Monday, 28 April 2025
ElectionTime

‘ดร.เอ้’ ปราศรัยปลุกใจชาวกระบี่!! ดันสร้าง ‘มหาวิทยาลัยอันดามัน’ ชี้ เพื่อจุดเปลี่ยนของการศึกษา พร้อมเชื่อมวิสัยทัศน์ ‘สร้างคน’ ของ ‘ปชป.’

(6 พ.ค. 66) ‘ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์’ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมงานปราศรัยเย็น เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 66 ณ ลานปูดำ จ.กระบี่ โดยมี 'นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' หัวหน้าพรรค ขึ้นปราศรัยก่อนหน้า และผู้สมัคร ส.ส. กระบี่ ทั้ง 3 เขต คือ เขต 1 นายธนวัช ภูเก้าล้วน (เคี่ยง) เบอร์ 3 เขต 2 นายสาคร เกี่ยวข้อง เบอร์ 5 และเขต 3 ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล (น้ำผึ้ง) เบอร์ 5 

นอกจากนี้ยังมีผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ตั้งแต่ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง และนายทวีเกียรติ ใจดี ร่วมปราศรัยอย่างคับคั่ง 

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีหน้าที่สร้างคนวิชาชีพให้มีคุณภาพ และจำนวนมากพอ ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม สร้างเศรษฐกิจ เพื่อการแข่งขันของชาติ ดังนั้นจึงต้องมีมหาวิทยาลัย อย่างทั่วถึง ครอบคลุม เท่าเทียม และเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ 'สร้างคน' ของพรรคประชาธิปัตย์ 

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แต่ต้องอยู่กระจายให้ครบทุกภูมิภาค ไม่เช่นนั้น เด็กไทยในแต่ละพื้นที่ย่อมเสียโอกาสเข้าถึงการศึกษาระดับวิชาชีพ นอกจากประเทศเสียหาย พื้นที่ก็เสียโอกาส วันนี้จังหวัดฝั่งอันดามันยังไม่มีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนครบสาขาเลย ทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่ฝันอยากเป็นวิศวกร หมอ นักบัญชี หรือแม้แต่นักกฎหมาย ต้องไปเรียนไกลบ้าน ที่กรุงเทพฯ หรือหัวเมืองต่างจังหวัด

‘รศ.ดร.กิตติ’ เผยแผนนโยบายเศรษฐกิจพาไทยพ้นจน วอน!! ขอโอกาสให้ 'เพื่อไทย' ได้ทำ ลั่น!! "เราจะพาให้หลุด"

จากรายการ ‘ถลกข่าว ถลกคน’ รายการที่ล้วงลึกทุกฉากการเลือกตั้ง 2566 โดยสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ใน EP.7 ได้เชิญ ‘รศ.ดร.กิตติ ลิ่มสกุล’ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาร่วมถกประเด็นก่อนการเลือกตั้ง โดยช่วงหนึ่ง รศ.ดร.กิตติ ลิ่มสกุล ได้พูดถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาท โดยกล่าวว่า...

"หากมองเศรษฐกิจมหภาค โดยภาพรวมของเศรษฐกิจ จะมองอยู่ 3 ด้านที่สำคัญ 1) ความเจริญเติบโต 2) การรักษาเสถียรภาพภายในภายนอก 3) เรื่องของการกระจายความมั่งคั่งระหว่างกลุ่มรายได้และกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เพราะฉะนั้นการวางนโยบายทางด้านเศรษฐกิจมหภาคต้องมอง 3 ด้านนี้เป็นสำคัญ และเป็นหน้าที่ของระบบเศรษฐกิจมหภาคที่จะต้องเข้าไปจัดการ Jump Start ที่ฝั่งอุปสงค์หรือฝั่งการบริโภคก่อน 

