Sunday, 18 May 2025
Lite

ส่องนิสัย ‘ลิซ่า’ ขณะครองบัลลังก์แบรนด์แอมฯ ‘CELINE’ ไม่เคยใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่มีขอ ‘ส่วนลด-สิทธิพิเศษ’

(10 พ.ย.66) จากเพจ 'Lisadailynews - Ldn0327' เผยเบื้องหลังสุดทึ่ง สิ่งที่ลิซ่าทำกับ CELINE แม้จะเป็น แบรนด์แอมบาสเดอร์ ระบุว่า...

มีรายงานถึงพฤติกรรมน่าทึ่งของลิซ่า BLACKPINK ว่า ตั้งแต่เธอรับหน้าที่เป็นแอมบาสเดอร์ของ CELINE ลิซ่าแทบไม่เคยใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่เธอมีเลย

โดยในโพสต์ล่าสุด OP แบ่งปันว่า...แม้ว่าลิซ่าจะสามารถใช้สิทธิพิเศษของแอมบาสเดอร์ได้อย่างง่ายดายซึ่งรวมถึงส่วนลดมากมายสําหรับสินค้า แต่ลิซ่ากลับเลือกที่จะไม่ทํา

[CELINE] ให้สิ่งของแก่เธอ พีอาร์ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้เธอทุกปี แต่เธอกลับยังจ่ายเงินของตัวเองซื้อของและเธอซื้อเป็นจำนวนมากทุกครั้ง

เธอใช้บัตรเครดิตส่วนตัว แม้ว่าบริษัท มีการเสนอส่วนลด 40% หรือ 30% ของแอมบาสเดอร์ให้กับเธอแต่ลิซ่าก็ไม่ได้ใช้มัน

นี่มันแสดงให้เห็นว่า ‘ลิซ่า’ ร่ำรวยมากจริงๆ

เมื่อทวีตดังกล่าวถูกแชร์มันได้รับความสนใจในหมู่ BLINKs ทันที

แลนด์มาร์กใหม่ย่าน ‘บางนา’ เพื่อ ‘คนรักกีฬา-ความบันเทิง’ ใต้ประสบการณ์ ‘ตีกอล์ฟ’ สุดคูล!! พ่วง ‘PLAY-FOOD-FUN’

หลังเลิกงานเมื่อไร สมงสมองก็ไปหมดทุกที งานนี้เลยขอผ่อนความล้าล่าความฟินไปกับกิจกรรมทำคลายเครียดแนวๆ สักหน่อย!! โดยวันนี้ THE STATES TIMES จะขอพามาแนะนำกับแลนด์มาร์กแห่งใหม่ย่านบางนา ที่สามารถมาทำกิจกรรม ทั้งออกกำลังกายชิลๆ หรือจะแวะมาแฮงค์เอาท์เบาๆ กับกลุ่มเพื่อนในที่เดียวก็ไม่ติดที่ ‘Topgolf Megacity’ สนามไดร์ฟกอล์ฟ ที่จัดเต็มทั้ง แสง – สี- เสียง – เทคโนโลยี และชูจุดขายเรื่องอาหารและเครื่องดื่มแบบเต็มพิกัด

ที่นี่เป็นแหล่งความบันเทิงชั้นนำที่รวบรวมความสนุกแบบครบครัน ทั้งกิจกรรมตีกอล์ฟที่มีให้เลือกเล่นหลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งบาร์นั่งชิล และอาหารที่พร้อมเสิร์ฟให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการ ในคอนเซปต์ ‘PLAY-FOOD-FUN’ เรียกได้ว่ามาที่นี่ ครบ จบ ในที่เดียวเลยจริงๆ...

สำหรับ ‘Topgolf Megacity’ มีไฮไลต์ที่คนรักกีฬาตีกอล์ฟจะเอ็นจอยได้สุดๆ ภายใต้ความพิเศษของที่นี้นั้น คือ เขามีเกม กีฬา ที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่ง Topgolf Megacity นั้น สร้างอยู่ภายใน Megacity โครงการมิกซ์ยูสที่มีพื้นที่กว่า 400 ไร่ เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 70 แห่ง ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, เม็กซิโก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยกรุงเทพฯ นั้นถือเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดให้บริการเลย!!

