Wednesday, 14 May 2025
Econbiz

‘คลัง’ แย้ม!! ก.ค.นี้ เล็งเคาะวันลงทะเบียน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ พร้อมเปิดให้ ‘ปชช.-ร้านค้า’ ยืนยันสิทธิ์ ผ่านแอปฯ ‘ทางรัฐ’

(3 ก.ค. 67) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ภายในเดือน ก.ค. นี้ กระทรวงการคลังจะประกาศวันเปิดให้ประชาชน และร้านค้าที่มีสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อยืนยันการรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการดิจิทัล วอลเล็ตอย่างเป็นทางการ ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ โดยจะเปิดให้ผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนภายในระยะ 2 เดือนนับจากวันประกาศ ส่วนกำหนดวันแจกเงิน หรือ โอนเงินในโครงการดิจิทัล วอลเล็ตนั้น ขณะนี้เริ่มเห็นวันที่ชัดเจนแล้ว รอเพียงระบบการโอนเงินมีความพร้อม ก็จะประกาศวันโอนเงินอย่างเป็นทางการต่อไป

“ภายในเดือนนี้ กระทรวงการคลังจะประกาศวันลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ สำหรับประชาชน และร้านค้า โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนประมาณ 2 เดือน เชื่อว่ามีเวลาเพียงพอ ส่วนกำหนดวันรับเงินที่ชัดเจนนั้น คงต้องรอดูว่าระบบจะพร้อมเมื่อไหร่ แต่ขอเวลาทำงานอีกนิดหน่อย ใกล้ ๆ วันอีกหน่อย เพื่อความชัดเจน เพื่อที่วันจะได้ไม่เลื่อนไหลไปอีก” นายจุลพันธ์ กล่าว

ส่วนความคืบหน้า กรณีที่คณะกรรมาธิการ วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 แขวนการพิจารณาจัดสรรงบกลางรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 152,700 ล้านบาทนั้น นายจุลพันธ์ ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า หลังจากที่ได้มอบหมายให้นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กลับไปจัดทำเอกสารงบฯ เพิ่มเติม ขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้ากลับมา แต่อย่างไรก็ตามหากแล้วเสร็จจะกำหนดวันที่ชัดเจน เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาต่อสภาฯ ต่อไป

“คาดว่าจะผ่านพิจารณาของสภาฯ ได้ไม่มีไรน่าตื่นเต้น เพราะการแขวนงบไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นเรื่องปกติ สุดท้ายก็เป็นเรื่องของเสียงข้างมาก เพราะเราชี้แจงได้ และทำให้งบประมาณตัวนี้เข้าสู่วาระ 2 ได้ และมั่นใจว่า จะผ่านวาระ 3 ได้ 100%” นายจุลพันธ์ กล่าว

‘สุริยะ’ ตั้งเป้ายกระดับ ‘ไทย’ สู่ศูนย์กลางการบินในอาเซียน พร้อมดันสนามบินไทยติด 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก

เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานและกล่าวงาน Dinner Talk เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี การดำเนินงาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน โดยมี พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ ทอท. นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ให้การต้อนรับ

นายสุริยะกล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision โดยมุ่งพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน และตั้งเป้าประเทศไทยจะก้าวไปเป็นที่ 1 ของภูมิภาค โดยยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) นั้น รัฐบาลจะใช้ศักยภาพและทรัพยากรของประเทศไทยที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทุกด้านเพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ เนื่องจากประเทศไทยมีขนาดพื้นที่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก แต่มีผู้เดินทางจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 (เดือนตุลาคม 2566-พฤษภาคม 2567) ฟื้นตัวจนเกือบจะเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยมีผู้โดยสารรวม 81.05 ล้านคน ฟื้นตัว 83.4% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 (ก่อนเกิดโควิด-19) แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48.95 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 32.09 ล้านคน ฟื้นตัว 80% ขณะที่มีเที่ยวบินรวม 490,970 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 80.9% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 274,410 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 83.5% และเที่ยวบินภายในประเทศ 216,560 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 77.9% โดยในอีก 5 ปี (ปี 2572) คาดว่าทั้ง 6 สนามบินจะมีผู้โดยสารประมาณ 170 ล้านคน และมีเที่ยวบินประมาณ 1 ล้านเที่ยวบิน และในอีก 10 ปี (ปี 2577) คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 210 ล้านคน และมีเที่ยวบินประมาณ 1.2 ล้านเที่ยวบิน

