Saturday, 10 May 2025
Econbiz

จับตา 5 เทรนด์ธุรกิจร้านอาหารยุคหลังโควิด ฝ่ามรสุม 'แข่งดุ-ต้นทุนพุ่ง-พฤติกรรมคนเปลี่ยน'

ไม่นานมานี้ Krungthai COMPASS ได้ประเมินว่า ตลาดร้านอาหารในประเทศไทยปี 66-67 จะเติบโตราว 7.8% (YoY) และ 5.8% (YoY) โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 6.2 และ 6.5 แสนล้านบาท ได้แรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่จะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น จากการที่ผู้คนเริ่มกลับมาใช้บริการร้านอาหารเป็นปกติมากขึ้น รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 66-67 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องเป็น 29.0 และ 35.5 ล้านคน ตามลำดับ

ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ยังได้ประเมิน 5 เทรนด์ของธุรกิจร้านอาหารในยุคหลังโควิดที่น่าจับตาไว้ด้วย ดังนี้...

1. Dining Experience ร้านอาหารที่สามารถมอบประสบการณ์แปลกใหม่ น่าจดจำ แต่เข้าถึงง่ายนั้นมีแนวโน้มฟื้นตัวจากช่วงโควิด-19 ได้เร็วกว่า โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารที่ได้รับ Michelin Guide ที่ถูกค้นหามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

2. Health & Wellness Cuisine เมื่อผู้คนต่างดูแลสุขภาพกันมากขึ้น อาหารที่ดีต้องส่งเสริมสุขภาพ โดย ผลสำรวจผู้บริโภคอเมริกันกว่า 1,000 คน ได้ให้นิยามของ ‘Healthy Food’ ว่าจะต้องเป็นอาหารที่ ‘สดใหม่-มาจากธรรมชาติ-น้ำตาลน้อย-ใช้แหล่งโปรตีนคุณภาพดี’

3. Elderly Food ร้านอาหารเพื่อดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุมีโอกาสกลายเป็น Segment ดาวรุ่งในระยะถัดไป จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย

4. Robotics in Restaurant ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง คือ 2 แรงผลักดันสำคัญให้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในธุรกิจร้านอาหาร

5. Sustainable Food 70% ของผู้บริโภค Gen ใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืนทางอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาจากขยะอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste) ทำให้เทรนด์พฤติกรรมการบริโภคอาหารแบบรักษ์โลกมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

‘พ่อค้าแม่ค้า’ โอด!! ไข่ไก่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ปชช.เดือดร้อนกันถ้วนหน้า วอนรัฐบาลใหม่ช่วยดูแลด่วน

(12 ก.ย.66) ที่ร้านขายไข่ไก่ตลาดเช้าเทศบาลเมืองเลย ร้านศูนย์ไข่เมืองเลย พบว่า ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นราคาต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน พ่อค้าแม่ค้าขายข้าวแกง ร้านเบเกอรี่ ต่างได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากราคาไข่ปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาไข่เบอร์ 0 จำหน่ายยกแผง 145 บาท ครึ่งแผง 75 บาท ราคาขายปลีกพุ่งฟองละ 6 บาท ราคาแพงสุดในรอบ 30 ปี ราคาไข่ไม่เคยแพงถึงแผงละ 145 บาท

นายไพโรจน์ แดงพูลผล เจ้าของร้านศูนย์ไข่เมืองเลย เผยว่า ราคาในช่วงนี้ราคาไข่ไก่ทั้งไข่เป็ดราคาขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีท่าทีว่าจะลงอีก ซึ่งมีหลายปัจจัย อย่างในช่วงนี้ เป็นช่วงเปิดเทอม และสภาวะไข่ที่อยู่ในตลาดปริมาณไม่เพียงพอกับการบริโภค รวมทั้งวัตถุดิบต่างๆ ราคาก็สูงขึ้น เกษตรกรในช่วงพักที่ผ่านมา ทั้งอาหารสัตว์ อุปกรณ์การเลี้ยงชักธงเรียงแถวขึ้นราคา จนเกษตรกรของขึ้นปรับราคา และปศุสัตว์เองวางมาตรการเรื่องการปลดไก่ หรือการปลดอายุไขของไก่ซึ่งได้ปลดไวกว่าเดิม รวมทั้งเข้ามาควบคุมราคารวมกับการค้าภายใน