โดยความพิเศษของที่นี่นั้น คือการมี ฮิตติ้งเบย์ มากถึง 102 เบย์ แต่ละเบย์จะมีที่นั่งรองรับ อำนวยความสะดวกไว้แก่ผู้ที่มาใช้บริการ มีสนามพัตต์กอล์ฟ 18 หลุมที่เขาเคลมมาเลยว่า ‘ดีที่สุดในกรุงเทพฯ’ และไม่ต้องกังวลในเรื่องของพื้นที่ว่าถ้าไปแล้วจะพอไหม แออัดหรือเปล่า? เรื่องนี้ตัดออกไปได้เลย เพราะเขาเปิดให้บริการทั้งหมด 4 ชั้น ซึ่งพื้นที่แต่ละชั้นนั้นก็กว้างขวางพอสมควรเลย

และยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะสนามกอล์ฟแห่งนี้ เขาใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีแบบใหม่ โดยใช้ ‘ลูกกอล์ฟฝังไมโครชิป’ ทำให้ผู้เล่นสามารถทำคะแนนได้โดยตีลูกกอล์ฟไปยังพื้นเป้าขนาดใหญ่ ที่มี ‘Toptracer’ และ ‘HDTV’ รอบสนามกว่า 300 จอ คอยติดตามความเคลื่อนไหวในการตีของเราและบอกคะแนนในแต่ละรอบให้เราค่ะ

ยิ่งไปกว่านั้นใครที่เบื่อการตีกอล์ฟแบบเก่าๆ ที่นี่ก็มีการตีกอล์ฟผ่านสนามเสมือนจริงด้วย โดยจะมีการจำลองเป็นรูปแบบของเกมให้เลือกในการตีกอล์ฟได้ถึง 14 เกม เรียกได้ว่าคนเล่นเป็นหรือเล่นไม่เป็นก็เอ็นจอยได้ทั้งหมด!!

ไม่เพียงเท่านี้ ที่นี่ยังมีไฮไลต์อย่าง PRIVATE EVENT SPACES, ROOFTOP BAR, WINE & WHISKEY LOUNGE, PATIO INDOOR & OUTDOOR RESTAURANT ไว้ให้บริการเหมาะกับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการพบปะสังสรรค์ ปาร์ตี้ งานเฉลิมฉลอง การพูดคุยทางธุรกิจ อีกด้วย

ในส่วนของค่าบริการ ถ้าเป็นวันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี เริ่มต้นที่ 550 บาทต่อชั่วโมงต่อเบย์ วันศุกร์-เสาร์ เริ่มต้นที่ 650 บาทต่อชั่วโมงต่อเบย์ สามารถรองรับผู้เล่นได้สูงสุดถึง 6 คนเลย หากไปกับกลุ่มเพื่อนหารกันแล้วตกแค่คนละ 100 ต้นๆเท่านั้นเอง!!

ขอเสริมกันอีกนิด สำหรับผู้ที่มาใช้บริการครั้งแรก มีค่าลงทะเบียนแรกเข้าอยู่ที่ 150 บาท

เรียกได้ว่าที่นี่ ‘ลบภาพจำ’ ของการตีกอล์ฟแบบเดิมๆไปเลย ยกให้เป็นแลนด์มาร์กใหม่สำหรับคนรักกีฬาและความบันเทิงที่ควรค่าแก่การมาลองเลยทีเดียว...

สำหรับเวลาให้บริการ : อาทิตย์-พฤหัสบดี 09:00-23:00 น.
ศุกร์-เสาร์ 09:00-24:00 น.

พิกัดการเดินทาง: https://maps.app.goo.gl/EF3rX57uoM9DRg4AA?g_st=ic

ติดต่อสอบถาม: 0-2114-1289 (แนะนำให้โทรมาจองก่อน)
หรือสามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้ที่: www.topgolfthailand.com

ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก: https://topgolfthailand.com/about/

11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก

วันนี้เมื่อ 155 ปี ก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก ขณะพระชนมายุเพียง 15 พรรษา

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติ เมื่อวันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 ทรงพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามกุฎ บุรุษรัตนราชรวิวงศ์ วรุตมพงศ์บริพัตร ศิริวัฒนราชกุมาร 