นายกีรติกล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารอินเดีย, ยุโรป และอเมริกา มีจำนวนสูงกว่าเมื่อปี 62 ไปแล้ว สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวกลับมา แต่ยังรอผู้โดยสารจีน ซึ่งขณะนี้กลับมาประมาณ 65% เทียบจากก่อนโควิด ส่วนอีก 35% คาดว่าจะกลับมาในปี 68 ซึ่งจะทำให้ปริมาณผู้โดยสารในภาพรวมกลับมาที่ 140 ล้านคนต่อปีเท่ากับปี 62

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพของสนามบินให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า ล้านคนต่อปี เพื่อก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน จึงต้องเร่งดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานให้มีความพร้อมรองรับการเดินทางในอนาคต โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีผู้โดยสารมาใช้บริการมากที่สุดกว่า 40 ล้านคน อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดโครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) คาดว่าจะเพิ่มพื้นที่รองรับผู้โดยสารได้อีก 81,000 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการทางวิ่งเส้นที่ 3 ในช่วงเดือน ก.ย. 2567 ทำให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น จาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง

ได้วางแผนดำเนินโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันตก (West Expansion) โครงการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (Satellite 2 : SAT-2) โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) และโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 4 เมื่อทุกโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่า ทสภ.จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปี และรองรับเที่ยวบินได้ถึง 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมง

นายกีรติกล่าวว่า “จากการดำเนินการของ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานเชียงใหม่ที่ผ่านมาในช่วงระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 66-30 มีนาคม 67 เทียบกับช่วงก่อนดำเนินการ (ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม 65-25 มีนาคม 66) สามารถบริหารจัดการเที่ยวบินได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยดอนเมืองสามารถเพิ่ม slot เที่ยวบินจากเดิม 50 เที่ยวบิน เป็น 57 เที่ยวบิน ทำให้ผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 12% รายได้เพิ่มขึ้น 520 ล้านบาท” 

“ส่วน ทภก.สามารถเพิ่ม slot เที่ยวบินจากเดิม 20 เที่ยวบิน เป็น 25 เที่ยวบิน ทำให้ผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 18% รายได้เพิ่มขึ้น 640 ล้านบาท และ ทชม.ซึ่งได้ขยายระยะเวลาในการเปิดให้บริการเป็น 24 ชั่วโมง ทำให้มีผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 5% และมีรายได้เพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าหากเปิดใช้งานทางวิ่งเส้นที่ 3 ทสภ.จะทำให้ในปี 68 มีเที่ยวบินเพิ่มเป็น 75 เที่ยวบิน มีรายได้ 4,718.24 ล้านบาท ปี 69 จะมีเที่ยวบิน 85 เที่ยวบิน มีรายได้ 8,561.54 ล้านบาท และปี 70 จะมีเที่ยวบิน 94 เที่ยวบิน และมีรายได้ 9,090.52 ล้านบาท” 

‘ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน’ เปิด 3 เหตุผล ปม ‘BYD’ ลดราคาถล่มทลาย ชี้!! เกิดจากปัจจัยนอกไทย ‘ผลิตล้นตลาด-อเมริกาขึ้นภาษี-ยุโรปไม่ซื้อ’

(4 ก.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘MCOT News FM 100.5’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์จีน เปิด 3 เหตุผล BYD ลดราคาถล่ม ชี้เกิดจากปัจจัยนอกประเทศไทย

จากกรณีรถยนต์ไฟฟ้า BYD ประกาศลดราคาลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยรวมส่วนลดสูงสุดถึง 340,000 บาท จนสร้างความไม่พอใจให้ผู้บริโภคที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ กระทั่งมีการนัดรวมพลยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ สคบ. นั้น

ล่าสุด ผศ.ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์จีน โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X ถึงกรณีดังกล่าวระบุว่า เรื่อง BYD ลดราคานี้มันมีเหตุมาจากนอกประเทศไทย

1. จีน subsidize ผู้ผลิต EV แบบเว่อร์วังอลังการมากจึงมีการผลิตออกมาเกินความต้องการของตลาดไปมาก

