Sunday, 18 May 2025
Lite

ดื่มด่ำ 'อาหาร-บาร์' แนวยูโรเปียน ใต้กลิ่นอาย ‘สไตล์ฝรั่งเศส’ ตอบโจทย์สาย 'ชิล-แชะ-ปาร์ตี้' ที่เดียวจบ ในย่านสาทร

วันนี้ THE STATES TIMES ขอพามาแนะนำ ‘Le Café des Stagiaires’ ร้านอาหารและบาร์สไตล์ยูโรเปียน ตกแต่งด้วยการเล่นสีให้ตัวร้านและการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการออกแบบภาพรวมที่ให้อารมณ์ราวกับนั่งอยู่ร้านแถวยุโรปยังไงยังงั้น!!

Le Café des Stagiaires เสิร์ฟอาหารสไตล์ยูโรเปี้ยน โดดเด่นด้วยเมนูแนวฝรั่งเศส และ เบลเยียม ที่พิถีพิถันอย่างพิเศษ ... ขอบอกแต่ละเสิร์ฟนี่มาเยอะ เหมาะแก่การแชร์ทานกันบนโต๊ะอย่างมากเลยด้วย

สำหรับเมนูแนะนำที่อยากให้ลองเลยคือ ‘Risotto Truffle & Mushroom’ (480 บาท) ตัว Risotto นุ่มๆ ประกอบกับกลิ่นของทรัฟเฟิลที่หอมละมุน กลิ่นหอมรสชาติเข้มข้นมากๆ และสำคัญอย่างที่บอกให้มาในปริมาณที่เยอะจริงๆ!!

ส่วนราคาอาหารขอบอกไปเลยว่า ค่อนข้างเหมาะสมกับคุณภาพและบรรยากาศที่ได้รับเลย เมื่อเทียบกับร้านแนวๆ เดียวกันในย่านนี้ที่ราคาจะค่อนข้างสูง แต่ที่นี่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 100+ เท่านั้นเอง

ข้ามมาในส่วนของบรรยากาศสักหน่อย ภายในตัวร้านจะมีทั้งโซน Outdoor, Indoor และ Bar ส่วนตัว ไว้ให้ผู้มาใช้บริการได้นั่งกันตามความชอบ แต่แอดมินขอแอบกระซิบว่าถ้าใครอยากได้รูปทำคอนเทนต์ แนะนำให้นั่งโซนฮิต อย่าง Outdoor บอกเลยว่าโซนนี้ถ่ายรับแสงตอนกลางวันแล้วสวยสุดๆ!!

ในส่วนของกิจกรรมภายในร้านก็น่าสนใจ เพราะเขามี ‘บอร์ดเกมส์’ เตรียมไว้ให้ลูกค้าได้มานั่งเล่นกันอีกด้วย ส่วนตัวแอดมินไปมาแล้วได้พูดคุยกับเพื่อนใหม่ชาวต่างชาติ แลกเปลี่ยนภาษากันได้อีก

นอกเหนือจากนี้ทางร้านยังมีพื้นที่รับรองสำหรับลูกค้าที่ต้องการมาใช้บริการแบบปาร์ตี้ สามารถรองรับได้สูงสุดถึง 50 คนเลยทีเดียว

หรือหากใครเป็นสายแดนซ์บนฟลอร์เต้นรำที่ร้านก็มีพื้นที่ให้ได้ออกมาระเบิดความสนุกด้วยการเต้นไปพร้อมกับระบบเสียง และดิสโก้บอลขนาดใหญ่ที่ร้านจัดเตรียมไว้ให้อีกด้วย

ส่วนใครที่เป็นสายนั่งชิล แนะให้ไปทาน Brunch ในช่วงตอนกลางวันก็สามารถไปทานรับบรรยากาศในวันพักผ่อนได้ ไพรเวตอยู่จ้า (เมนู Brunch จะให้บริการถึง 16:00 น.

สำหรับเวลาให้บริการของ Le Café des Stagiaires:
จันทร์-ศุกร์ ให้บริการตั้งแต่ 16:00-21:00 น.
เสาร์-อาทิตย์ ให้บริการตั้งแต่ 11:00-21:00 น.