นางสุพัฒตรา แม่ค้าขายข้าวแกงและทำร้านเบเกอรี่ เผยว่า ต้องยอมรับว่าปีนี้ไข่ไก่ถือว่าแพงที่สุด เป็นประวัติการณ์เท่าที่เคยเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง และเปิดร้านเบเกอรีมากว่า 30 ปี จากที่เคยซื้อไข่ไก่อย่างสบายกระเป๋า วันนี้กลายเป็นอาหารที่แสนแพงไปแล้วกับคนที่หาเช้ากินค่ำ อาหารประเภทไข่กลายเป็นอาหารที่แพงไปแล้ว อย่างดูราคาไข่วันนี้ เบอร์ 0 ราคา 145 บาท ครึ่งแผง 75 บาท ขายปลีกราคาใบละ 6 บาท เบอร์ 1 ราคา 135 บาท เบอร์ 2 ราคา 130 บาท และอย่างเราต้องค้าขายใช้ไข่จำนวนมากในแต่ละวัน ทั้งทำไข่พะโล้ ทำขนมปัง ทำเค้ก กระทบต่อต้นทุนอย่างมาก โดยทางร้านยังขายไข่ดาว ไข่ต้ม ไข่พะโล้ ใบละ 10 บาท แม้ราคาต้นทุนใบละ 6 บาท ขายพร้อมข้าวแกงจานละ 45 บาท ลูกค้าบางคนยังบ่นว่าแพงเลย ทุกวันนี้ข้าวของทุกอย่างขึ้นราคาหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล และไข่ไก่ จึงอยากจะฝากถึงรัฐบาลใหม่ช่วยมาลงมาดูเรื่องในเรื่องนี้ด้วย ประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้ากันแล้ว

'สุกี้ตี๋น้อย' เตรียมเปิดร้าน 'ข้าวแกงตี๋น้อยปันสุข' ราคาเริ่มต้น 39 บาท เปิดให้บริการ 13 ก.ย.นี้

(12 ก.ย.66) เพจเฟซบุ๊ก 'สุกี้ตี๋น้อย' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

สุกี้ตี๋น้อย ขอแนะนำ ‘ข้าวแกง ตี๋น้อยปันสุข’ โปรเจกต์เล็กๆ ที่ตั้งใจทำ โดยนำวัตถุดิบตัดแต่งจากสุกี้ตี๋น้อย มาปรุงเป็นกับข้าวอร่อยๆ #เนื้อเน้นๆ และไม่หวังกำไร แค่อยากปันสุขให้กับทุกๆ คนครับ 🙏🏻🤍

❤️เปิดบริการวันที่ 13 ก.ย. 66 นี้
#เปิดวันแรก #ทานฟรี! 😍 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. จนกว่าสินค้าจะหมด 

❤️วันที่ 14 ก.ย. 66 เป็นต้นไป เปิดบริการ 07.00 - 18.00 น.   
เมนูให้เลือกกว่า 14 เมนู ราคาประหยัด เริ่มต้นเพียง 39 บาทเลือกได้ทุกเมนู🤩
ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด ก็มีให้เลือก🥘

ราคาประหยัดปันสุข ❤️
ราดข้าว 1 เมนู 39.- 
ราดข้าว 2 เมนู 45.-
ราดข้าว 3 เมนู 50.-

เมนูกับข้าวราคา 39 บาท (ไม่ราดข้าว)

เปิดให้บริการวันจันทร์ - เสาร์ 
เวลา 07.00 น. - 18.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์)

สถานที่บริเวณด้านข้างสาขาเลียบทางด่วน 1 
แผนที่ : https://goo.gl/maps/CBAvrUYv64ZQkkzbA

🚩อร่อยคุ้มค่าราคาประหยัด แบ่งสุขปันสุขที่ ข้าวแกงตี๋น้อยปันสุข
#ข้าวแกงปันสุข
#สุกี้ตี๋น้อย
#อาหาร

‘ท็อป-จิรายุส’ กร้าว!! 5 ปีข้างหน้า ทักษะเดิมๆ อาจเสื่อมถอย หลัง AI พร้อมสะเทือน ‘ทุกอาชีพ-ทุกวงการ’ แม้แต่เก้าอี้ ‘นายกฯ’

เมื่อไม่นานนี้ ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง ได้กล่าวในงานสัมมนา ‘Revolution AI : เปลี่ยนโลกธุรกิจ’ จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งเขาได้กล่าวถึงการที่เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) จะเข้ามาเปลี่ยนโลกให้หมุนเร็วขึ้น และผู้คนก็จำเป็นต้องเตรียมปรับตัวตามให้ทัน

