Monday, 19 May 2025
Econbiz

'จุรินทร์' โชว์วิชั่นกลางวงผู้นำเข้าข้าวโลกกว่า 1,000 ราย ดันข้าวไทยเป็นแหล่งผลิตแปรรูป-ส่งออก สร้างความมั่นคงทางอาหารคุณภาพโลก พร้อมย้ำ!ไทยส่งเสริมการค้าข้าวเสรีทั้งตลาดในและต่างประเทศ

(16 พ.ย.65) เวลา 10.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมและกล่าวปาฐกถาพิเศษการประชุมข้าวโลก ครั้งที่ 14 (14th World Rice Conference) พร้อมด้วย Mr.Jeremy Zwinger ประธานกรรมการบริหารนิตยสาร The Rice Trader นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและผู้ประกอบการค้าข้าวทั้งในและต่างประเทศ ที่โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต โดยในงานนายจุรินทร์ได้กล่าวว่า ขอบคุณ Mr.Jeremy Zwinger และนิตยสาร The Rice Trader ที่ให้เกียรติกับประเทศไทยเป็นครั้งที่ 3  เพราะเคยจัดที่ไทยมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ปี 2016 ครั้งที่สองที่จังหวัดภูเก็ตปี 2010 และครั้งนี้ครั้งที่สาม 2022 จังหวัดภูเก็ตเป็นเกาะเชื่อมกับจังหวัดพังงา ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของตน การที่มาจัดการประชุมข้าวโลกที่ภูเก็ต หวังว่าทุกท่านจะได้มีโอกาสข้ามสะพานท้าวเทพกระษัตรีไปยังจังหวัดพังงาและจังหวัดอื่นในอันดามัน ทั้งภูเก็ตและกระบี่ ขอต้อนรับผู้ประกอบการข้าวจากทั่วโลกที่ได้มีโอกาสมาเยือนภูเก็ต

สำหรับสถานการณ์ข้าว ถือเป็นธัญพืชที่เพาะปลูกมากเป็นลำดับ 3 ของโลก รองจากข้าวโพด และข้าวสาลี ภูมิภาคที่บริโภคข้าวมากที่สุดในโลกคือทวีปเอเชีย มากกว่า 90% ของผลผลิตทั้งโลก ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์พบว่าปีนี้ 2022  ความต้องการข้าวโลกจะมากขึ้นประมาณ 3.5% เทียบจากปีที่แล้วที่ 517 ล้านตัน สูงสุดในรอบ 10 ปี เพราะปัญหาความวิตกกังวลเรื่องความมั่นคงทางอาหารจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เศรษฐกิจโลกและความเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิอากาศ ส่งผลให้หลายประเทศที่เป็นผู้นำเข้าข้าวหันมาปลูกข้าวเพิ่มขึ้น เช่น อินโดนีเซียเซเนกัล ออสเตรเลีย ทั้งที่เป็นผู้นำข้าวมาก่อน ทำให้เกิดการแข่งขันด้านการตลาดข้าวรุนแรงตามไปด้วย

สำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่ผลิตข้าวรายสำคัญของโลกปีนี้ ประเทศไทยผลิตข้าวเป็นลำดับ 4 ของโลก ประเทศที่ผลิตมากที่สุดในโลกคือ จีน 147 ล้านตัน อินเดีย 124 ล้านตัน เวียดนาม 27 ล้านตันและไทยผลิตได้ 20 ล้านตัน สำหรับการส่งออก 9 เดือนแรกของปีนี้ ม.ค.-ก.ย.ประเทศไทยส่งออกข้าวแล้ว 2,796 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 35.5% ปีที่แล้วส่งออกได้ 6.1 ล้านตัน ปีนี้คาดว่าจะส่งออกได้ถึง 7.5 ล้านตันโดยประมาณ  ด้านคุณภาพในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย ขอยืนยันว่าข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลกชนิดหนึ่งหรือประเทศหนึ่ง ดูจากผลการประกวดข้าวโลกของนิตยสาร The Rice Trader ซึ่งจัดมา 13 ครั้งประเทศไทยได้แชมป์ข้าวโลกถึง 7 ครั้ง เกินกว่าครึ่งหนึ่งของการจัดประกวด คือเครื่องการันตีว่าข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง สำหรับนโยบายของรัฐบาลไทย 1. ประเทศไทยมียุทธศาสตร์ข้าวไทย ว่า 5 ปีตั้งแต่ปี 2020-2024 มีเป้าหมายสำคัญทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตด้าน การตลาดและด้านผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีคุณภาพของโลกใช้ยุทธศาสตร์ 'ตลาดนำการผลิต' เพื่อสนองความต้องการของตลาดโลก กำหนดเป้าหมายแต่ละด้านชัดเจน เช่น ภายใน 5 ปี จะเพิ่มพันธุ์ข้าวใหม่ให้ได้อย่างน้อย 12 พันธุ์ วันนี้ปี 2022 มีข้าวพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการรับรองแล้ว 6 พันธุ์ และคาดว่าไม่เกินปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า จะได้ข้าวพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 6 พันธุ์ รวมเป็น 12 พันธุ์ใหม่สนองความต้องการของตลาดโลกต่อไป 

