Saturday, 10 May 2025
Econbiz

ส่อง ‘สะพานรถไฟโค้ง’ แห่งแรกในไทย  อีกไฮไลต์ทางคู่ ‘เด่นชัย-เชียงของ’

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 เพจ Progressive Thailand ได้โพสต์ภาพอัฟเดต ‘สะพานรถไฟโค้งหล่อสำเร็จ’ (BEBO Arch Bridge) เทคโนโลยีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แห่งแรกของประเทศไทย ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่บ้านปงป่าหวาย จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ดำเนินโครงการก่อสร้างโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

รายละเอียดโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีดังนี้

▪ ระยะทาง 323 กิโลเมตร 
▪ จำนวนสถานี 26 สถานี (4 สถานีขนาดใหญ่ 9 สถานีขนาดเล็ก และ 12 ป้ายหยุดรถไฟ)
▪ ความเร็วรองรับสูงสุด 160 กม./ชม.
▪ จำนวนจังหวัด 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่, ลำปาง, พะเยา และเชียงราย
▪ ลานกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า 5 แห่ง
▪ อุโมงค์ 4 แห่ง ความยาวรวม 13.5 กิโลเมตร
▪ มูลค่าโครงการ 72,920 ล้านบาท
▪ เปิดบริการปี 2571

The first BEBO Arch Bridge in Thailand, a part of the new double-track railway line Denchai - Chiang Rai - Chiang Khong project, is under construction

The new double-track railway line  Denchai - Chiang Rai - Chiang Khong project

▪ Distance : 323 kilometers
▪ Number of station : 26 stations (4 large stations, 9 small stations, and 12 stops)
▪ Maximum supported speed : 160 km/h.
▪ Number of province : 4 provinces, Phrae, Lampang, Phayao, Chiang Rai
▪ Container yard : 5 yards
▪ 4 tunnels, total length of 13.5 kilometers
▪ Project value : 72,920 million baht
▪ Open for service in 2028

ขอบคุณภาพจาก : โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย เชียงรายเชียงของ
เนื้อหาโดย : Progressive Thailand

‘รมว.ท่องเที่ยว-ททท.’ ร่วมมือบริษัทเกม ‘Ragnarok Origin’ ชู ‘อยุธยา’ เป็นฉากในเกม ต่อยอดโปรโมตเมืองท่องเที่ยวไทย

(25 ก.พ.67) หลังผู้บริหารจากบริษัท ผู้พัฒนาเกมส์ ‘Ragnarok Origin’ ที่มี Active User ทั่วโลกประมาณ 50 ล้านคน เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมนายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงแผนงานถ่ายทำฉากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองไทย เพื่อนำไปใช้ในเกมภาคใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวเร็วๆ นี้  พร้อมกับประสานไปยัง นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแล้ว เพื่อพิจารณาสถานที่ท่องเที่ยว จุดเช็กอินที่น่าสนใจให้เหมาะสมกับการดึงดูด User

ล่าสุด นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ้คส่วนตัว ระบุว่า…

“Ragnarok Origin เลือกไทยติด 1 ใน 3 ประเทศใช้เป็นฉากในเกม ผู้พัฒนาเกม Ragnarok Origin ที่มี Active user ทั่วโลกประมาณ 50 ล้านคน โดยเตรียมใช้ฉากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในประเทศไทย ไปใช้ในเกมภาคใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงสิ้นปีนี้”

นางสาวสุดาวรรณ เปิดเผยว่า เตรียมเสนอสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเมืองรอง ที่จะใช้เป็นฉากเกมภาคใหม่ของ Ragnarok Origin เช่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เป็นเมืองมรดกโลก และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวงดงาม แสดงถึงความเป็นไทย  ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ผู้สร้างช่วยเพิ่ม กางเกงมวยไทย มงคลมวยไทย และช้างศึกไทย เป็น Item ในเกมด้วยนั้น ยังจะเป็นการให้ส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทย ให้เห็นถึงความเป็นไทยในเกมมากขึ้น

“เป็นการดึงดูดให้ User ผู้เล่นเกมส์ กว่า 50 ล้านคนทั่วโลก ได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย และหวังว่าเมื่อมีเวลาท่องเที่ยว พักร้อน จะตามรอย และเช็กอินจากบรรยากาศและสถานที่ท่องเที่ยวจริงที่โปรโมทและประชาสัมพันธ์ในเกมส์ โดยเป็นการสานต่อนโยบายการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ดึงเม็ดเงินจาก User เกมส์อีกหนึ่งช่องทาง” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว

‘เอกชน’ หนุน 8 วิสัยทัศน์ ‘นายกฯ’ จุดพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แนะรัฐทำวันสต๊อปเซอร์วิสภาคธุรกิจ ชูฮับท่องเที่ยว-การบิน-อาหาร

(26 ก.พ.67) นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลง 8 วิสัยทัศน์ จุดพลังศักยภาพประเทศไทยเป็นที่ 1 ในภูมิภาค ว่า ถือเป็นการแสดงวิสัยทัศน์อนาคตของประเทศไทยครั้งแรก ที่ประกาศชัดเจนมีทั้งหมด 8 วิสัยทัศน์ การประกาศลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ดีเพราะหลายฝ่ายไม่เพียงเฉพาะภาครัฐบาล แต่มีภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชน จะได้เห็นมุมมองและทิศทางที่เป็นแนวนโยบายสำหรับเศรษฐกิจที่จะเดินไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน เพื่อทำให้สิ่งเหล่านี้เดินหน้าได้ไม่สะดุด หรือติดอุปสรรคสามารถแก้ปัญหาร่วมกันได้

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า จาก 8 วิสัยทัศน์ โดยเฉพาะเรื่องฮับการท่องเที่ยวสามารถทำได้แน่นอน แต่รายละเอียดต่างๆ ที่หลายฝ่ายจะเติมเข้าไปนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ เดิมทีอาจจะเน้นปริมาณนักท่องเที่ยว แต่ขณะนี้ต้องเสริมนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศรอบด้าน เพราะการท่องเที่ยวเป็นกลไกลที่เกี่ยวข้องกับประชากรมากกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ

ขณะเดียวกัน ด้านอื่นๆ ก็น่าสนใจ เช่น ศูนย์กลางด้านอาหาร ประเทศไทยมีความพร้อมในด้านนี้มากพอสมควร ซึ่งสิ่งที่ท่านนายกฯ ได้พูดว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว และในกระเป๋ามีเงิน ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้อง เพราะเดิมทีในน้ำมีปลา ในนามีข้าว นี่คือความเพียงพอที่จะบริโภคในประเทศ และทำให้คนในประเทศพึ่งพาอาศัยกัน แต่ปัจจุบันไทยจำเป็นต้องมีเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจด้วย

ดังนั้น การที่จะทำให้กระเป๋ามีเงินต้องมีหลายเรื่องที่ทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐ เอกชน ประชาชน รวมไปถึงเกษตรกร ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำต่อ โดยเฉพาะเรื่องอาหารที่ท่านนายกฯ เคยพูดถึงไว้ในหลายเรื่อง เช่น เรื่องอาหารแห่งอนาคต จะเป็นการต่อยอดการผลิตอาหารดั้งเดิมของไทยที่ทำตลาดได้ดีอยู่แล้ว แต่การที่จะไปถึงอนาคตเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับเกษตรกรให้ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชใหม่ๆ มากกว่าการปลูกพืชชนิดเดียว เพื่อให้พึ่งพาตัวเองได้

“อีกทั้งเรื่องอาหารฮาลาล ไทยต้องมีใบรับรองที่เข้มแข็ง เพื่อการส่งออกไปประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เช่น กลุ่มตะวันออกกลาง และแอฟริกา จะผลักดันให้ประเทศไทยสามารถส่งอาหารได้เอง แทนที่จะต้องให้ประเทศที่เป็นชาวมุสลิมออกใบรับรองให้ เพื่อส่งสินค้าออกไปประเทศต่างๆ ได้เอง”นายวิศิษฐ์ กล่าว

>> ปั้นฮับการบินโอกาสเมืองรอง
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ฮับการบิน ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรงไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับเรื่องของคมนาคมในประเทศเท่านั้น เช่น คนไทยเดินทางในประเทศมีทั้งรถยนต์ และเครื่องบิน ขณะนี้จะเห็นว่าสนามบินมีการใช้งานเต็มที่และสถานการณ์ราคาตั๋วเครื่องบินมีราคาสูง สาเหตุจากสายการบินให้บริการไม่เพียงพอ รวมถึงมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ถ้าไปดูสนามบินอินเตอร์ในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จะมีหลายเมืองที่เป็นศูนย์การบินระดับอินเตอร์รองรับการท่องเที่ยว โดยไม่จำเป็นต้องไปสนามบินในเมืองหลัก

