Sunday, 18 May 2025
Econbiz

ผู้ประกอบการใจชื้น!! ดัชนีเชื่อมั่น SME โตต่อเนื่อง 3 เดือนติด หลังรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวสำเร็จ

รัฐบาล ชี้ ผลสำเร็จมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ บูมท่องเที่ยว ดันดัชนีเชื่อมั่น SME โตต่อเนื่อง 3 เดือน พร้อมย้ำข่าวดีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำธุรกิจโรงแรมและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนตุลาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 53.1 โดยที่เดือนกันยายน และสิงหาคม 2565 มีค่าดัชนีอยู่ที่ 52.9 และ 51.2 ตามลำดับ โดยที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนตุลาคม 2565 มีปัจจัยบวกมาจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเป็นสำคัญ อีกทั้งราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่งผลดีต่อกำไรของภาคธุรกิจ

S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย BBB+ ชูความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ

'ทิพานัน' ชี้เศรษฐกิจฟื้นตัว 'พล.อ.ประยุทธ์' บริหารถูกทาง โชว์ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) จากปัจจัยท่องเที่ยวโตเกินคาด ประมาณ 10 ล้านคนในปี 65 ชี้ EEC การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยที่ได้ภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวโลกและจะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจาก S&P ถือเป็นบริษัทในเครือของ S&P Global Inc สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยจากรายงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ระบุเหตุผลสำคัญที่ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยมาจากการคลี่คลายของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตลอดจนการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 และอนุญาตให้มีการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย และการที่ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างทั่วถึง เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดย S&P คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 428,000 คน ในปี 2564 เป็นประมาณ 10 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ และเศรษฐกิจไทย (Real GDP) จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 2.9 ในปี 2565 เป็นเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3.2 ในช่วงปี 2565-2568

สภาอุตสาหกรรมภาคกลางหนุนโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley)

‘อลงกรณ์’ เดินหน้าผลักดันต่อเล็งดึงการลงทุนจากในประเทศและดูไบ ซาอุดีอาระเบียและจีนขับเคลื่อนโครงการเน้นอุตสาหกรรมสีเขียวใช้เทคโนโลยีเมดอินไทยแลนด์

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) ได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยภาคกลาง 17 จังหวัด ครั้งที่ 3/2565 โดยมี นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโสสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสุรชัย โสตถีรวรกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง ดร.เลิศจันฑา สีเหลืองสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรีและเลขาธิการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 นายสมภพ ธีระสานต์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมภาคกลาง นายมานพ โตการค้า ผู้บริหารโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคณะกรรมการและที่ปรึกษา สภาอุตสาหกรรมภาคกลาง สภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร นครปฐม สุพรรณบุรี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี  และสระบุรี ฯลฯ.เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมทะเล อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 

นายอลงกรณ์เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้แจ้งมติที่ประชุม ‘กรกอ.’ ครั้งล่าสุดที่เห็นชอบโครงการ เพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley ) ในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งทางด้านคมนาคม การสื่อสาร ไฟฟ้า และระบบน้ำ โดยพื้นที่ดังกล่าว เคยเป็นโครงการสร้างเมืองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวบริการ ปัจจุบันได้ปรับพื้นที่เป็นโครงการพัฒนาเกษตรกรรมและการแปรรูปทั้งพืช ประมงและปศุสัตว์ตามกฎหมายผังเมืองและกฎหมายอื่นๆ ถือเป็นหนึ่งในโครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งเป็นโครงการเรือธง (Flagship Project) ของคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในกลุ่มจังหวัดเพชรสมุทรคีรี (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงครามและสมุทรสาคร) มีศูนย์ AIC เพชรบุรีคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีให้การสนับสนุน จุดเด่นอีกประการคือการใช้เทคโนโลยีเกษตรเมดอินไทยแลนด์เป็นส่วนใหญ่ เป็นอุตสาหกรรมสีเขียวและหวังว่าจะช่วยสร้างงานสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนและจังหวัดเพชรบุรีเพิ่มขึ้น

