Friday, 16 May 2025
Econbiz

ระดับบิ๊กๆ ทั้งนั้น!! 'ต่อตระกูล' ย้ำข่าวดี!! นักธุรกิจจีนทั่วโลกนับพันมาไทย ประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลกที่ศูนย์สิริกิติ์ 24-26 มิ.ย.นี้

(10 มี.ค.66) นายต่อตระกูล ยมนาค นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า...

ข่าวดีๆ วันศุกร์ ไทยดึงนักธุรกิจจีน 4,000 คนจากทั่วโลก มาร่วมประชุมในประเทศไทย ปีนี้ ระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน 2566 ในงานการ ประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention-WCEC) ครั้งที่ 16 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดขึ้นโดยหอการค้าจีน-ไทย

สำหรับเป้าหมายงานนี้จัดขึ้น เพื่อสืบสานจิตวิญญาณของนักธุรกิจชาวจีนและมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังนักธุรกิจชาวจีนรุ่นใหม่ในยุคใหม่ เพื่อเป็นกำลังหลักในการพัฒนาคุณภาพสูงของความทันสมัยสไตล์จีนและความเจริญรุ่งเรืองของชาวจีนในอนาคต และสร้างคุณูปการใหม่ให้กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

โดยประเทศไทยเป็นประเทศศูนย์กลางของอาเซียนและเป็นประเทศที่มีนักธุรกิจชาวจีนอาศัยมากที่สุด มีรากฐานอุตสาหกรรมและการค้าที่แข็งแกร่ง และโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ มีความร่วมมืออย่างกว้างขวางกับจีนและโลกในด้านอุตสาหกรรม การพาณิชย์ การเกษตร เทคโนโลยีขั้นสูง พลังงาน การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมใหม่ ๆ

ปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการเชื่อมโยงในเชิงลึกระหว่าง 'ไทยแลนด์ 4.0' เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และ 'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง-BRI' ของจีน รวมถึงการเชื่อมโยงโอกาสจากการพัฒนาอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกงและมาเก๊า การพัฒนาเขตการค้าเสรีไห่หนาน ระเบียงเศรษฐกิจปักกิ่ง เทียนสิน เหอเป่ย์ และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงของจีน นอกจากนี้ จากความก้าวหน้าของ RCEP ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตัวเลือกลำดับแรกสำหรับการลงทุนของนักลงทุนชาวจีน

‘บิ๊กตู่’ ชวนเที่ยวงาน ‘Andaman Craft Festival’ กระตุ้นเศรษฐกิจภูเก็ต พ่วงดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย

(11 มี.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทย ตามยุทธศาสตร์ 5 F เพื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์และสอดคล้องแนวทาง BCG โมเดล จึงสนับสนุนนำซอฟต์พาวเวอร์มาส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ 

โดยเชิญชวนพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมงาน 'Andaman Craft Festival' ที่ลานมังกร ถนนคนเดิน จังหวัดภูเก็ตในวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคมนี้ ซึ่งจัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) เพื่อร่วมกิจกรรมและจับจ่ายใช้สอยผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ที่มาจากวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น ไฮไลท์สำคัญคือ การเปิดตัวกางเกงมวยผ้าไหมไทยตัวแรกของโลก ที่ได้ 'บัวขาว บัญชาเมฆ' หรือ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทยชื่อดังตำนานแชมป์โลก มาเป็นนายแบบ ต่อยอดศิลปหัตถกรรมไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก ภายในงานยังมีกิจกรรมแฟชั่นโชว์ผ้าไทยโดย แอนนา เสืองามเอี่ยม Miss Universe Thailand 2022, ขบวนพาเหรดผ้าไทยและผ้าพื้นถิ่น โดย ไฮดี้ อมันดา Miss Grand Phuket เวิร์กช็อปงานหัตถกรรม และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 7 พันล้านบาท 

เศรษฐกิจไทยฟื้น ‘กสิกรไทย’ เผยความกังวลค่าใช้จ่าย ของครัวเรือนไทยลดลง พบบางกลุ่มยังคงระมัดระวัง ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ดัชนี KR-ECI เดือนก.พ. 66 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันครัวเรือนไทยมีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและราคาสินค้าลดลง