ท็อป กล่าวอีกว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า ความสามารถของมนุษย์ราว 44% จะใช้ไม่ได้อีกแล้วในโลกอนาคต และที่สำคัญได้พยากรณ์ไปในอีก 4 ปีข้างหน้าด้วยว่า ผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนถัดไปของไทย ต้องเป็นผู้ที่มีพลังในการกุม AI ไว้ได้

“ในอีก 5 ปีข้างหน้า ความสามารถประมาณ 44% ของพวกเราทุกคน จะใช้การไม่ได้แล้ว ซึ่ง 44% นี้ เทียบได้เกือบครึ่งนึงของความสามารถที่เราทุกคนมีอยู่ ณ ขณะนี้ เพราะ AI กำลังจะเข้ามาแทนที่มนุษย์ด้วยโซลูชันและเทคโนโลยี ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกระบวนการทำงาน รวมถึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและลักษณะของคน”

“อีกทั้ง 1 ใน 3 ของประชากรโลก ในอีกระยะเวลาไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2030 อาจจะต้องกลับไปเรียนหนังสือใหม่ เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ ให้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เพราะในอีก 5-10 ปีข้างหน้าโลกจำเป็นต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ทักษะในการแบ่งหมวดหมู่ประเภท’ (Skill Taxonomy)”

ท็อป มองว่า ในอนาคต โลกจะไม่มีสิ่งที่เป็น ‘ทักษะหรือความสามารถในแต่ละสายอาชีพ’ (Hard Skills) หรือ ‘ทักษะด้านเทคนิค’ (Technical Skills) จะเหลือเพียงแค่ ‘ทักษะทางสังคมที่ใช้เพื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้คน’ (Soft Skill) เท่านั้น ดังนั้นมนุษย์ควรจะพัฒนาให้ ‘ทรัพยากรมนุษย์’ (Human Capital) มีทักษะในการสื่อสารที่ดีขึ้น เพิ่มทักษะภาวะผู้นำ หรือทักษะในการทำงานเป็นทีมที่ดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้นั้น ล้วนเป็น Soft Skill ทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า ทักษะด้านเทคนิคยังจำเป็นอยู่หรือไม่? ท็อป กล่าวว่า ต้องกลับไปในยุคสมัยที่มีการแท่นพิมพ์ขึ้น ทำให้การผลิตหนังสือพิมพ์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ ทำได้ง่าย รวดเร็ว และประหยัดต้นทุนไปได้มาก ส่งผลทำให้คนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาและความรู้ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

ต่อมา เมื่อเข้าสู่ยุคของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตได้มีการทำให้ข้อมูลมีความเป็นประชาธิปไตย (Democratization of information) มากขึ้น รวมถึงการติดต่อสื่อสารที่ในยุคสมัยใหม่ สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย และง่ายดายมากยิ่งขึ้น แถมยังฟรี ไม่เสียเงินมากเท่าสมัยก่อนอีกด้วย ขณะเดียวกัน ตอนนี้

หลังจากนั้น ก็มี ‘ระบบจัดการฐานข้อมูลชนิดพิเศษ’ อย่าง Blockchain ซึ่งองค์กรน้อยใหญ่ บริษัท อสังหาริมทรัพย์ โครงการสกุลเงินดิจิทัล (CBDC) คาร์บอนเครดิต ต่างก็หลั่งไหลเข้ามา ช่วยเปลี่ยนมูลค่าทุกอย่างให้กลายเป็นดิจิทัล

เมื่อถามถึงวาระสำคัญอย่าง AI ที่เริ่มโดดเด่นขึ้นมาในโลกยุคนี้และกำลังเข้ามามีบทบาทต่อเศรษฐกิจ สังคม และผู้คนมากขึ้น จะมอบประโยชน์อะไรให้กับโลก? ท็อป กล่าวว่า “AI จะเข้ามาเพิ่มความสามารถด้านเทคนิคในการทำให้ข้อมูลเป็นกลางมากยิ่งขึ้น เราจะคัดกรองข้อมูลได้เร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทุกอย่างที่เป็นความสามารถเฉพาะทางเทคนิก AI สามารถที่จะทําได้แล้ว แปลว่าในอนาคต เราทุกคนจะต้องพัฒนาทักษะความสามารถ เพื่อให้สามารถเข้าถึง AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า”