"แน่นอนว่าทุกคน อาจจะเอ๊ะ!! ว่าทำไมไปให้การบริโภคล่ะ เพราะมันจำเป็น ถ้าผู้บริโภคไม่เริ่ม ไม่เคลื่อน ฝั่งที่ผลิตเขาก็คงต้องเอาผ้าปิดเครื่องจักรไว้ ปิดไลน์ผลิตไว้ เครื่องจักรก็นอนอยู่เฉย ๆ แต่ถ้าฝั่งผู้บริโภคมันเดินไปได้สัก 2.5 ขึ้นไป จนเป็น 3-4-5 ฝั่งที่ผลิตก็เริ่มได้ละ” 

‘อดีตผู้สมัครอนาคตใหม่’ เผยเหตุผลไม่ไปต่อก้าวไกล หันมาซบ ‘ลุงตู่’ ลั่น!! รับไม่ได้ นโยบายแรง เสี่ยงหลุดโค้ง เน้นแต่แก้ 112 กระทบสถาบัน

(6 พ.ค. 66) นายถิรกร ชัยมงคล อดีตผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้เผยเหตุผล ซบลุงตู่ ระบุรับไม่ได้ นโยบายก้าวไกลแรง เสี่ยงหลุดโค้ง เน้นแต่แก้ 112 กระทบสถาบัน ซึ่งถิรกรกล่าวว่า ตนที่กำลังอยู่ในวัยอายุ 55 ปี ตนคิดว่าด้วยวัยอายุของตนคงไม่เหมาะกับน้อง ๆ พรรคก้าวไกล เนื่องจากความคิดของน้อง ๆ พรรคก้าวไกล อาจไม่ได้รับฟังคนที่อายุเยอะมากขนาดนั้น อีกประเด็นสำคัญอีกอย่างคือ นโยบายหลายอย่างของพรรคก้าวไกล เร็ว แรง เสี่ยง ที่อาจจะหลุดโค้งได้ตลอดเวลา และคนส่วนใหญ่เขาก็ไม่กล้าที่จะคิด

ตัวตึง 'ชัยวุฒิ' งง!! วัยรุ่นปลื้มดีเบต ขอฟังความคิด ก่อนตัดสินใจเลือกตั้ง

(6 พ.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกับกลุ่มตัวแทนเยาวชน ณ อาคาร 100 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยแลกเปลี่ยนแนวคิดมุมมองทางการเมือง และเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลในมุมมองของเยาวชน ผ่านตัวแทนเยาวชนจากหลากหลายสังกัด ทั้งนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ, เยาวชนผู้ก่อตั้ง Ku blockchain, กลุ่มเยาวชน Core Team มหิดล StartUp, กลุ่ม Digital Youth Network, กลุ่ม Young Business Guide และ สภาเด็กพัฒนาเยาวชนกรุงเทพฯ

นายชัยวุฒิ กล่าวถึงความรู้สึกว่า ดีใจที่เห็นเยาวชนรุ่นใหม่ให้ความสนใจที่จะเปิดใจ รับฟังความคิดเห็นทางการเมือง ก็เป็นสิ่งที่ดีเราก็ได้มาพูดคุยกัน อย่างน้อยก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องสถาบันเดียวกันได้ มาฟังความคิดเห็นรุ่นน้องด้วยก็ยินดี ส่วนจะรักใครเลือกใครก็เป็นสิทธิ์ของเราอยู่แล้ว เห็นต่างกันได้ คุยกันได้ ทำงานร่วมกันได้ครับ 

ด้านตัวแทนนักศึกษาวิศวะฯ จุฬา กล่าวว่าจริง ๆ มันก็สำคัญที่จะฟังที่ Base ของประชาธิปไตย มันไม่ใช่เรื่องของการโหวตอย่างเดียว มันคือเรื่องของการฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เราก็พูดกันตรง ๆ ว่าอาจจะไม่ใช่ target เลย พวกเราก็มีในใจ มันก็สำคัญมาก ๆ ที่เราจะต้องฟังจากทุกเสียง เพราะว่ามันก็ไม่มีไอเดียที่ไม่ดี เห็นด้วยกับเพื่อน ๆ เพราะว่าเราต้องฟังจากหลาย ๆ มุมมอง เพราะเราจะได้มองจากหลายมุมมอง ได้มีส่วนในการคิด ได้มีส่วนในการ Develop 