(12 มี.ค. 66) ในเดือนก.พ. 66 ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในปัจจุบันและดัชนี 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องที่ 36.6 และ 38.6 จาก 35.1 และ 37.8 ในเดือนม.ค. 66 โดยครัวเรือนยังคงความกังวลแต่มีระดับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าจากมุมมองที่ดีขึ้นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและราคาสินค้าที่ชะลอลงสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนก.พ. 66 อยู่ที่ระดับ 3.79%YoY เป็นผลจากราคาสินค้าหมวดอาหารสดที่ลดลง เช่น เนื้อสัตว์ ผักสดและผลไม้ และราคาพลังงานที่ชะลอลงตามตลาดโลก

นอกจากนี้ ในเดือนมี.ค. 66 ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับลดลงมาอยู่ที่ 34 บาทต่อลิตร หลังจากถูกตรึงให้อยู่ระดับ 35 บาทต่อลิตรมานาน 7 เดือน อีกทั้ง ภาครัฐยังคงให้การอุดหนุนราคาน้ำมันดังกล่าว เช่น การขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาทออกไปถึงเดือนพ.ค. 66 สำหรับภาคการท่องเที่ยวที่ถือได้ว่าเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและหนุนให้ครัวเรือนมีมุมมองที่ดีเกี่ยวรายได้และการจ้างงานโดยอัตราการว่างงานเดือนม.ค.66 อยู่ที่ 1.2%YoY ขณะที่สาขาที่มีจำนวนผู้ทำงานเพิ่มขึ้น เช่น การขายส่งและขายปลีก ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ทั้งนี้ ในเดือนม.ค. 66 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยมีจำนวนมากกว่า 2 ล้านคนเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศก็สามารถขยายตัวได้แข็งแกร่ง โดยเดือนม.ค.66 การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวไทยมีจำนวน 15.84 ล้านคน-ครั้ง (64.9%YoY) และสร้างรายได้กว่า 70,328.9 ล้านบาท (47.3%YoY)

อย่างไรก็ตาม ครัวเรือนมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาระหนี้ในระยะข้างหน้า สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในประเทศจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยขณะนี้มีอัตราอยู่ที่ 1.50% ต่อปี ซึ่งเป็นต้นทุนทางการเงินของครัวเรือนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองว่า หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในปี 2566 อาจชะลอตัวลงมาที่กรอบ 84.0-86.5% แต่ภาระหนี้ที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูงอาจเป็นข้อจำกัดในการเติบโตของการบริโภคภาคครัวเรือนในอนาคต

เปิดใจให้เมืองไทย ฉายภาพ 'ไทยเที่ยวไทย' ผ่านมุมมองอดีตปลัด ก.ท่องเที่ยวฯ ประสบการณ์ที่คนไทยควรช่วยกันสะท้อน จนต่างชาติอยากตามรอย

(12 มี.ค.66) นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น และอดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้มุมมองถึงภาพรวมพฤติกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00- 08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 66 โดยเน้นย้ำให้คนไทยหันมา 'ไทยเที่ยวไทย' มากขึ้น ไว้อย่างน่าสนใจ...

นายพงษ์ภาณุ มองว่า เรื่องของการท่องเที่ยวเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเพิ่มพูนศักยภาพของบุคคลได้อย่างมาก แม้บางคนอาจจะคิดว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย แต่เปล่าเลย กลับกันการท่องเที่ยวมีความจำเป็น และสร้างประโยชน์ให้กับชีวิตผู้คนได้อย่างมหาศาล 

นายพงษ์ภาณุ กล่าวอีกว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่สำคัญที่ภาคการท่องเที่ยวกำลังกลับมา แต่ไม่ใช่แค่ต่างชาติมาเที่ยวไทย คนไทยก็ควรเที่ยวไทยมากขึ้น เพราะหากดูจากสถิติแล้วคนไทยในปัจจุบันนั้นยังเที่ยวไทยน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่คนไทยนั้นทำงานเก็บเงินกันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่แทนที่จะได้มีโอกาสออกไปท่องเที่ยว โดยเฉพาะเที่ยวไทย 

