Saturday, 4 May 2024
Lite

‘แน็ก’ ยิ้มไม่หุบ หลัง ‘กามิน’ ทักหา รับ!! ปากหมาไปเยอะ แต่รักจริง ด้านฝ่ายหญิง รีบเคลียร์ใจ!! กลับเกาหลีเพราะมีธุระส่วนตัวต้องจัดการ

(23 เม.ย.67) หลังจากออกมาไลฟ์หน้าเศร้า ยอมรับไม่ได้คุยกับ ‘จี กามิน’ ติ๊กต็อกเกอร์สาวชาวเกาหลี หลังฝ่ายหญิงเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด หากเป็นอย่างนี้ทำงานด้วยกันไม่รอด ถ้ากลับมาต้องจริงใจ 100 เปอร์เซ็นต์ บางช่วงก็เกือบจะร้องไห้

แต่ล่าสุดเหมือนสถานการณ์ต่าง ๆ จะคลี่คลายด้วยดี หลังจากที่ ‘แน็ก ชาลี ไตรรัตน์’ ไปโผล่อยู่ในไลฟ์ของคนสนิท แล้วมีแชตข้อความเด้งเข้ามารัว ๆ ซึ่งเป็นข้อความจากกามิน ทำเอาหนุ่มแน็กนั่งยิ้มแก้มแตก แล้วก็บอกว่าไม่ได้ยินเสียงมานาน เดี๋ยวก็คงไปคุยกัน มีแชตข้อความจากสาว มีคนเดียว เราก็ปากหมาไปเยอะ แต่เราก็รัก ทีมงานเราก็รัก ไม่ได้รักอย่างเดียว หลงด้วย เขามีความน่ารักที่ทำให้เราหลงรักกัน

ด้านกามิน ก็ได้ออกมาไลฟ์เคลียร์เรื่องความต่างของวัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ ภาษา และการสื่อสาร แต่ก็เข้าใจแน็ก โดยบอกว่าแน็กเป็นคนที่ดี ส่วนสาเหตุที่ไปเกาหลีขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าไปทำไม จริง ๆ มีธุระส่วนตัวที่ต้องจัดการ ทั้งทำเอกสารภาษี บัญชี มีงานถ่ายคลิปคอนเทนต์โปรโมตให้กับติ๊กต็อกหลังได้รับรางวัลและมีภาพติดที่สถานีรถไฟ มีงานแต่งเพื่อนสนิท ที่สำคัญคุณพ่อผ่าตัดทันตกรรมครั้งใหญ่ พร้อมแจงให้เห็นถึงสิ่งที่จะทำตลอดทั้งวันว่ามีอะไรบ้างอีกด้วย

นอกจากนี้ กามิน ยังเผยอีกว่า ตนเองรักชาลี เขาน่ารัก เรามีความรู้สึกต่อกัน อาจมีความเข้าใจผิดในการสื่อสาร เข้าใจข้อความดรามา น่าเสียดายกับคนที่เชื่อ หลายคนไม่อยากให้มาประเทศไทย นั่นเป็นสิ่งแรกที่ทำให้อารมณ์เสีย ก่อนมาเมืองไทย ก็มีคนพูดถึงชาลีไม่ดี แต่ตนอยากมาสัมผัสด้วยตนเอง พร้อมกันนี้ยืนยันว่ามาทำงานที่เมืองไทยไม่ใช่เพื่อสร้างรายได้ แต่อยากไปหาชาลี และอยากใช้เวลากับชาลี อย่าเข้าใจตนผิด และยอมรับว่าเห็นชาลีไปพีเคกับสาวคนอื่น ทำให้กามินหึงมาก ๆ อีกด้วย

27 เมษายน พ.ศ. 2382 ‘ในหลวง ร.3’ โปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ ‘พระบรมราชโองการห้ามสูบ-ค้าฝิ่น’ นับเป็นเอกสารทางราชการฉบับแรก ที่ใช้วิธีการพิมพ์ด้วยตัวอักษรไทย

ฝิ่นนับเป็นพืชที่เป็นสารเสพติดและมอมเมาผู้คนมาหลายยุคหลายสมัย รวมถึงประเทศไทยเองก็เคยถูกมอมเมาด้วย ‘ฝิ่น’ ทำให้พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ หาทางปราบปรามและป้องกัน การค้า การสูบฝิ่นมาโดยตลอด