2.อเมริกาขึ้นภาษี EV จีนแบบโหดและกะทันหันมาก

3.ยุโรปไม่ซื้อด้วยหลายสาเหตุ

การเอาสินค้ามา dump ที่ประเทศมหามิตรแล้ว dump ราคาเพื่อระบายสินค้าจึงเกิดขึ้น ดังนั้นผู้ซื้อรวมตัวกันไปต่อรองไม่น่าเป็นผล

'กนอ.' เปิดรับฟังความเห็น 'เอกชน' หวังกระชับความต้องการนักลงทุนตรงจุด ก่อนเปิดรับการลงทุนระลอกใหม่ ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ช่วงที่ 2 ในปี 69

(4 ก.ค. 67) นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนาเพื่อรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนในโครงการทบทวนรายงานการศึกษา และวิเคราะห์โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 เป็นโครงการสำคัญเร่งด่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ และสินค้าเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดย กนอ. เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน นำความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินงาน เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม และเกิดความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ 

ทั้งนี้ การเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อทบทวนการศึกษาความเหมาะสมโครงการฯ ที่ กนอ. จัดทำไว้แล้ว ให้เหมาะสมกับความต้องการในปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคต ก่อนเสนอให้ กนอ. ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการนำเสนอหลักการที่ต้องการเปลี่ยนแปลง รวมถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงต่อหลักการเดิมของโครงการฯ ที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบไว้ต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)

ตามที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของธุรกิจหรือกิจการของภาคเอกชนในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และลักษณะทางกายภาพของสภาพพื้นที่ของโครงการฯ

นายคณพศ ขุนทอง รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 3) กล่าวว่า การจัดสัมมนา Market Sounding ครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็น และเสนอแนะความต้องการที่จะพัฒนาโครงการ ประกอบด้วย พื้นที่หลังท่าเทียบเรือ 350 ไร่ ความยาวหน้าท่า 814 เมตร ซึ่งหลังจากได้รับฟังความคิดเห็นแล้ว จะนำไปวิเคราะห์รูปแบบการประกอบธุรกิจ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่สำคัญ และเกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมยื่นข้อเสนอการลงทุนโครงการอย่างเหมาะสมต่อไป

นายปมุข เตพละกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายปฏิบัติการ 3 กล่าวเสริมว่า โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 แบ่งการพัฒนาโครงการเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วยงานขุดลอกร่องน้ำ งานถมทะเลพื้นที่ 1,000 ไร่ และลงทุนธุรกิจท่าเทียบเรือก๊าซ 200 ไร่ กนอ. ลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) กับบริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด หรือ GMTP เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2562 ระยะเวลาสัมปทานทั้งสิ้น 35 ปี

โดย กนอ. ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 12,900 ล้านบาท และให้บริษัท GMTP ลงทุนท่าเทียบเรือก๊าซ 35,000 ล้านบาท ปัจจุบัน มีความก้าวหน้าการดำเนินงานไปแล้วกว่า 84% พร้อมเปิดให้บริการในปี 2569 ส่วนการดำเนินงานในช่วงที่ 2 กำลังอยู่ระหว่างทบทวนผลการศึกษาสำหรับการพัฒนาพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) ประกอบด้วยพื้นที่หลังท่าเทียบเรือ 350 ไร่ ความยาวหน้าท่า 814 เมตร 

รายงานข่าวระบุว่า สำหรับมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการรวมที่ 6.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของภาคเอกชน 5.2 หมื่นล้านบาท และภาครัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท

‘ททท.’ ปักหมุดโคราช ‘เมือง 3 มรดกโลกยูเนสโก’ ต่อยอดท่องเที่ยวไทย ชูซอฟต์พาวเวอร์เด่น ผ่านแนวคิด ‘5 Must Do in Nakhon Ratchasima’

(4 ก.ค.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลสำเร็จตามนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาลว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าไทยสะสมกว่า 17.5 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวแล้วกว่า 8.25 แสนล้านบาท และจากนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวไทยทุกมิติ เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง และนำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวในเมืองหลัก เชื่อมโยงไปยังเมืองน่าเที่ยว ขยายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตามกระแส โดยเตรียมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบ 50 ปี ผ่านโครงการ ‘ลาบูบู้เที่ยวไทย’ (Welcome Ceremony of LABUBU)ตามรอยลาบูบู้ ตามกลยุทธ์ ‘5 Must Do in Thailand’