พิกัด: สาทร ซอย 12

การเดินทาง: ลง BTS เซนต์หลุยส์ เดินต่อมานิดเดียว หรือสำหรับท่านที่นำรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถจอดรถยนต์ที่โรงแรมตรงข้ามได้เลย

ติดต่อสอบถาม
โทร: 096-945-5408 (แนะนำให้โทรมาจองก่อน)
Facebook: Le Café des Stagiaires - Bangkok

ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก https://cafestagiaires.co.th

5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ในหลวง ร.9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เสด็จฯ โดยรถไฟ เยี่ยมพสกนิกรชาวขอนแก่น

วันนี้ เมื่อ 68 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟพระที่นั่ง เยี่ยมพสกนิกรจังหวัดขอนแก่นเป็นครั้งแรก

ภายหลังจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสร็จสิ้นพระราชภารกิจจาการศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และได้เสด็จนิวัตมาประทับในพระราชอาณาจักรไทยเป็นการถาวรแล้ว จึงกำหนดการ 'เสด็จฯ เยี่ยมราษฎร' ในทุกภูมิภาคทั่วราชอาณาจักรขึ้น 

โดยปฐมแห่งการเสด็จฯ ได้ออกไปทรงเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคแรก ระหว่างวันที่ 2-20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 

โดยในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 พระองค์ได้เสด็จฯ โดยรถไฟ เยี่ยมพสกนิกรจังหวัดขอนแก่น เป็นครั้งแรก 

ซึ่งชาวขอนแก่นได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายถนนเส้นทางสายสำคัญเพื่อเป็นอนุสรณ์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่พระองค์ ในชื่อ 'ถนน 5 พฤศจิกายน'

6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงออกผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วันนี้ เมื่อ 45 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงผนวชตั้งแต่ครั้งยังดำรงพระราชอิสริยยศ ‘สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร’ ด้วยทรงมีพระทัยศรัทธาจะอุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ทรงผนวช ณ พัทธสีมาพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เสร็จแล้วเสด็จไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระมหารัชมงคลดิลก (บุญเรือน ปุณฺณโก) เป็นพระอภิบาล ทรงได้รับพระนามฉายาว่า ‘วชิราลงฺกรโณ’ และผนวชอยู่ 15 วัน จึงทรงลาผนวช

พลิกเมนู 'ไทย-จีน-นานาชาติ' เอาใจสายเนื้อเกรดพรีเมียม @KRBB The Boutique Butcher ใกล้ BTS อ่อนนุช

(5 พ.ย. 66) ร้าน ‘KRBB The Boutique Butcher’ ร้านเนื้อวัวที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยม จากฟาร์มคุณภาพดีจากทั่วโลก นำมารังสรรค์เป็นหลากสารพัดเมนูจานเด็ด สูตรลับเฉพาะของทางร้าน Butcher โดยผู้มีความชำนาญในด้านอาหาร นอกจากนี้ ชื่อร้านมาจากชื่อของหุ้นส่วนทั้ง 4 คน ได้แก่ ชาคริต แย้มนาม, รณสิทธิ ภุมมา, อิทธิชัย เบญจธนสมบัติ และ ปฏิรูป ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ที่ตั้งใจให้ร้านนี้เป็นศูนย์รวมของคนรักเนื้อโดยเฉพาะ

สำหรับบรรยากาศภายในร้าน จะเน้นการตกแต่งในสไตล์โฮมมี่ ด้วยโครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เป็นหลัก ให้ความอบอุ่น และเป็นกันเอง ตกแต่งที่บริเวณผนังด้วยอุปกรณ์ทำครัวที่ทำจากไม้หลากหลายแบบ พร้อมทั้งมึภาพเขียนอธิบายส่วนต่าง ๆ ของวัว และยังมีโซนเอาท์ดอร์ด้านนอกไว้รองรับสำหรับผู้ที่ต้องการทานที่ร้าน

ส่วนเมนูของทางร้านจะมีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อคัดสรรเกรดพรีเมียม คุณภาพเยี่ยม และฝีมือการปรุงอาหารชั้นยอดของเซฟ ทำให้รสชาติของอาหารแต่ละจานอร่อย เข้มข้น อีกทั้งยังมีเมนูให้เลือกหลากหลาย ไม่ซ้ำใคร รับรองว่า ถูกใจคนรักเนื้ออย่างแน่นอน

มาลองดูอาหารแต่ละเมนูกันเลย!!