ทรงได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม มีพระนามกรมว่า กรมหมื่นพิฆเณศวรสุรสังกาศ หลังจากทรงผนวชเป็นสามเณรทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ กรมขุนพินิตประชานาถ ทรงเป็นพระราชปิโยรสที่สมเด็จพระบรมชนกนาถโปรดให้เสด็จอยู่ใกล้ชิดติดพระองค์เสมอเพื่อให้มีโอกาสแนะนำสั่งสอนวิชาการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชารัฏฐาภิบาล ราชประเพณีและโบราณคดี นอกจากนั้นยังทรงศึกษาภาษามคธ ภาษาอังกฤษ การยิงปืนไฟ กระบี่กระบอง มวยปล้ำ รวมทั้งการบังคับช้างอีกด้วย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการกราบบังคมทูลเชิญขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อจากสมเด็จพระบรมราชชนกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 ด้วยพระชนมายุเพียง 15 พรรษา ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 โดยมีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนหลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 เมื่อพระชนมายุ 20 พรรษา ในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 จึงทรงปกครองแผ่นดินด้วยพระองค์เองอย่างสมบูรณ์ ทรงครองราชย์อยู่เป็นเวลายาวนานถึง 42 ปี และได้ทรงพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศทุกวิถีทาง

ในบั้นปลายพระชนมชีพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยไม่สมบูรณ์นัก หลังจากเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 แล้ว พระอาการก็ค่อยทรุดลงเป็นลำดับ และเสด็จสวรรคตด้วยพระโรคพระวักกะพิการเมื่อเวลา 2 ยาม 45 นาที ของวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สิริพระชนมายุ 58 พรรษา ทรงครองสิริราชสมบัติ 42 ปี ทรงมีพระราชโอรส พระราชธิดารวมทั้งสิ้น 77 พระองค์ ด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อไพร่ฟ้าประชาชนอย่างหาที่สุดมิได้มาตลอดรัชกาลอันยาวนาน ประชาชนจึงพร้อมใจกันถวายพระบรมราชสมัญญานาม ว่า สมเด็จพระปิยมหาราช อันมีความหมายว่า พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน และถือวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันปิยมหาราชมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 พิธีปล่อยรถโดยสารรุ่นแรก ของ รฟท. ที่สร้างโดยกองโรงงานมักกะสัน

วันนี้ เมื่อ 55 ปีก่อน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ทำพิธีปล่อยรถโดยสารรุ่นแรกที่สร้างโดยกองโรงงานมักกะสัน

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ทำพิธีปล่อยรถโดยสารรุ่นแรก ที่สร้างโดยกองโรงงานมักกะสัน ฝ่ายการช่างกล ตามโครงการพัฒนาเศรษฐกิจของการรถไฟฯ พ.ศ. 2510 - 2514 ออกจากโรงงานมักกะสัน จำนวน 14 คัน ได้แก่ รถโบกี้นั่งชั้นที่ 3 (บชส.) 10 คัน และรถโบกี้สัมภาระมีเครื่องห้ามล้อ (บพห. ข้างโถง) 4 คัน 

โดยมี พลเอกครวญ สุทธานินทร์ ประธานคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธี โครงการ 5 ปีดังกล่าวข้างต้น ได้กำหนดสร้างรถโดยสาร 180 คัน และรถสินค้า 597 คัน ด้วยงบประมาณที่ตั้งไว้รวมทั้งสิ้น 223.55 ล้านบาท ในการสร้างรถโดยสารนี้ จำนวนหนึ่งเป็นการสร้างตัวรถขึ้นใหม่ทั้งคัน และอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นการประหยัดโดยใช้โครงประธาน และแคร่โบกี้เดิมของรถโบกี้โดยสารที่ตัดบัญชีแล้ว นำมาสร้างตัวรถบนโครงประธานเหล่านี้ เรียกว่าประเภทรถ Rebuilt

‘Miss Tiffany’ ดึง ‘อ๊าท อารยา’ เจ้าแม่แฟชัน จัดกระบวนทัพอลังการตรึงเอฟซี พร้อมประกาศกร้าว!! เฟ้น ‘คนมงพร้อมใช้’ สวย-เก่ง-สง่า ใน Miss Tiffany ครั้งที่ 25