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 3 เองก็ได้ทรงตระหนักถึงพิษภัยของฝิ่น ทำให้ในช่วงปีพุทธศักราช 2382 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกวดขัน กวาดล้างการค้าฝิ่นครั้งใหญ่ ทั้งปราบปรามผู้เสพติดอย่างหนัก ริบฝิ่นในปริมาณมาก และโปรดให้รวมนำมาเผาทำลายที่สนามไชย หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2382

นอกจากการปราบปรามอย่างจริงจังแล้วพระองค์ยังได้ออก ‘พระบรมราชโองการห้ามสูบและค้าฝิ่น’ โดยในวันนี้ 27 เมษายน พ.ศ. 2382 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จ้างโรงพิมพ์หมอบรัดเลย์ มิชชันนารีชาวอเมริกัน พิมพ์พระบรมราชโองการ ประกาศเรื่อง ห้ามสูบฝิ่นและค้าฝิ่น เป็นใบปลิวจำนวน 9,000 ฉบับ

ซึ่ง ‘พระบรมราชโองการห้ามสูบและค้าฝิ่น’ นี้จึงนับเป็นเอกสารทางราชการฉบับแรกที่ใช้วิธีการพิมพ์ด้วยตัวอักษรไทย และพิมพ์โดยโรงพิมพ์ในประเทศสยาม โดยสั่งซื้อตัวพิมพ์มาจากประเทศสิงคโปร์

'บีม พลังใบ' ประกาศเลิกกัญชาถาวร พร้อมเผยอุทาหรณ์ สมองรวน น้ำลายไหลไม่รู้ตัว 'จำเรื่องที่พูด-จับใจความไม่ได้'

เมื่อวานนี้ (23 เม.ย. 67) หลังสงกรานต์ หลายคนที่ติดตามเฟซบุ๊กของพิธีกรหนุ่ม ‘บีม ศรัณยู ประชากริช’ หรือ ‘บีม พลังใบ’ ออกมาโพสต์ข้อความดูดรามา ๆ ขึ้นรูปจอดำ จนล่าสุดเจ้าตัวก็ได้โพสต์ความในใจออกมาชัดเจนว่าจากนี้ ขอเลิกกัญชาถาวรแล้ว เพราะมีผลต่อการหลั่งสารเคมีในสมอง จนมีภาวะซึมเศร้า โดยบีมได้โพสต์ข้อความใจความว่า...

“I’ll be back Now I’m lost. Lead me the right pathways. I will just follow. (ฉันจะกลับมา ตอนนี้ฉันหลงทางแล้ว นำฉันไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ฉันจะทำตามเท่านั้น)

ผมเลิกกัญชาอย่างถาวรครับ เพราะสารเคมีในสมองผมหลั่งเพี้ยน ผมใช้กัญชาเพื่อความชิล ชิลกับทุกปัญหาจนปัญหาพอกหางหมู ผมใช้มันมากเกินไป บางทีผมสุขมาก(ล้นๆ) บางทีจมทุกข์(down) มันมากเกินคนปกติ อารมณ์สวิง บวกกับ ‘ภาวะโรคซึมเศร้า’ ทำให้ระบบประมวลผลในสมองผมรวนไปหมด พูดวนไปมา น้ำลายไหลไม่รู้ตัว จำเรื่องที่พูดไปไม่ได้เลย จับใจความไม่ได้

… ผมเขียนไว้เพื่ออุทาหรณ์ เพื่อป้องกันคนซ้ำรอยแบบผม… ไม่มีความสุขในชีวิตเลย

ขอบคุณช่า (ภรรยา) ที่มาดึงผมขึ้นจากหลุม หลุมที่ไม่ลึกมากแต่ผมลุกขึ้นเองไม่ไหว เห็นทางออกแต่มันทำไม่ได้ ผมจะหายขาดและมีสติในการใช้ชีวิตตลอดเวลาครับ จากคนเคยคม แต่วันนี้มันทู่ไปหมด I’ll be back.”