‘ข้าวผัดมันเนื้อท็อปสเต๊กเนื้อสันนอก’ คนไทยก็ต้องคู่กับข้าว!! จึงขอเริ่มกันที่เมนูแรกด้วย ข้าวผัดมันเนื้อที่กลิ่นข้าวหอมเตะจมูก นำมาผัดแบบสไตล์จีน ทำให้ข้าวร่วนเป็นเม็ด ไม่แฉะ จากนั้นก็ท็อปด้วยพระเอกของเมนู คือ ‘สเต๊กเนื้อสันนอก’ หนา นุ่น เคี้ยวปุ๊บ ขาดปั๊บ หั่นแบบเต๋าพอดีคำ ท็อปบนข้าวที่ผัดมาร้อนๆ หอมๆ บอกเลยว่าเป็นเมนูแนะนำที่คนรักเนื้อและชอบกินข้าว ห้ามพลาด!!

‘เนื้อตุ๋นหม้อไฟ’ เสิร์ฟมาในหม้อสุกี้ร้อนๆ น้ำซุปหอมกลมกล่อมอูมามิ เหมาะกับกินในช่วงปลายฝนต้นหนาวสุดๆ นอกจากนี้ สามารถเลือกเนื้อประเภทและส่วนต่าง ๆ มาใส่ในหม้อไฟได้ตามความต้องการ แถมมี Butcher คอยแนะนำว่าส่วนไหนเหมาะแก่การนำไปปรุงแบบไหน เพื่อให้มื้อพิเศษของเราอร่อยที่สุดอีกด้วย

‘เมนูก๋วยเตี๋ยวเนื้อบ่ม’ เนื้อโคขุนที่ผ่านการ Dry-aged มาเป็นเวลา 3 อาทิตย์ โดยมีให้เลือกทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด และเนื้อเปื่อย เนื้อบ่มจะใช้เนื้อซี่โครง พื้นท้อง สามชั้นอย่างดี ส่วนเนื้อสดจะใช้ Flank ส่วนพื้นท้อง โดยเมนูนี้จะมีทีเด็ดอยู่ที่ ‘น้ำซุป’ ซึ่งเป็นน้ำซุปดาชิ สไตล์ญี่ปุ่น ที่ใช้เวลาในการเคี่ยวเป็นเวลานาน เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม แต่ถ้าใครที่ชอบก๋วยเตี๋ยวแบบแห้ง ทางร้านยังมี ‘ก๋วยเตี๋ยวแห้งคลุกซีอิ๊วดำสูตรพิเศษจากเบตง’ เตรียมไว้ให้อีกด้วย

และอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ห้ามพลาด คือ ‘เนื้อขั้วตับย่างอีสาน’ รสชาติเข้มข้น ใช้เนื้อส่วน Hanger ที่ถ้าหากเลาะไม่ดีจะทำให้เคี้ยวยากมาก แต่ Butcher ของทางร้านมีความเชี่ยวชาญในการเลาะเนื้ออย่างดี ทำให้เนื้อไม่เหนียว เคี้ยวง่าย แถมยังนำไปหมักกับซอสสูตรลับของทางร้าน จนเนื้อนุ่มละมุนลิ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถรีเควสน้ำจิ้มเพิ่มเติมได้อีกด้วย โดยทางร้านมีทั้งน้ำจิ้มแจ่วแบบขม แบบมาตรฐาน และแบบสูตรมะเขือเทศ

อีกจุดเด่นของร้าน ‘KRBB The Boutique Butcher’ คือการคงคอนเซปต์เหมือนกับโชว์รูมขายเนื้อสด ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อเนื้อเองได้ตามใจชอบ ซึ่งมีทั้งเนื้อไทยและเนื้อญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยม ที่นำไปทำเมนูอะไรก็อร่อย 