กลับมาอีกครั้งกับเวทีอันดับหนึ่งประกวดสาวทรานส์ของประเทศไทย Miss Tiffany ซึ่งเดินทางมาถึงปีที่ 25 ภายใต้แนวคิด ‘The Future is Yours : โลกใหม่ที่คุณนิยาม’ เข้าถึงทุกกลุ่ม ทุกเจนด้วยคอนเทนต์ที่แปลกตา ดึงภาพลักษณ์สู่โลกอนาคต พร้อมรูปแบบการประกวดที่แข่งขันกันเข้มข้นทุกนาที เพื่อให้แฟนๆ ได้ลุ้นกันตั้งแต่ช่วงการเก็บตัว, กรูมมิ่งศักยภาพ ดึงคาแรกเตอร์โชว์ตัวตน กันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ทางเวทีประกวด Miss Tiffany หนนี้ ยังมีภารกิจ Mission ท้าทายหลากหลายมุม ทั้งร้อง เต้น เดินแบบ เสริมบุคลิกภาพ การแสดงออก และมีชาเล้นจ์ดีเบตประเด็นสังคม เรียกว่ากองประกวดมั่นใจว่า ‘มงลงคนใด’ คนนั้นพร้อมใช้งานทุกด้านแน่นอน 

ทั้งนี้ Miss Tiffany คนที่ 25 จะได้รับของรางวัลมากมาย พร้อมทั้งโอกาสเข้าวงการบันเทิงและแฟชันชั้นนำระดับประเทศ อาทิ ช่อง 3 HD นิตยสาร ELLE ประเทศไทย และ โมเดลลิ่งชื่อดัง อย่าพลาดโอกาสกำหนดอนาคตของคุณ โค้งสุดท้ายแล้วรับสมัครสาวทรานส์ถึงวันที่ 18 พ.ย. 66 (23.59 น.) เท่านั้น!!

อ๋อ!! ลืมบอกว่า อีกความพิเศษของ Miss Tiffany ครั้งที่ 25 นี้ คือ การได้คุณอ๊าท อารยา อินทรา ตัวแม่ตัวมัมแห่งวงการแฟชันระดับประเทศ มาเสริมทัพปรับลุคในตำแหน่ง Fashion Style Consultants, Miss Tiffany ครั้งที่ 25 มาช่วยยกระดับความจัดจ้านให้เวทีแห่งนี้ไปอีกขั้น 

สำหรับ Timeline กิจกรรมสำคัญ และคลาสกรูมมิ่งที่จะเข้มข้นแบบทุกมิติในทุกสัปดาห์ เพราะจะมีชาเล้นจ์ที่เปิดโอกาสให้คนทางบ้านมีส่วนร่วมในการตัดสินนั้น จะทำให้ผู้เข้าประกวดทุกคน ต้องประชันกันอย่างถึงที่สุด ใครไม่แน่จริงตกรอบแน่นอน!!

เปิดรับสมัครถึงวันที่ 18 พ.ย. 2566 นี้
- 15 ธ.ค. 2566 : Audition คัดเลือก 30 คนสุดท้าย 
- 16 ธ.ค. 2566 : Orientation & Sash Ceremony  
- 7 ม.ค. 2567 : ประกวดความสามารถพิเศษ
- 14 ม.ค. 2567 : Dancing Challenge
- 21 ม.ค. 2567 : Debate Challenge
- 28 ม.ค. 2567 : Sense of Self Challenge
- 29 ม.ค. 2567 : Fashion Show สุดพิเศษ
- 2 ก.พ. 2567 :  Preliminary Round
- 4 ก.พ. 2567 : Final Round ที่โรงละครทิฟฟานี่โชว์พัทยา

เกาะติดสถานการณ์ ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครมีของ ได้ที่ >> https://www.facebook.com/MissTiffanyUniverse และทุกช่องทางโซเชียลของ Miss Tiffany

‘แอนโทเนีย’ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จากแบรนด์สิริวัณณวรี หลังพระราชทานเครื่องแต่งกาย สำหรับประกวดจักรวาลปีนี้

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.66) ติดตามความเคลื่อนไหวเวทีนางงามจากประเทศเจ้าภาพเอลซัลวาดอร์ ซึ่งในการประกวดมิสยูเวิร์ส 2566 (Miss Univese 2023) ประเทศไทยได้ตัวแทนเป็น ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ส่งเข้าประกวด ซึ่งเข้ารายงานตัวที่กองประกวดไปแล้วในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา

ล่าสุด ‘แอนโทเนีย’ ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรม porxild เผยให้เห็นลุคในชุดเดรสน้ำเงินอมเขียวผ้าไทยปักเลื่อมที่ได้รับพระราชทานมาจากแบรนด์สิริวัณณวรี พร้อมกับข้อความระบุไว้ว่า

“She is Thailand

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ทรงพระราชทานเครื่องแต่งกายในการประกวด Miss Universe 2566 ให้แก่ข้าพเจ้าในครั้งนี้