ข้าวพันธุ์ใหม่ประกอบด้วยข้าวพื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวพื้นแข็ง 4 พันธุ์ ข้าวหอม 2 พันธุ์ รวมทั้งข้าวคุณสมบัติพิเศษ เช่น ข้าวสี ข้าวเพื่อการบริโภค ข้าว Functional Food อีก 2 พันธุ์ วันนี้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกับกระทรวงพาณิชย์นำมาแสดงและให้ทุกท่านได้ชิม 2. นโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ดำเนินการมา 3 ปีเต็ม และปีนี้เป็นปีที่ 4 ปลายอายุของรัฐบาลนี้ จะหมดวาระประมาณเดือนมีนาคมปีหน้า  เมื่อวานคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเดินหน้าต่อนโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวใช้เงิน 81,200 ล้านบาท ให้ชาวนาในประเทศไทยมีรายได้เพียงพอกับการยังชีพ ถ้าราคาตกต่ำกว่ารายได้ที่ประกันจะมีเงินส่วนต่างช่วยชดเชยให้สามารถเลี้ยงชีพได้ ไม่เลิกอาชีพปลูกข้าวเพื่อทำให้ประเทศไทยมีข้าวบริโภคและเป็นส่วนหนึ่งด้านความมั่นคงทางอาหารของโลกดำรงอยู่ต่อไปได้ ด้วยฝีมือชาวนาไทยที่มีส่วนสำคัญ และทำให้ประเทศไทยเป็นครัวโลกหรือ Kitchen of the World เป็นแหล่งสำรองอาหารให้กับโลกโดยเฉพาะข้าวได้ต่อไป

'ดร.เผ่าภูมิ' ชี้หุ้น MORE สะท้อนช่องโหว่ที่ไม่เคยถูกปิดของตลาดหุ้นไทย เสียหายซ้ำซาก ประเมินค่าไม่ได้

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีหุ้น MORE ว่า

เรื่องนี้แบ่งได้ 3 ระดับ 
ต้นน้ำ คือ ความจริงของตลาดหุ้นไทยที่เต็มไปด้วยช่องโหว่และโอกาสการปั่นหุ้น กฎเกณฑ์ที่ล้าหลังไม่ทันเกม หน่วยงานกำกับที่ไม่ทันการณ์
กลางน้ำ คือ ความหละหลวมของโบรกเกอร์เรื่องหลักประกันและการปล่อยวงเงิน จนเกิดความเสียหาย 
ปลายน้ำ คือ นักลงทุนรายย่อยกลายเป็นเหยื่อ

จริงอยู่ที่หัวใจของเรื่องนี้มักถูกชี้เป้าที่ความหละหลวมของโบรกเกอร์ในเรื่องหลักประกันและการปล่อยวงเงิน แต่เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากตลาดหุ้นไทยมีความสมบูรณ์เชิงโครงสร้าง ซึ่งความรับผิดชอบตรงนี้ก็ต้องชี้เป้าไปที่ หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ 

‘ไทย’ เตรียมดัน ‘FTAAP’ ในการประชุม APEC 2022 สร้างเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลก พาศก.ไทยโตหลายมิติ

(18 พ.ย. 65) นายอนุชา บรูพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมเอเปกวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2565 นี้ จะมีการประชุมประเด็น เขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก หรือ Free Trade Area of the Asia-Pacific (FTAAP) ซึ่งรัฐบาลได้ประชุมและร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปก ครอบคลุมประเด็นสำคัญ 47 หัวข้อ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ 

1.) การเปิดกว้างต่อทุกโอกาส 
2.) การเชื่อมโยงในทุกมิติ 
และ 3.) ความสมดุลในทุกด้านในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ FTAAP

นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากนี้ ไทยจะเสนอแผนงานขับเคลื่อน FTAAP ได้รวบรวมประเด็นที่สมาชิกเอเปกสนใจร่วมกัน ทั้งการค้าดั้งเดิม การค้าใหม่และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าหมายของ FTAAP เพื่อขยายการค้าการลงทุนภายในเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งลดอุปสรรคการค้าการลงทุนที่ไม่จำเป็น และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสมาชิกเอเปก และลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน ทั้งนี้ ปัจจุบันกำลังทำแผนงาน FTAAP ระยะ 4 ปี (2566-2569) ที่มุ่งสู่การจัดทำ FTAAP เพื่อตอบสนองสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ด้านการค้า การลงทุน นวัตกรรม การเข้าสู่ยุคดิจิทัล

IMF ชมไทยกุมนโยบายการคลังอยู่ แม้ดอลลาร์แข็ง แต่กระทบน้อย

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมประชุมหารือทวิภาคีกับนาง Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีผลการหารือที่สำคัญ ดังนี้...

1. ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการหารือถึงภาพรวมในประเด็นด้านเศรษฐกิจ โดย IMF มีความเห็นว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคในปี 2565 จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจโลกยังคงมีความเสี่ยงจากปัญหาเงินเฟ้อและสถานการณ์ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานที่สูงขึ้น โดยนาง Georgieva ได้ชื่นชมการบริหารจัดการนโยบายการคลังของไทย โดยเฉพาะการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ โดยที่เงินกู้ของรัฐบาลเกือบทั้งหมดอยู่ในรูปของสกุลเงินบาททำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งตัว 

2. นาง Georgieva เห็นว่าความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญในขณะนี้ ได้แก่ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยได้เสนอให้ประเทศไทยแบ่งปันประสบการณ์การรับมือกับปัญหาดังกล่าวแก่ประเทศอื่น และความท้าทายอีกประการหนึ่งก็คือปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย IMF สนับสนุนการใช้กลไก Carbon Pricing โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แจ้งว่าการใช้กลไกทางการเงินการคลังเพื่อจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นนโยบายที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกอยู่แล้ว 

‘อลงกรณ์’ นำสินค้าเกษตรฯร่วมไฮไลท์เอเปค โชว์ก้าวใหม่สร้างสรรค์เกษตรสู่มูลค่าสูง

‘อลงกรณ์’ รวมพลคนครีเอทีฟร่วมคิกออฟ งานสินค้าเกษตรXคาแรคเตอร์ หนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์การประชุมเอเปค 2022 ระหว่างวันที่ 18 - 20 พ.ย.ที่ตลาดน้ำ อตก.

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน 'ตลาดนัดสินค้าเกษตร X คาแรคเตอร์' ( Agriproducts X Character Market ) พร้อมกล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ นโยบาย 'ตลาดนำการผลิต และนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0' ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งพัฒนาการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก รวมทั้งยกระดับสู่เกษตรมูลค่าสูงตามหมุดหมายใหม่ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 โดยใช้แนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในรูปแบบคาแรคเตอร์มาเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรของเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์และสถาบันเกษตรกร รวมทั้งการส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตรรุ่นใหม่ 

ซึ่งจากข้อมูลของสมาคมลิขสิทธิ์นานาชาติ หรือ LIMA ระบุว่า สำหรับปี 2564 ภาพรวมของสินค้าและบริการที่นำเอาลิขสิทธิ์ของผลงานสร้างสรรค์ในรูปแบบต่าง ๆ มาใช้ในโลก มีมูลค่าสูงถึง 315.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นมาจากปี 2019 ร้อยละ 7.75 แม้จะเป็นช่วงที่มีสถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัสทั่วโลกก็ตาม นอกจากนี้มูลค่าของค่าลิขสิทธิ์ผลงานสร้างสรรค์ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 โดยมีมูลค่าราว 17.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาแรคเตอร์เป็นประเภทผลงานสร้างสรรค์ที่มูลค่าสูงสุดถึง 129.9 พันล้านเหรียญ หรือคิดเป็นร้อยละ 41 ของผลงานสร้างสรรค์ทุกประเภท เนื่องจากคาแรคเตอร์มีจุดเด่นที่สามารถนำเอาไปใช้ได้ง่าย และเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายวิธี ส่วนในประเทศไทยมีมูลค่าการใช้คาแรคเตอร์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกราวร้อยละ 20 (ร้อยละ 62 ของมูลค่ารวมโดยประมาณ) ติดต่อกันมาอย่างต่อเนื่องหลายปี โดยใช้ในการส่งเสริมการขายและการตลาดของภาคธุรกิจในสินค้าหลากหลายประเภทที่จำหน่ายอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ตามกิจกรรมการตลาดที่ประชาสัมพันธ์ออกมาตามสื่อต่าง ๆ หรือนำไปผลิตเป็นสินค้า ตลอดจนใช้ในการประชาสัมพันธ์การบริการต่าง ๆ ซึ่งเกือบทั้งหมดก็จะเป็นคาแรคเตอร์ชั้นนำ ที่ได้รับความนิยมจากต่างประเทศที่เรารู้จักกันดี แต่แทบจะไม่มีคาแรคเตอร์ไทยได้แชร์ส่วนแบ่งเลย

