Thursday, 3 July 2025
Econbiz

'อ.พงษ์ภาณุ' มอง!! รัฐคลอด Digital Wallet ในจังหวะ ศก.ตกต่ำ ถูกช่วง!! ห่วง!! อาจเกิดภาระการคลังเพิ่มเติม แต่ก็ต้องยอมในยามแบงก์ชาตินิ่งเฉย

(28 ก.ค. 67) ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ในมุมมองของ 'ความชัดเจนจากภาครัฐในโครงการ Digital Wallet' โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

ในที่สุดข่าวดีที่คนไทยรอคอยก็มาถึง ขณะนี้มาตรการ Digital Wallet มีความชัดเจนมากที่สุด ทั้งในเรื่องของหลักเกณฑ์ ขนาดวงเงิน คุณสมบัติของผู้ได้รับสิทธิและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ กำหนดการลงทะเบียน ตลอดจนแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ในโครงการ

แม้ว่าเม็ดเงินจริงจะยังไม่ออกมาจนกระทั่งเดือนธันวาคม แต่ผลจากการประกาศความชัดเจนก็ได้ก่อเกิด Announcement Effect ขึ้นมาแล้ว ประชาชนผู้บริโภคเริ่มมีความคาดหวังจากกำลังซื้อที่จะมีมากขึ้น ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการเริ่มเตรียมแผนเพิ่มกำลังการผลิตและแผนโปรโมชันต่าง ๆ นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ/การลงทุนที่กำลังจะฟื้นตัวขึ้น แม้ว่าหน่วยงานสำคัญอย่างธนาคารแห่งประเทศไทยจะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน แถมยังออกมาแย้งและค้านอยู่เนือง ๆ เข้าทำนองมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ

ในแง่จังหวะเวลา (Timing) Digital Wallet ออกมาในช่วงที่เศรษฐกิจไทยตกต่ำที่สุด แม้ว่าจะมีสัญญาณดีจากการท่องเที่ยวและการส่งออกที่เริ่มขยายตัวจากเศรษฐกิจโลกที่ยังดีอยู่ แต่อุปสงค์ในประเทศกลับหดตัวจากนโยบายการเงินที่ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายแต่อย่างใด

ในแง่เป้าหมาย (Target) Digital Wallet มุ่งส่งเสริมการบริโภคและการผลิตสินค้าภายในประเทศอย่างชัดเจน มีการกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงิน และมีการควบคุมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ Blockchain ซึ่งป้องกันการรั่วไหล (Leakage) ออกจากการหมุนเวียนในประเทศ ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐครั้งนี้มีพลังทวีคูณ (Multiplier) มากกว่าการใช้จ่ายทั่วไปของรัฐ

ในแง่ความโปร่งใส (Transparency) ต้องถือว่าการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ถูกควบคุมด้วยเทคโนโลยี Blockchain ข้อมูล/สถิติการใช้จ่ายเงินแผ่นดินสามารถติดตามตรวจสอบได้แบบ realtime และ online ไม่เพียงแต่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แต่ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายของรัฐบาลได้ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่

สุดท้าย ความห่วงใยเกี่ยวกับความคุ้มค่าและภาระทางการคลัง ก็ไม่น่าจะเป็นประเด็นอีกต่อไป ต้องยอมรับว่า การใช้จ่ายที่มี Impact ตรงต่อการผลิต/การจ้างงานสูงสุดคือ การลงทุนภาครัฐ แต่เมื่อคำนึงถึงความเร่งด่วนแล้ว คงไม่มีอะไรที่ทำได้เร็วกว่าการแจกเงินตรงถึงประชาชน แล้วให้ประชาชนเป็นผู้ใช้จ่ายเองตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนด นอกจากนี้ Application ที่สร้างขึ้นมาเพื่อโครงการนี้ ก็น่าจะถือเป็นนวัตกรรม ซึ่งสามารถนำไปใช้กับโครงการอื่นๆของรัฐในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ในด้านภาระการคลัง ก็ต้องยอมรับว่ามาตรการนี้ก่อเกิดภาระการคลังเพิ่มเติมอยู่บ้าง รัฐบาลเองก็ยอมรับว่าหนี้สาธารณะจะกระเถิบสูงขึ้นบ้าง จาก 62% ของ GDP ในปัจจุบัน เป็นใกล้ ๆ 70% เมื่อจบโครงการ แต่ก็เป็นภาระที่คนไทยต้องยอมรับ ในภาวะที่ธนาคารกลางและนโยบายการเงินไม่ทำหน้าที่ของตนเองที่ควรจะทำ