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

Anntonia Porsild
Miss Universe Thailand 2023”

ท่ามกลางแฟนคลับที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นชื่นชมความงามของ ‘แอนโทเนีย’ กันอย่างล้นหลาม เช่น “So charismatic. One of the best representatives Thailand has ever had. Enjoy your moment. Do your best.”, “Absolutely gorgeous 100%”, “Road to be queen”, “สวยกินคนมาก”, “She is Thailand and she is Queenn”, “Yes!!!!! Stunning indeed. Truly remarkable and talented. Love you Queen.” เป็นต้น

สำหรับแฟนนางงามที่ต้องการติดตามเชียร์ ‘แอนโทเนีย’ สามารถร่วมส่งกำลังใจไปพร้อมกันได้ในการประกวดรอบพรีลิมมินารี วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา 22.20-24.00 น. โดยจะถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง JKN18 Top News (ตามเวลาประเทศไทย)

'มาร์เวล สตูดิโอ' ปล่อยโปสเตอร์ฉลองเปิดตัว #TheMarvels จับ 3 สาวซูเปอร์ฮีโร่สวมชุดไทย ในธีมลอยกระทง

'เดอะ มาร์เวลส์' ก็มา 'ลอยกระทง'

หลังจากที่เปิดตัวรอบปฐมทัศน์กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ 'เดอะ มาร์เวลส์' (The Marvels) หนังซูเปอร์ฮีโร่สัญชาติอเมริกันเรื่องล่าสุด สร้างจากตัวละครมาร์เวลคอมิกส์ โดยมี 'บรี ลาร์สัน' รับบท 'แครอล แดนเวอร์ส' หรือ 'กัปตันมาร์เวล' ยอดมนุษย์สาวพลังคอสมิกเช่นเคย สมทบด้วย 'โมนิกา แรมโบ' และ 'กมลา ข่าน' เป็น 'มิสมาร์เวล'

The Marvels ภาคนี้ได้ 'Nia DaCosta' (นีอา ดาคอสตา) ผู้กำกับหญิงแกร่งจากภาพยนตร์สร้างชื่อ Candyman (2021) มานั่งแท่นผู้กำกับ โดยหนังได้รับรางวัลดาว 6.1 จากเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดัง imdb.com

ล่าสุด มาร์เวล สตูดิโอ ได้เฉลิมฉลองการเปิดตัว #TheMarvels ด้วย 8 โปสเตอร์จาก 8 ประเทศทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และหนึ่งในนั้นมีโปสเตอร์จากประเทศไทย โดยจับให้ซูเปอร์ฮีโร่สาวทั้งสาม สวมชุดไทยมาในธีมวันลอยกระทง เข้ากันกับเทศกาลที่กำลังจะมาถึงของไทย และเป็นงานรื่นเริงซึ่งสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

ฝรั่งจะคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่งานนี้เราขอเรียก Soft Power ไว้ก่อน

เรื่อง : พรชัย นวการพิศุทธิ์

13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456  ‘รพินทรนาถ ฐากูร‘ กวีเอกชาวอินเดีย ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม

วันนี้ เมื่อ 110 ปีก่อน 'รพินทรนาถ ฐากูร' กวีเอกชาวอินเดีย ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม จากบทประพันธ์ 'คีตาญชลี' นับเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้

วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456  (ค.ศ.1913) กวีชาวอินเดีย รพินทรนาถ ฐากูร ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม จากงานประพันธ์และแปลหนังสือรวมบทกวี 'คีตาญชลี' เป็นภาษาอังกฤษ นับเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว

รพินทรนาถ ฐากุร (Robindronath Thakur) เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2404 และเสียชีวิตเมื่อ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2484 มีสมัญญานามว่า 'คุรุเทพ' เป็นนักปรัชญาพรหโมสมัช นักธรรมชาตินิยม และกวีภาษาเบงกาลี 

รพินทรนาถ เริ่มเขียนบทกวีครั้งแรกตั้งแต่อายุเพียง 8 ปี ครั้นอายุได้ 16 ปี ก็ได้ตีพิมพ์เผยแพร่งานกวีนิพนธ์ภายใต้นามปากกา ภาณุสิงโห และเริ่มเขียนเรื่องสั้นกับบทละครในปี พ.ศ. 2420 