งานนี้มีแฟน ๆ เข้ามาให้กำลังใจ บีม ศรัณยู มากมาย และก็มีชาวเน็ตไม่น้อยเลยที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกับบีม ทั้งต้องพบจิตแพทย์ กำลังรักษา และรักษาจนหายเลยลาขาดกับกัญชา

28 เมษายน พ.ศ. 2493 วันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส ’ในหลวง ร.9 - สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง‘ นับเป็นครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทย ที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 28 เมษายน เป็นวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นอีกวันหนึ่ง ที่สำคัญยิ่งที่ทั้งสองพระองค์ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 อันเป็นครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ที่ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย

ย้อนหลังไปเมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ที่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ จากนั้นพระองค์ได้เสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ระหว่างที่ประทับอยู่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ได้รับบาดเจ็บที่พระเนตร เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2491 ทรงได้รับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองโลซานน์ โดยมีหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ที่ทรงพบก่อนหน้านั้นถวายการพยาบาลอยู่ด้วย

ต่อมาได้ทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (ขณะนั้นคือ พันเอก หม่อมเจ้านักขัตรมงคล เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน) กับ หม่อมหลวงบัว กิติยากร (สนิทวงศ์) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ณ เมืองโลซานน์

และเมื่อเสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนคร ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม อีกทั้งยังทรงให้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยอีกด้วย ในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย

พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยในสมุดทะเบียนสมรสเป็นพระองค์แรก และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ได้ลงนามในสมุดเป็นบุคคลที่สองในฐานะคู่สมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ขณะนั้นเจ้าสาวยังมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องได้รับความยินยอมจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครองก่อนตามกฎหมาย ดังนั้นหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร พระบิดาของเจ้าสาวจึงต้องลงพระนาม แสดงความยินยอมและรับรู้ในการจดทะเบียนสมรสครั้งนี้ด้วย

ต่อมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ พระอัครมเหสี เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์แก่สมเด็จพระราชินีในโอกาสนี้ด้วย

นอกจากนี้ในงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผู้เข้าร่วมพิธีจะได้รับพระราชทานของที่ระลึก คือ หีบเงินเล็ก ซึ่งบนฝาหีบประดับด้วยอักษรพระบรมนามาภิไธย และพระนามาภิไธย

ทั้งนี้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา พระราชปณิธานและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีต่ออาณาประชาราษฎร์ ก็ได้ถ่ายทอดมายังพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และทรงงานร่วมกันต่อเนื่องมามิได้ขาด

29 เมษายน วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2548 เวลา 18.35 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ขณะยังเป็นพระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์มีพระเชษฐภคินีต่างพระมารดา 2 พระองค์ คือ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

คณะแพทย์ถวายพระประสูติโดยการผ่าตัด เมื่อแรกประสูติ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติทรงมีน้ำหนัก 2,680 กรัม ความยาวพระองค์ 47 เซนติเมตร รอบพระเศียร 31 เซนติเมตร ลืมพระเนตรเวลา 19.00 น. มีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง พระเนตรโต พระนาสิกโด่ง

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชหัตถเลขาขนานพระนามว่า ‘พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ’ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548 และพระราชทานเสมาอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร.ทองคำ ส่วนพระนามของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชตินั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระมหากรุณาธิคุณอธิบายพระนามของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ว่า ‘ผู้ทำประทีปคือปัญญาให้สว่างกระจ่างแจ้ง, ผู้ทำเกาะคือที่พึ่งให้รุ่งเรืองโชติช่วง’

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เขียนพระนามของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เป็นภาษาอังกฤษว่า ‘His Royal Highness Prince Dipangkorn Rasmijoti’

‘เสก โลโซ’ เปิดภาพบทเรียนราคาแพง หมดเงินไปร้อยล้าน เพื่อทำเครื่องดื่มชูกำลัง

(24 เม.ย.67) เสก โลโซ หรือ นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย ร็อกเกอร์ดัง ได้โพสต์ภาพ เครื่องดื่มชูกำลัง แบรนด์โลโซดี ซึ่งเสกเคยลงทุน ผลิตขายอยู่ในขณะหนึ่งก่อนจะหยุดจำหน่ายไป พร้อมระบุว่า “ถ้าโลโซดีสำเร็จ ตอนนี้เฮียเป็นเจ้าสัวไปแล้ว 555 **หมดเงินไปประมาณร้อยล้าน เป็นบทเรียนราคาแพงมาก…”

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป เหล่าแฟนคลับก็ได้เข้าไปให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง รวมถึง คิง ก่อนบ่าย ที่ระบุว่า “แต่โลโซไม่เคยตายไปจากใจครับ”