Saudi Aramco บริษัทพลังงาน (มหาชน) อันดับหนึ่งของโลก วิสาหกิจของซาอุฯ ที่ ‘พีระพันธุ์’ นำคณะไปสานความสัมพันธ์

เมื่อวันที่ 15-17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ‘รองพีร์ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้นำคณะข้าราชการและผู้เกี่ยวข้องกับกิจการพลังงานของไทยไปเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อ...

(1) กระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ 

(2) หารือในประเด็นความร่วมมือต่างๆ ที่สำคัญ ตามที่มีความตกลงร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยโดยกระทรวงพลังและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 โดยเฉพาะเรื่องของการลงทุนด้านพลังงานเพื่ออนาคตคือ ก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งปัจจุบันได้ริเริ่มความร่วมมือผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาโครงการไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Hydrogen) ในไทย รวมทั้งโครงการ Downstream partnership ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ปตท. และ Saudi Aramco บริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกของซาอุดีอาระเบีย ที่ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อสํารวจศักยภาพความร่วมมือด้านพลังงานและการลดคาร์บอน ซึ่งจะช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมและปิโตรเคมีร่วมกันในภูมิภาค

นอกจากนั้นแล้ว ‘รองพีร์’ ยังได้หารือกับซาอุดีอาระเบียในเรื่องของราคาน้ำมัน โดยหลังจากระบบการสำรองเชื้อเพลิงปิโตรเลียมทางยุทธศาสตร์ (SPR) ของไทยเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานจะสามารถจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงราคามิตรภาพจากซาอุดีอาระเบีย เพื่อเก็บสำรองไว้ในคลัง SPR เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ 50-90 วันต่อไป 

ทั้งนี้ ฝ่ายซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนำโดยเจ้าชาย Abdulaziz bin Salman Al Saud รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ให้การต้อนรับคณะของ ‘รองพีร์’ เป็นอย่างดียิ่ง พร้อมทั้งจัดเครื่องบินพิเศษให้ ‘รองพีร์’ และคณะได้ไปเยี่ยมชมการทำงานของ ‘Saudi Aramco’ บริษัทพลังงาน (มหาชน) อันดับหนึ่งของโลก ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ เมือง Dhahran จังหวัดตะวันออก (Eastern Province) ซึ่งรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (90.19%) กองทุนการลงทุนมหาชน (Public Investment Fund) 4% และ Sanabil 4% 

Saudi Aramco มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Saudi Arabian Oil Group หรือเรียกสั้นๆ ว่า Aramco (ชื่อเดิมคือ Arabian-American Oil Company) เป็น บริษัทปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ ที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าของ ถือเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ในปี 2022 Saudi Aramco เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเมื่อวัดจากรายได้ โดย Saudi Aramco ถือครองน้ำมันดิบสำรองมากเป็นอันดับสองของโลก มีปริมาณมากกว่า 270 พันล้านบาร์เรล (43 พันล้านลูกบาศก์เมตร) และเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายวันที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบริษัทผู้ผลิตน้ำมันทั้งโลก 

นอกจากนี้ Saudi Aramco ยังมีการดำเนินธุรกิจมากมายทั่วโลก ธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย การสำรวจ การผลิต การกลั่น ปิโตรเคมีภัณฑ์ การจัดจำหน่าย และการตลาด ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงพลังงาน โดยกิจกรรมทั้งหมดของบริษัทจะถูกกำกับดูแลและตรวจสอบโดยกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียร่วมกับสภาสูงสุดด้านปิโตรเลียมและเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ก็มีบทบาท อำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบใน Saudi Aramco มากกว่าสภาฯ 

Saudi Aramco มีมูลค่าบริษัทกว่า 7.6 ล้านล้านริยาล (หรือประมาณ 73 ล้านล้านบาท) และติดอันดับ 4 บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก เป็นรองเพียงบริษัทอเมริกันอย่าง Microsoft, Apple และ Nvidia ตามข้อมูลเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2024 เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานและเคมีภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 90 ปี โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1933 ที่ซาอุดีอาระเบียเซ็นสัญญาให้สัมปทานบ่อน้ำมันกับบริษัทน้ำมันสหรัฐฯ Standard Oil Company of California (SOCAL) หรือ Chevron ในปัจจุบัน 