รพินทรนาถเขียนนวนิยาย เรื่องสั้น บทเพลง ละครเพลง และเรียงความมากมายที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองการปกครอง และเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ประจำปี ค.ศ. 1913 นับเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รางวัลนี้ และรับผลงานของเขายังสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน 

ในช่วงบั้นปลายของชีวิต รพินทรนาถต่อต้านการปกครองของรัฐบาลอังกฤษอย่างเปิดเผย และร่วมเคลื่อนไหวการประกาศเอกราชของประเทศอินเดียอีกด้วย

เพจดัง ชี้!! 'สยามซอฟต์พาวเวอร์' ระบือไกล ทัชใจคนทั่วโลกใต้รัฐบาล 'สมบูรณาญาสิทธิราชย์'

(12 พ.ย.66) จากเพจ 'ฤๅ - Lue History' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

ในยุคที่ซอฟต์พาวเวอร์กลายมาเป็นความนิยมแห่งยุคสมัยปัจจุบัน ทว่าจะมีกี่คนรู้ว่าความจริงแล้ว สยามเราได้เริ่มใช้ ซอฟต์พาวเวอร์ในแบบสยาม มาตั้งแต่ครั้งสมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้ว และที่สำคัญซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ชั่นสยามนั้น ยังมีความหลากหลายและพิเศษชนิดที่สร้างความตราตรึงให้แก่ชนผิวขาวได้ตั้งแต่เพียงครั้งแรก ๆ ที่เราเข้าร่วมงาน

ซึ่งนั่นก็ตั้งแต่ประมาณร้อยกว่าปีก่อนแล้ว

โดยซอฟต์พาวเวอร์สยามที่ว่านั้น เริ่มจากการเข้าร่วมงานมหกรรมสินค้าในลักษณะ Exhibition ที่เริ่มโดยประเทศจักรวรรดินิยมตั้งแต่ในราว ค.ศ. 19 เพื่อสำแดงให้โลกเห็นว่าตนได้เข้าไปครอบครองดินแดนและทรัพยากรพื้นเมืองของชนชาติต่าง ๆ ที่หลากหลายได้มากมายเท่าไร ผ่านการแสดงสินค้าอุตสาหกรรมที่ตนผลิตได้จาการครอบครองทรัพยากรในดินแดนอาณานิคมมาจัดแสดงไว้ด้วย แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ มีกระทั่งการนำเอาชนพื้นเมืองมาจำลองชีวิตในพื้นที่จำกัดคล้ายกับสวนสัตว์มนุษย์

สยามเองในเวลานั้นแม้จะเป็นเพียงชาติเล็ก ๆ แต่ก็เคยได้มีบทบาทในการนำสินค้าและความเป็นสยามเข้ามาจัดแสดงให้เป็นที่รับรู้ของชาวโลก เป็นครั้งแรกเริ่มตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2419 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเพราะสยามหาได้เคยเป็นดินแดนอาณานิคม ดังนั้นการจัดพื้นที่แสดง ‘สินค้าสยาม’ จึงกระทำในฐานะประเทศเอกราชจากตะวันออกไกล ที่แม้อาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าฝรั่งผิวขาว แต่สยามก็มีศักดิ์ศรีพอที่ไม่ต้องถูกฝรั่งจำลองทำเป็นพื้นที่ ‘สวนสัตว์มนุษย์’ เช่นที่เพื่อนบ้านรอบ ๆ ของเราโดนเจ้าอาณานิคมของตนกระทำ

สำหรับไอคอนที่ทำให้ชาวต่างชาติเห็นถึงความเป็นสยามได้ตั้งแต่ไกลลิบ ๆ ในทุกครั้งที่เข้าร่วมงานจนถึงปัจจุบันก็คือการตั้งอยู่ของ ‘ศาลาสยาม’ อาคารที่ก่อสร้างเป็นทรงไทยตั้งตระหง่านที่ดูผิดแปลกกับอาคารทรงตะวันตกที่อยู่แบบทื่อ ๆ และพบได้เกลื่อนกลาดจนเป็นที่ชินตาของชาวยุโรปทั่วไป ในส่วนของสินค้าสยามที่คัดเลือกส่งไปนั้น มีทั้งเมล็ดพันธุ์ข้าว ไม้ หัวโขน เครื่องมือเกษตร เครื่องดนตรี บ้าน และวัดจำลอง แต่ที่เป็นที่ ‘ฮือฮา’ ที่สุดก็คือเครื่องราชูปโภคจำลองที่ทำด้วยเงินอย่างดีทั้งชุด นับแต่นั้นประเทศสยามมักได้รับการทาบทามให้ไปจัดแสดงสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกต่อเนื่องมาอีกหลายครั้ง จึงไม่เกินจริงไปนักที่จะกล่าวว่า สินค้าสยามโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานฝีมือชั้นสูงคงจะเป็นที่ถูกอกถูกใจฝรั่งเอามาก เพราะมีทั้งความยูนีคและลวดลายฝีมือที่แตกต่างกับงานฝีมือจากโลกตะวันตก นี่จึงนับเป็นมรดกของ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่ดำริโดยรัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ยังดำรงสืบมาจนถึงปัจจุบัน