เมื่อถามถึง AI ต่อการศึกษาในอนาคต? ท็อป มองว่า "การศึกษาในอนาคตก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน เราสามารถพัฒนาการศึกษาให้ดีขึ้นได้ด้วย AI ลดปัญหาของการศึกษา โดยการใช้วิธี ‘2 Sigma Problem’ คือ การสอนเด็กแบบตัวต่อตัว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการสอนแบบกลุ่ม ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถผลิตเด็กที่มีความรู้ความสามารถแบบพิเศษได้มากขึ้น เช่น การที่จะทำให้เกิดการสอนแบบตัวต่อตัวนั้น หากเป็นอาจารย์ที่เป็นมนุษย์จริงๆ อาจจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากคนไม่เพียงพอ แต่หากใช้ระบบ AI เข้ามาช่วย จะสามารถช่วยให้การศึกษาแบบตัวต่อตัวนี้เป็นจริงขึ้นมาได้

“แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์ หรือครูผู้สอนจะตกงาน เพราะการที่มี AI เข้ามาช่วยนั้น จะทำให้อาจารย์ผู้สอนกลายเป็นอาจารย์ที่ดีขึ้นด้วยซ้ำไป เพราะนอกจากเด็กนักเรียนที่จะมีอาจารย์ผู้สอนแบบตัวต่อตัวที่คอยสร้างสมดุลของไอเดีย เป็นติวเตอร์ส่วนตัวแล้วนั้น อาจารย์ก็จะมี AI เป็น ‘ผู้ช่วยสอนส่วนตัว’ (Teacher Assistant) ที่จะคอยเตรียมเอกสารประกอบการเรียนการสอน หรือแม้แต่สอนเทคนิคต่างๆ ที่มีประโยชน์ให้แก่อาจารย์ ทำให้ประสิทธิภาพในการสอนของอาจารย์ดีมากขึ้นอีกด้วย”

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่ AI จะเข้ามาทำให้ระบบการศึกษากลายเป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดที่เปิดกว้างต่อคนทุกวัยมากขึ้นใช่หรือไม่? ท็อป กล่าวว่า “เป็นไปได้มาก เพราะในอนาคต ลูกค้าของมหาวิทยาลัยต่างๆ ไม่ได้มีเพียงแค่เด็กมัธยมอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นพวกเราทุกคน เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ทักษะปัจจุบันครึ่งนึงของพวกเราจะใช้การไม่ได้แล้ว พวกเราทุกคนจึงต้องพัฒนาทักษะความรู้ในเท่าทันโลกแล้ว ซึ่งตรงนี้ถือเป็นแพลตฟอร์มการศึกษาแห่งอนาคตที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการช่วยส่งเสริม เพิ่มพูนทักษะความรู้ของมนุษย์แต่ละคน”

ไม่ใช่แค่การศึกษาที่จะเปลี่ยนไป เพราะแม้แต่โลกของอุตสาหกรรมการผลิต ก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน โดย ท็อป ชี้ว่า “ขีดความสามารถของเครื่องจักรในอนาคตนั้นเริ่มมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถในการผลิตสินค้า สามารถผลิตได้มากขึ้น ด้วยต้นทุนที่ถูกลงเรื่อยๆ ทุกปี อีกทั้งราคาสินค้ายังถูกลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงงานบริการในอนาคตอีกเช่นกันที่ AI จะเข้ามามีความสามารถทางเทคนิคโดยอัตโนมัติ แทนที่มนุษย์ทั้งหมด” ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ท็อปพยายามย้ำว่า ทำไม Soft Skill ถึงสำคัญมากในอนาคต

เมื่อถามถึง AI จะมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีของไทยในอนาคต? ท็อป เผยว่า “ในอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้า นายกรัฐมนตรีคนถัดไป อาจจะเป็นผู้ที่มี AI Power มากที่สุด เพราะเทคโนโลยี มีผลต่อการเลือกตั้งทุกยุคทุกสมัย ยุคแรกใครมีป้ายหาเสียงที่อยู่ตามท้องถนน สถานที่ดีๆ คนเห็นเยอะๆ ได้เป็นนายกฯ แต่ในยุคสมัยปัจจุบัน ใครที่เก่งเรื่องโซเชียลมีเดียมากๆ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้เป็นนายกฯ เป็นต้น”

‘เอ็กโก กรุ๊ป’ จัดกิจกรรม ‘EGCO Company Visit 2566’ ต้อนรับนักลงทุนเยี่ยมชมกิจการ พร้อมเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส 