ดังนั้น ถ้านักท่องเที่ยวมีมากและไม่สามารถไปลงในสนามบินพื้นฐาน หรือที่เป็นเมืองหลวงแล้ว ทำให้เมืองรองเริ่มมีโอกาส เพราะการมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวของไทย หากสามารถทำให้นักท่องเที่ยวลงที่เมืองรอง และจากนั้นเชื่อมต่อโลจิสติกส์ในประเทศได้ เช่น รถยนต์เช่า รถไฟเชื่อมระหว่างเมืองจะเปิดโอกาสให้เมืองรองได้ดี โดยสามารถขายการท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมผ่านซอฟต์พาวเวอร์ได้เช่นกัน ซึ่งรัฐบาลต้องใช้โซเชียลมิเดียต่างๆ ในการโฆษณาให้เกิดการรับรู้เป็นวงกว้าง

>> ขอวันสต๊อปเซอร์วิสภาคธุรกิจ
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า มุมมองนักลงทุนต่างชาติต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งจังหวะ 3-4 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์มีความขัดแย้งต่างๆ เกิดขึ้นทั่วโลก แม้จะเกิดขึ้นในบางภูมิภาค แต่ส่งผลทำให้การค้าขายระหว่างประเทศมีปัญหาค้าขายยากขึ้น มีปัญหาทั้งอาจจะส่งสินค้าไปในทางตรงไม่ได้ รวมถึงการย้ายฐานการผลิตมาผลิตในประเทศที่มีความเป็นกลาง และสามารถส่งของไปในประเทศใดก็ได้ หรือเป็นประเทศที่มีการผลิตและมีต้นทุนไม่สูง หรือเป็นประเทศผู้ผลิตและสามารถกระจายสินค้าไปประเทศอื่นได้ เพราะมีสัญญาการค้าเสรี (เอฟทีเอ) หรือโลจิสติกส์ที่ดี

สำหรับประเทศไทยภาพที่ชัดเจน เมื่อนักลงทุนมาลงทุนแล้ว ไม่เพียงแต่ขายสินค้าให้กับคนในประเทศ แต่มีการเชื่อมต่อไปยังประเทศอาเซียน ระยะสั้นขายผ่านทางรถยนต์ หรือประเทศที่อยู่ไกลจะส่งสินค้าไปทางเรือได้ เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกันหมดทั้งโลจิสติกส์ การดึงคนมาลงทุน และที่สำคัญในภาวะที่หลายประเทศกำลังหาแหล่งลงทุนใหม่ หรือย้ายฐานการผลิตก็ต้องหาประเทศอื่นเพื่อการทำธุรกิจ

“ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้น ดังนั้น จะต้องทำอย่างไรให้ประเทศเรามีเสน่ห์และมีเสน่ห์มากขึ้น“นายวิศิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ มีเรื่องที่นายกฯ เคยพูดไว้ และเป็นเรื่องที่เอกชนเคยร้องขอมานานแล้ว คือ วันสต๊อปเซอร์วิสต่างๆ การเชื่อมโยงเอกสาร ข้อมูลเพื่อการทำธุรกิจต่างๆ หรือการจัดตั้งธุรกิจใหม่ และต้องทำอย่างไรให้สามารถจัดการได้ในที่เดียวแทนที่จะต้องวิ่งไปใน 10-20 หน่วยงานเพื่อยื่นเอกสาร หากสามารถทำจบได้บนสมาร์ทโฟนและสามารถทำได้ในที่เดียวทุกเอกสารวิ่งไปได้ในหลายหน่วยงาน และมีการตอบรับผ่านอิเล็กทรอนิกส์สามารถลดต้นทุน ลดความยุ่งยาก และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น

'ก.ต่างประเทศ' จ่อลงนาม ฟรีวีซ่าถาวร 'ไทย-คาซัคสถาน'  ช่วยหนุนนักท่องเที่ยวเข้าไทยปีนี้เพิ่มอีกกว่า 2 แสนคน