ด้วยต้นทุนการผลิตน้ำมัน 1 บาร์เรลของ Saudi Aramco นั้นอยู่ที่ประมาณ 5-6 USD ต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ ถึง 10 เท่า ในฐานะบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกที่ส่งออกน้ำมันปริมาณมหาศาล จึงแตกต่างไปจากบริษัทน้ำมันส่วนใหญ่ โดยไม่จำเป็นต้องยึดราคาจำหน่ายที่อิงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก สามารถคุมราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ด้วยการเพิ่มหรือลดอุปทานอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในปี 2023 Saudi Aramco ได้รับการจัดอันดับจาก Forbes ว่าเป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุดในโลก

ในปี 2022 ยอดเงินในการลงทุน Saudi Aramco อยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18% จากปี 2021 โดยประมาณการลงทุนของบริษัทฯ ในปี 2023 อยู่ที่ราว 4.5-5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.6-1.9 ล้านล้านบาท) รวมการลงทุนนอกประเทศแล้ว 

ด้วยความแข็งแกร่งและมั่งคั่ง รวมทั้ง Saudi Aramco เอง ก็มีความสนใจในการลงทุนนอกประเทศอยู่แล้ว โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กอปรกับมีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียจนกลับมาสู่สภาวะปกติ จึงทำให้ ‘รองพีร์ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ใช้ความพยายามโน้มน้าวและชักจูงอย่างเต็มที่เพื่อให้ Saudi Aramco ได้เพิ่มการลงทุนในบ้านเรา โดยเฉพาะการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมในด้านพลังงานใหม่ 

โดยการหารือพูดคุยระหว่าง ‘รองพีร์’ กับเจ้าชาย Abdulaziz bin Salman Al Saud รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี ได้รับการสนองตอบด้วยท่าที และมิตรภาพอันดียิ่ง 

ดังนั้นการเยือนซาอุฯ ของ 'รองพีร์' ในครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสที่ดีมากของไทย ทั้งในด้านความร่วมมือระหว่างกัน และด้านการลงทุนในไทยจากนักลงทุนจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนับว่าเป็นข่าวที่ดีมากๆ สำหรับเศรษฐกิจโดยรวมของไทยในอนาคต

‘Bitkub Chain’ โชว์ยอดธุรกรรมปี 67 แตะ 4 พันล้าน ยึดอันดับ 4 ของโลก ภายใต้ศักยภาพรองรับธุรกรรมเร็วถึง 5,000 ธุรกรรมต่อวินาที

เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.67) บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด เผยความสำเร็จของ Bitkub Chain และแสดงสมรรถนะทางเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ในงาน Bitkub Chain Developer Meetup (BKCDM) ครั้งที่ 4 ที่รวมพลนักพัฒนาบล็อกเชนและเจ้าของโปรเจกต์ในระบบนิเวศบล็อกเชน เพื่ออัปเดตข้อมูลใหม่ในวงการบล็อกเชนให้เตรียมพร้อมนำฟังก์ชันใหม่ไปใช้งานต่อยอดกับโปรเจกต์ของตนต่อไป

ซึ่งมีนักพัฒนาและบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก อาทิ ZetaChain บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนรูปแบบ Omnichain ระดับโลก, บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด และบริษัท Sowaka Pte. Ltd. เข้าร่วมงาน

โดยงาน BKCDM ครั้งที่ 4 นี้ ได้ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ Bitkub Chain ผ่าน 3 หัวข้อหลัก ดังนี้…

>> Future Trend for Developer & The Rise of Bitkub Chain

นายภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ได้นำเสนอความสำเร็จของ Bitkub Chain และเทรนด์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนในปี 2567 โดยระบุว่าปัจจุบัน Bitkub Chain มีจำนวนธุรกรรมกว่า 4 พันล้านธุรกรรม ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในเครือข่ายบล็อกเชนชั้นนำทั่วโลก และได้ยกระดับความสามารถในการรองรับธุรกรรมสู่ขีดจำกัดใหม่ สูงถึง 5,000 ธุรกรรมต่อวินาที หรือ 25,000 ธุรกรรมต่อบล็อก