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเทคนิคการทำ ‘Butcher’ แบบ ‘ซามูไรคัท’ หรือ ‘การหั่นเนื้อแบบญี่ปุ่น’ เพื่อให้สูญเสียเนื้อน้อยที่สุด เลาะพังผืดจนหมด โดยเทคนิคนี้จะทำให้เนื้อนุ่มและยังได้รับเนื้อทุกส่วน ซึ่งถือว่าทางร้านใช้คุ้มทุกส่วนจริงๆ และในส่วนของราคานั้น ก็ไม่ได้แพงจนเกินไปเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับ โดยจะเริ่มต้นอยู่ที่ 149 บาท ขึ้นไป

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะมาลองลิ้มลองความอร่อยนี้ ตัวร้านจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 ของ HABITO MALL ซอยสุขุมวิท 77 ใกล้กับ BTS อ่อนนุช โดยจะหยุดทุกวันจันทร์ และเปิดในวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-22.00 น. หรือท่านใดอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถแอด Line OA : @alakrbb KRBB THE BOUTIQUE BUTCHER หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เพจเฟซบุ๊ก : KRBB 

‘สเตฟาน’ แชร์ประสบการณ์ถูกคนเกาหลี ‘ถุยน้ำลาย’ ใส่ ยอมรับ!! โมโหมาก โบกสวนหัวทิ่มไปหนึ่งดอก

(5 พ.ย.66) ‘สเตฟาน ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์’ อดีตพระเอกละครชื่อดัง แชร์ประสบการณ์ หลังไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรก แล้วเจอแจ็กพ็อตถูกคนเกาหลีทำกิริยาไม่ดี โดยการถุยน้ำลายใส่ตน ในจังหวะที่กำลังข้ามถนน ว่า…

“ครั้งแรกที่ผมไปเกาหลี ผมก็ลงจากรถทัวร์ที่เป็นของกรุ๊ปเราเท่านั้น จากนั้นผมก็เอากระเป๋าเข้าไปเช็กอิน แต่ทางโรมแรมบอกว่าไม่ได้ต้องรอเช็กอิน 2 โมง แล้วตอนนั้นผมมาถึงเที่ยง มันก็ทำให้ต้องออกไปหาอะไรทำ ส่วนกระเป๋าก็ฝากไว้ที่โรงแรม พอฝากกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะออกไปหาอะไรกินข้างทาง แต่พอจังหวะที่ออกมาข้างถนนเพื่อข้ามไปอีกฝั่งนั้น ก็มีคนเกาหลีสองคนเดินผ่าน พร้อมกับทำกิริยาไม่ดีใส่ ก็คือการ ‘ถุยน้ำลาย’ ใส่กลางอกเต็ม ๆ

ซึ่งตอนนั้นผมคิดอะไรไม่แล้ว และยอมรับว่าหัวร้อนมาก หลังจากที่โดนกระทำแบบนี้ ถ้าคนที่รู้จักผมดี จะรู้ว่าผมเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่มันอี๋ง่าย…และถึงจะไม่ได้เป็นคนที่อี๋ง่าย ก็รู้สึกว่าไม่ควรจะโดนกระทำใส่แบบนี้ ดังนั้นผมจึงหันกลับไปตบกระบาลอย่างแรงจนหัวทิ่ม แล้วหลังจากนั้นเขาก็ตะโกนใส่ผมเป็นภาษาเกาหลี และทำท่าเหมือนจะเตะ จากนั้นผมก็หนี สุดท้ายเขาก็เรียกเจ้าหน้าที่มาที่โรงแรม และโรงแรมก็พยายามบอกให้ว่ามันไม่ใช่นะ…คนเกาหลีสองคนนั้นเริ่มก่อน จนสุดท้ายก็เลยเคลียร์กัน…”

‘ซีอีโอ BVLGARI’ แสดงจุดยืน โพสต์รูป ‘ลิซ่า’ ลงไอจีรัวๆ เชื่อ!! ตำแหน่งแอมบาสเดอร์ยังเหนียวแน่น-ไร้ปัญหา

เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.66) จากที่ก่อนหน้านี้ ได้เกิดกระแส จีนแผ่นดินใหญ่ ระงับบัญชี weibo ของศิลปินสาวสวยมากความสามารถอย่าง ‘ลิซ่า BLACKPINK’ จนเกิดกระแสลิซ่าโดนแม่จีนแบน

หลังเข้าร่วมการแสดงโชว์คาบาเรต์ชื่อดัง Crazy Horse ในกรุงปารีสจนดันให้แฮชแท็ก #Lisa社媒账号被封

พร้อมมีคนแอบสังเกตเห็น แบรนด์ดังระดับโลก CELINE และ BVLGARI ลบภาพลิซ่า ออกจาก Weibo อย่างเป็นทางการ

รวมถึงบัญชีอินสตาแกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Jean-Christophe Babin ก็ลบภาพ ที่ถ่ายร่วมกับสมาชิก BLACKPINK เช่นกัน ทำให้ยิ่งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ไปถึงการตัดสินใจเส้นทางในอนาคตที่มีต่อลิซ่า

ทั้งนี้ก่อนที่ดรามาจะร้อนลุกลามไปกันใหญ่ ล่าสุดทาง ‘ฌอง-คริสตอฟ บาบิน’ ซีอีโอ แบรนด์ดัง BVLGARI ได้มีการโพสต์รูปลิซ่า ลงในอินสตาแกรมส่วนตัวรัว ๆ โดยเป็นคอลเลกชันภาพถ่ายของ ลิซ่าในงานอีเวนต์ต่างๆ ของแบรนด์

ซึ่งถึงแม้ตอนนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบายใด ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และทุกอย่างยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ หลายฝ่ายได้แต่สันนิษฐานว่า การลงภาพของซีอีโอในครั้งนี้ เพื่อตอกย้ำถึงบทบาทของลิซ่า ในฐานะหนึ่งในแอมบาสเดอร์ที่โด่งดังที่สุดของแบรนด์ และยืนยันว่าทาง BVLGARI ไม่มีปัญหากับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

'ต้องเต' หวังรัฐบาลไทยหนุนภาพยนตร์ไทยเต็มกำลัง หลังยก 'สัปเหร่อ' ขึ้นแท่น Soft Power ของไทย

จากกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม เอ็กซ์ หลังชม ภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อร่วมกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตรประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี ว่า ..."'สัปเหร่อ' คือภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเชื่อของภาคอีสานผ่านสายตาของคนรุ่นใหม่ออกมาได้อย่างน่าชื่นชม ผมเชื่อว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จคือการที่ผู้กำกับ และทีมงานภูมิใจในรากเหง้าของตัวเอง ควรค่าแก่การสนับสนุนครับ

รัฐบาลเราสนับสนุน Soft Power ทุกมิติ ด้านภาพยนตร์เองก็เช่นกัน เราพร้อมที่จะผลักดันให้ภาพยนตร์ไทยพาวัฒนธรรมของเราออกไปสู่สายตาชาวโลกเป็น ‘จุดขาย’ ไปสร้างชื่อเสียง สร้างรายได้และความชื่นชอบให้กับประเทศไทย"

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 66 นายธิติ ศรีนวล หรือ ต้องเต ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อ กล่าวในรายการอยู่ดีมีแฮง ช่อง ThaiPBS ว่า "ผมคาดหวังว่าเรื่องต่อ ๆ ไป ไม่ใช่แค่ของผม อยากให้มาสนับสนุนจริง ๆ หน่อย ไม่ใช่แค่มาถ่ายรูป คุณอาจจะไม่ได้เข้าใจหนัง #สัปเหร่อ จริง ๆ เลยก็ได้ แค่มาถ่ายรูป แล้วบอกว่า 'สัปเหร่อ' เป็น ซอฟต์เพาเวอร์ (SoftPower)

"อย่างตัวผมเองยังไม่รู้ว่า ซอฟต์เพาเวอร์ คืออะไร ตอนผมทำ ผมยังแบบ 'เอ๊า!! หนังผมเป็น ซอฟต์เพาเวอร์' เหรอ ผมยังไม่รู้เลย แต่ถ้าผมได้รู้ หรือได้ทำความเข้าใจว่า ซอฟต์เพาเวอร์ คืออะไร หนังไปไกลกว่านี้ มี 'ซอฟต์เพาเวอร์' จริง ๆ แน่นอน