จะเห็นได้ว่าซอฟต์พาวเวอร์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับประเทศไทยมานานแล้ว ชาวต่างประเทศก็รู้จักประเทศของเราผ่านสินค้าที่สำแดงความเป็นเราได้อย่างชัดเจนและชื่นชอบโดยไม่ต้องมีการบีบบังคับแต่อย่างใด อาจเพราะซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเป็นสิ่งที่จับต้องได้ มีเอกลักษณ์ชัดเจน และเป็นมรดกวัฒนธรรมที่นานาชาติต่างให้การยอมรับมาเป็นระยะเวลาหลายชั่วอายุคนจวบจนปัจจุบัน

'กรณ์' รีวิว!! เที่ยวทีละก้าวใน 'โบลาเวน' สปป. ลาว 'ลุยป่า-ปีนต้นไม้' พากายขึ้นรอดูดาวบนฟากฟ้า

(12 พ.ย.66) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij' ระบุว่า...

ผมไปเดินป่าโบลาเวน สปป. ลาว กับเพื่อนสองคน ส่วนหนึ่งเพราะอยากไปมานานแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะตระหนักว่าหากไม่ไปตอนนี้สภาพร่างกายเรา (และเพื่อนร่วมเดินทางวัยเดียวกัน) อีกไม่นานจะสู้ไม่ไหว

เราสามคนคบกันมานานกว่า 40 ปี ทริปแบบนี้ ไปกับคนที่รู้ใจกันและมีกำลังวังชาพอๆ กันน่าจะทำให้ราบรื่นสบายใจขึ้น

ผมเป็นคนอาสาจัดและวางแผน และโชคดีที่มีเพื่อนรุ่นน้องเป็นคนอุบล คุณโจ้ Joe Code ธานิน เจ้าของโรงแรม Yuu Hotel อยู่กลางเมือง (โรงแรมโปรดผมเลย) และผมโชคดีที่พอโทรไปถามน้องเขาว่าแนะนำอะไรได้มั้ย โจ้ตอบสวนกลับมาเลยว่า ‘ผมเพิ่งไปมา…’ 

สุดท้ายได้ไกด์ กำหนดวันกันเรียบร้อย เราบินนกแอร์มาลงอุบล ซึ่งเครื่องนกแอร์ออกช้าไปชั่วโมงกว่า ทำให้เราได้เริ่มการเดินทางนี้ด้วยการนวดเท้าหน้าเกตเที่ยวบินเรา (หมอนวดบอกว่ารายได้ดีก็เพราะนกแอร์เนี่ยแหละ…😅)

พอมาถึงอุบล เพื่อนมารับ พาเราไปกินข้าวเย็นร้านญี่ปุ่นชื่อ Oshinei ซึ่งเจ้าของเป็นเชฟชาวอุบลคนดังชื่อเชฟบุญธรรม เป็นเชฟกระทะเหล็ก ประสบความสำเร็จอย่างมาก ตอนนี้มีประมาณ 30 สาขาทั่วประเทศ และสนใจที่จะใช้ประสบการณ์ของเขาช่วยขยายโอกาสให้ผู้ริเริ่มกิจการอาหารเจ้าอื่น

จากนั้นเราเข้านอนที่ Yuu hotel  นอนห้อง family ซึ่งมี 5 เตียง และออกแบบน่ารักมาก แต่บรรยากาศสำหรับเรา 3 คนคือเหมือนกลับไปอยู่ dorm สมัยเรียน (ต่างกันที่มีทีวีขนาด 50 นิ้ว และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกเพียบ)

เช้าเราออกเดินทางไปช่องเม็ก เพื่อเข้าลาว ที่ด่านจะมีหนุ่มสาวชาวลาวมาขาย SIM card ของลาว เราก็อุดหนุนกันไปคนละ 150 บาท (แต่พอถึงป่าก็ไม่มีสัญญาณใดๆ อยู่ดี😅)