- คือเรื่องรสชาติ/คุณภาพสู้เจ้าอื่นได้สบาย แต่สิ่งสำคัญสุดคือการตลาดครับ
- ยี่ห้อ Loso ยังมีมูลค่ามหาศาลครับเฮีย
- เฮียทำเพลงดีกว่าครับ ‘ไม่ต้องปวดหัวดี’
- เสียดายครับ ผมว่าการตลาดกับแพ็กเกจจิ้งไม่ดี ไม่งั้นบูม บวกกับช่วงนั้นข่าวด้านลบเยอะคนเลยไม่สนับสนุน
- โลโก้ไม่โดนครับ
- ผมนี้เคยไปซื้อที่ร้าน 22 เลยครับหลายปีที่แล้ว

‘นก สินจัย’ เคลียร์ดรามา คอมเมนต์ด้านลบ ‘ดวงใจเทวพรหม’ เหตุแก่เกินบท ‘เพียงขวัญ’ รุ่นพ่อแม่ รับ!! บั่นทอนแต่ต้องเข้มแข็ง

(25 เม.ย.67) ว่างงานไปนานถึง 4 ปี แต่บทจะมีก็มีผลงานติด ๆ กัน โดยในปีนี้ 2567 ‘นก สินจัย เปล่งพานิช’ ที่มาร่วมบวงสรวงภาพยนตร์ นาคบรรพ์ ที่เมเจอร์รัชโยธิน ก็เผยว่ามีทั้งภาพยนตร์ ละครถึง 3 เรื่องด้วยกัน ซึ่งตนก็แฮปปี้มาก ก่อนขอเคลียร์ดรามา ถูกวิจารณ์แหลก ไม่เหมาะกับบท ‘เพียงขวัญ’ รุ่นพ่อแม่ในซีรีส์ดวงใจเทวพรหม เพราะอายุมากเกินที่จะเป็นสะใภ้คนเล็ก

“ว่างไป 4 ปีนะคะ ไม่มีงานเลย ก็มีปีนี้ที่มีทั้งละคร และก็หนัง เป็นงานที่มาปีนี้หมดเลย และเปิดกล้องปีนี้ทั้งหมดก็มีละคร 2 เรื่อง มีภาพยนตร์ 1 เรื่อง

สำหรับวิธีการเลือกรับงาน เราก็ดูบทว่าเราเหมาะสมไหม ช่วงเวลาของการทำงานเป็นยังไง ส่วนใหญ่ก็เป็นทีมที่เรารู้จัก อย่างละครก็เป็นของช่อง ONE พี่ปุ๊ย เป็นผู้จัด พี่เหมียว เป็นผู้กำกับ เราแฮปปี้มากกับการที่เราได้กลับมาเล่นละครกับช่อง ONE อย่างหนังเรื่องนี้ก็คุ้นเคยกัน แล้วก็เป็นทีมงานของหม่อมน้อย (หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล) ทั้งหมดเลยค่ะ ตั้มก็เป็นผู้ช่วยของพี่น้อยมาเกือบ 20 ปี ยังบอกตั้มเลยว่า ต้องลุกขึ้นมากำกับได้แล้ว พอเขาติดต่อมา ก็ดีใจที่เขานึกถึงเรา”

>> ไม่บล็อกคนด่า ไม่อยากเก็บดรามาเป็นอารมณ์

“เป็นธรรมดา นกว่าป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์) เข้าไปตอบใน x (ทวิตเตอร์) อยู่ตลอดเวลา อัปเดตเรื่องราวของละครอยู่ตลอดเวลา นกว่ามันขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคนมากกว่า ว่าแบบไหน เหมาะไม่เหมาะ เชื่อว่าทุกคนอยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด ก็เข้าไปเช็กฟีดแบ็กบ้าง อ่านที่ดีๆ ค่ะ อันที่ไม่ดี อันที่ไม่มีเหตุผลเลย เราก็จะข้ามไป ไม่อยากเอามาเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่บล็อกนะ เราเลี่ยงอ่านอยู่แล้ว แต่ก็จะอ่านบ้างที่มันมีผลต่อการทำงาน คอมเมนต์นี้มันมีส่วนในการสร้างสรรค์งานเราก็จะอ่าน เอากลับมาปรับปรุง

บางอันที่เรารู้ว่าเข้ามาเพื่อจุดประสงค์อะไร ไม่ได้สร้างสิ่งดี ๆ ให้กับคนทำงาน เราก็จะข้าม ๆ ไป ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอ่าน จะมีคนมาบอก หรือแคปส่งมาให้มากกว่า เราก็คงต้องเลือกเอาค่ะ