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุนเข้าเยี่ยมชมกิจการ ในกิจกรรม EGCO Company Visit ประจำปี 2566 ณ อาคารเอ็กโก สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ โดยมีคณะผู้บริหาร นำโดยนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป พร้อมทั้งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบัญชีและการเงิน และสายงานปฏิบัติการ ร่วมให้การต้อนรับ รวมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมบริษัท ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา และทิศทางในการดำเนินธุรกิจ โดยกิจกรรม EGCO Company Visit ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้พูดคุยและซักถามข้อมูลกับคณะผู้บริหารของเอ็กโก กรุ๊ป โดยตรง เพื่อส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ทั่วถึง และเท่าเทียม ตามหลักการกำกับกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักลงทุนและเอ็กโก กรุ๊ป อีกด้วย

ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าและพลังงานครบวงจรมากกว่า 31 ปี เอ็กโก กรุ๊ป ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นหนึ่งในรากฐานการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ทั่วถึง และเท่าเทียม ผ่านฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และในเว็บไซต์ของเอ็กโก กรุ๊ป (www.egco.com) รวมถึงการจัดและเข้าร่วมกิจกรรมอย่างหลากหลายและต่อเนื่อง เพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ เช่น โครงการผู้ถือหุ้นเยี่ยมชมโรงไฟฟ้า (EGCO Site Visit) กิจกรรมนักลงทุนเยี่ยมชมกิจการ (EGCO Company Visit) การเข้าร่วมกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น

'ปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ' การันตีปลอดจากสารพิษ ทำขายเองกว่า 16 ปี สร้างรายได้กว่า 2 แสน/เดือน

ที่บ้านควนไสน หมู่ที่ 9 ตำบลควนสตอ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ที่นี่เป็นบ้านของ ‘ก๊ะบ๊ะ’ หรือ นางสุไวบ๊ะ ดาแลหมัน อายุ 44 ปี เจ้าของปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ มีปลาเค็มแดดเดียวจำนวนมากมายหลากหลายชนิดนับ 1,000 กิโลกรัมตากเพื่อรอเวลาในการเก็บไปขายยังตลาดนัดในหมู่บ้าน เหมือนกับปลาเค็มทั่วไป

แต่! ปลาเค็มที่นี่มีความพิเศษคือเป็นปลาเค็มในมุ้ง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘ปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ’ แม่ค้าปลาเค็มที่นี่จะทำปลาเค็มเอง ขายเองมานานกว่า 16 ปี งานนี้การันตีเต็มร้อยว่าเป็นปลาเค็มที่นี่ปลอดจากสารพิษ และเป็นปลาที่ไม่เค็มเกินไป

ที่นี่มีปลาหลากหลายชนิดที่นำมาทำปลา ไม่ว่าจะเป็นปลาจวด ปลาหลังเขียว ปลาหลังแข็ง นอกจากนี้ยังมีปลาสละ หรือปลาสีเสียดขาว ตัวโตแบบผ่าหลังจำหน่ายด้วย ปลาเนื้อแดดเดียว ปลาเนื้อนิ่ม โดยเฉพาะปลาเนื้อส้ม กล้าพูดเต็มปากเลยว่ามีที่ตนทำเพียงรายเดียวในจังหวัดสตูล ส่วนราคาก็จะแตกต่างกันไป

โดยปลาหลังเขียวขายดีสุดกิโลกรัมละ 70 บาท ปลาหลังแข็งกิโลกรัมละ 80 บาท อันนี้ก็ขายดี นอกจากนี้ปลาจวดกิโลกรัมละ 100-120 บาท ส่วนปลาสีเสียดกิโลกรัมละ 100 บาท และปลาสละ หรือปลาสีเสียดขาว ตัวโตกิโลกรัมละ 200 บาท

ทางร้านจะทำปลาสองอาทิตย์ประมาณ 2,000 กิโลกรัม โดยเป็นปลาของชาวประมงในพื้นที่จังหวัดสตูลที่นำมาส่งให้ถึงที่ ปลาก็จะทำกันเองสองคนสามีเพราะเป็นธุรกิจในครัวเรือน และออกไปขายกันเองที่ตลาดนัดดุสน ตลาดนัดควนโดน และตลาดนัดฉลุง ซึ่งเป็นตลาดในชุมชนหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าสั่งมาจากต่างจังหวัด รวมทั้งประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้านก็จะหิ้วกลับไปคนละ 50 - 100 กิโลกรัมก็มี