เมื่อไม่นานมานี้ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยภายหลังการจัดงาน ‘Amazing Thailand Roadshow To Almaty’ ณ เมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ กต. ว่า จากการเดินทางมาร่วมกิจกรรมสำรวจลู่ทางการค้าและการลงทุนในประเทศคาซัคสถานรอบนี้ ทาง กต.ได้เริ่มกระบวนการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา (ยกเว้นวีซ่า : Visa-Free) ซึ่งกันและกันอย่างถาวรระหว่างไทยกับคาซัคสถานแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องเอกสารระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลคาซัคสถาน ทำให้ต้องชะลอการลงนามฯ ไปก่อน

“ตามที่ทางนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้มีการเชิญนายมูรัท นูร์ตลิว รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของคาซัคสถาน เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ในเดือน เม.ย. 2567 เราตั้งเป้าว่าน่าจะเห็นการลงนามความตกลงยกเว้นวีซ่าอย่างถาวรระหว่างไทยกับคาซัคสถานอย่างแน่นอน”

หลังจากล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2567 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติขยายระยะเวลาการยกเว้นวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว ให้กับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. - 31 ส.ค. 2567 ต่อเนื่องจากมติ ครม. ก่อนหน้านี้ที่ประกาศยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานในช่วงระหว่างวันที่ 25 ก.ย. 2566 - 29 ก.พ. 2567

“นี่เป็นเหตุผลที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้ ครม.มีมติขยายระยะเวลาการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานอีก 6 เดือนจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 2567 เพื่อให้มั่นใจว่าจะครอบคลุมช่วงเวลาดำเนินการจัดทำความตกลงระหว่าง ไทย กับ คาซัคสถาน ในการยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกันอย่างถาวร”

นอกจากนี้ ได้หารือร่วมกับผู้บริหารสายการบินแอร์ อัสตานา (Air Astana) พร้อมแจ้งข่าวดีเรื่องการดำเนินการจัดทำความตกลง ไทย-คาซัคสถาน ยกเว้นวีซ่าระหว่างกันอย่างถาวรอีกด้วย

“ทางตัวแทนผู้บริหารแอร์อัสตานาดีใจมาก จริง ๆ เขาดีใจตั้งแต่รัฐบาลไทยประกาศยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวคาซัคสถานตั้งแต่รอบแรกแล้ว ยิ่งต่อรอบที่ 2 ก็ยิ่งดีใจ เพราะในมุมนักธุรกิจเขาขอแค่ภาครัฐกำหนดแผนงานให้ชัดเจน แน่นอน ที่เหลือเขาไปทำการบ้านต่อเอง”

'รมว.ปุ้ย' กางผลลัพธ์ส่งออก 'ฮาลาลไทย' แตะ 216,698 ล้านบาท โต 2.6% เชื่อ!! ยังไปได้อีกไกล หลัง 'ก.อุตฯ' เปิดฉากรุกตลาดกำลังซื้อสูงต่อเนื่อง

(27 ก.พ. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, นางอรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสถาบันอาหาร, นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร, นายชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ, นายพิตรพิบูล ธีร์จันทึก ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พร้อมทั้งผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ศักยภาพอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยแก่คณะรัฐมนตรี ณ บริเวณตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกระตุ้นการรับรู้ความสำคัญของอุตสาหกรรมฮาลาลไทย พร้อมนำเสนอสินค้าตัวอย่างความร่วมมือในเครือข่ายฮาลาลหวังส่งเสริมและขยายตลาดฮาลาลให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาค

นางสาวพิมพ์ภัทรา เปิดเผยว่า กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ศักยภาพอุตสาหกรรม ฮาลาลแก่คณะรัฐมนตรี รวมถึงเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้แก่ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ ทั้งนี้เนื่องจากอุตสาหกรรมฮาลาลในตลาดโลก ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ โดยในตลาดโลกมีมูลค่าสูงถึง 2.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จนถึงปี 2567 ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมีส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 60 ของอุตสาหกรรมฮาลาลทั้งหมด ซึ่งคาดว่าในปี 2567 การเติบโตของตลาดอุตสาหกรรมฮาลาลทั้งหมด จะขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 7.5 โดยในส่วนของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 7.1

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทยมีมูลค่าส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลในปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.) จำนวน 216,698 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารฮาลาล โดยธรรมชาติ เช่น ข้าว ธัญพืช น้ำตาลทราย ฯลฯ และมีผู้ผลิตอาหารฮาลาลกว่า 15,043 ราย มีร้านอาหารฮาลาลมากกว่า 3,500 ร้าน ซึ่งยังมีโอกาสเพิ่มสัดส่วนการส่งออกอาหารฮาลาลไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อสูงได้อีกมาก