"มาดูกันครับ พ่อเลือกพลังประชารัฐ พ่อลังเลอยู่ ระหว่างพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ พ่อผมก็น่าจะพลังประชารัฐเหมือนกัน" ตัวแทนนักศึกษาวิศวะฯ จุฬา กล่าว

‘สุชาติ’ ชูนโยบายขั้นสุด!! จัดตั้ง ‘รพ.ประกันสังคม’ 4 ภาค 4 แห่ง พร้อมหนุนลูกผู้ประกันตน สอบชิงทุนเรียนหมอ จบมาพร้อมทำงานที่นี่ได้

เมื่อไม่นานมานี้ จาก TikTok ‘เฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น’ ได้โพสต์วิดีโอ ‘นายสุชาติ ชมกลิ่น’ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะออกรายการ คนชนข่าว โดยช่วงหนึ่งของรายการ นายสุชาติ ได้กล่าวถึงความไม่เป็นธรรมของระบบประกันสังคมในอดีต จนกระทั่งในยุคตนได้เข้ามาปรับปรุง โดยระบุว่า…

“คนที่ส่งเงินประกันสังคมจากฐานเงินเดือน 15,000 ส่งมา 10 กว่าปี 20 กว่าปี อยู่ ๆ พอเขาต้องเปลี่ยนมาส่ง 39 กลับมาตัดเรทเหลือ 4,800 บาท มาลดเงินชราภาพเขาเฉย มันก็ไม่ถูกต้อง และผมจะเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนประกันสังคม (แต่ปัจจุบันรัฐบาลปรับปรุงแล้วนะ) ถ้าอายุ 55 สมมติได้เงินชราภาพ 5,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 1 ปี ก็คือ 60,000 บาท แต่ถ้าเกิดเสียชีวิตจะได้ 10 เท่าจากเงินที่ได้ต่อเดือน ก็คือได้มา 50,000 รวม ๆ กันก็เป็นแสน แต่เผอิญเงินชราภาพที่เราเคยส่งไว้อยู่มี 2 แสน แบบนี้ผู้ส่งขาดทุนไหม มันตั้งกองทุนประกันสังคมมาเพื่อกินกำไรผู้ประกันตน เราเลยแก้ระเบียบและเราประกาศใช้แล้วนะ คือ ถ้าเสียชีวิต เช่น อายุ 56 เอาเงินอีก 4 ปีจ่ายให้เขาไป”

‘ลูกหมี’ ขอคนไทยเลือก ‘ปชป.’ เป็นผู้นำ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ย้ำ!! พรรคทำงานด้วยวิถีประชาธิปไตย ‘ไม่โกง-สุจริต-ท้องอิ่ม’

(6 พ.ค. 66) น.ส.รัศมี ทองสิริไพรศรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และทีมโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กล่าวถึงเหตุผลที่พี่น้องประชาชนต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเป็นการเลือกตั้งที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ อย่าเพียงเลือกไปตามกระแส เพราะประเทศไทยจำเป็นต้องมีผู้นำที่มีประสบการณ์ จึงจะสามารถนำพาประเทศไปรอดได้

ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองเดียวที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืน และนำเสนอนโยบายครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ด้วย 3 แกนหลัก คือ ‘สร้างเงิน’ คือ การสร้างเงินให้คนไทย สร้างเงินให้ประเทศ ‘สร้างคน’ ด้วยการศึกษา สาธารณสุข เพื่อให้คนไทยมีศักยภาพในการรักษาเงิน และทำงานเพื่อสร้างเงินให้ตนเองและครอบครัวได้ต่อไปในอนาคต ‘สร้างชาติ’ ด้วยการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยึดมั่นทำงานการเมืองด้วยวิถีประชาธิปไตยสุจริต และประชาธิปไตยท้องอิ่ม 