ซึ่งโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley) ยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก (Western Economic Corridor: WEC) ตามนโยบายรัฐบาล จากการสร้างฐานการแปรรูปสินค้าเกษตรอาหาร กระจายการลงทุนใน 18 กลุ่มจังหวัด เพื่อการพัฒนาอย่างเท่าเทียมและยกระดับเกษตรแบบดั้งเดิมสู่เกษตรมูลค่าสูงตามหมุดหมายใหม่ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 เป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นครัวโลก พร้อมกับขอบคุณสภาอุตสาหกรรมภาคกลางที่ให้การสนับสนุนโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley)

'บิ๊กตู่' สั่ง ให้สิทธิค่ายรถเลือกผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก เอื้อลงทุนต่อเนื่อง หลังตลาดในประเทศเติบโตชัด

'บิ๊กตู่' สั่ง ให้สิทธิค่ายรถเลือกผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก หวังดึงดูดลงทุนในไทย

(26 พ.ย.65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่รัฐบาลกำหนดนโยบายให้การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ติดตามผลสัมฤทธิ์ของนโยบายอย่างต่อเนื่อง และพอใจกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศที่เกิดขึ้นในขณะนี้

โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รายงานว่าตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการส่งเสริมการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าได้มีผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกให้ความสนใจประเทศไทย ประกอบกับไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ทั้งรถยนต์นั่ง กระบะ จักรยานยนต์ ที่สำคัญของโลกอยู่แล้ว ซึ่งผู้ผลิตหลายรายทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามายังบีโอไอ และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุยกับผู้ผลิตรถยนต์หลายราย จากทั้ง จีน ญี่ป่น และยุโรป ที่ให้ความสนใจมาลงทุนในไทยด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลของบีโอไอแสดงให้เห็นว่านอกจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว ความต้องการและตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วในไทยเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า สนใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานผลิตเพื่อขายในไทยและส่งออกไปทั่วโลก

ล่าสุด กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้รายงานว่า 10 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-ต.ค.)  ทั่วประเทศมียานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จดทะเบียนใหม่ 15,258 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 230.62 โดยส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง และจักรยานยนต์ ที่ 7,046 คัน และ 7,534 คัน ตามลำดับ ส่วนที่เหลือเป็นรถอื่นๆ เช่น รถโดยสาร รถกระบะ รถบรรทุก รถแวน รถสามล้อ เป็นต้น

Runway 3 ยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดใช้งาน ปี 67 พร้อมเตรียมแผนพื้นที่รองรับอาคาร SAT 2 ในอนาคต

(26 พ.ย.65) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

พอดีผมไปเจอคลิปประชาสัมพันธ์โครงการ Runway 3 สุวรรณภูมิ ของทาง ทีมที่ปรึกษาโครงการ กลุ่มบริษัท AEC ซึ่งสรุปรายละเอียดโครงการไว้ได้ดีมาก

ดูได้จากลิ้งค์นี้ครับ
https://youtu.be/Kpk7H-aG8uM

โดยเมื่อ Runway 3 เสร็จ จะเพิ่มความสามารถในการรองรับเครื่องบิน จากเดิม จาก 68 เป็น 94 เที่ยวบิน/ชม ซึ่งสอดคล้องกับแผนการพัฒนาสนามบินในส่วนอื่นๆ เพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้ 65-80 ล้านคน/ปี
—————————
รายละเอียดงานก่อสร้าง Runway 3 ประกอบไปด้วยงานย่อย ทั้งหมด 6 ส่วน คือ...