"เหตุผลที่คนไทยไม่ค่อยเที่ยว เพราะว่าคนไทยมองการท่องเที่ยว เป็นการฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็นกับชีวิต อยากจะเก็บเงินเพื่อออมไว้ให้ลูกหลาน ซึ่งพฤติกรรมนี้มีมานานแล้ว และผมไม่อยากให้คนไทยทำงานหนักเกินไป ควรหาเวลาเติมความสุขให้ชีวิตตัวเองบ้าง เพราะที่ผ่านมาคนไทยนั้นทำงานหนักมาก ถึงเวลาที่คนไทยควรใช้เงินส่วนนี้มาหนุนความสุขให้ชีวิต ขณะเดียวกันนี่ก็จะเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ หนุนเมืองรองอื่น ๆ ในประเทศให้ต่างชาติได้เห็นคุณค่าไปในตัว"

เกี่ยวกับเรื่อง 'เมืองรอง' นายพงษ์ภาณุ เล่าต่อว่า เมืองรอง คือ เสน่ห์ที่ไม่ได้แพ้เมืองหลัก ล่าสุดตนได้ทราบยอดจองการเดินทางและที่พักในหลายๆ เมืองของไทยเพิ่มขึ้นมาไม่แพ้กรุงเทพฯ ซึ่งมองว่า ไทยต้องผลักดันให้เมืองรองเหล่านี้เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพราะประเทศไทยมีอีกหลายพื้นที่ และหลายสิ่งอย่างให้ท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ แต่เริ่มต้นที่คนไทย เที่ยวไทย เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ จากเมืองรองเหล่านั้น แล้วสะท้อนไปสู่สายตาชาวต่างชาติจนอยากตามมา

"อย่าลืมว่า การท่องเที่ยวไทยไม่ว่าจะภาคไหน หรือพื้นที่ไหน ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยเรื่องราวใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ เป็นการเปิดโลก เพื่อสร้างประสบการณ์ในการต่อยอดในชีวิตบนพื้นที่ประเทศไทย เป็นสิ่งที่มอบคุณค่าชีวิตให้กับทุกคนที่มีโอกาสมาเยี่ยมเยือน ซึ่งผมขอย้ำว่าไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย แต่เป็นประสบการณ์อันดี คุ้มค่า และน่าส่งต่อให้สายตาชาวโลกได้เห็น"
 

อัปเดตความคืบหน้า รัฐบาล โชว์ ‘สะพานขึงรถไฟแห่งแรกของไทย’ ใกล้เสร็จ ปักหมุดแลนด์มาร์กใหม่ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ จ.ราชบุรี

(12 มี.ค.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน บูรณาการเชื่อมโยงระบบรางให้ปลอดภัย ทันสมัยและประหยัดเวลาเพื่อรองรับการเดินทาง ท่องเที่ยว ขนส่งสินค้าและบริการ 

สำหรับสะพานขึงรถไฟแห่งแรก มีความยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางสายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร อยู่ในสัญญาที่ 1 นครปฐม-หนองปลาไหล มีความคืบหน้าการก่อสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว  

สะพานรถไฟแบบคานขึงข้ามแม่น้ำแม่กลอง จะกลายเป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจ.ราชบุรี เนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากสะพานรถไฟอื่นทั่วไป โดยสร้างคู่ขนานกับสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ ขนานไปกับสะพานจุฬาลงกรณ์และสะพานธนะรัชต์ ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มายาวนาน ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจ้างงาน และสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับให้เดินหน้าพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาในทุกมิติ 
 

เรื่องดีที่ถูกมองข้าม ส่องเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยตลอด 3 ทศวรรษ  ตอกย้ำ 'ความมั่นคง-มั่งคั่ง' ยากซ้ำรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง

จากผู้ใช้ TikTok ในชื่อ 'RAHMTODAY' ได้นำเสนออีกมุมมองด้านบวกของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะความแข็งแกร่งของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า...