ป้าแจ๋วก็คอยอัปเดตตลอด แกก็จะคอยเข้าไปอัปเดตใน x ป้าแจ๋วทันสมัยมาก เขาจะคอยอัปเดตว่า ขวัญฤทัย ในแต่ละวีกมีอะไรบ้าง เผื่อใครมีคำถาม ซึ่งมันดี ทำให้เราใกล้ชิดกับผู้ชมมากขึ้น หรือว่าผู้ชมมีปัญหา หรือคำถามเรื่องต่าง ๆ ป้าแจ๋วก็จะเข้าไปตอบให้ มันเป็นละครที่ทุกคนจับตา ป้าแจ๋วก็คอยจัดการให้หมด มีทั้งขอบคุณ ตอบกลับ กัดเล็ก ๆ ซึ่งป้าแจ๋วทำได้คนเดียว ส่วนเราก็รอฟังค่ะ ป้าแจ๋วจัดการไปเลย”

>> รับบั่นทอนนิดหน่อย แต่เข้าใจ ไม่มีอะไรเพอร์เฟกต์ วิจารณ์มีเหตุผล ตนก็ยอมรับ

“มีผลอยู่แล้วนิด ๆ หน่อย ๆ สุดท้ายแล้วมันก็ต้องเข้มแข็ง มันไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเพอร์เฟกต์หรือว่าถูกใจทุกคน นกเข้าใจ แต่ว่าอันไหนมีเหตุมีผลเราก็ยอมรับ แต่อันไหนที่แบบจะด่าเพื่อ เราก็ข้าม ๆ ไป เรารู้ว่าทุกคนอ่อนไหว คนทำงานกว่าจะทำละครมาเรื่องหนึ่งมันไม่ได้ทำง่าย ๆ เขาต้องคิดถึงเหตุผลว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ถึงได้เลือกนักแสดงคนนี้ ดังนั้นต้องเลือกที่จะฟัง และเลือกที่จะบอกเราด้วยค่ะ”

‘เสก โลโซ’ แนะพี่น้องร่วมวงการ อย่าหลงระเริง หาเงินทองมาได้ อย่าลืมเก็บออมไว้ใช้ตอนแก่

เมื่อวานนี้ (25 เม.ย. 67) ‘เสก โลโซ’ ร็อกเกอร์ชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงเพื่อนร่วมอาชีพ ระบุว่า…

“เป็นนักร้อง นักดนตรี นักแสดง เมื่อตอนมีชื่อเสียงหาเงินได้ต้องเก็บออมไว้ใช้ตอนแก่ เก็บไว้รักษาตัวตอนเจ็บป่วย อย่าหลงระเริงกับชื่อเสียงเงินทองนะทุกคน ด้วยรักและห่วงใยครับ…”

โดยมีคนเข้าไปกดไลก์ชื่นชมจำนวนมาก พร้อมแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง เช่นว่า

- ไอดอลมาตลอดค่ะ
- เฮียผ่านมาแล้วจึงบอกต่อ
- จริงที่สุดค่ะ
- เอาประสบการณ์ตัวเองมาสอนน้องๆ ดีมากเลยเฮียเสก

- จริงครับยิ่งทุกวันนี้หาเงินยากมากครับ
- จริง เห็นมามากมายแล้ว
- ทุกอาชีพค่ะยามมีต้องเก็บออมตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ

- เฮียพูดถูก…คำพูดเฮียใช้ได้กับทุกอาชีพและทุกคน…ตอนมีแรงทำงาน เก็บเงินไปเถอะ…อย่าไปคิดว่าเงินตราบใดที่ยังไม่ตายก็หาใหม่ได้…เพราะเราไม่รู้ว่าความเจ็บป่วยจะมาหาเราเมื่อไหร่และรุนแรงแค่ไหน…ใช้ชีวิตแบบไม่ประมาทดีที่สุด มีมากเก็บมาก มีน้อยเก็บน้อย…ขอให้ได้เก็บ

- เงินทองได้มารักษาอย่างดี ชื่อเสียงที่มีหอมกรุ่นกาย หากแต่เราตาย..หาได้ไปเพื่อนเอ๋ย

30 เมษายน ของทุกปี กำหนดให้เป็น ‘วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย’ ปกป้องผู้บริโภคจากการฉ้อฉลของผู้ประกอบการ