"ดังนั้น ถ้ามีการพูดคุยหรือเสวนาในวงการที่อยากจะเอา ซอฟต์เพาเวอร์ เผยแพร่ต่อต่างประเทศ อยากให้พาไปจริง ๆ"

ด้าน นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประเด็นนี้ทางทวิตเตอร์ หรือ X ว่า "รัฐบาลเพิ่งได้เข้ามาเริ่มผลักดันนโยบาย #SoftPower และไม่ได้คิดจะเคลมผลงานใด ๆ จากความสำเร็จของภาพยนตร์ #สัปเหร่อ ครับ แต่มีเจตนาที่จะสนับสนุน และชี้ให้เห็นตัวอย่างหนึ่งของผลงานที่มีคุณภาพ

"ในฐานะคอหนัง ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยความตั้งใจ และประทับใจผลงานด้วยใจจริง
"
"หวังอย่างยิ่งว่าในเร็ว ๆ นี้ ความสนใจและตั้งใจจริงของรัฐบาลชุดนี้ ที่จะสนับสนุนธุรกิจสร้างสรรค์แขนงต่าง ๆ ให้เติบโตและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างขึ้น จะเห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วครับ

"การสนับสนุนอุตสาหกรรมโดยภาครัฐ ไม่ได้มีเพียงกลไกเอาเงินทุนไปให้ หรือไปช่วยประชาสัมพันธ์ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ คือการดึงภาคเอกชนมาร่วมกันให้ข้อมูล ว่าการทำงานที่เป็นอยู่ ติดขัดปัญหาหรือข้อกฎหมายอย่างไรแล้วรัฐในฐานะผู้สนับสนุนจึงจะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้เอกชนได้ขยายศักยภาพของตนเองได้เต็มที่มากขึ้นครับ #SoftPower #รัฐบาลเศรษฐา”

"อันนี้เป็นนโยบายของ #พรรคเพื่อไทย ที่ใช้หาเสียง เฉพาะในส่วนของ 'ภาพยนตร์' ก่อนนะครับ ยังมีส่วนของวงการอื่น ๆ อีกครับ”

ขณะที่ทางด้านเฟซบุ๊กเพจ 'ตุ๊ดส์review' ได้โพสต์เกี่ยวกับประเด็นนี้ ว่า ภาพยนตร์ #สัปเหร่อ กับคำว่า #SoftPower ของรัฐบาลไทย

1) จริง ๆ รัฐไม่ได้เข้าใจด้วยซ้ำว่าเราจะสร้าง Soft Power กันยังไง เราแค่รอมันดังแล้วไปถ่ายรูปคู่ ไม่ได้ร่วมสร้าง ร่วมลงทุน และผลักดันโดยรัฐบาลตั้งแต่ก้าวแรกของการทำงาน

2) การดูกันเอง ชื่นชมกันเอง สนุกสนานกันเองในประเทศ แต่ไม่ได้ผลักดันสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในตลาดโลก หรือพาหนังไปสร้างอำนาจละมุน ตามคำว่า Soft Power เพื่อพาวัฒนธรรมประชาชนไปสั่นสะเทือนวงการและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ก็เท่ากับว่า "มันยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง และไม่ได้มีการลงมือทำอะไรเป็นรูปธรรม"

3) การรอฉกฉวยโอกาสของรัฐ ที่มีต่อสิ่งที่ดังด้วยตัวมันเอง ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยประยุทธ์ กำลังถูกสานต่อโดยยุคสมัยของเศรษฐา โดยที่ยังไม่เห็นนโยบายที่เป็นกลยุทธ์ และแนวทางการสร้างความสำเร็จ นอกจากรูปถ่าย PR เท่านั้น ที่ออกมาสร้างการรับชมกันเองในชาติ โดยที่ต่างชาติไม่ได้มาร่วมอึ้ง หรือซาบซึ้งใด ๆ กับเรา