เบื่อไหมครับ ที่เราได้ยินแต่เรื่องไม่ดี ๆ เกี่ยวกับการบริหารประเทศในช่วงเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา เราลองมาฟังในมุมบวกกันบ้าง 

วันนี้ผมจะพูดเรื่องของเงินลงทุนสำรองระหว่างประเทศนะครับ คุณเชื่อไหม วันนี้ประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เท่าจากปี 2540 ซึ่งผมจะยกตัวอย่างในบางปีดังนี้นะครับ

เชิดชูวิถีไทย!! 'จุรินทร์' ควง 'บัวขาว' ลุยงาน 'อันดามันคราฟต์ เฟสติวัล' ชู ‘ศิลปะหัตถกรรม-Soft Power ไทย’ อวดสู่สายตาชาวโลก

(13 มี.ค.66) เวลา 8.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน Andaman Craft Festival ที่สวนเฉลิมพระ เกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี (ลานมังกร) และตรวจเยี่ยมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน บริเวณถนนคนเดิน ตลาดใหญ่ จ.ภูเก็ต เย็นวานนี้ (12 มี.ค.66) บรรยากาศสุดคึกคักแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ มีเข้ามาขอถ่ายรูปเซลฟี่กับนายจุรินทร์เป็นจำนวนมาก 

ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานในพิธีเปิดงาน ‘Andaman Craft Festival’ เปิดเผยว่า  ซอฟพาวเวอร์ ทวีความสำคัญยิ่งขึ้น คือ ศิลปะหัตถกรรม วิถีชีวิต และอัตลักษณ์ของความเป็นเรา และความเป็นชาติ ประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก จากการจัดอันดับของสถาบันระหว่างประเทศจัดประเทศไทยอยู่อันดับที่ 6 รองจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย และสิงคโปร์ ซอฟพาวเวอร์ถือเป็นทรัพย์สินที่มีคุณค่ายิ่งของประเทศไทย ครอบคลุมใน 5 ด้าน หรือที่เรียกว่า 5F ได้แก่ Food อาหารไทย, Film ภาพยนตร์และละครไทย, Fashion การออกแบบแฟชั่นไทยและผ้าไทย, Fighting ศิลปะการป้องกันตัวมวยไทย และ Festival เทศกาลประเพณีไทย 

ลำดับของเราจะดีขึ้นถ้าเราให้การส่งเสริมสนับสนุนให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติทั่วโลกต่อไปในอนาคต งานวันนี้เป็นงานของสถาบันส่งเสริมศิลปะหัตถกรรมไทย ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ตนมอบนโยบายให้ดึงเสน่ห์ ภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานกับศักยภาพด้านซอฟพาวเวอร์ของความเป็นไทยให้เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกมากยิ่งขึ้น วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้เป็นวัสดุปกรณ์ที่ร่วมสมัยนำมาใช้ในชีวิตจริงได้มากขึ้นสอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้น ในปี 2565 ที่ผ่านมาซอฟพาวเวอร์ไทยทุกด้านสามารถสร้างมูลค่าการค้าได้ถึง 1.45 ล้านล้านบาท การจัดงาน Andaman Craft Festival ในวันนี้จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งนอกจากสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติแล้ว จะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าซอฟพาวเวอร์ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศต่อไป

และวันนี้ตนได้นำกรมการค้าภายในและพาณิชย์จังหวัด จัดพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชนเพิ่มในงานวันนี้ด้วย มีสินค้าหลายหมวดลดราคาสูงสุดถึง 60% จะมีส่วนช่วยทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ นอกจากชมซอฟพาวเวอร์ของงานในวันนี้แล้วยังสามารถจับจ่ายใช้สอยสินค้าในราคาประหยัดได้ต่อไป

ไม่ต้องตื่นตระหนก!! ‘แบงก์ชาติ’ ชี้ SVB ล้ม กระทบระบบการเงินไทยจำกัด เหตุ ธ.พาณิชย์ไทย ไม่มีการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล

นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยกรณีธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ที่ประสบปัญหา ซึ่ง Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) มีคำสั่งให้ปิดกิจการเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มี.ค. 2566 ว่า สถานการณ์ในไทย ผลกระทบจากกรณี SVB ต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยมีจำกัด เนื่องจากไม่มีธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีธุรกรรมโดยตรงกับ SVB และปริมาณธุรกรรมโดยรวมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยใน Fintech และ Startup ทั่วโลกมีน้อยกว่า 1 % ของเงินกองทุนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์

อีกทั้งพบว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยไม่มีการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่กลุ่มธุรกิจของ ธพ. ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับต่ำที่ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่ง ธปท. ขอย้ำว่ามีการกำกับดูแลธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและ venture capital ที่เข้มงวด เช่น การให้หักเงินลงทุนในเหรียญออกจากเงินกองทุนชั้นที่ 1 (CET1) ในทุกกรณี รวมทั้งกำหนดเพดานการลงทุนและการกำกับความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันผลกระทบจากความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ต่อเงินฝากของประชาชน

ส่วนค่าเงินบาท ล่าสุดปรับแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาค ภายหลังนักลงทุนคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ข้างต้นจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้เงินดอลลาร์ สรอ. ปรับอ่อนค่าลงเร็ว ซึ่งความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินสหรัฐฯ จะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดการเงินโลกและความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะถัดไป

ผันผวนระยะสั้น!! CIMBT มองปิด SVB กระทบตลาดสหรัฐจำกัด  ชี้ ตลาดเงิน-ตลาดทุนไทย ผันผวนระยะสั้น

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหาร สำนักวิจัยและที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIBMT) วิเคราะห์ว่า การปิด SVB น่าจะส่งผลกระทบจำกัดต่อตลาดการเงินสหรัฐฯ

1.SVB คือใคร
SVB หรือ Silicon Valley Bank เป็นแบงก์ใหญ่เป็นอันดับ 16 ในสหรัฐด้วยสินทรัพย์ 2.09 แสนล้านดอลลาร์ โดยมาทำธุรกิจกับกลุ่ม Start up หรือกลุ่มเทค ล่าสุดในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมาถูกสั่งปิดโดย FDIC หรือ Federal Deposit Insurance Corp. คล้ายๆหน่วยงานคุ้มครองเงินฝาก (แต่คุ้มครองเพียง 250,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีเพียง 3%ของบัญชีในแบงก์นี้ (อีกราว 97% มีเงินมากกว่าและยังไม่จ่ายส่วนที่เหลือคืนจนกว่าจะขายทรัพย์สินได้ ลองนึกภาพธุรกิจจะจ่ายคู่ค้าหรือพนักงานยังไง)          

2.ทำไมล้ม
ปัญหาของแบงก์นี้คือเกิดจากความน่าเชื่อถือ เกิด bank run หรือคนไม่มั่นใจแห่ถอนเงินจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มาจาก partners ที่เป็น Private Equity, Venture Capital, Tech, Health tech แค่วันพฤหัสบดีที่ 9 มี.ค. วันเดียวมีคนถอนเงินฝากไปราว 1 ใน 4 ของเงินฝากทั้งหมด แบงก์ขาดกระแสเงินหมุนเวียน เจอปัญหาสภาพคล่องจนลามเป็นปัญหาล้มละลาย FDIC จึงต้องมาระงับกิจการ โอนเงินฝากให้แบงก์ที่จะจัดตั้งใหม่ ขอย้ำว่าวิกฤตินี้ไม่เหมือนปี 2008 ตอนเลห์แมนล้ม ตอนนั้นคือปัญหาความเสี่ยงด้านเครดิต จากการลงทุนในอนุพันธ์ด้านอสังหา ตอนนี้คือความเสี่ยงด้านตลาดหรือสภาพคล่อง