นายชัย กล่าวว่า นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ตามลำดับ และในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิ.ย.ที่มีการจัดกิจกรรมงาน Pride month 2024 ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยว 659,830 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 19,083 คน หรือ 2.98% หรือเฉลี่ยวันละ 94,262 คน 

สำหรับการต่อยอดท่องเที่ยว การเที่ยวแห่งประเทศไทย จะผลักดันจ.นครราชสีมา ‘เมือง 3 มรดกโลกยูเนสโก’ (UNESCO Triple Heritage City) ที่เป็นจังหวัดแรกและจังหวัดเดียวในไทย ที่มีโปรแกรมของยูเนสโกครบทั้ง 3 โปรแกรม ได้แก่ 

- สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช อ.วังน้ำเขียว 
- มรดกโลกทางธรรมชาติผืนป่าดงพญาเย็นเขาใหญ่ 
- อุทยานธรณีโลกโคราช 

โดยจะเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวไปสู่เมืองน่าเที่ยวอื่น ในภูมิภาค เช่น กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ (ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) รวมทั้งส่งเสริม Soft Power โดยใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรมเป็นจุดขายผ่านแนวคิด 5 Must Do in Nakhon Ratchasima คือ

1. Must Eat อิ่มอร่อยอาหารจานเด็ด 

2. Must See ละลานตาการแสดงวัฒนธรรม 

3. Must Seek แหล่ง unseen ถิ่นน่าเที่ยว 

4. Must Buy ของกินของฝากล้ำค่าน่าซื้อหา

5. Must Beat กีฬาท้าทายกายใจ 

นอกจากนั้นจะร่วมกับ POP MART จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เตรียมเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนครบรอบ 50 ปี ผ่านโครงการ ‘ลาบูบู้เที่ยวไทย’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 4 ก.ค.เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวก ให้มาสคอตลาบูบู้แต่งกายด้วยชุดไทย พร้อมถ่ายทำคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยสื่อสารไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ตามโปรแกรมการท่องเที่ยว 5 Must Do in Thailand ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อตามรอยลาบูบู้ รวมถึงช่วยบอกต่อและเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว และ กก. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มมากขึ้นอีกจากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ทั้งกระแสการท่องเที่ยวตามรอย MV เพลงใหม่ ‘ROCKSTAR’ ของลิซ่า และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว Summer holiday ของตลาดภูมิภาคยุโรป รวมถึงการท่องเที่ยวตามรอยลาบูบู้ เป็นต้น

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของไทย ประกอบกับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไทยสามารถดำเนินการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวจนเห็นผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าด้วยการส่งเสริม ต่อยอดของรัฐบาล สนับสนุนการดำเนินงานทั้งเพื่อความปลอดภัย และความสะดวกทันสมัยตอบโจทย์ และตามกระแสของนักท่องเที่ยว จะทำให้ไทยสามารถมีรายได้จากการท่องเที่ยวตามเป้า เพิ่มโอกาสเป็นประโยชน์ต่อวิถีชีวิตพี่น้องประชาชนทุกคน” นายชัย กล่าว

รมว.ปุ้ย’ ชื่นชม!! นวัตกรรม ‘น้ำมันอาโวคาโด’ สารพัดประโยชน์ ผลผลิตเม็ดงามของผู้ประกอบการ ผ่านแรงหนุนจากดีพร้อม

เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับ ‘น้ำมันอาโวคาโด’ ผลผลิตจากผู้ประกอบการผ่านแรงหนุนจาก ‘ดีพร้อม’ โดยระบุว่า…

‘น้ำมันอาโวคาโด’ ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอย่างมากชนิดหนึ่งและกำลังมาแรงด้วยคุณค่าสารสำคัญที่ดีต่อสุขภาพ ดีต่อร่างกาย เล่าสู่กันฟังนะคะเป็นควันหลงจากวานนี้ ก่อนการประชุม ครม.วานนี้มีบูธผลงานนวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากน้ำมันอโวคาโด เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรสู่ความยั่งยืน ของ บริษัทริบูรณ์ฟาร์ม โดยได้รับการสนับสนุนจาก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) มาจัดแสดงให้กับ ครม.ทุกท่านได้ชมและเลือกซื้อหาค่ะ