4) ถ้าบอกว่าสนับสนุนเพื่อให้ Soft Power ไทยไปไกลในตลาดโลก รัฐต้องลงทุน และมีหน่วยงานที่เอาผลผลิตอุตสาหกรรมบันเทิงไทยไปเจาะตลาดโลก ตั้งแต่ Day One โดยร่วมวางแผนการสร้าง Soft Power ให้ก้าวแรกมีเนื้อหาสาระ นักแสดง กลยุทธ์ และแนวทางการประชาสัมพันธ์ที่ส่งเสริมการส่งออกแบบครบวงจร แต่เราไม่เห็นกระบวนการเหล่านั้นในการวางแผนการทำงาน

5) แค่ถ่ายรูป แล้วบอกว่าเป็น Soft Power มันมีประโยชน์น้อยมาก แถมยังสร้างความเหลื่อมล้ำในวงการหนังเสียอีก หนังไหนดัง รัฐถึงจะวิ่งปรี่เข้าไปเชิดชู ส่วนหนังเรื่องไหนไม่ทำเงิน ไม่มีกระแส กลับไม่เคยได้รับการแยแสจากรัฐ ทั้ง ๆ ที่หนังดี ๆ หลายเรื่อง ๆ ขาดการพูดถึง และให้คุณค่าจากสังคม แล้วทำไมรัฐไม่เป็นส่วนหนึ่งที่ให้โอกาสกับหนังไทยหลาย ๆ เรื่องได้แจ้งเกิดมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องรอผู้กำกับมาทวงถาม

Soft Power แบบปลอม ๆ ก็ไม่ได้ไปไหนได้ไกลกว่าการเชยชมกันเอง เมื่อไหร่โลกทั้งใบจะเห็นศักยภาพของคนไทยและวงการบันเทิงไทย เราต้องทวงถามให้รัฐบาลทำงานเรื่องนี้กันอีกนานแค่ไหน

ไม่งั้น Soft Power ไทย ก็มีไว้เพียงเพื่อการโฆษณา

'สว.วีระศักดิ์' ชี้ นโยบาย Soft Power ต้องขับเคลื่อนในระยะยาว เพราะมีหลายมิติทับซ้อนกันอยู่

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 66 ที่โรงแรม S31 กรุงเทพฯ SPACEBAR ได้จัดงานเสวนา SOFT POWER ฝันไกลไปได้แค่ไหน? เปิดเวทีระดมความคิดเห็นบุคลากรหลากหลายวงการ มาร่วมสะท้อนมุมมอง กับแนวคิดนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล ที่จะผลักดัน SOFT POWER ไทย ให้มีศักยภาพส่งต่อไปถึงความยั่งยืน เพื่อนำไปสู่สายตาชาวโลก

โดยในเวทีดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภาและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้ว่า...

ความเป็นไปได้ในการผลักดันนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ว่า นับเป็นครั้งแรกที่ นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ถูกหยิบยกเป็นนโยบายระดับชาติ จากทั้งทางพรรคเพื่อไทยเอง และทุกพรรคที่หาเสียงไว้ช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งหากอ้างอิงจากนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวถึง Roadmap ก็ประเมินว่า อาจจะใช้เวลาถึง 3 ปี ถึงจะเริ่มเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ตามแผน

“นโยบายนี้อาจจะไม่สามารถคาดหวังได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะเป็นเรื่องที่ต้องขับเคลื่อนในระยะยาว รวมถึงนโยบายนี้มีมิติ 3 ด้านสำคัญ คือ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ทับซ้อนกันอยู่ อย่างประเทศที่ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์สำเร็จอย่าง เกาหลีใต้ สำเร็จได้จากนโยบายการเมืองที่แข็งแรงและต่อเนื่อง” วีระศักดิ์ กล่าว

นักแสดงหนุ่ม ‘โอ๊ตมีล’ ร่ำไห้ ถูกช่างตัดผมตัดใบหู เย็บ 7 เข็ม ทางร้านนิ่งเงียบไม่รับผิดชอบใดๆ ลั่น!! ตอนนี้เสียสุขภาพจิตสุดๆ