1. งานก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 และทางขับขนาน                                                                    

ก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ความยาว 4,000 เมตร กว้าง 60 เมตร ทางด้านตะวันตกขนานกับระบบทางวิ่งเส้นปัจจุบัน (ทางวิ่งเส้นที่ 1) โดยทางวิ่งเส้นที่ 3 จะใช้สำหรับการบินร่อนลงเป็นหลัก ส่วนทางวิ่งเส้นปัจจุบันจะใช้สำหรับการบินขึ้น ทั้งนี้ ทางขับขนาน (Parallel Taxiway) จะอยู่ขนานกับทางวิ่งเส้นที่ 3 โดยจะมีทางขับออกด่วนเชื่อมต่อถึงกัน          

2. งานก่อสร้าง Rapid Exit Taxiway และทางขับเชื่อม                                                                           

การก่อสร้าง Rapid Exit Taxiway หรือทางขับออกด่วน จะมี 7 เส้น เพื่อให้อากาศยานที่ร่อนลงบนทางวิ่งเส้นที่ 3 ไม่ต้องเสียเวลาอยู่บนทางวิ่งนาน และสามารถเคลื่อนตัวออกจากทางวิ่งเข้าสู่ทางขนานได้รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้สามารถรองรับจำนวนเที่ยวบินได้มากขึ้น

3. งานก่อสร้าง Perimeter Taxiway                         

ก่อสร้าง Perimeter Taxiway ต่อจากทางขับขนานไปทางทิศใต้ โดยเชื่อมระหว่าง Taxiway F และ Taxiway D เพื่อใช้เป็นทางขับให้อากาศยานสามารถขับเคลื่อนไปยังลานจอดได้สะดวก โดยไม่ต้องเคลื่อนตัดผ่านทางวิ่งเส้นปัจจุบันด้านตะวันตก (ทางวิ่งเส้นที่ 1)

.
4. งานก่อสร้าง Taxiway D Extension

การก่อสร้าง Taxiway D Extension เป็นการต่อขยายทางขับเดิม เพื่ออำนวยความสะดวกให้อากาศยานสามารถขับเคลื่อนออกจากทางวิ่งไปยังลานจอดได้โดยตรง                 
.                                                                     

5. งานผิวทางของทางวิ่งเส้นที่ 3 และทางขับต่างๆ                                                                          

รูปแบบผิวทางของทางวิ่งและทางขับ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ...       

- Flexible Pavement ผิวทางแอสฟัลต์ สำหรับทางวิ่งและทางขับทั่วไป                                                   

- Rigid Pavement ผิวทางแบบคอนกรีต ผิวทางชนิดนี้จะสามารถรองรับน้ำหนักและแรงเฉือนได้ดี โดยจะก่อสร้างที่บริเวณจุดจอดรอก่อนเข้าทางวิ่ง (Holding Position) บนทางขับขนาน เพื่อให้บริเวณดังกล่าวมีความคงทนมากยิ่งขึ้น และก่อสร้างบริเวณ Taxiway D Extension-1

6. งานปรับปรุงคุณภาพดิน บริเวณลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (SAT 2) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

งานปรับปรุงคุณภาพดินบริเวณลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 มีพื้นที่รวมประมาน 917,000 ตร.ม.

โดยใช้เทคนิคการปรับปรุงคุณภาพดินด้วยวิธี PVD Conventional Consolidation (PVD) พื้นที่ประมาณ 666,000 ตร.ม.

การปรับปรุงคุณภาพดินด้วยวิธี Vacuum Consolidation Method (VCM) พื้นที่ประมาณ 251,000 ตร.ม.

'บิ๊กตู่' หนุน SMEs ไทย บุกตลาดสินค้าออนไลน์ไต้หวัน ยก 'PChome-PINKOI' ช่องทางเหมาะต่อผู้ประกอบการไทย