30 เมษายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น ‘วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย’ ประกอบกับมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้บริโภคในปี พ.ศ.2522 เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากพฤติกรรมที่ไม่ตรงไปตรงมา หรือมีการโฆษณาเชิญชวนให้ซื้อสินค้าหรือบริการไม่ถูกต้องเหมาะสม ทำให้ผู้บริโภคไม่ทราบข้อมูลทางการตลาดที่แท้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพสินค้าและราคา รวมทั้งยังระบุถึงสิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความคุ้มครอง 5 ข้อ ดังนี้

1. สิทธิที่จะได้รับข่าวสาร รวมทั้ง โฆษณา แสดงฉลาก คำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เพื่อให้ไม่หลงผิดซื้อสินค้าหรือรับบริการโดยไม่เป็นธรรม
2. สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ โดยความสมัครใจของผู้บริโภค และปราศจากการชักจูงใจอันไม่เป็นธรรม
3. สิทธิที่จะใช้สินค้าหรือบริการที่ปลอดภัย มีสภาพและคุณภาพได้มาตรฐานเหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สิน 
4. สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาโดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ
5. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหายเมื่อผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิยังคงปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ การพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคในประเทศไทยมุ่งเน้นเพียงแก้ไขปัญหาส่วนบุคคลมากกว่าการแก้ไขเชิงโครงสร้างหรือเชิงระบบ อีกทั้งหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคแม้จะมีจำนวนมาก แต่ก็มีเพียงองค์กรของรัฐ ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่มีผู้แทนโดยตรงที่จะเป็นปากเป็นเสียงให้ในการสะท้อนปัญหาของตนเองแก่รัฐ ดังนั้น จะต้องยกระดับปัญหาปัจเจกขึ้นเป็นการแก้ไขเชิงโครงสร้าง เพื่อส่งเสริมให้การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นไปอย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมา จึงมีความพยายามจัดตั้งหน่วยงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคจากภาคประชาชน ที่จะทำหน้าที่เสนอแนะนโยบายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคต่อหน่วยงานของรัฐ ตรวจสอบ ติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ปัญหาสินค้าและบริการ เตือนภัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภค หรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภค

รวมถึงมีตัวแทนผู้บริโภคทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ทำหน้าที่เป็นหู เป็นตา เป็นปาก เป็นเสียงให้ผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังสามารถเปิดเผยข้อมูลสินค้า ตรวจสอบสินค้า ตรวจสอบการกระทำที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค และสนับสนุนความเข้มแข็งขององค์กรผู้บริโภคให้สามารถแก้ปัญหาผู้บริโภคด้านต่าง ๆ ได้

ประกาศจัดตั้ง ‘สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือ ‘สภาผู้บริโภค’ ที่เกิดจากการรวมตัวองค์กรของผู้บริโภคทั่วประเทศ เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาให้ผู้บริโภคได้อย่างเบ็ดเสร็จ ครบ จบ ในที่เดียว (One-stop Service)

ไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่มีสภาองค์กรของผู้บริโภค ที่ทำหน้าที่ช่วยให้การคุ้มครองผู้บริโภคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยทำงาน 8 ด้านและอีก 1 คณะทำงาน ได้แก่ ด้านการเงินการธนาคาร ด้านการขนส่งและยานพาหนะ ด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย ด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ด้านบริการสุขภาพ ด้านสินค้าและบริการทั่วไป ด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม และคณะทำงานด้านการศึกษา

ผู้ที่ประสบปัญหา ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อขายสินค้าหรือบริการสามารถยื่นเรื่องต่อสภาองค์กรของผู้บริโภคได้โดยตรง เพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ยหรือฟ้องคดีแทนผู้บริโภค พร้อมดำเนินการอื่น ๆ จนกว่าจะสิ้นสุด 

สภาผู้บริโภคเป็นตัวแทนของผู้บริโภคทุกด้าน เพื่อคุณภาพชีวิตของทุกคน รวมทั้งเป็นตัวแทนผู้บริโภคในการให้ความคิดเห็น เสนอแนะนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน ‘เพราะทุกคน คือ ผู้บริโภค’

1 พฤษภาคม ของทุกปี กำหนดให้เป็น ‘วันแรงงานแห่งชาติ’ ยกย่องให้เห็นความสำคัญของแรงงาน