อนาคตวางแผนว่าจะให้บุตรสาวที่กำลังเรียนใกล้จะจบการศึกษามาต่อยอด ทำการค้าผ่านธุรกิจออนไลน์ด้วย เพราะรุ่นตนยอมรับว่าไม่ค่อยถนัด

นางสุไวบ๊ะ ดาแลหมัน อายุ 44 ปี เจ้าของปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ บอกว่า จุดเริ่มต้นของอาชีพนี้ด้วยพ่อแม่ยากจนมาก เลี้ยงลูก 6 คน ด้วยปลาเค็ม ทานไปทานมาแพ้ปลาเค็มจนปากเจ่อ จึงเกิดแนวคิดที่จะทำปลาเค็มเอง จึงทดลองทำจาก 20-30 กิโลกรัมแรกๆ ให้เพื่อนบ้านทดลองทานบ้าง หลายคนว่าอร่อยจนมั่นใจจึงยึดเป็นอาชีพ ทำสองคนสามี มาวันนี้สามารถเลี้ยงบุตร 3 คนได้อย่างสบาย และมีที่ดิน 2 ไร่ที่ขยายกิจการ ทำกางมุ้งเพื่อหวังให้คนบริโภคได้ทานอย่างมั่นใจ รายได้ต่อเดือนไม่หักค่าใช้จ่าย 200,000 บาท

มาวันนี้บวกกับได้คู่ชีวิตที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ช่วยกันทำปลาเค็มกางเค็มกางมุ้งบนพื้นที่ 2 ไร่เพื่อป้องกันแมลงวันและแมลงหลากหลายชนิดโดยไม่ต้องพึ่งยา บนพื้นที่นี้ยังมีน้องสามีมาทำด้วยอีกแรง นอกจากนี้ยังทำแบบครบวงจร คือมีบ่อบำบัดน้ำเสีย ไหลสู่แปลงผักบุ้งเป็นปุ๋ย ที่โตเก็บไปให้อาหารปลาดุก และแพะ เป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย

สำหรับท่านใดที่สนใจปลาเค็มกางมุ้งสูตรต่าง ๆ สามารถโทรติดต่อได้ที่ 065-057-4781 หรือที่เบอร์ 062-359-9674 หรือที่เฟส สุไวบ๊ะ ดาแลหมัน

‘ประธานไมเนอร์’ มั่นใจ ท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มดี อานิสงส์ ‘ไทย-ซาอุฯ’ ฟื้น และ นทท.จีนเริ่มกลับมา

(13 ก.ย. 66) นายวิลเลียม ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดีอาระเบียและนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา

“เราเห็นการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียในไทย โดยปัจจุบันมีเที่ยวบินจากไทยมาไทยวันละ 2 เที่ยว” นายไฮเน็คกล่าวนอกรอบงานสัมมนา Forbes Global CEO Conference ณ ประเทศสิงคโปร์

“นักท่องเที่ยวจะมาเพิ่มอีกและจะมีอุปสงค์มหาศาล… ไทยกลายเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับคนจำนวนมากทั่วโลก ดังนั้นเราจึงมีมุมมองเชิงบวกอย่างมาก” นายไฮเน็คกล่าว พร้อมระบุเสริมว่ามีคนจากยุโรปตะวันออก รัสเซีย และยูเครนเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเพิ่มมากขึ้น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีไทยและเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียได้ลงนามฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว หลังมีปัญหากันนานถึง 30 ปี

กระทรวงการท่องเที่ยวไทยระบุว่า ยอดนักท่องเที่ยวจากรัสเซียทะลุ 800,000 รายในเดือน ม.ค. – ก.ค.ปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าจาก 77,935 รายในช่วงเดียวกันของปี 2565

เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจากยูเครนที่เพิ่มขึ้นแตะ 20,507 รายในเดือนม.ค. – ก.ค.ปีนี้ เทียบกับ 7,967 รายในช่วงเดียวกันของปี 2565

'ไทย' หวัง!! รัฐบาลใหม่ ฟื้น FTA 'ไทย-อียู' อีกฟันเฟืองกอบกู้เศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่พูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น รัฐบาลใหม่ กับการฟื้นสัมพันธ์ FTA ไทย-อียู เมื่อวันที่ 17 ก.ย.66 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