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มองเห็นโอกาสดังกล่าวในการนำไปเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตรไทย จึงได้กำหนดแนวทางการดำเนินการส่งเสริมการใช้คาแรคเตอร์กับธุรกิจเกษตร โดยคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนธุรกิจเกษตร (Agribusiness) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีนายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นประธาน ได้ต่อยอดผลสำเร็จของโครงการ Change 2021 และ 2022 Visual Character Arts for SME ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร่วมกับสมาคมการค้าลิขสิทธิ์และของที่ระลึก จากคาแรคเตอร์ดีไซน์ของเล่น และผลงานศิลป์ร่วมสมัยไทย หรือสมาคม TCAP (ทีแคป) ซึ่งยึดแนวความคิดแบบเศรษฐกิจเผื่อแผ่ โดยให้โอกาสเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SME ในพื้นที่ของคาแรคเตอร์นั้น ๆ สามารถยื่นขออนุญาตนำลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ไปใช้ส่งเสริมการขายสินค้าและบริการของตนได้ โดยไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งแนวทางนี้หากได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมผลักดัน ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความแข็งแรงของคาแรคเตอร์ในภาพรวมเปรียบเสมือนหนึ่งในแบรนดิ้งจังหวัดแล้ว ยังจะทำให้เกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วนที่นำไปใช้ กระจายไปทั่วประเทศ โดยผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถาม เพื่อซื้อหรือขอใช้ลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ไปใช้ในการพัฒนาสินค้า โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะขยายผลความร่วมมือนี้ให้กระจายไปสู่พี่น้องเกษตรกรและผู้ประกอบการทั่วประเทศต่อไป 

'บิ๊กตู่-IMF' ร่วมหารือประเด็น 'สังคมผู้สูงอายุ-สภาพภูมิอากาศ' ผนึกกำลังทุกฝ่ายสร้างประโยชน์เพื่อประชาชนคนไทย

(19 พ.ย.65) ที่ห้อง 111 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับกรรมการจัดการ IMF สู่ประเทศไทย และกล่าวชื่นชม IMF ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินโลกท่ามกลางภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยเป็นเวทีหารือและการให้คำแนะนำด้านนโยบายที่เหมาะสม และการเข้าให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศ ที่ประสบปัญหาอย่างรวดเร็ว 

กรรมการจัดการ IMF รู้สึกยินดีที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และเป็นเกียรติที่ได้ร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ประเทศไทย ซึ่งในช่วงเวลานี้ โลกประสบกับสถานการณ์ความท้าทาย ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ในยูเครน พร้อมกล่าวชื่นชมการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทย

'บิ๊กตู่-นายกฯ นิวซีแลนด์' ย้ำความร่วมมือรอบด้าน ร่วมยกระดับพัฒนา 'เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว-สิ่งแวดล้อม'

(19 พ.ย.65) ที่ห้อง 111 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับ น.ส.จาซินดา อาร์เดิร์น (H.E. Rt Hon. Jacinda Ardern) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรียินดีที่นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในครั้งนี้ ซึ่งไทยตั้งใจจะสานต่อความสำเร็จของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของนิวซีแลนด์เมื่อครั้งล่าสุด ไทยและนิวซีแลนด์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกมิติ โดยพร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือที่มีอยู่เดิมและในสาขาความร่วมมือใหม่ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลพร้อมผลักดันและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันมากยิ่งขึ้นในระดับภูมิภาค อนุภูมิภาค และเวทีพหุภาคี

นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ยินดีที่พบกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ยินดีกับการเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แม้ในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบาก ชื่นชมไทยที่สามารถผลักดันความร่วมมือจากทุกเขตเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนิวซีแลนด์พร้อมสนับสนุนแนวทางที่หารือร่วมกันเพื่อการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่นิวซีแลนด์ให้ความสำคัญ เชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะสามารถขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ ได้อีกมาก

'นายกฯ ออสเตรเลีย' ปลื้ม!! ไทยมุ่งแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ชม!! เอเปคไทย ช่วยดันความร่วมมือต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมขึ้น