‘น้ำมันอาโวคาโด’ คืออะไร คือน้ำมันที่ได้จากการสกัดอโวคาโดผลสดค่ะ มีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง นี่เลยค่ะกรดโอเลอิก ในปริมาณสูงกว่า 70% ของไขมันในน้ำมันอาโวคาโด มีปริมาณลูทีนสูงมากสารชนิดนี้อยู่ในกลุ่มคาโรทีนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคไขข้อ สรรพคุณสำคัญอีกอย่างคือบำรุงผิว ช่วยสมานแผล สามารถนำไปขยายผลิตภัณฑ์ได้อีกนานาชนิดค่ะ เฉพาะตัวน้ำมันอาโวคาโดมีจุดเกิดควัน สูงถึง 250-270 องศาเซลเซียส สูงกว่าน้ำมันพืชส่วนใหญ่ในตลาดนะคะ จุดเกิดควันคืออุณหภูมิที่เริ่มทำให้น้ำมันเสื่อมสภาพไป 

ดังนั้น เมื่อจุดเกิดควันสูงคุณค่าจากสารต่าง ๆ สูงด้วยค่ะ การนำไปประกอบการหารคุณค่าของสารอาหารอยู่ในนั้นครบถ้วน นี่คือนวัตกรรมที่ผู้ประกอบการจากการส่งเสริมของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่น่าชื่นชมอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ค่ะ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมพร้อมนะคะ ผู้ประกอบการมีแนวคิดที่ดี มีวัตถุดิบรอการพัฒนา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมพร้อมไปเป็นพี่เลี้ยงค่ะ

‘พ่อค้าแม่ค้า’ โอด!! เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ ทำลูกค้าหายเกลี้ยง ลั่น!! ขายวันละ 18 ชม.ได้ไม่ถึง 3,000 บาท หักลบแทบไม่เหลือ

(4 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า หากพูดถึงสภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ หลายคนคงได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะพ่อค้า แม่ค้า หรือแม้แต่ธุรกิจขายปลีกที่โดนตลาดออนไลน์จีนแทรกแซงและขายในราคาถูกมาก จนได้รับผลกระทบกันไปตาม ๆ กัน

โดยจะเห็นได้จากโลกโซเชียล เมื่อผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง @peolove1 ถ่ายบรรยากาศของร้านขายเสื้อผ้าที่เงียบเหงา ไม่มีลูกค้าเข้ามาจับจ่าย พร้อมเผยว่า สินค้าจีนทะลักเข้าไทย ตลาดออนไลน์ขายถูกกว่าร้านขายส่ง ทำให้คนหันไปซื้อของออนไลน์มากขึ้น และตลาดปลีกส่งก็ต้องเงียบลง

ขณะเดียวกันติ๊กต็อกชื่อ @honeyghetti แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เผยว่า ทุกวันนี้ยังเรียกตัวเองว่าแม่ค้าได้อยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ตลกตัวเอง ขายของไปแล้ววันละ 18 ชั่วโมง ขายของได้ไม่ถึง 3,000 บาท หักค่าเช่าและค่าพนักงานไปหนึ่งพัน ส่วนแม่ค้าหลายคนที่ร่วมชะตากรรมทั้งหลาย นั่งกินข้าว นั่งเล่นเกม นั่งกินขนม ถ้าวันนี้คุณขายของเงียบเหงา วังเวง เราคือเพื่อนกัน

ช่องติ๊กต็อกดังกล่าวได้ตอบกลับคอมเมนต์ “พอเงียบก็บ่น ไม่พัฒนาตัวเอง โทษแต่รัฐบาล โทษฟ้าฝน” ว่า เอาจริง ๆ บางอย่าง เราไม่สามารถจะทำด้วยตัวเราเองได้ เราพัฒนาตัวเองแล้ว ปรับปรุงร้าน ลงทุนเพิ่มแล้ว แต่บางอย่างที่เราไม่สามารถทำเองได้ เช่น ของแพง ผักแพง น้ำมันแพง