3.ทำไมคนไม่ไว้ใจ
อยู่ ๆ ราคาหุ้นร่วงลง 60% ในวันเดียวจากความกังวลว่าจะเกิดการเพิ่มทุนจำนวนมากเพื่อชดเชยการขาดทุนมหาศาลจากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จริงๆ ถ้าไม่ขายก็ไม่ขาดทุน (แต่ต้องรับรู้ Fair Value ผ่าน Balance sheet)  เรียกว่า unrealized loss คือราคาพันธบัตรลดลงต่ำว่าหน้าตั๋ว เพราะเมื่อดอกเบี้ยขึ้นแรง ราคาพันธบัตรที่สวนทางกับดอกเบี้ยที่ขึ้นจะลดลง เมื่อ SVB ต้องการเงินก็จำเป็นต้องขายขาดทุน พอขาดทุนก็ต้องการเงิน ไปขอเพิ่มทุน คนก็กลัวเทขายหุ้น คนฝากก็ panic ตกใจถอนเงิน จนเป็นภาวะปิดตัวเช่นนี้ และอีกประเด็นที่ทำไมขาดเงินก็เพราะธุรกิจเทคในสหรัฐ โดยเฉพาะเทคตัวเล็กขาดทุนอยู่มาก ยังไม่มีกำไรหรือกระแสเงินสดดี พอดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่องยิ่งมีปัญหา กระทบแบงก์นี้ไปด้วยที่เน้นธุรกิจกลุ่มนี้

4.จะลามไหม
ในช่วงวันพุธที่ 8 มี.ค.ถึงวันพฤหัสบดีที่ 9 มี.ค.เราเห็นราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับย่อลงเพราะความกังวลว่าจะมีแบงก์อื่นล้มด้วยไหม แต่ปัญหานี้น่าอยู่ในแบงก์ขนาดเล็กที่เน้นกลุ่มเทคหรือ start up เป็นหลัก ซึ่งต่างกับแบงก์ใหญ่ ในวันศุกร์แล้วหุ้นแบงก์ใหญ่ฟื้น แต่แบงก์เล็กลงต่อ โดยรวมไม่น่าลาม โดยธนาคารที่มีการถือตราสารที่ดี ยังสามารถเข้าถึงสภาพคล่องจากเฟดได้ แต่อาจมีแบงก์ที่มีปัญหาเพิ่มในกลุ่มที่ขาดทุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นแรงในสหรัฐ จนราคาพันธบัตรลดลง (จริงๆ ถ้าถือจนครบอายุสัญญาจะไม่ขาดทุน) ต้องดูว่าใครร้อนเงินอีก หรือมีใครโดนแห่ถอนเงินจากวิกฤติศรัทธาบ้าง (หลักๆ คงจะเป็นธนาคารที่ทำธุรกรรมเกี่ยวกับกลุ่มเทค ที่ลงทุนใน Crypto ในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ทางการสหรัฐฯนำโดยกระทรวงการคลัง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และองค์กรประกันเงินฝากในสหรัฐฯ (FDIC) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบธนาคารของสหรัฐฯ โดย 1) ประกาศรับประกันเงินฝากทั้งหมดของธนาคาร SVB  โดยผู้ฝากเงินจะสามารถเข้าถึงเงินทั้งหมดของพวกเขาได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม เป็นต้นไป และจะไม่สูญเสียผลประโยชน์แต่อย่างใด 2) ประกาศข้อยกเว้นความเสี่ยงเชิงระบบที่คล้ายคลึงกันสำหรับ Signature Bank ซึ่งผู้ฝากเงินจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆเช่นกัน 3) ประกาศจัดหาเงินกองทุนพิเศษให้กับ FDIC เพื่อให้มีเพียงพอในการสร้างความมั่นใจให้กับระบบธนาคารของสหรัฐฯ  จากสถานการณ์ล่าสุด เราจึงเห็นตลาดเงินตลาดทุนของสหรัฐฯ ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นตอบสนองต่อมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว

5.ตลาดเงินตลาดทุนจะผันผวนอย่างไร
ตลาดหุ้นน่าจะยังผันผวนจากความกังวลว่าจะมีแบงก์ไหนเป็นรายต่อไปที่ล้ม หรืออย่างน้อยก็ห่วงการลงทุนในกลุ่มการเงินไว้ก่อน รวมทั้งกลุ่มเทคขนาดเล็กที่คนอาจกังวลปัญหาขาดเงินทุน โดยเฉพาะช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นนี้