(6 พ.ย. 66) ผู้ใช้งานติ๊กต็อก (TikTok) ‘Oatmeal’ ซึ่งเป็นของนักแสดงชาย สังกัด เอ็มโฟลว์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ได้ออกมาอัดคลิปพร้อมขอความช่วยเหลือจากพี่ ๆ สื่อมวลชน ระบุข้อความว่า…

"ในวันที่ 28 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ผมไปรับบริการตัดผมที่ร้านตัดผม ย่านทองหล่อ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ช่างตัดผมตัดหู และเย็บไป 7 เข็มครับ หลังจากนั้นทางช่างจ่ายค่ารักษาพยาบาลไป 15,375 บาท และไม่มีการรับผิดชอบอะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้ครับ มีการเจรจาไปแล้ว 1 ครั้ง ช่างตัดผมไม่ให้ค่าสินไหมใดๆ ทดแทน

แต่จะให้เงิน 1,500 บาทไปทำประกันที่พ่วงกับบัตรเครดิตครับ ซึ่งผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะให้ไปคุ้มครองตอนไหน ในเมื่อผมเจ็บตัวไปแล้ว และบอกว่าจะดูแลเรื่องแผลเป็น แต่พอสังกัดผมทักถามไป ก็ไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ กลับเงียบเฉย ตอนนี้ผมเป็นแผลเป็นที่ติ่งหูด้านขวาครับ และเสียสุขภาพจิตมาก ๆ ผมในฐานะนักแสดงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ผมไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลยครับ ทั้ง ๆ ที่ผมโดนตัดหูแท้ ๆ วันนี้ผมจึงรวบรวมความกล้าที่อยากจะติดต่อพี่ ๆ สื่อมวลชนในการขอความช่วยเหลือเพื่อความเป็นธรรมครับ"

‘โตโน่’ ถ่ายคลิปสมาชิกในบ้าน หลังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พร้อมแวะแซว!! ‘ณิชา’ แฟนสาว "คุณเป็นใครมาอยู่บ้านผม?"

(6 พ.ย. 66) เล่นเองเขินกันเองซะงั้น เมื่อนักร้องหนุ่ม ‘โตโน่ ภาคิน’ ควงหวานใจ ‘ณิชา ณัฏฐณิชา’ ที่ว่างจากการถ่ายละครแล้ว เดินทางกลับบ้านเกิดจังหวัดขอนแก่นด้วยกัน พร้อมกับ คุณแม่น้อย สุดลมโชย และ ต้องตา น้องสาว เพื่อไปเป็นกำลังใจเชียร์เจ้าตัวลงสนามแข่งขันฟุตบอล ให้กับสโมสรขอนแก่น เอฟซี ทีมในไทยลีก 3

โดย ‘โตโน่’ ได้โพสต์คลิปผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว แนะนำคนในบ้านที่มารวมตัวกันพร้อมหน้า เริ่มจาก น้องเขย, หลาน, เพื่อนน้องสาว, น้องสาว, คุณแม่ กับหลานตัวน้อยสมาชิกใหม่ ต่อด้วยน้องสาวอีกคนนึง แล้วก็คุณป้าอีก 2 ท่าน

ก่อนจะแพลนกล้องไปที่ ‘ณิชา’ ที่นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับพูดแซวขำๆ ว่า "ส่วนคุณเป็นใครมาอยู่บ้านผม ฮะคุณเป็นใคร" จากนั้นฝ่ายหญิงได้ยิ้มตอบกลับแบบเขินๆ ว่า "ฉันเป็นเพื่อนต้องตา"

งานนี้แฟนๆ ต่างเข้ามาคอมเมนต์ช่วยตอบคำถามแทนณิชากันยกใหญ่ อาทิ ชั้น…เป็นคู่ชีวิต…ของคุณ, คนสุดท้ายแฟนคนถ่ายมั้ยนะ, คนสุดท้ายสมาชิกใหม่ครอบครัวของผม, แฟนคุณไงคะ, แฟนคุณไง คุณโตโน่, ว้ายๆๆๆๆๆ….. แม่ของลูกปมครับ ฯลฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top