พอข้ามแม่น้ำโขงไปได้ไม่นานโชเฟอร์เริ่มลดสปีดลงเหลือประมาณ 40กม./ชม.เพราะเราเข้าสู่โซนด่านตำรวจลาว แต่แล้วก็ถูกเรียกอยู่ดี ป่วยการเถียงกับเขา โชเฟอร์ต้องจ่ายไปประมาณ 50,000 กีบ (100 บาท) ตามระเบียบ 

ทางผ่านเราได้ชมคฤหาสน์ของคุณนายดาว เจ้าของกาแฟดาว ชื่อดังของลาว ที่พูดถึงเพราะบ้านแกใหญ่มาก! 

และสุดท้ายก็ไปถึงหมู่บ้านหนองหลวง ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินของพวกเรา เราพบไกด์มาจากปากเซ และลูกมือเป็นคนพื้นเมืองปากซอง 

ก่อนเริ่มเดินไกด์ให้เราใส่อุปกรณ์การเดินพะรุงพะรังเพื่อความปลอดภัย ผมยอมรับว่า ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันมากเกินไป กับเพียงการเดินป่าของเราจะอะไรกันนักหนา…หารู้ไม่ว่าเราจะต้องพึ่งพาอุปกรณ์ในทุกรายละเอียดมากแค่ไหน และภายใน 15 นาทีหลังการออกเดินทาง!

ถ้าพูดตามตรง พวกผมไม่ได้ทำการบ้านกันมามากมาย เรารู้ว่ามีนํ้าตกสวย มีการนอนบนเรือนไม้บนต้นไม้สูง (มาก) แต่ไม่ได้รู้ว่าสภาพการเดินจะท้าทายทั้งขาลง (วันแรก) และขาขึ้น ไม่ได้รู้ว่าจะต้องโหน zip line ข้ามเหวไปมาเกือบ 20 ครั้ง ไม่รู้ว่าต้องไต่หน้าผา และยังมีที่ยากที่สุดสำหรับผมคือ การเดินข้ามสะพานเส้นลวด ไม่ว่าจะเป็นลวดเดี่ยวหรือลวดห่วง ซึ่งทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งสองอย่าง 

คือ 1. ‘ทีละก้าว’ แปลว่า ห้ามคิดมากกว่านั้นจริงๆ 2. เมื่อก้าวไปแล้วการถอยหลังไม่เป็นอ็อปชัน การทำสิ่งง่ายๆ เช่นยกขาซ้ายเพื่อก้าวไปข้างหน้า เพื่อเหยียบห่วงลวดบนสะพานเส้นต่อไป กลายเป็นการต่อสู้กับจิตใจตนเอง และเป็นการก้าวข้ามความกลัว ที่ต้องอาศัยความตั้งใจมหาศาล

จริงๆ ถึงแม้เราอยู่ในที่ลาดชันมากๆ และการพลาดพลั้งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ระบบ safety infrastructure ที่เขาลงเอาไว้นั้นดีมาก ทำให้เรามั่นใจได้ว่า จะอย่างไรก็ไม่ถึงตาย แต่หากพลาดต้องมีเจ็บ แม้เพียงแค่ข้อเท้าแพลง จะต้องทุลักทุเลกันทั้งคณะแน่นอน

ส่วนความเหนื่อยนั้น เหนื่อยจริง (วันเดินขึ้น หัวใจผมเต้นเฉลี่ย 120 นานอยู่กว่า 2 ชั่วโมง โดยพีคประมาณ 150) วันแรกเป็นการลงเขาเป็นหลัก เหนื่อยอีกแบบเทียบกับการขึ้น แต่เราก็ไปถึงที่พักได้อย่างไม่ต้องรีบ จุดไฟ ต้มน้ำ แม่ครัวเริ่มทำอาหาร เราเตรียมที่นอน และได้ชาร์จโทรศัพท์เพราะจะมีการใช้เครื่องปั่นไฟอยู่หนึ่งชั่วโมงครึ่ง

คืนนี้เป็นคืนแรกในรอบนานมากที่ปลอดอินเตอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์ ผมได้นอนดูดาวเต็มท้องฟ้า และค่อยๆ ไต่บันไดปีนต้นไม้ขึ้นไปนอนกับเพื่อนๆตอนประมาณ 3 ทุ่มกว่า…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top