6.จะเกิดการว่างงานรุนแรงหรือไม่
ปัญหาการว่างงานในสหรัฐ หากจะเพิ่มขึ้นก็น่ากระจุกในกลุ่มเทคที่จะมีการเลิกจ้างเพิ่มเติม แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำต้นทุนสูงตาม รายได้โตไม่ทัน ต้องหาทางลดรายจ่าย ลดคน แต่ไม่น่ารุนแรงไปกระทบภาคอื่นมาก สหรัฐยังมีอัตราการว่างงานต่ำ แม้ขยับเป็น 3.6% แต่ก็นับว่าต่ำมาก โดยเฉพาะยังมีการเติบโตของค่าจ้างในกลุ่มภาคบริการมาก หาคนทำงานยาก ปัญหานี้ยังลากยาว ไม่น่าส่งผลให้คนว่างงานมากขึ้นจากกรณี SVB ล้ม

7.เงินเฟ้อมีโอกาสลดลงหรือไม่หากเศรษฐกิจมีปัญหา
อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีโอกาสลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ย 8% ปีนี้น่าอยู่ที่ราว 4% แต่หากจะลดลงแบบเดือนต่อเดือนคงยาก เพราะอัตราค่าจ้างยังสูงขึ้น บริษัทยังต้องขยับราคาสินค้าเพิ่ม และการคาดการณ์ราคาสินค้ายังสูง แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐมีปัญหาชะลอลงแรงจริง อัตราเงินเฟ้อก็อาจลดลงได้บ้าง แต่ไม่น่าลงได้เร็วเหมือนในอดีต เพราะมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ห่วงโซ่อุปทานยังมีปัญหา

8.เฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยรอบเดือนมีนาคมหรือไม่และจะจบรอบเร็วขึ้นได้ไหม
หากเฟดจะลดความร้อนแรงของการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมไม่ขึ้น 0.50% แต่ขึ้นเพียง 0.25% และระดับดอกเบี้ยสูงสุดอาจอยู่ที่ระดับ 5.75% ไม่ใช่ไปแตะระดับ 6.00% และใกล้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งความไม่แน่นอนจากตัวเลขอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นการเพิ่มของค่าจ้างไม่ร้อนแรงการขึ้นดอกเบี้ยอาจเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังจำเป็นอยู่ เพราะเงินเฟ้อยังสูง กรณี SVB อาจไม่มีน้ำหนักมากหากไม่ลามและรุนแรง

9.ผลกระทบต่อไทยหลังปัญหาสภาพคล่องในสหรัฐ
โดยมากผลกระทบต่อไทยในระยะสั้นจะผ่านตลาดเงินและตลาดทุนที่ยังมีแนวโน้มผันผวนในสัปดาห์นี้ อาจมีแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่ยงบ้างในระยะสั้น แต่ตลาดน่าให้น้ำหนักการชะลอตัวของค่าจ้างแรงงานและอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ แต่อาจรอตัวเลขเงินเฟ้อ ยอดค้าปลีก และอื่นๆเพื่อดูสัญญาณว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อแรงหรือไม่ ซึ่งกรณี SVB อาจมีน้ำหนักด้านเสถียรภาพตลาดการเงิน ทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เงินน่ากลับมาตลาดเกิดใหม่ เงินบาทน่าขยับแบบ sideway 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ ส่วนหาก SVB มีปัญหาลามต่อหรือมีความไม่แน่นอนต่อก็อาจกระทบภาคการส่งออกของไทยซึ่งก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้วให้ชะลอต่อได้ ส่วนราคาน้ำมันในตลาดโลกน่าย่อลงตามอุปสงค์ที่อ่อนแอลง ทำให้การนำเข้าไทยลดลงตาม ไม่น่ามีปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเหมือนก่อนหน้า ส่วนภาคการท่องเที่ยวของไทยไม่น่ากระทบ โดยรวมปัญหานี้น่ากระจุกในสหรัฐ ไม่น่ากระทบเอเชียแปซิฟิกมากนัก โดยเฉพาะจีนที่ยังเติบโตได้ดี แต่แน่นอนว่าการส่งออกไม่สดใส

