ในปี พ.ศ.2542 เพื่อกำหนดเป็นวันสำคัญสำหรับนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งในการนี้ กองทัพบก ได้เห็นชอบ และอนุมัติให้ถือเอา วันที่ 8 ธันวาคม เป็น 'วันนักศึกษาวิชาทหาร'

โดยมอบให้ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เป็นหน่วยรับผิดชอบในส่วนกลาง สำหรับในส่วนภูมิภาค มอบให้ ศูนย์การฝึกหรือหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบก เป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้ประกอบพิธีกระทําสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร พร้อมกันทั่วประเทศ

สำหรับการสวนสนามของ นศท. นั้น ได้เริ่มจัดขึ้นในส่วนกลาง เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2509 ณ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) โดยมี จอมพล ถนอม กิตติขจร ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี และได้ประกอบพิธีดังกล่าว ในห้วงประมาณ เดือนพฤศจิกายน เรื่อยมา

ถือได้ว่าพิธีกระทําสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารนั้น เป็นพิธีสําคัญและเป็นเกียรติแก่นักศึกษาวิชาทหารทุกคน

9 ธันวาคม ของทุกปี วันต่อต้านการทุจริตสากล ร่วมรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน

วันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันแห่งการต่อต้านการทุจริตสากล หรือ International Anti-Corruption Day ซึ่งถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่สมัชชาสหประชาชาติ (UN) มีมติเห็นชอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต พ.ศ. 2546 (United Nations Convention against Corruption-UNCAC, 2003) อย่างเป็นเอกฉันท์ 

จากนั้นประเทศภาคีสมาชิก UN 191ประเทศรวมถึงประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามในอนุสัญญา ระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม 2546 ณ เมืองเมอริดา ประเทศเม็กซิโก ด้วยเหตุนี้ UN จึงประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล

สำหรับ วันต่อต้านการทุจริตสากล มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ คือ เพื่อรณรงค์ต้านการทุจริต และสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้คนในเรื่องการทุจริต ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเป็นตัวถ่วงการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งยังทำลายรากฐานของประชาธิปไตยอีกด้วย

10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ ระลึกโอกาสที่ ร.7 พระราชทานรัฐธรรมนูญ ฉบับถาวร

วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นวันที่ระลึกถึงโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นรัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และเป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นกฎหมายลำดับศักดิ์สูงสุดแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมายอื่นใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบการปกครองของประเทศ ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแล้วทั้งสิ้น 19 ฉบับ อันแสดงให้เห็นถึงความขาดเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นั้น ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ไทยเชิงการเมืองการปกครอง เมื่อคณะราษฎร ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการสายทหารบก ทหารเรือ และสายพลเรือน จำนวน 99 คน โดยมีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นหัวหน้า ได้ร่วมกันทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศจากพระมหากษัตริย์ เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว" สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ ได้แก่ การที่กำหนดว่า อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคล คณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ 1. พระมหากษัตริย์ 2. สภาผู้แทนราษฎร 3. คณะกรรมการราษฎร และ 4. ศาล

กระทั่งถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวรซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิ ได้เปลี่ยนระบอบการปกครอง เป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง เป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้บริการราชการแผ่นดิน แต่คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในการบริหารการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย แต่อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้ หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐซึ่งมีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้น ได้บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็น ที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

11 ธันวาคม พ.ศ. 2489 วันก่อตั้ง ยูนิเซฟ (UNICEF) องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ

ยูนิเซฟ (UNICEF) หรือ กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ เป็นหน่วยงานที่สมัชชาสามัญแห่งสหประชาชาติ จัดตั้งขึ้น โดยเริ่มแรกเพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่เด็กหลายล้านคน ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในชื่อ “กองทุนฉุกเฉินสำหรับเด็กแห่งสหประชาชาติ”

โดยเมื่อ 11 ธันวาคม ปี 2489 ยูนิเซฟถือกำเนิดขึ้นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และในปี 2491 ยูนิเซฟได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย และดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตลอด 75 ปี การทำงานของเราปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของเด็กในประเทศไทย แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงเด็กและครอบครัวในกลุ่มเปราะบางที่สุด

ปัจจุบัน ยูนิเซฟได้เปลี่ยนเป้าหมาย เน้นเด็กในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อการส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กเพื่อให้เด็กทุกคนมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ได้รับการคุ้มครองจากอันตรายทั้งปวง ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ และพร้อมที่จะพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ และเมื่อเกิดภัยพิบัติ สงคราม หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เด็กและครอบครัวที่ประสบภัยเช่นเดิม

12 ธันวาคม พ.ศ. 2502 ‘กีฬาแหลมทอง’ ครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ก่อนพัฒนามาเป็น ‘ซีเกมส์’ ในปัจจุบัน

สืบเนื่องจากการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2501 องค์กรการกีฬาของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วมการแข่งขัน ได้ร่วมประชุมก่อตั้งองค์กรการกีฬาในระดับภูมิภาค เพื่อจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อสนับสนุนความเข้าใจ และความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

องค์กรดังกล่าวใช้ชื่อว่า สหพันธ์กีฬาแหลมทอง (SEAP Games Federation) มีประเทศสมาชิกประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา ร่วมกันจัดการแข่งขัน กีฬาแหลมทอง หรือ SEAP Games (Southeast Asian Peninsular Games) กำหนดทุกๆ 2 ปี

การแข่งขันครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 12-17 ธันวาคม 2502 เรียกว่า มีประเทศสมาชิกเข้าร่วมอยู่ 5 ประเทศ ได้แก่ พม่า, ลาว, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไทย (สิงคโปร์มาเข้าร่วมภายหลัง ส่วนกัมพูชาไม่ได้ร่วมแข่งขัน)

กีฬาแหลมทองครั้งแรกมีการแข่งขันทั้งหมด 12 ประเภท คือ กรีฑา, แบดมินตัน, บาสเก็ตบอล, มวย, จักรยาน, ฟุตบอล, เทนนิส, ยิงปืน, ว่ายน้ำ, ปิงปอง, วอลเลย์บอล และยกน้ำหนัก ประเทศที่ได้เหรียญรางวัลมากที่สุดคือ ประเทศไทย รองลงมาคือ เมียนมาร์ และ มาเลเซีย

ต่อมา ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอีกครั้งในกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ซึ่งจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 9 – 16 ธันวาคม 2510 ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเข้าร่วมในการแข่งขันด้วย โดยวันที่ 16 ธันวาคม 2510 ทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค

การแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2518 ซึ่งเป็นครั้งที่ 8 จัดที่ประเทศไทย ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ซีเกมส์ หรือ SEA Games (South-East Asian Games) ในปี 2520 และมีประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้นคือ อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และบรูไน รวมทั้งติมอร์-เลสเต ในเวลาต่อมา

13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ยูเนสโก ยกอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร และพระนครศรีอยุธยา เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม

วันนี้ เมื่อ 33 ปีก่อน คณะกรรมการมรดกโลกยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 

นอกจากนี้ ยังประกาศให้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และในวันเดียวกันนี้ในปีต่อมายูเนสโก ก็ได้มีมติให้ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเพิ่มอีกแห่ง

14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงได้รับพระราชทานพระนาม ‘ภูมิพลอดุลเดช’ จาก รัชกาลที่ 7

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า มีพระหัตถเลขาถึงเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชสมภพที่นั่น เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2470 โดยระบุว่า ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงพระราชทานพระนามว่า ‘ภูมิพลอดุลเดช’ 

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ได้รับพระราชทานทางโทรเลขที่รัชกาลที่ 7 ทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja"  ทำให้สมเด็จย่า ทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล" และในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด

พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
• ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
• อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top