ทั้งนี้ กิจกรรมประชาสัมพันธ์ดังกล่าว จะเป็นการกระตุ้นการรับรู้ความสำคัญของอุตสาหกรรมฮาลาลไทยพร้อมนำเสนอสินค้าตัวอย่างความร่วมมือในเครือข่ายฮาลาล และมุ่งหวังการส่งเสริมและขยายตลาดฮาลาลให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาค โดยรูปแบบการจัดงาน ประกอบด้วยการจัดคูหาเพื่อแสดงตัวอย่างแสดงสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมฮาลาล อาทิ อาหาร, เครื่องสำอาง, เครื่องนุ่งหุ่ม, เสื้อผ้ามุสลิม, การจัดแสดงสาธิตการทำอาหาร 'เนื้อไทยแองกัสสิชล ฮาลาล ย่างซอสคั่วกลิ้งและใบเหลียงผัดกระเทียม' โดยเชฟชุมพล (นายชุมพล แจ้งไพร) ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ การจัดแสดงอาหารบนเครื่องบินจาก TG Inflight Catering Halal Food Center โดย ครัวการบิน การบินไทย รวมถึงการให้ข้อมูลที่สำคัญของโครงการศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย (Thai Halal Industry Center)

'ตลท.' เตือนนักลงทุนเทรด 'หุ้นมิสแกรนด์' หลังถูกพักซื้อขายไปเมื่อ 23 ก.พ. ชี้!! หากจะลงทุน ต้องศึกษาข้อมูลเท็จจริง ที่สอดรับกับปัจจัยพื้นฐานก่อน

(27 ก.พ. 67) รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังหลักทรัพย์บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ถูกหยุดพักการซื้อขายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากมีสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐาน โดยกลับมาซื้อขายได้ตั้งแต่ในภาคเช้าของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไปนั้น

ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลโดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและมีพื้นฐานประกอบ (material information) ก่อนเข้าซื้อ MGI เนื่องจากปัจจุบันค่า P/E และ P/BV อยู่ในระดับ 88.05 เท่า และ 22.64 เท่า ตามลำดับ (ปรับด้วยผลการดำเนินงานงวดปี 2566 แล้ว) โดยเช้าวันนี้ MGI แจ้งสารสนเทศการเปิดตัวงานแกรนด์คอนเสิร์ต อิน ยูเอสเอ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจปกติของบริษัทที่ดำเนินการอยู่แล้วในส่วนของธุรกิจสื่อและบันเทิง

สำหรับสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐานอีก หลักทรัพย์ MGI จะถูกหยุดพักการซื้อขายอีกเป็นเวลา 1 วัน ตามหลักการของมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 (ระดับสูงสุด) ซึ่งในปัจจุบัน MGI ยังคงอยู่ในมาตรการระดับนี้

สรุปสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ MGI โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 6-22 กุมภาพันธ์ 2567 (13 วันทำการ)

- การซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้น เกินปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แม้จะอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย
- ราคาเพิ่มขึ้น 74% จาก 28.75 บาท มาเป็น 50 บาท (All Time New High)
- มูลค่าการซื้อขายในช่วงก่อนเข้ามาตรการระดับสูงสุด สูงอยู่ใน 3 ลำดับแรกของ mai
- เข้ามาตรการกำกับการซื้อขาย 3 ครั้ง (เข้ามาตรการระดับสูงสุด 2 ครั้ง)

‘สุริยะ’ เผยความคืบหน้าปรับปรุง ‘หมอชิต 2’ คาด!! เมษายนนี้ดีขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรีโนเวท

(27 ก.พ.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าการปรับปรุงสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ หรือ หมอชิต 2 ว่า ขณะนี้ได้นำบันไดเลื่อนที่เชื่อมจากอาคารผู้โดยสารไปยังชานชาลาออก พร้อมปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยต่างๆ คาดว่าในช่วงเดือนเมษายนนี้จะดีขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรีโนเวท และกำลังจะจ้างที่ปรึกษา คาดว่าจะภายใน 1 ปีครึ่งจะสามารถทำให้แล้วเสร็จได้ 