และภายใต้ 3 แกนหลักดังกล่าว ประกอบด้วย 16 นโยบายที่โดดเด่น สำหรับคนทุกกลุ่ม ดังต่อไปนี้

1.) ประกันรายได้ ‘จ่ายเงินส่วนต่าง’ ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด
2.) ชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน
3.) ธนาคารหมู่บ้าน/ชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท
4.) อินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน ทุกห้องเรียน
5.) เรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ
6.) ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน
7.) ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ใช้บัตรประชาชนใบเดียว
8.) SME มีแต้มต่อ 3 แสนล้าน
9.) ชมรมผู้สูงอายุ รับ 30,000 บาท ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน
10.) ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี
11.) ออกกรรมสิทธิ์ทำกิน ให้ผู้ทำกินในที่ดินของรัฐฯ
12.) ประมงท้องถิ่นรับ 100,000 บาท ทุกปี
13.) ปลดล็อกประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU
14.) ปลดล็อก กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้ซื้อบ้านได้
15.) 3 ล้านบาท ต่อยอดเกษตร แปลงใหญ่
16.) ค่าตอบแทน อกม. 1,000 บาทต่อเดือน   

น.ส.รัศมี กล่าวอีกว่า ยังมีนโยบายอื่น ๆ อีกที่น่าสนใจ อาทิ การวางรากฐานศึกษาด้วย CODING ซึ่งการศึกษาเป็น DNA ของพรรคประชาธิปัตย์ นโยบาย Delta work Thailand กรุงเทพต้องไม่จมน้ำ และการประกาศสงครามกับปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 การผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด นโยบายเกี่ยวกับสตรี 5 ด้าน เพื่อเสริมเก่งสร้างแกร่งให้ผู้หญิง ขจัดความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว ตั้งแต่ด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเพื่อสร้างสังคมเสมอภาค ส่งเสริมผู้หญิงเป็นพลังทางเศรษฐกิจ วางรากฐานการศึกษา และส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาททางการเมือง

‘เศรษฐา’ มั่นใจ!! ฐานเสียง ‘พท.’ แข็งแกร่ง สู้กระแส ‘ก้าวไกล’ ได้ ชี้ ผลโพลหลักพันไม่ใช่สะท้อนเสียงของประชาชนทั้งประเทศ

(6 พ.ค. 66) ที่จังหวัดนครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.)  และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งจะแก้เกมกับกระแสของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่มาแรงทุกโพลอย่างไรว่า คงไม่มีอะไรแก้ เพราะโพลของเราก็มาดี เรายังมั่นใจอยู่ว่าเราจะได้เกินครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับกระแสที่ออกสื่อย้ำๆ นั้นก็เป็นแค่กระแส เพราะเวลาลงพื้นที่แล้วโพลของเราก็ยังมีและดีอยู่แล้ว

เมื่อถามต่อว่าแต่โพลก็มีผลต่อการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่แน่ใจ ตนคิดว่าขึ้นอยู่กับพรรคและนโยบาย รวมถึงผู้นำ ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว จะเล่นกันไม่ได้ ไม่ใช่สนามที่ประลองฝีมือ แต่เป็นของคนที่มีประสบการณ์หรือพรรคที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ว่าสามารถทำนโยบายที่เสนอเป็นจริงได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่เราต้องตอกย้ำต่อไป อีกทั้งโพลบางโพลก็ทำแค่ 1-2 พันคน เราควรเอาโพลที่ทำเป็นแสนมาเป็นตัวชี้วัดดีกว่า

เมื่อถามว่า ยังมั่นใจว่ากระแสของพรรคก้าวไกลยังสู้ฐานเสียงของเพื่อไทยไม่ได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “สู้ไม่ได้ เรามั่นใจครับ เรามั่นใจความแข็งแกร่งของฐานเสียง มั่นใจในนโยบาย มั่นใจในความที่เราเป็นสถาบันทางการเมืองมานาน ที่พิสูจน์ได้ว่าเราทำได้จริง”

เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยยังเพียงพอทำให้แลนด์สไลด์ได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าแลนด์สไลด์หมายความว่าอะไร ถ้า 200 กลางๆ ขึ้นไป ตนคิดว่าตนได้อยู่ หรือ 280 เราก็ยังมั่นใจอยู่ แต่จะถึง 300 หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โค้งสุดท้ายว่าจะเป็นเช่นไร แต่ก็ยังมีความหวังอยู่

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ ว่าทำไมช่วงโค้งสุดท้ายกระแสก้าวไกลยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องของโซเชียลส่วนหนึ่ง และอาจเป็นช่วงจังหวะที่ผลโพลออกมา แต่อย่างที่เรียนไปว่า โพลบางโพลสำรวจแค่ 2,000-2,500 คน ซึ่งประเทศไทยมีประชากรที่สามารถโหวตได้ประมาณ 39 ล้านคน ต้องเอานโยบายเป็นหลัก ประวัติศาสตร์ การพิสูจน์ฝีมือมาโดยตลอด และผู้นำที่เคยพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว ทีมงานที่อยู่ด้วยกันมาโดยตลอด ตรงนี้เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญมากที่สุด

เมื่อถามว่า กระแสที่เทไปทางพรรคก้าวไกลส่วนหนึ่งมีการวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยมี 3 คน และไม่ชัดเจนว่าเลือกเพื่อไทยแล้วจะได้ใครเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นประเด็น ตนคิดว่าจะเป็นจุดแข็งมากกว่า เพราะจริง ๆ เรามีทีมที่แข็งแกร่ง ทั้ง 3 คนมีจุดแข็งแตกต่างกัน ดังนั้น นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยก็คือ 1 ใน 3 คน รอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน ใจเย็น ๆ

‘สมเกียรติ’ ยัน!! ไม่ใช่งูเห่า พร้อมแจงเหตุที่ต้องออกจาก ‘ก้าวไกล’ เผย ตนทุ่มเททำงานมาตลอด แต่พรรคกลับเลือกคนอื่นลง ส.ส.แทน

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 66 นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ หรือ ‘เป้’ อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ปัจจุบันเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางนา-พระโขนง เบอร์ 9 พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณคอนโดนิรันดร์ ในซอยสุขุมวิท 93 ในขณะกำลังหาเสียง ได้มีประชาชนเข้ามาพูดคุยและสอบถาม ถึงสาเหตุที่นายสมเกียรติได้ออกจากพรรคก้าวไกล

โดยนายสมเกียรติได้ตอบว่า เรื่องที่ตนออกจากพรรคก้าวไกลนั้น ยังมีคนไม่ทราบอีกเยอะ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะมีใครไม่รู้ และได้กล่าวว่า จริงๆ แล้วตนไม่ได้อยากลาออกจากพรรคก้าวไกล แต่ทางพรรคได้ส่งหัวหน้าการ์ดผู้ชุมนุมมาลง ส.ส.แทนตน ทั้งที่ตนเป็นผู้ผลักดันให้ผู้ช่วย ส.ส.ของตน ชนะ ส.ก.ในเขตพื้นที่บางนาและพระโขนงให้กับพรรคก้าวไกล ซึ่งนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดในพรรค แต่ทางพรรคกลับส่ง นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ ‘โตโต้’ หัวหน้าการ์ดผู้ชุมนุม มาลง ส.ส.แทนตน

‘นิพนธ์’ ขอแฟนคลับ ‘ประชาธิปัตย์’ อย่าหวั่นไหวไปตามกระแสโพล ปลุกคนไทยแสดงพลัง 7 และ 14 พ.ค.นี้ เลือก ปชป.ทั้งคนทั้งพรรค