ย้อนกลับไปในสมัยก่อนประเทศแถบยุโรปจะถือเอา ‘วันเมย์เดย์’ (May Day) เป็นวันเริ่มต้นฤดูใหม่ทางเกษตรกรรม จึงมีพิธีเฉลิมฉลองและทำการบวงสรวงขอให้ปลูกพืชได้ผลดี รวมถึงขอให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข อีกทั้งทางภาคเหนือของยุโรปก็จะมีการจัดงานรอบกองไฟในวันนี้ด้วย ซึ่งประเพณีนี้ในประเทศอังกฤษก็ยังมีสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ 

จากตอนแรกที่เป็นเพียงวันหยุดพักผ่อนประจำปี ต่อมาประเทศอุตสาหกรรมหลายประเทศจึงถือเป็นวันหยุดตามประเพณีทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตือนใจให้ประชาชนตระหนักถึงผู้ใช้แรงงานที่ได้ทำประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ 

ซึ่งความหมายของ วันเมย์เดย์ (May Day) จึงเปลี่ยนไปจากเดิม จนเมื่อปี พ.ศ. 2433 ได้มีการเรียกร้องในหลายประเทศทางตะวันตกให้ถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็น ‘วันแรงงานสากล’ ทำให้หลายประเทศได้เริ่มฉลองวันแรงงานเป็นครั้งแรกในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 และได้สืบทอดมาจนถึงในปัจจุบัน 

สำหรับวันแรงงานในประเทศไทยถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2475 ซึ่งตรงกับสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ในรัชสมัยรัชกาลที่ 8 และรัฐบาลได้รับรองวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันกรรมกรแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2499 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘วันแรงงาน’ ในปี พ.ศ. 2500 

โดยอุตสาหกรรมไทยในสมัยก่อนได้เริ่มขยายตัวมากขึ้น ผู้ใช้แรงงานต่างก็มีปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งปัญหาแรงงานก็ยังมีความซับซ้อนยากที่จะแก้ไขได้โดยง่าย ทำให้ในปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยได้เริ่มมีการจัดการบริหารแรงงาน โดยเป็นการจัดสรรและพัฒนาแรงงาน ตลอดจนคุ้มครองและดูแลสภาพการทำงานของแรงงาน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างรากฐานและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างให้ดีขึ้น ซึ่งในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2499 คณะกรรมการจัดงานที่ระลึกแรงงานได้จัดประชุมขึ้น โดยมีความเห็นตรงกันว่าควรกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม ให้เป็นวันที่ ‘ระลึกถึงแรงงานไทย’ จึงได้มีหนังสือถึงนายรัฐมนตรีขอให้รับรองวันที่ 1 พฤษภาคม ทำให้นับแต่นั้นมา วันที่ 1 พฤษภาคม จึงกลายเป็น ‘วันกรรมกรแห่งชาติ’ จนต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘วันแรงงานแห่งชาติ’

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2500 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน ที่ได้กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิ์หยุดงานในวันแรงงานแห่งชาติได้ แต่พระราชบัญญัติฉบับนี้มีอายุได้เพียง 18 เดือนก็ถูกยกเลิกไป โดยมีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 มาแทนที่ และให้อำนาจกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดเรื่องการคุ้มครองแรงงาน อีกทั้งยังกำหนดให้วันกรรมกรเป็นวันหยุดตามประเพณี แต่เนื่องด้วยสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นมีความไม่แน่นอน จึงมีคำชี้แจงออกมาในแต่ละปีเพื่อเป็นการเตือนนายจ้างให้ลูกจ้างหยุดงานในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยในบางที่ก็ได้มีการขอร้องไม่ให้มีการเฉลิมฉลองเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

จนกระทั่งมาถึงปี พ.ศ. 2517 ได้เปิดโอกาสให้มีการเฉลิมฉลองตามสมควร โดยได้มอบหมายให้กรมแรงงานที่ขณะนั้นสังกัดกระทรวงมหาดไทย จัดงานฉลองวันแรงงานแห่งชาติขึ้นที่สวนลุมพินี ภายในงานได้มีการจัดให้ทำบุญตักบาตร มีนิทรรศการแแสดงความรู้ ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย

สำหรับ วันแรงงานแห่งชาติ ไม่ถือว่าเป็นวันหยุดทางราชการ ฉะนั้น หน่วยงานราชการก็ยังคงเปิดทำงานและให้บริการตามปกติในวันแรงงานแห่งชาติ ส่วนที่มีการหยุดงานจะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานเอกชนเท่านั้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top