นายสุริยะ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะย้ายหมอชิต 2 และสถานีขนส่งภาคตะวันออกกรุงเทพฯ (เอกมัย) ไปรวมกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) โดยจะสร้างเป็นตึกสูง และแต่ละชั้นจะแบ่งโซนภาคให้ชัดเจน รวมถึงจะทำศูนย์อาหารติดแอร์บริเวณโถงกลาง ซึ่งการเดินทางไปยังสถานีกลางบางซื่อนั้นสะดวก สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ทั้งหมดนี้คือแผนที่จะดำเนินการต่อไป 

‘มาคาเลียส’ จัดโปรฯ รับช่วงปิดเทอม คัดสรร 5 ที่พักสุดโดนใจ ลดสูงสุด 10%

เมื่อไม่นานมานี้ ‘มาคาเลียส’ แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย ขนที่พักอิงธรรมชาติ ภูเขา น้ำตก ทะเล จัดโปรโมชั่นรับลมร้อนให้ใจฟู พร้อมต้อนรับแฟมิลี่ช่วงปิดเทอม กับ 5 ที่พักโดนใจ ลดเลย 10% ได้แก่ 

-Sun Marina ชะอำ ติดทะเลชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ห้องพักราคาเริ่มต้น 1,399 บาท/คืน 
-Sonia Residence พัทยา ห้องพักพร้อมสวนน้ำราคาเริ่มต้น 949 บาท/คืน 
-Greenhills Resort ศรีราชา พร้อมสวนน้ำเปิดใหม่ พร้อมกิจกรรม ATV ห้องพักราคาเริ่มต้น 2,499 บาท/คืน 
-Golden Tulip Pattaya Beach Resort พัทยา ติดทะเลวิวสุงอลังการ ห้องพักราคาเริ่มต้น 1,999 บาท/คืน 
-Tomang O Vintage จังหวัดนครนายก ห้องพักราคาเริ่มต้น 1,999 บาท/คืน แถมฟรีกิจกรรมแอดเวนเจอน์ ให้เด็ก ๆ ไปเปิดประสบการณ์กันได้เต็มที่ 

ด่วน!!! วอร์เชอร์มีจำนวนจำกัด จองก่อนรับสิทธิ์ก่อนเฉพาะที่มาคาเลียสเท่านั้น www.makalius.co.th เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 จนครบสิทธิ์ตามจำนวน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทร. 02 821 5215 หรือ Line Official @makalius

'รมว.ปุ้ย' สั่งการ 'ดีพร้อม' เร่งยกระดับศักยภาพโกโก้ไทยสู่การเป็นโกโก้ฮับ พร้อมขานรับนโยบายนายกฯ เร่งผลักดันสระแก้วสู่โกโก้ฮับภาคตะวันออก

(27 ก.พ.67) นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การบริหารงานของ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นในการผลักดันโกโก้ไทยสู่การเป็นโกโก้ฮับ (THAI COCOA HUB) และพืชเศรษฐกิจหลักของไทยทำให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ 

เนื่องจากโกโก้เป็นสินค้าที่มีความต้องการของตลาดโลกสูง มีการจําหน่ายและส่งออกไปยังหลายประเทศในทวีปยุโรป ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ รวมถึงแนวโน้มความต้องการและราคาในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นกว่า 5,800 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 210,000 บาท ต่อตัน ขณะเดียวกันโกโก้ ยังเป็นพืชแห่งอนาคต (Future Crop) สามารถนำทุกส่วนของโกโก้มาแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย อาทิ กลุ่มอาหารที่ให้ประโยชน์สูงต่อร่างกาย (Super Food) โกโก้ผง เนยโกโก้ ช็อกโกแลต เครื่องสําอาง นํ้าหอม จึงส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกโกโก้ในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านภูมิประเทศสามารถปลูกโกโก้ได้ครอบคลุมทุกภูมิภาค  

นับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ รมว.อุตสาหกรรม มุ่งผลักดันให้อุตสาหกรรมโกโก้ของประเทศเติบโตสู่การเป็นโกโก้ฮับ (THAI COCOA HUB) และสามารถแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งสอดรับกับนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการยกระดับศักยภาพโกโก้จังหวัดสระแก้วให้เป็นโกโก้ฮับของภาคตะวันออก ที่มีศักยภาพการเพาะปลูกโกโก้และแปรรูปผลิตภัณฑ์โกโก้ที่มีคุณภาพในภาคตะวันออกของไทย 