สำหรับธนาคารพาณิชย์ของไทย คงไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ไม่ได้อนุญาตให้ธนาคารลงทุนใน Crypto โดยตรง ขณะที่กลุ่มการเงินก็ยังคงถูกกำกับอย่างเข้มงวดจาก Regulators ของไทย

10.คำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้
เราเชื่อว่าปัญหาภาคธนาคารของสหรัฐกระจุกในธนาคารขนาดเล็กที่เชื่อมโยงกลุ่มเทค หรือกลุ่ม start up รวมทั้งมีการขาดทุนทางตัวเลขที่ไม่รับรู้ (unrealized loss) สำหรับธนาคารที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ แต่ด้วยความน่าเชื่อถือที่ยังดี และหากธนาคารถือพันธบัตรจนครบอายุสัญญาก็ไม่เสี่ยงขาดทุน (ผลกระทบน่าจะอยู่ในระดับจำกัด) จึงมองว่าเป็นความผันผวนระยะสั้น ไม่ลามจนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี กระจายการลงทุนทั่วโลกยังน่าทำได้ นอกจากนี้ ที่ลุ้นคือเงินเฟ้อสหรัฐแม้ยังอยู่ในระดับสูง แต่มีท่าทีชะลอลง ซึ่งนักลงทุนน่าหาจังหวะเข้าสะสมพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่ใกล้ถึงจุดสูงสุด ส่วนภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะจีนยังน่าสนใจ เราอาจให้น้ำหนัก A-share หรือหุ้นในจีนมากกว่า H-share ที่มีกลุ่มเทคในฮ่องกง โดยรวมน่าเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในจีน และจีนน่าหาทางลดความผันผวนในตลาดทุนเทียบสหรัฐได้

Lesson learned ข้อคิดที่ได้จากกรณี SVB
1. อย่าใส่ไข่ทุกใบในตะกร้าใบเดียว ควรกระจายการลงทุน อย่าเป็นเหมือนคนฝากเงินใน SVB ที่พึ่งแบงก์เดียว รวมทั้งนักลงทุนไม่ลงทุนในสินทรัพย์ใดประเภทเดียว

2.วิกฤติเปลี่ยนรูปแบบเสมอ จากด้านเครดิตปี 2008 เป็น mismatch และสภาพคล่องปี 2023 หรืออาจมีรูปแบบใหม่ๆ เข้ามา แต่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นในระดับสูงเช่นนี้อาจเห็นธุรกิจอื่นที่มีปัญหาซ่อนไว้รอประทุขึ้นได้

3.แม้ตลาดจะฟื้น แต่นักลงทุนยังควรระมัดระวังความผันผวนต่อไปจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐ น่าแบ่งเงินลงทุนเป็นหลายๆ ไม้ ค่อยๆลงทุนทีละน้อยจนครบเป้าหมาย ไม่แนะนำลงทุนทีเดียวครบ เพราะเราไม่มีทางรู้ทิศทางตลาดและไม่จำเป็นต้องได้ราคาต่ำสุดเสมอไป แต่น่าได้ความสบายใจไปด้วย

BTS ยันทำถูกต้องตามกฎหมาย ปม สัญญาเดินรถสายสีเขียวส่วนต่อขยาย

บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับพวกรวม 13 คน รวมถึง บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BTS นายคีรี กาญจนพาสน์ และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ในฐานะกรรมการของ BTSC เกี่ยวกับการทำสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 โดยมีการกล่าวหาในประเด็นหลักว่าการทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ (กฎหมายร่วมทุน)

บริษัทชี้แจงดังนี้
(ก) กรณีนี้ยังคงเป็นเพียงขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการป.ป.ช. เท่านั้น และ BTSC ยังไม่ได้ถูกฟ้องร้องเป็นคดีแต่อย่างใด BTSC มีสิทธิคัดค้านและแก้ข้อกล่าวหาตามกระบวนการของกฎหมาย โดย BTSC ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top