ทั้งนี้ตั้งเป้าพัฒนา Bitkub Chain สู่ 100,000 ธุรกรรมต่อบล็อกในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้ Bitkub Chain สามารถรองรับการใช้งานจำนวนมากพร้อมกันได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมเปิดตัว KUB Improvement Prosposal (KIP) เอกสารให้ข้อมูลหรืออธิบายรายละเอียดฟีเจอร์ใหม่ของ Bitkub Chain สำหรับคอมมิวนิตี และเปิดโอกาสให้คอมมิวนิตี เข้ามามีส่วนร่วมในการโหวตทิศทางของเครือข่ายโดยใช้เหรียญ gKUB อีกด้วย

ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มการใช้งานบล็อกเชนในตอนนี้ที่ภาคธุรกิจหลายส่วนเริ่มนำบล็อกเชนเข้ามาประยุกต์ใช้งานเพื่อแก้ Pain point ต่าง ๆ มากขึ้น และเชื่อว่าจะแพร่หลายมากยิ่งขึ้นในอนาคต พร้อมกับเทคโนโลยี AI ที่ยิ่งสนับสนุนต่อการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงนับเป็นโอกาสสำคัญของ Bitkub Chain ในการร่วมมือกับภาคธุรกิจเพื่อสร้าง Use Case และต่อยอดการใช้งานจริงต่อไป

>> The NEXT Generation of Blockchain Developer

การเสวนาจากเหล่านักพัฒนาบล็อกเชนชั้นนำ โดยมี Leow Liu, Partnership Lead จาก ZetaChain บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนรูปแบบ Omnichain ระดับโลก, นายพนิต เวชศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด, Wataru Matsuda ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Sowaka Pte. Ltd. และนายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด เข้าร่วม

โดยมีการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมของเทคโนโลยีบล็อกเชน และเชื่อว่าบล็อกเชนมีการเปลี่ยนผ่านตามกาลเวลา โดยมีการใช้งานอย่างแพร่หลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเชื่อว่าจะมีการยอมรับจากภาครัฐในอนาคต

ปิดท้ายด้วยการกล่าวถึง ความท้าทายของนักพัฒนาโปรเจกต์ที่ต้องพบในปัจจุบัน การทำงานร่วมกันระหว่าง AI และเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะสร้างนวัตกรรมและโซลูชันใหม่ ๆ รวมไปถึงการเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

>> Bitkub Chain Beyond Limit

นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ที่เผยถึงฟีเจอร์สำคัญสำหรับนักพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น NEXT SDK ซึ่งมีคุณสมบัติใหม่หลายประการ อาทิเช่น Server to Blockchain ที่จะเชื่อมต่อข้อมูลเซิฟเวอร์ของคุณกับบล็อกเชนแบบอัตโนมัติ, BKC Compatible ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อกับกระเป๋า Bitkub NEXT ได้อย่างง่ายดาย สะดวก และปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานร่วมทดสอบความสามารถในการรองรับธุรกรรมที่รวดเร็ว ถึง 5,000 ธุรกรรมต่อวินาที และ 25,000 ธุรกรรมต่อบล็อก ผ่านโปรแกรมการส่งธุรกรรมแบบจำลอง ก่อนปิดท้ายด้วย การเผยถึง Khaosan Network ซึ่งเป็นเครือข่ายบล็อกเชนแบบ Testnet ตัวใหม่ที่จะเปิดตัวและพร้อมใช้ในวันที่ 9 กันยายน 2567 นี้

นายภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า Bitkub Chain จะผลักดันการใช้งานจริงในวงกว้างต่อไป โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในทุกภาคส่วน เพื่อต่อยอดความสำเร็จให้ Bitkub Chain มีระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและเป็นรากฐานของนวัตกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งความมุ่งมั่นของเรา ไม่เพียงแค่ขับเคลื่อนอนาคตของบล็อกเชน แต่จะทำให้บล็อกเชนเข้ามาช่วยเสริมสมรรถนะให้ทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด กล่าวเสริมว่า “ความสามารถในการรองรับธุรกรรมได้ถึง 5,000 ธุรกรรมต่อวินาที และ 25,000 ธุรกรรมต่อบล็อก เรียกได้ว่าเป็นก้าวใหม่ครั้งสำคัญสำหรับ Bitkub Chain ที่ยกระดับมาตรฐานใหม่ในเรื่องความเร็วและความสามารถในการรองรับธุรกรรมของเทคโนโลยีบล็อกเชน ความมุ่งมั่นของเราในด้านนวัตกรรมทำให้มั่นใจได้ว่าบล็อกเชนโซลูชันของเราจะไม่เพียงแค่รวดเร็ว แต่ยังมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ เปิดทางสู่ยุคใหม่ให้กับผู้พัฒนาโปรเจกต์ในอนาคต”