ดังนั้น รมว.พิมพ์ภัทรา จึงมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม เร่งนำร่องในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ภายใต้นโยบายการดำเนินงานของดีพร้อม RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยนอุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต ในบริบททางเศรษฐกิจและสังคมโลกยุคใหม่ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถยืนหยัด รับมือ และปรับตัวให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนมีศักยภาพในการแสวงหาโอกาสและผลประโยชน์จากความท้าทายต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น  

นายภาสกร กล่าวต่อว่า ดีพร้อม เร่งเดินหน้าบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วทุกภาคส่วนในการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโกโก้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยนำร่องให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ อำเภอเมือง ผ่านกิจกรรมยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมโกโก้จังหวัดสระแก้ว ด้วยพลังแนวคิดใหม่ให้ดีพร้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานระยะสั้น (Quick Win Plan) ในการขับเคลื่อนการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์โกโก้ของจังหวัดสระแก้วด้วยการยกระดับองค์ความรู้และทักษะด้านการพัฒนาเทคนิคการหมัก การแปรรูปโกโก้ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน และการเพิ่มกลยุทธ์การตลาดด้วยเทคนิคการเล่าเรื่อง (Storytelling)

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมองค์ความรู้สู่การพัฒนาเป็นพลังแนวคิดใหม่ในการประกอบธุรกิจการสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งด้านการผลิต การตลาด การบริหารจัดการในทุกๆ มิติ เพื่อให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้และผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมโกโก้สามารถนําองค์ความรู้ไปต่อยอดในการแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์โกโก้ อันจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในพื้นที่ สามารถขยายโอกาสรองรับกระแสการปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารในกลุ่มซุปเปอร์ฟู้ด (Super foods) ได้อย่างดีในอนาคต และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 3 ล้านบาทต่อปี 

สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ ทางดีพร้อมได้เข้าไปดำเนินการส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและคุณภาพสินค้าเกษตรแปรรูป ด้วยการออกแบบและพัฒนาต้นแบบ 'เครื่องผ่าผลสดโกโก้' ซึ่งนวัตกรรมและการจัดการเกษตรอุตสาหกรรมสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผ่าผลสดโกโก้ จากเดิมใช้ระยะเวลาผ่าผลสด 20 วินาทีต่อลูก มาผ่าเป็นผลโกโก้ได้มากกว่า 1,440 ลูกต่อวัน แทน รวมถึงลดการเกิดข้อผิดพลาดจากการทำงานของคน ช่วยให้ลดต้นทุนการผลิตลงได้กว่า 2 ล้านบาทต่อปี และสร้างโอกาสในการขายได้กว่า 10 ล้านบาทต่อปี 

ขณะเดียวกัน ดีพร้อม ยังได้ปรับเปลี่ยนตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้วยการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ จังหวัดสระแก้ว โดยเน้นความร่วมสมัย แต่ยังคงรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับของเดิมเพื่อให้ลูกค้าสามารถเชื่อมโยงมายังตราสินค้าใหม่ได้ และปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ชาจากเปลือกเมล็ดโกโก้ โดยเลือกใช้ถุงอะลูมิเนียมฟรอยด์ทึบ 2 ด้าน มีซิปล็อกในตัว มีคุณสมบัติกันน้ำ กันออกซิเจน และกันแสงได้เป็นอย่างดี พร้อมออกแบบให้บรรจุภัณฑ์มีความน่าสนใจสื่อถึงผลิตภัณฑ์และสะดวกสำหรับการขนส่ง ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าได้กว่า 5 ล้านบาทต่อปี