นอกจากนี้ยังมี เจ้าของธุรกิจร่วม 10 ปี ออกมาเปิดใจผ่านติ๊กต็อกว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ มันแย่มาก ขายของเงียบมาก ถ้าไม่เท่าทุนก็เข้าเนื้อ เป็นแบบนี้ทุกเดือน เมื่อก่อนจากห้างที่เคยขายดีมาก ๆ ตอนนี้ค่าที่บางทียังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หนำซ้ำค่าที่ยังขึ้นด้วย ไม่รู้ว่ารัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรบ้าง

ถัดมา ผู้ใช้ติ๊กต็อกอีกราย @sprince.s ถ่ายบรรยากาศร้านที่เงียบเหงา พร้อมเผยว่า ตลาดเงียบมาก ปีนี้ 2024 ยิ่งชัดขึ้น ว่าเศรษฐกิจแย่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย หลายห้างร้าน ตลาดออนไลน์ก็เงียบตัวลงเหมือนกัน ไม่ว่าหน้าร้าน-ออนไลน์ หลายร้านก็เงียบลงหมด เราก็เป็นผู้บริโภคคนหนึ่งที่ซื้อของออนไลน์ เดินตลาด ห้างสรรพสินค้าเราเดินปกติ แต่มองเห็นหลาย ๆ อย่างก็สงสารประชาชนเรา ๆ นี่แหละ

‘ขสมก.’ อัปเดต!! ยุติการเดินรถเมล์เพิ่ม ‘14 เส้นทาง’ มอบไม้ต่อ ‘เอกชน’ เดินรถตามแผนปฏิรูปรถโดยสาร

(4 ก.ค.67) รายงานข่าวระบุว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แจ้งเปลี่ยนผ่าน การให้บริการรถโดยสารเส้นทางปฏิรูปฯ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งหมด 14 เส้นทาง เพื่อส่งต่อเอกชนเดินรถแทน ตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง 

ขสมก. ประกาศ 'หยุดเดินรถเมล์' 14 เส้นทาง เช็กสายรถเมล์ทดแทน

- สาย 1 ถนนตก-ท่าเตียน (สาย 3-35)

- สาย 4 ท่าเรือคลองเตย-ท่าน้ำภาษีเจริญ (สาย 3-36)

- สาย 11 อู่เมกาบางนา-มาบุญครอง (สาย 3-3)

- สาย 12 ห้วยขวาง-เศรษฐการ (สาย 3-37)

- สาย 25 ท่าช้าง-ปากน้ำ (สาย 3-6)

- สาย 71 สวนสยาม-วัดธาตุทอง (สาย 1-39)

- สาย 77 เซ็นทรัลพระราม 3-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) (สาย 3-45)

- สาย 80 ก. หมู่บ้าน วปอ.11-สำนักงานเขตบางกอกใหญ่ (สาย 4-44)

- สาย 82 พระประแดง-บางลำพู (สาย 4-15)

- สาย 84 อ้อมใหญ่-คลองสาน (สาย 4-46)

- สาย 88 วัดคลองสวน-ลาดหญ้า (สาย 4-17)

- สาย 165 พุทธมณฑลสาย 3-สำนักงานเขตบางกอกใหญ่ (สาย 4-17)

- สาย 515 เซ็นทรัลศาลายา-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (สาย 4-61)

โดยก่อนหน้านี้ ขสมก.ได้ทยอยยุติการเดินรถไปแล้วหลายเส้นทางเพื่อส่งต่อให้บริษัทเอกชนเดินรถแทน ตามแผนปฏิรูปรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่องของกรมการขนส่งทางบก

ทั้งนี้ บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) จะทำการเดินรถใน 14 เส้นทางสุดท้ายตามแผนปฏิรูปรถโดยสาร ที่ปัจจุบันมีการวิ่งทับซ้อน ซึ่ง ขสมก.จะยกเลิกการเดินรถในวันที่ 25 ก.ค.เป็นต้นไป  

โดยเตรียมแผนที่จะนำรถเมล์ปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า ออกมาให้บริการใน 14 เส้นทางและจะมี 4 เส้นทางที่ไทยสมายล์บัสจะเดินรถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่

>> สาย 4 ท่าน้ำภาษีเจริญ-ท่าเรือคลองเตย (สาย 3-36)

>> สาย 25 ท่าช้างวังหลวง-อู่สายลวด (สาย 3-6)

>> สาย 82 พระประแดง-บางลำพู (สาย 4-15)

>> สาย 84 สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่-สามพราน (สาย 4-46)

'แบงก์ชาติ' เผย!! สาเหตุ 'เศรษฐกิจไทย' ทำไมฟื้นช้ากว่าเพื่อนบ้าน 'พึ่งท่องเที่ยว-ภาคบริการมาก' ส่วนภาคการผลิตก็ต้องเจอจีน

(4 ก.ค. 67) Brand Inside เผยถึงสภาพเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นช้ากว่าเพื่อนบ้าน จากคำกล่าวของ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า...