'ทิพานัน' ชวน SMEs บุกตลาดสินค้าออนไลน์ไต้หวัน ผ่านแพลตฟอร์ม PChome และ PINKOI เพิ่มโอกาสสร้างรายได้และต่อยอดส่งออกสินค้า ย้ำ 'พล.อ.ประยุทธ์' สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโอกาสของผู้ประกอบการขนาดกลางหรือขนาดย่อม (SMEs) ไทยใช้ช่องทางออนไลน์ขายสินค้าไปยังต่างประเทศว่า ล่าสุดกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้ทำการสำรวจโอกาสลู่ทางการส่งออกให้กับสินค้าไทยเข้าสู่ไต้หวันผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยมในไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ขายสามารถใช้แพลตฟอร์มพีซีโฮม (PChome) และพินคอย (PINKOI) ที่มีสาขาสามารถติดต่อในได้ประเทศไทย สะดวกสำหรับผู้ประกอบการต่างชาติในการเปิดร้านและรับจ่ายเงินค่าสินค้า เป็นแพลตฟอร์มที่สินค้าไทยเป็นสินค้าต่างชาติประเทศที่ 2 ที่ได้รับความนิยมรองจากญี่ปุ่น ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการทดลองตลาดก่อนในระยะที่ยังไม่มีผู้นำเข้า

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับแพลตฟอร์ม PChome Thai Shopping นั้นเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ประสานเปิดร้าน TOPTHAI เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าไทยไปไต้หวัน และยังมีแผนขยายธุรกิจโดยคัดเลือกสินค้าที่ได้รับความนิยมใน PChome Thai Shopping มาวางจำหน่ายใน PChome 24h  ซึ่งมีฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่า โดยร้อยละ 98 ของรายได้ของ PChome มาจาก PChome 24h และได้เริ่มนำสินค้าแบรนด์ไทยเข้ามาวางจำหน่ายแล้ว 

ที่ผ่านมาทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เปิดร้าน TOPTHAI ขึ้นใน PChome Thai Shopping เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าจากไทยไปยังไต้หวันได้โดยตรง และทางแพลตฟอร์มก็มีนโยบายที่จะจัดซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการไทยโดยตรงและจะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคไต้หวันโดยตรงด้วย และหากเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก PChome Thai ก็จะจัดซื้อเป็นล็อตใหญ่มาเก็บไว้ในคลังสินค้าและส่งให้ลูกค้าเมื่อมีการสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม PINKOI ที่เน้นงานฝีมือ งานหัตถกรรม ลูกค้าบนแพลตฟอร์มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่นิยมสินค้ามีดีไซน์ ปัจจุบันมีสินค้าไทยวางขายบน PINKOI กว่า 3,600 รายการแล้ว

'กรณ์' ชวนชาวไทยร่วมเชียร์ภูเก็ต 28 พ.ย.นี้ นั่งเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo2028

(28 พ.ย. 65) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์เชิญชวนคนไทยส่งใจเชียร์ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised #Expo2028 ว่า...

ช่วงนี้นอกจากจะเชียร์ฟุตบอลโลกแล้ว เราคนไทยยังมีแมตช์สำคัญให้ได้ลุ้นกันอีกด้วย

ช่วยกันส่งแรงใจเชียร์ให้จังหวัดภูเก็ต ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised #Expo2028 

ซึ่งต้องแข่งขันกับอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา, สเปน, เซอเบียร์ และอาร์เจนตินา

หากประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน ระหว่างวันที่ 20 มี.ค. - 17 มิ.ย. 2571 

รมว.เฮ้ง เปิดบ้าน ต้อนรับกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เผย นโยบายช่วงโควิด ช่วยแรงงาน - ธุรกิจอยู่ได้ เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว

วันนี้ (28 พฤศจิกายน 2565) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีครั้งที่ 10/2565 โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และผู้เข้าร่วมประชุมให้การต้อนรับ ซึ่งการประชุมครั้งนี้กระทรวงแรงงานได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ ณ ห้องประชุมอำพล สิงหโกวินท์ ชั้น 6 อาคารอำนวยการ สำนักงานประกันสังคม จังหวัดนนทบุรี และการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล 