นายภาสกร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในระยะถัดไป ดีพร้อมเตรียมต่อยอดพัฒนาหนังเทียมจากเปลือกโกโก้ให้มีคุณภาพให้กับวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ จังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคปัจจุบันโดยนำนวัตกรรมและการออกแบบมาประยุกต์ใช้กับวัสดุทางทุนวัฒนธรรมของชุมชน ซึ่งคาดว่าระยะเริ่มต้นจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกได้กว่า 20 ล้านบาท และในระยะยาวจะดำเนินการจัดทำพิมพ์เขียวธุรกิจ (Business Blueprint) ของวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ เพื่อเป็นแบบแปลนในการวางระบบให้องค์กรก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมเป็นต้นแบบขยายผลการขับเคลื่อนส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์โกโก้ในพื้นที่ทั่วประเทศต่อไป คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาพรวมได้กว่า 8,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ดีพร้อมได้วางเป้าหมายขยายผลการดำเนินงานไปยังผู้ประกอบการพื้นที่ภาคตะวันออกในจังหวัดจันทบุรี ในการส่งเสริมและพัฒนายกระดับกลไกสนับสนุนการดำเนินธุรกิจด้วยเครือข่ายหน่วยงานและผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรม (RISMEP) โดยเบื้องต้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้สังกัดดีพร้อม ร่วมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่เข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำในทุก ๆ มิติ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อาทิ การยกระดับศักยภาพให้แก่ผู้เพาะปลูก การตลาด การขออนุญาตจัดตั้งสถานที่ผลิต การแปรรูปผลิตภัณฑ์โกโก้ การขอมาตรฐาน อย. และเทคนิคการปรับปรุงพัฒนาถังไม้หมัก/บ่มโกโก้ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโกโก้สู่เชิงพาณิชย์ต่อไป

'พีระพันธุ์' จี้!! แหล่งก๊าซเอราวัณให้ขุดได้ตามเป้า ตัวแปรสำคัญช่วยคงค่าไฟงวดหน้าไม่สูงกว่าเดิม 

(27 ก.พ.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้กล่าวถึงอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม 2567 ว่า ตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้เพราะเป็นห่วงพี่น้องประชาชนตลอดเวลา ทั้งนี้หลังจากที่ตนและผู้บริหารกระทรวงพลังงานโดยเฉพาะปลัดกระทรวง นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรี (นายณอคุณ สิทธิพงษ์) และประธานคณะกรรมการ กกพ., นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ รวมทั้งคณะกรรมการ กกพ. และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านได้ร่วมกันพยายามหาทางให้อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนมกราคมถึงเมษายน 2567 ไม่สูงถึงหน่วยละ 4.68 บาท อย่างที่เคยเป็นข่าว 

แม้จะมีปัจจัยลบจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาการขุดก๊าซจากอ่าวไทยที่ขาดหายไปเป็นจำนวนมากพอสมควร ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซที่มีราคาแพงมาชดเชยในช่วงเวลาดังกล่าว แต่เมื่อทุกฝ่ายช่วยกันบริหารจัดการปัจจัยต่าง ๆ อย่างจริงจังแล้ว ก็สามารถทำให้อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่หน่วยละ 4.18 บาท และยืนอัตราหน่วยละ 3.99 บาทสำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง ทำให้ประชาชนไม่เดือดร้อนจากอัตราค่าไฟฟ้าในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2567 มากนัก 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก กกพ. จะมีการปรับค่าเอฟทีสำหรับการกำหนดค่าไฟฟ้าทุก 4 เดือน ดังนั้นอัตราค่าไฟฟ้าหน่วยละ 4.18 บาท ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนเมษายน 2567 นี้ ก็จะต้องมีการปรับอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดต่อไปคือ งวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2567 กันใหม่อีกในเร็ว ๆ นี้ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จะพยายามคงอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม 2567 ไว้ในอัตราเดิม คือหน่วยละ 4.18 บาท ให้ได้มากที่สุด ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้เพราะทาง ปตท. สผ. ยืนยันว่าจะสามารถขุดก๊าซจากอ่าวไทยที่ขาดหายไปจำนวนมากกลับคืนมาได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป ซึ่งตนเองจะเดินทางไปดูการทำงานของ ปตท.สผ. ที่หลุมขุดเจาะเอราวัณกลางอ่าวไทยในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้มั่นใจว่า ปตท.สผ. จะสามารถดำเนินการได้ตามที่รับปากไว้ และยังมีแนวโน้มว่าปัจจัยอื่นน่าจะเป็นบวกมากกว่าในงวดเดือนมกราคมถึงเมษายน 2567 อีกทั้งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับปากว่าจะพยายามยืนอัตราค่าไฟฟ้าไว้ในอัตราเดิม ตนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะไม่เจอกับปัญหาการขึ้นค่าไฟฟ้าในงวดระยะเวลาดังกล่าว 

“เราเป็นห่วงประชาชน จึงพยายามอย่างยิ่งที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานของประชาชนซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญลงให้ได้ โดยใช้มาตรการทุกอย่างที่ทำได้ภายใต้โครงสร้างปัจจุบันก่อนที่จะรื้อทั้งระบบภายในปีนี้” นายพีระพันธุ์ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top