‘เศรษฐา’ โพสต์ข้อความผ่าน X เผย ‘นโยบายฟรีวีซ่า’ ทำท่องเที่ยวฟื้นตัว ชี้!! ยอดนักท่องเที่ยว ‘อินเดีย-ไต้หวัน’ พุ่งสูง คาดสิ้นปีนี้ มีทะลุ 2 ล้านคน

(27 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า … 

ปีนี้นักท่องเที่ยวไต้หวัน และอินเดียเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทำสถิติสูงสุดเมื่อเทียบจากจำนวนนักท่องเที่ยวหลังโควิด และมีแนวโน้มจะสูงกว่าปี 2019 ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเรามีมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไต้หวัน โดยการขยายระยะเวลาพำนักเป็น 60 วัน (เริ่มไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 และขยายโครงการไปจนถึงวันที่ 11 พ.ย. 67) ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนกำลังทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพียงครึ่งปี 2024 เราดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดใหญ่อย่างอินเดียได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้

นายเศรษฐา ยังได้ระบุอีกว่า เรายังเดินหน้าขยายเวลาการพำนัก 60 วัน ให้อีก 93 ประเทศ เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายต่อหัวสูงด้วย ขณะที่ทาง ททท. ก็เตรียมกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวจากแต่ละประเทศตลอดทุกเดือนด้วย ขอให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเตรียมตัวให้พร้อม วันนี้ประตูบานใหญ่ของประเทศไทยเปิดแล้ว

‘พีระพันธุ์’ ลั่น!! ตนทำงานแบบไม่เคยเกรงใจใคร

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ต้องลุกขึ้นมาแจงข้อเท็จจริง หลังถูกพรรคฝ่ายค้านโดยนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงงบประมาณ ปี 2567 ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง

โดย สส.ก้าวไกล รายนี้ พาดพิงเรื่องที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่า ทำให้เกิดเป็นปัญหาการเงินให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนประสบปัญหาทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ สส.ก้าวไกล ยกมาตั้งข้อสงสัยรัฐบาลในวันนั้น ก็ถูกตอกกลับด้วยข้อมูลจริงจากทาง รมว.พลังงาน เนื่องจาก สส.ก้าวไกล คนดังกล่าว เลือกเอาข้อมูลที่เป็นเพียง 'ข้อมูลคาดการณ์' ซึ่งทำไว้ล่วงหน้าก่อนของจริงตั้งแต่ตุลาคม 2566 มาพูด โดยมิได้นำ 'ข้อมูลจริง' ที่ 'เกิดขึ้นจริง' ณ เวลาดังกล่าว มานำเสนอกับประชาชนและสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้

โดยเรื่องนี้ หากใครฟังแล้ว ก็จะรู้สึกตกใจว่ารัฐบาลไปยัดปัญหาให้ กฟผ. เพิ่มทำไม? และประชาชนทางบ้าน รวมถึงสื่อมวลชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งตกใจตามไปด้วย ขณะที่ นายพีระพันธุ์ เองก็ยอมรับว่า ตกใจ แต่ไม่ใช่การตกใจในข้อมูลและตัวเลขที่ สส.ก้าวไกลคนดังกล่าวพูด แต่เป็นความตกใจที่ ทำไมกล้านำ 'ข้อมูลคาดการณ์' ไม่นำข้อมูลจริง ๆ มาพูดต่อหน้าสาธารณชน

‘พีระพันธุ์’ โต้ ‘สส.ก้าวไกล’ ปมกระแสเงินสด ‘กฟผ.’ ลดลงจนติดลบ เป็นไปไม่ได้

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ต้องลุกขึ้นมาแจงข้อเท็จจริง หลังถูกพรรคฝ่ายค้านโดยนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงงบประมาณ ปี 2567 ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง

โดย สส.ก้าวไกล รายนี้ พาดพิงเรื่องที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่า ทำให้เกิดเป็นปัญหาการเงินให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนประสบปัญหาทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ สส.ก้าวไกล ยกมาตั้งข้อสงสัยรัฐบาลในวันนั้น ก็ถูกตอกกลับด้วยข้อมูลจริงจากทาง รมว.พลังงาน เนื่องจาก สส.ก้าวไกล คนดังกล่าว เลือกเอาข้อมูลที่เป็นเพียง 'ข้อมูลคาดการณ์' ซึ่งทำไว้ล่วงหน้าก่อนของจริงตั้งแต่ตุลาคม 2566 มาพูด โดยมิได้นำ 'ข้อมูลจริง' ที่ 'เกิดขึ้นจริง' ณ เวลาดังกล่าว มานำเสนอกับประชาชนและสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้

โดยเรื่องนี้ หากใครฟังแล้ว ก็จะรู้สึกตกใจว่ารัฐบาลไปยัดปัญหาให้ กฟผ. เพิ่มทำไม? และประชาชนทางบ้าน รวมถึงสื่อมวลชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งตกใจตามไปด้วย ขณะที่ นายพีระพันธุ์ เองก็ยอมรับว่า ตกใจ แต่ไม่ใช่การตกใจในข้อมูลและตัวเลขที่ สส.ก้าวไกลคนดังกล่าวพูด แต่เป็นความตกใจที่ ทำไมกล้านำ 'ข้อมูลคาดการณ์' ไม่นำข้อมูลจริง ๆ มาพูดต่อหน้าสาธารณชน

‘พีระพันธุ์’ โต้กลางสภาฯ หลัง ‘สส.ก้าวไกล’ ยกตัวเลขการเงิน ‘กฟผ.’ มาตั้งข้อสงสัย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ต้องลุกขึ้นมาแจงข้อเท็จจริง หลังถูกพรรคฝ่ายค้านโดยนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงงบประมาณ ปี 2567 ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง

โดย สส.ก้าวไกล รายนี้ พาดพิงเรื่องที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่า ทำให้เกิดเป็นปัญหาการเงินให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนประสบปัญหาทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ สส.ก้าวไกล ยกมาตั้งข้อสงสัยรัฐบาลในวันนั้น ก็ถูกตอกกลับด้วยข้อมูลจริงจากทาง รมว.พลังงาน เนื่องจาก สส.ก้าวไกล คนดังกล่าว เลือกเอาข้อมูลที่เป็นเพียง 'ข้อมูลคาดการณ์' ซึ่งทำไว้ล่วงหน้าก่อนของจริงตั้งแต่ตุลาคม 2566 มาพูด โดยมิได้นำ 'ข้อมูลจริง' ที่ 'เกิดขึ้นจริง' ณ เวลาดังกล่าว มานำเสนอกับประชาชนและสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้

โดยเรื่องนี้ หากใครฟังแล้ว ก็จะรู้สึกตกใจว่ารัฐบาลไปยัดปัญหาให้ กฟผ. เพิ่มทำไม? และประชาชนทางบ้าน รวมถึงสื่อมวลชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งตกใจตามไปด้วย ขณะที่ นายพีระพันธุ์ เองก็ยอมรับว่า ตกใจ แต่ไม่ใช่การตกใจในข้อมูลและตัวเลขที่ สส.ก้าวไกลคนดังกล่าวพูด แต่เป็นความตกใจที่ ทำไมกล้านำ 'ข้อมูลคาดการณ์' ไม่นำข้อมูลจริง ๆ มาพูดต่อหน้าสาธารณชน

‘พีระพันธุ์’ ยัน!! ‘กฟผ.’ ชำระหนี้ ‘ปตท.’ หมดสิ้นแล้ว

ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ต้องลุกขึ้นมาแจงข้อเท็จจริง หลังถูกพรรคฝ่ายค้านโดยนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงงบประมาณ ปี 2567 ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง

โดย สส.ก้าวไกล รายนี้ พาดพิงเรื่องที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่า ทำให้เกิดเป็นปัญหาการเงินให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จนประสบปัญหาทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ สส.ก้าวไกล ยกมาตั้งข้อสงสัยรัฐบาลในวันนั้น ก็ถูกตอกกลับด้วยข้อมูลจริงจากทาง รมว.พลังงาน เนื่องจาก สส.ก้าวไกล คนดังกล่าว เลือกเอาข้อมูลที่เป็นเพียง 'ข้อมูลคาดการณ์' ซึ่งทำไว้ล่วงหน้าก่อนของจริงตั้งแต่ตุลาคม 2566 มาพูด โดยมิได้นำ 'ข้อมูลจริง' ที่ 'เกิดขึ้นจริง' ณ เวลาดังกล่าว มานำเสนอกับประชาชนและสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้

โดยเรื่องนี้ หากใครฟังแล้ว ก็จะรู้สึกตกใจว่ารัฐบาลไปยัดปัญหาให้ กฟผ. เพิ่มทำไม? และประชาชนทางบ้าน รวมถึงสื่อมวลชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งตกใจตามไปด้วย ขณะที่ นายพีระพันธุ์ เองก็ยอมรับว่า ตกใจ แต่ไม่ใช่การตกใจในข้อมูลและตัวเลขที่ สส.ก้าวไกลคนดังกล่าวพูด แต่เป็นความตกใจที่ ทำไมกล้านำ 'ข้อมูลคาดการณ์' ไม่นำข้อมูลจริง ๆ มาพูดต่อหน้าสาธารณชน

SCBX เลื่อนยุติการให้บริการส่งอาหาร 'Robinhood' หลังพบหลายกลุ่มทุนเสนอซื้อกิจการเข้ามามากเกินคาด

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX) เลื่อนการยุติการให้บริการส่งอาหาร (Food Delivery) ของแอปพลิเคชัน Robinhood ออกไปจากกำหนดเดิม คือ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 20.00 น. เนื่องจากบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาข้อเสนอเข้าซื้อกิจการทั้งหมดจากผู้ที่สนใจ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่คาดไว้ โดยยังคงการยุติการให้บริการส่วนอื่น ได้แก่ Travel, Ride, Mart และ Express ตามกำหนดเดิม คือในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567

ทั้งนี้ บริษัทมีความตั้งใจและพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้แอปพลิเคชัน Robinhood ซึ่งเกิดขึ้นจากการพัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทย ได้มีโอกาสที่จะได้ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน อันจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ร้านค้า และไรเดอร์ส่งอาหาร

SCBX หวังว่าการเลื่อนการยุติการให้บริการส่งอาหาร (Food Delivery) ออกไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 จะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า เพื่อช่วยเหลือร้านค้าและไรเดอร์ส่งอาหาร ผ่านแอปพลิเคชัน Robinhood เช่นเดียวกับตลอดช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา จนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป

ก่อนหน้านี้ SCBX ได้แจ้งยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้กลุ่ม SCBX มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.2567 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป หลังจากบรรลุภารกิจช่วยเหลือร้านค้า ไรเดอร์ และคนตัวเล็กในช่วงวิกฤตโควิดได้ตามเป้าประสงค์

ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงโควิด แอปพลิเคชัน Robinhood ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของร้านอาหารและธุรกิจต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองท่องเที่ยว จนผู้ประกอบการเหล่านั้นผ่านพ้นวิกฤต Robinhood ยังได้ช่วยเหลือต่อจนผ่านเข้าสู่สภาวะปกติได้

นอกจากนั้น Robinhood ยังช่วยสร้างงานให้กับไรเดอร์หลายหมื่นชีวิตในช่วงที่ยากลำบากอย่างต่อเนื่อง และดูแลอย่างเป็นธรรมจนหลายคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในส่วนของลูกค้าผู้ใช้บริการ Robinhood ได้เป็นตัวกลางช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายในราคาที่เป็นธรรมมาโดยตลอด

บัดนี้ เมื่อวิกฤตโควิดผ่านพ้นไปและธุรกิจต่าง ๆ เข้าสู่สภาวะปกติ แอปพลิเคชัน Robinhood จึงตัดสินใจยุติบทบาทลง เพื่อให้การยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood เป็นไปอย่างราบรื่น และส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อลูกค้าผู้ใช้งาน ร้านค้า ไรเดอร์ ผู้ขับรถยนต์โดยสาร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โปรดทราบถึงข้อมูลสำคัญ ดังนี้

ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2567 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ลูกค้าจะไม่สามารถใช้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ได้เป็นการถาวร, ผู้ประกอบการร้านค้า ไรเดอร์ ผู้ขับรถยนต์โดยสาร สามารถใช้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood Shop, Robinhood Rider, Robinhood Driver เพื่อทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ก.ค.2567 เวลา 20.00 น.