(6 พ.ค. 66) นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงสถานการณ์เลือกตั้ง ที่ขณะนี้มีการพูดถึงคะแนนผลสำรวจ (โพล) ของพรรค ปชป. ว่าไม่อยากให้แฟนคลับประชาธิปัตย์ตื่นตระหนก และสังคมเชื่อไปกับกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวมองเป็นเรื่องปกติที่พรรคมุ่งในการลงพื้นที่เข้าถึงพี่น้องประชาชน เพื่อนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์มากกว่า และนโยบายต่างๆ ของพรรคนั้น อาจมองไม่หวือหวา หรือเรียกความสนใจ เพราะพรรคไม่ได้มีการสร้างกระแส สร้างภาพหรือสร้างคอนเทนต์ ให้เป็นที่สนใจ แต่ถ้าพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ของการเสนอนโยบายที่เป็นไปตามกรอบของการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะเห็นว่าสิ่งที่ ปชป.ประกาศนั้น จะสอดคล้องกันระหว่างภาระงบประมาณกับประโยชน์ที่จะตกแก่ส่วนรวมและประชาชน ซึ่งเราเน้นสิ่งที่ทำได้จริง ไม่ใช่จะประกาศเพื่อสร้างกระแส เพราะเราเป็นสถาบันทางการเมืองต้องรัดกุม ไม่สร้างปัญหาให้กับประเทศ ส่วนกระแสข่าวที่ปรากฏนั้นจะเป็นเรื่องสมมติทันที ถ้าพี่น้องประชาชนแสดงพลังเทคะแนนเสียงสนับสนุน ปชป.ในวันที่ 7 และ 14 พ.ค.นี้ เลือกตั้งทั้งพรรคทั้งคน

‘เพจเชียร์’ ปลุกพลังเงียบ หนุน ‘ลุงตู่’ อยู่ต่อ เพื่อประเทศสงบ-มั่นคง ไม่แคร์ผลโพล-เสียงโซเชียล ชี้!! ผลงานตลอด 8 ปี เป็นที่ประจักษ์

(6 พ.ค. 66) แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘ลุงตู่ตูน’ ซึ่งเป็นเพจสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์คลิปวิดีโอพูดคุยกับประชาชนถึงความรู้สึกที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ โดยต่างชื่นชมผลงานตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล รวมไปถึงนโยบายต่าง ๆ ที่หากเข้าใจ และนำไปสู่การปฏิบัติจริงแล้วจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะจับต้องได้ และครอบคลุมถึงคนทุกกลุ่มทุกอาชีพ

รวมไปถึงบุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นนักการเมืองที่ปากกับใจตรงกัน รวมทั้งเรียกร้องให้พลังเงียบออกมาช่วยกัน เพื่อจะได้สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ ต่อ ประเทศไทยไปไกลกว่านี้แน่นอน

“โซเชียล คือเรื่องของโซเชียล แต่เรื่องของความเป็นจริงเราต้องจับต้องได้ เราตัดสินใจได้ง่ายในการที่จะเลือกตั้งครั้งนี้ เราไม่ได้สนใจว่า โซเชียลจะเป็นอย่างไร โพลจะเป็นยังไง เพราะว่ามองเห็นความโดดเด่นของผลงาน 8 ปีที่ ลุงตู่ ทำมา ทำให้รู้สึกว่า ลุงตู่คือคนเดียวที่จะนำพาประเทศไปได้ ทำให้ประเทศเราเจริญรุ่งเรือง” ประชาชนรายหนึ่ง ระบุ

ด้าน ประชาชนอีกรายหนึ่ง ได้กล่าวถึงโครงการอุโมงค์ยักษ์ผันน้ำแม่แตง-เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลลงสู่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา ซึ่งแก้ปัญหาน้ำภาคการเกษตร และน้ำท่วม ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และลำพูน ว่า เป็นผลงานที่ชัดเจนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รวมไปถึงการลงพื้นที่พบปะและตรวจเยี่ยมประชาชน เป็นสิ่งที่ทำให้ตนประทับใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top