"เศรษฐกิจตอนนี้ ภาพที่อาจจะคลาดเคลื่อน ที่จะเห็นบ่อย ที่ว่า ธปท. มองเศรษฐกิจดีเกินไป ไม่เห็นความลำบากของคน มองแต่ตัวเลข ไม่รู้สึกสิ่งที่หลายกลุ่มเผชิญกันอยู่ เราก็ทราบดีว่า ศก. ไม่ได้ดีขนาดนั้น ศก. ฟื้นช้า...

"ศก. ฟื้นตัวในแง่ของภาพรวมโดยเฉลี่ยของคน ในแง่ของตัวเลข ไม่ว่าจะ GDP หรืออะไร แต่เราเข้าใจดีในการฟื้นตัวในตัวเลขรวม ตัวเลขเฉลี่ย มันซ่อนความลำบากและความทุกข์ของประชาชนไม่น้อย หลายกลุ่มด้วยกัน...

"ถ้าดูตัวเลขผ่าน ๆ ผิว ๆ รายได้เขาฟื้นแล้ว แต่จริง ๆ มันเป็นตัวเลขที่ซ่อนความลำบาก ความทุกข์ประชาชน กลุ่มอาชีพอิสระ...

"แม้รายได้กลับมา แต่มีหลุมรายได้มหาศาลระหว่างทาง รายได้หายไป จากปกติที่ควรจะได้ เขามีหลุมรายได้ ตัวเลขไม่สะท้อนความลำบากของประชาชน...

"ภาคการผลิต ทำไมประเทศไทยฟื้นช้ากว่าชาวบ้าน เพราะเราพึ่งพาท่องเที่ยวเยอะ เราพึ่งภาคบริการเยอะและท่องเที่ยวมาก ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่อื่น...

"ภาคการผลิต พวกส่งออก Sector สำคัญ ๆ เจอโครงสร้างที่หนักขึ้น Landscape การแข่งขันเปลี่ยนไปด้วย หลายเซคเตอร์เจอการแข่งขันที่เข้มข้นกว่าก่อนเยอะ โดยเฉพาะจากจีน"

'พีระพันธุ์' ชี้!! ทิศทางพลังงานไทยระยะยาว ยืนยัน!! ต้องมุ่ง 'Net Zero-ราคาเป็นธรรม'

(5 ก.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในการกล่าวสุนทรพจน์เปิดการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน รุ่นที่ 20 (วพน.20) โดยระบุว่า ในระยะยาวทิศทางพลังงานของประเทศยังคงต้องให้ความสำคัญกับนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ได้ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 

และ Net Zero ในปี ค.ศ. 2065 รวมทั้งการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน การแก้กฎหมายให้ราคาพลังงาน มีความยุติธรรม ประชาชนเข้าถึงได้ 

ทั้งนี้ พลังงานมีความสำคัญกับการดำเนินชีวิตของประชาชน ทั้งน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ ซึ่งปัจจุบันการใช้พลังงานทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ยังคงเผชิญกับวิกฤตด้านราคาพลังงาน ทั้งจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังไม่มีข้อยุติ

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกระทบข้อจำกัดในการผลิตและจัดหาพลังงาน และการเข้าถึงพลังงาน 

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นภาวะโลกร้อน ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญและเร่งการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการและใช้พลังงานอย่างยั่งยืน เป็นวาระสำคัญของโลกที่ครอบคลุมใน 3 มิติ ประกอบด้วย 

- Security คือมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอ

- Affordability คือราคาพลังงานที่เข้าถึงได้และเป็นธรรม 

- Environment คือพลังงานที่ใช้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

"วาระดังกล่าวเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้โดยร่วมสนับสนุนนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน เพื่อมีส่วนช่วยขับเคลื่อนประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤต" 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top