‘คลัง’ ปลดล็อก!! ‘ผู้ป่วยติดเตียง’ ใช้จ่ายดิจิทัลวอลเล็ตได้ ชี้!! ลงทะเบียนไม่ต่าง อาจแตกต่างที่วิธีใช้สิทธิ รอเคาะ!!

(30 ก.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ไม่มีการนำเข้าสู่การพิจารณา เนื่องจากที่ประชุม ครม.รับทราบหลักการไปแล้ว สามารถดำเนินการลงทะเบียนได้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ และคาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ให้รับทราบอีกครั้งเมื่อได้ยอดจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ชัดเจนอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับกระทรวงพาณิชย์ที่สามารถดำเนินการแถลงถึงความชัดเจนในเรื่องของขั้นตอน และในส่วนของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งวันเดียวกันนี้จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อตรวจสอบถึงความพร้อมต่าง ๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนรายละเอียดโดยเฉพาะของผู้ป่วยติดเตียงได้มีการระบุขั้นตอนที่ชัดเจนแล้วหรือยัง รวมทั้งผู้ป่วยบางประเภทที่ยังไม่ถึงขั้นเป็นผู้พิการ แต่ไม่สามารถไปใช้จ่ายด้วยตัวเองได้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยและหารือในประเด็นดังกล่าวแล้ว แต่จะต้องมีการเช็กรายละเอียดอีกครั้งร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในส่วนของผู้พิการจะต้องมีกระบวนการยืนยันตัวตนว่าเป็นผู้ป่วยประเภทใด เพราะในการใช้เงินในโครงการดังกล่าวจะมีความแตกต่างกัน แต่การลงทะเบียนไม่แตกต่าง ใครมีมือถือระบบสมาร์ทโฟนก็ใช้ระบบดังกล่าว ใครไม่มีก็ใช้บัตรประชาชน ในส่วนของผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้นจะมีการประกาศความชัดเจนว่าให้ลงทะเบียน ณ สถานที่แห่งใดในช่วงกลางเดือนก.ย.นี้

“ผู้ป่วยติดเตียงในที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้มีการหารือกันว่าจะมีการใช้สิทธิอย่างไร แต่ในกระบวนการใช้ลงทะเบียนเหมือนกับบุคคลทั่วไปไม่มีความแตกต่าง แต่ในกระบวนการใช้สิทธิจะมีความแตกต่าง คนมีมือถือสมาร์ทโฟนก็ลงและใช้ผ่านสมาร์ทโฟน คนไม่มีสมาร์ทโฟนก็ต้องใช้ในกระบวนการที่แตกต่าง ซึ่งจะต้องปลดล็อกในกระบวนการ Face to Face หรือซื้อขายแบบตัวต่อตัว ผู้ที่ไม่มีมือถือสมาร์ตโฟน รัฐบาลจะประกาศรายละเอียดการลงทะเบียนเงินดิจิทัลอีกครั้งในช่วงเดือนก.ย.67 ส่วนรายละเอียด ขั้นตอน และคุณสมบัติของร้านค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้นั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ จะแถลงความชัดเจนในวันที่ 1 ส.ค.67” รมช.คลัง กล่าว

เมื่อถามถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายหากสภาผ่านร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ในวาระ 2-3 จะสุ่มเสี่ยงต่อข้อกฎหมายอะไรหรือไม่ เพราะมีการมองว่าเป็นการใช้งบเหลื่อมปีไปแล้ว นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 8 หน่วยงาน ตามที่ทุกฝ่ายร้องขอและได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจให้มีความเข้าใจตรงกัน

“การที่มีบางฝ่ายมีข้อห่วงใย ว่าจะสุ่มเสี่ยงต่อข้อกฎหมายนั้น ก็เป็นการชี้ชัดแล้วว่ามีการดำเนินการทุกอย่างถูกต้อง ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านกฎหมายก็ยืนยันชัดเจนว่าเป็นไปตามกรอบสามารถดำเนินการได้ และทั้ง 8 หน่วยงานที่เชิญมาให้ความมั่นใจว่าเราดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว” รมช.คลัง กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top