นายสุชาติ กล่าวว่า การประชุมกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีในครั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีถือว่าเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการพิจารณาและประเมินผลการดำเนินการของผู้ช่วยรัฐมนตรี และเสนอแนะมาตรการอันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี หรือของรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้สถานประกอบการ และพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ตลอดระยะ 2 ปี ที่ผมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีนโยบายและมาตรการช่วยเหลือพี่น้องลูกจ้าง ผู้ประกอบการที่สำคัญ อาทิ ในปี 2564 ได้เปิดจุดตรวจโควิดแบบประจำจุดและตรวจเชิงรุกในโรงงาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกจ้างเพื่อให้ภาคเอกชนยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งผลตรวจโควิด 409,972 คน ในเดือนพฤษภาคม 2564 แรงงานไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จึงขอรับการสนับสนุนวัคซีนให้แก่ผู้ใช้แรงงานกว่า 11 ล้านคน ต่อรัฐบาล และได้ฉีดวัคซีนให้แรงงานแล้ว 3,962,206 โดส ในเดือนสิงหาคม 2564 โรงงานปิดตัวลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในโรงงาน กระทรวงแรงงานจัดโครงการแฟคทอรี่ แซนบ๊อก บนฐานแนวคิดเศรษฐกิจศาสตร์และสาธารณสุขมุ่งเป้าภาคการผลิตส่งออกสำคัญทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหาร ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ใน 12 จังหวัด 730 โรงงาน มีแรงงานเข้าร่วม 407,770 คน ตรวจ RT-PCR พบผู้ติดเชื้อ 11,298 คน โดยทั้งหมดได้เข้าสู่กระบวนการรักษา และได้มีฉีดวัคซีนให้ทุกคน ผลสัมฤทธิ์จากโครงการทำให้โรงงานไม่มีการปิดตัวลง ภาคการผลิตส่งออกสูงสุดในรอบ 30 ปี 

'เฉลิมชัย'ห่วงใยชาวประมง เร่งดีเดย์สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง 5 พันล้านเปิดยื่นกู้ 15 ธันวาคมนี้

'อลงกรณ์' มอบกรมประมงจับมือกรมเจ้าท่าเตรียมเปิดขึ้นทะเบียนเรือประมงเพื่อการท่องเที่ยวเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ให้ชาวประมง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยเปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมครั้งที่5/2565 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบตามโครงการ ดังนี้
1) คณะกรรมการฯ เห็นชอบให้สนับสนุนการดำเนินการจัดทำโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารสัตว์น้ำและการเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาสวยงามในการส่งออกต่างประเทศ (Aqua Feed & Ornamental Fish Industry : AFOF) และมอบหมายกรมประมง กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมพิจารณาหารือในการสนับสนุนงบประมาณหรือการลงทุนจากภาคเอกชนโครงการนี้ 
2) ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการใช้ประโยชน์เรือประมงเพื่อการท่องเที่ยว โดยมอบหมายกรมประมง กรมเจ้าท่าและหน่วยงานรัฐอื่นๆจัดประชุมหารือในความร่วมมือกับตัวแทนองค์กรประมงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางออกใบอนุญาตทะเบียนเรือประมงเพื่อการท่องเที่ยวสามารถประกอบการทั้งประเภทท่องเที่ยวจับสัตว์น้ำ และการท่องเที่ยวรูปแบบอื่นๆเช่นการดูปลาวาฬบรูดาและการดำน้ำเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวประมง

นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังรับทราบความก้าวหน้าในโครงการ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งรัดดำเนินการเพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวประมง ได้แก่ 
(1) ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ระยะที่ 2 โดยมีวงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงดำเนินการ สำหรับวงเงินสินเชื่อแบ่งเป็น (1.1) ธนาคารออมสิน ให้สินเชื่อผู้ประกอบการประมงที่มีเรือประมงขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป วงเงินสินเชื่อ 2,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท (1.2) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้สินเชื่อผู้ประกอบการประมงที่มีเรือประมงขนาดต่ำกว่า 60 ตันกรอส วงเงินสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท

ทั้งนี้คณะกรรมการอำนวยการด้านสินเชื่อ ระยะที่ 2 ซึ่งมี อธิบดีกรมประมง เป็นประธานจะมีการประชุม กำหนดหลักเกณฑ์การกู้ยืม ในวันที่ 6 ธันวาคม 2565จากนั้นหน่วยงานในพื้นที่จะทำการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชาวประมงมายื่นความประสงค์ขอกู้ยืมภายตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้ซึ่งเป็นข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย 
ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ห่วงใยพี่น้องชาวประมงจึงได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและมอบกรมประมงเร่งรัดดำเนินการโดยเร็วเพื่อเป็นสินเชื่อเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ

(2) ความก้าวหน้าการดำเนินงานคณะอนุกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติสภาการประมง พ.ศ. .... และ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนประมง พ.ศ. ....ซึ่งกรมประมงได้มีการปรับปรุง ร่าง ดังกล่าว และได้จัดทำหน้งสือเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป 
(3) รับทราบโครงการน้ำมันเพื่อการประมง เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงพาณิชย์และพื้นบ้านในการลดต้นทุนกการประกอบอาชีพประมง
(4)ความคืบหน้าโครงการนำเรืออกนอกระบบโดยวิธีบริหารจัดการแบบใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปีหน้า
(5) ความร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล การส่วเสริมการปลูกป่าโกงกาง การเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล การเพิ่มหญ้าทะเลที่เป็นอาหารสัตว์น้ำ

'กรณ์' ปลื้ม!! 9 ปี 'ข้าวอิ่มมหาสารคาม' ช่วยเกษตรกรปลดหนี้ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

'กรณ์' ลงนา เกี่ยว 'ข้าวอิ่มมหาสารคาม' ครบปี 9 ชาวนาปลื้ม ทำข้าวอินทรีย์ ปลดหนี้ทั้งหมู่บ้าน มุ่งมั่นทำเกษตรพรีเมียม ได้รับรางวัลระดับประเทศ 

(29 พ.ย. 65) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยคณะ เดินทางไปยัง จ. ขอนแก่น และ จ.มหาสารคาม เพื่อร่วมเกี่ยวข้าวอิ่ม ข้าวเกษตรอินทรีย์ ในโครงการเกษตรเข้มแข็ง โดยกล่าวว่า ปีนี้ครบ 9 ปี แล้วสำหรับข้าวอิ่มมหาสารคาม ซึ่งตนได้ริเริ่มตั้งแต่ปี 2556 ที่ หมู่บ้านหนองหิน จ.มหาสารคาม ด้วยการเปลี่ยนข้าวที่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูก มาเป็นข้าวเกษตรอินทรีย์ จนได้รางวัลพันธุ์ข้าวยอดเยี่ยมระดับประเทศ เกิดการต่อยอดข้าวเป็นสินค้าพรีเมียมประจำจังหวัด ด้วยรสชาติของข้าวมหาสารคามที่อร่อยที่สุดในโลก และกำลังขยายผลเพิ่มมูลค่าสินค้าอีกหลายชนิด ทั้งข้าวพองธัญพืช รสชาติอร่อยมาก รวมไปถึงเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางบำรุงผิว สบู่ ฯลฯ ช่วยให้เกษตรกรปลดหนี้ มีเงินเก็บ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

นายกรณ์ กล่าวว่า ดีใจมากที่ปีนี้ ข้าวอิ่ม ได้รับรางวัล ข้าวคุณภาพอันดับที่ 3 ของประเทศ ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดา จากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่รวมตัวกันด้วยความกล้าหาญ เปลี่ยนวิถีการปลูกข้าว เริ่มต้นจาก 7 ครัว เรือนปัจจุบันเพิ่มเป็น 171 ครัวเรือน ในพื้นที่นา 1,783 ไร่ ทำให้เห็นถึงความตั้งใจ และอดทน จนเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ และได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลผ่านโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลผลิต ทั้งรถเกี่ยวข้าว โรงสีชุมชน เครื่องบรรจุสุญญากาศ ฯลฯ นับเป็นโอกาสที่ดีที่เกษตรกรจะได้ยกระดับมาตรฐานสินค้าให้น่าซื้อ มากยิ่งขึ้น 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top