สหภาพยุโรป (European Community) เป็นการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ทั้งในด้านความกว้างและความลึก กล่าวคือ มีประเทศสมาชิก 27 ประเทศ GDP รวมกันเป็นประมาณ 15 % และคิดเป็นอันดับ 3 ของโลก ในเชิงลึก ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปยอมสูญเสียอธิปไตยทางการเงิน โดยใช้เงินสกุลเดียว คือ ยูโร และมี European Central Bank เป็นธนาคารกลาง

แม้ว่าจะเป็นการรวมตัวทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ในทางปฏิบัติได้ก่อเกิดวิกฤตและผลกระทบทางเศรษฐกิจมากมาย...วิกฤตหนี้ยูโร เช่นปี 2015 และ Brexit ในปี 2016 ยังอยู่ในความทรงจำของผู้ติดตามเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมของยุโรปอ่อนแอลงกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะหลังปี 2000 เป็นต้นมา เมื่อจีนเปิดเสรีและประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศ ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ทำให้ภาคธุรกิจของยุโรปกลับถูกทิ้งห่างในอุตสาหกรรมใหม่ แม้จะยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเก่าบางสาขา

เดิมทีไทยกับยุโรปมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจมายาวนาน ยุโรปเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย (รองจากจีนและสหรัฐฯ) ยุโรปเป็นนักลงทุนอันดับ 3 ในไทย (รองจากญี่ปุ่นและจีน) แต่ไทยยังไม่สามารถทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรปได้สำเร็จ โดยการเจรจา EU-Thailand FTA ซึ่งเริ่มต้นกว่า 10 ปีมาแล้ว ถูก EU สั่งระงับไปเนื่องจากมีการปฏิวัติรัฐประหารในประเทศไทย ขณะที่ เวียดนามได้บรรลุความตกลง FTA กับ EU สำเร็จแล้ว เมื่อ 2020  ทำให้อุตสาหกรรมเวียดนามสามารถส่งออกไปยัง EU แบบปลอดภาษี และได้เปรียบในเชิงการแข่งขันเหนืออุตสาหกรรมไทย

ถึงกระนั้น ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไทยและ EU กำลังเริ่มกลับมานั่งโต๊ะเจรจา FTA ใหม่ น่าจะถือเป็นผลงานสำคัญชิ้นแรกของรัฐบาลใหม่ที่จะผลักดันให้ FTA กับ EU เกิดผลสำเร็จโดยเร็ว

ธนชาตประกันภัย คว้ารางวัลบริหารงานดีเด่น พร้อมโชว์ฐานะเงินกองทุนสุดปึ๊กสูงถึง 553%

ธนชาตประกันภัย ปลื้ม!! คว้ารางวัล ‘บริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น’ 10 ปีซ้อน 
โชว์ผลงานครึ่งปีแรกได้เบี้ยรับรวมเติบโต 14% มั่นใจดันเบี้ยรับทั้งปี 12,000 ล้านบาท 

เมื่อไม่นานมานี้ นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนชาตประกันภัย เปิดเผยว่า ‘บริษัทฯ ได้รับรางวัล ’บริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ในงานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister’s Insurance Awards) ประจำปี 2566 เป็นรางวัลที่ตอกย้ำความสำเร็จด้านการบริหารงานที่ดี มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในระดับที่ดีมาก ทั้งความมั่นคงทางการเงิน มีหลักธรรมาภิบาลเป็นเลิศ การนำเทคโนโลยีพัฒนาคุณภาพงานผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมให้เป็นแบบอย่างที่ดี’  

ปัจจัยที่ทำให้ธนชาตประกันภัยได้รับรางวัลและผลประกอบการที่ดีขึ้นในทุกปี มาจากการที่บริษัทที่เป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจน ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงรอบด้านอย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นคงทางการเงิน โดยปัจจุบันมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน 553% สะท้อนถึงสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก การเดินหน้าพัฒนางานด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัยมาสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อดูแลความเสี่ยงให้กับลูกค้าได้ครอบคลุมและตรงกับความต้องการ มีความเหมาะสมกับรูปแบบการดำเนินชีวิต ส่วนด้านงานบริการเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นในทุกจุดที่ลูกค้าใช้บริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น ตลอดจนมีประสบการณ์ที่ประทับใจอย่างต่อเนื่อง

นายพีระพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ‘รางวัลที่ได้รับจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเดินหน้าพัฒนางานบริการด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ และสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อไปอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านประกันภัยที่ดีที่สุด โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้คุ้มครองดูแลแล้วกว่า 1 ล้านราย ได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าที่มีต่อบริการของธนชาตประกันภัยผ่านระบบ NPS (Net Promoter Score) ที่ระดับ 68% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าค่ามาตรฐานของธุรกิจประกันภัยระดับโลก ทำให้แบรนด์ ‘ธนชาตประกันภัย’ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับ โดยอยู่ในอันดับท็อป 3 ประกันวินาศภัยที่อยู่ในใจลูกค้า ขณะที่ผลประกอบการช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 5,500 ล้านบาท เติบโต 14% สูงกว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยที่ 5% มีเบี้ยประกันภัยรถยนต์อยู่อันดับ 5 จากทั้งหมด 50 บริษัท และคาดว่าทั้งปี 2566 จะสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ 12,000 ล้านบาทแน่นอน’

‘กรมพัฒนาธุรกิจฯ’ ดัน ‘สมุนไพรไทย’ สู่ซอฟต์พาวเวอร์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รับเทรนด์รักสุขภาพของคนยุคใหม่

(13 ก.ย. 66) นางรวีพรรณ ช้างเย็นฉ่ำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมมีแผนที่จะส่งเสริมการตลาดสินค้า ‘สมุนไพรไทย’ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน มีคณะกรรมการนโยบายและสมุนไพรแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดสมุนไพร มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน มีกรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นฝ่ายเลขานุการ ทำหน้าที่ส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งในและต่างประเทศ และกำหนดช่องทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อผลักดันสมุนไพรไทยให้เป็น Soft Power ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกรายการหนึ่ง

สำหรับการขับเคลื่อนสมุนไพรไทย ได้มีการกำหนดมาตรการผลักดันสมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ประเทศด้านอาหารและวัฒนธรรมไทย โดยบูรณาการประเด็นสมุนไพรร่วมกับอาหาร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ผลักดันคุณค่าของสมุนไพรไทยร่วมกับอาหารไทย ตอบรับกระแสนิยมด้านรักสุขภาพ นำเสนอเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรไทย ชูสรรพคุณที่มีคุณประโยชน์เจาะกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะด้าน เช่น เพิ่มภูมิคุ้มกัน Plant-based และผู้สูงอายุ

ส่วนด้านการตลาด จะมีการศึกษาความต้องการของตลาด กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมการใช้การตลาดออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ สร้างเรื่องเล่าดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค เน้นขยายตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรกลุ่มเวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชนกลุ่มสมุนไพร รวมทั้งสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์สมุนไพร

นอกจากนี้ จะเร่งการพัฒนาตราสัญลักษณ์คุณภาพสมุนไพรที่เป็นที่ยอมรับ โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการสมุนไพรเพื่อมอบรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ ซึ่งสัญลักษณ์ของรางวัลมีแนวคิดการออกแบบมาจากรูปแบบของไผ่ที่สานเป็นรูปดวงดาวของเหลว และกราฟิกรูปหัวใจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพร

ทั้งนี้ ในส่วนของกรม จะเดินหน้ายกระดับศักยภาพด้านการตลาดของผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร สร้างภาพลักษณ์ที่ดี สะท้อนคุณค่า และความน่าเชื่อถือผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมทั้งขยายโอกาสทางการค้าให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ในการกำหนดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการเป็นตลาดสมุนไพรของอาเซียน

ทางด้านผลการทำงาน ในปี 2565 ที่ผ่านมา ได้สร้างภาพลักษณ์และการรับรู้คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย โดยสร้างเรื่องเล่าให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร 22 ผลิตภัณฑ์ เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบมาจาก Herbal Champion ได้แก่ ขมิ้นชัน กระชายดำ และบัวบก พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ผ่านออนไลน์และเครือข่ายพันธมิตร และนำผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีศักยภาพขยายตลาดเชิงรุกเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคโดยตรง ผ่านงานแสดงสินค้าต่าง ๆ และการเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้จัดจำหน่าย สามารถสร้างมูลค่าการค้าได้มากกว่า 15 ล้านบาท โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ยาดม น้ำมันหอมระเหย และเครื่องสำอาง สมุนไพรจากน้ำนมข้าว และในปี 2566 ได้นำผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 เมื่อเดือน พ.ค. 2566 จำนวน 42 ราย สามารถสร้างมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 203.31 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้รับความนิยม 5 อันดับ ได้แก่ ขมิ้นชันผง น้ำมะขามป้อม ขนมจากขิง เครื่องดื่มจากจมูกข้าว และเครื่องแกง ตามลำดับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top