'บิ๊กตู่-นายกฯ ออสเตรเลีย' หารือแบบพบหน้าเป็นครั้งแรก ชื่นชม ความสัมพันธ์ระหว่างกัน พร้อมขยายความร่วมมือให้แน่นแฟ้นครอบคลุม แก้ปัญหาความท้าทายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม 

(19 พ.ย.65) ที่ห้อง 111 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบหารือกับ นายแอนโทนี แอลบาเนซี (The Honourable Anthony Albanese MP) นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญจากการหารือ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้หารือแบบพบหน้า หลังจากที่ได้หารือทางโทรศัพท์กันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปีนี้เป็นปีที่ ไทยและออสเตรเลียได้ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 70 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและพิเศษจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับและทรงศึกษาในออสเตรเลียอยู่เป็นระยะเวลานานหลายปี ซึ่งรวมถึงความร่วมมือระหว่างกัน ที่มีพลวัตสูง ครอบคลุม ทุกมิติและเป็นรูปธรรม อยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ร่วมกัน 

'บิ๊กตู่-ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค' สนับสนุน WTO ผลักดันการค้าพหุภาคีรูปแบบใหม่ 'เปิดกว้าง-สมดุล-ยั่งยืน'

(19 พ.ย.65) ที่ห้อง Plenary Hall 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 รูปแบบ Retreat ช่วงที่ 2 หัวข้อ 'การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน' ภายหลังเสร็จสิ้น นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การค้าและการลงทุนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคและโลก การค้าและการลงทุนถือเป็นหัวใจสำคัญของความร่วมมือในเอเปค โดยองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งที่เอเปคสนับสนุน และสนับสนุนมาโดยตลอด คือ ระบบการค้าพหุภาคี มี WTO เป็นแกนหลัก ทั้งนี้ เอเปคสามารถมีบทบาทในฐานะแหล่งบ่มเพาะทางความคิด โดยร่วมกันหาทางออกใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นต่างๆ อาทิ ความครอบคลุม ความยั่งยืน และการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล

การสนับสนุนสำคัญอย่างหนึ่งของเอเปคในระบบการค้าพหุภาคี คือ การขับเคลื่อนวาระเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia- Pacific: FTAAP) ที่ในปีนี้มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยจัดทำแผนงานต่อเนื่องหลายปี เพื่อขับเคลื่อนวาระเรื่อง FTAAP ต่อไป ซึ่งจะช่วยสร้างศักยภาพและเตรียมเศรษฐกิจให้พร้อมสำหรับยุคหน้า รวมถึงประเด็นการค้าและการลงทุนยุคใหม่ เช่น ความยั่งยืน เศรษฐกิจดิจิทัล การค้า และสาธารณสุข

ซึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นว่า นอกจากจะต้องดำเนินการตามแผนงานต่อเนื่องแล้ว ยังต้องคำนึงถึงขั้นตอนต่อไปด้วย โดยปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยรับมือและให้ฟื้นตัวจากโควิด-19 รวมทั้งยังสนับสนุน MSMEs ที่ถือเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโต ให้สามารถเข้าสู่ตลาดโลกและห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ยังขยายการเข้าถึงและสร้างโอกาสให้กับสตรี เยาวชน ตลอดจนในชนบทและพื้นที่ห่างไกล อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ยังคงมีช่องว่างอยู่ จึงจำเป็นที่จะต้องลดช่องว่างด้านดิจิทัลและเสริมพลัง เพื่อสร้างหลักประกันให้กับคนทุกกลุ่ม

'อินเตอร์ลิ้งค์' เผยโฉม!! 'กิตติภพ สารโพธิ์' ผู้ชนะเลิศ รายการ 'Cabling & Networking Contest ปีที่ 10'

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK พร้อมด้วย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

ร่วมมือกัน จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ กับ การแข่งขัน 'สุดยอดทักษะสายสัญญาณและเน็ตเวิร์ก Cabling & Networking Contest ปีที่ 10' โดยมีเป้าหมายให้ กลุ่มนิสิต นักศึกษา อาชีวศึกษา และเยาวชนไทย ได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือ เพิ่มทักษะด้านเทคนิคที่เกี่ยวกับระบบเครือข่าย และเทคโนโลยีทางด้านสายสัญญาณ 

รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ นับเป็นการเสริมความรู้ ได้สัมผัสกับประสบการณ์จริง โดยต้องการให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน นำประสบการณ์ไปใช้ในชีวิตจริง และต่อยอดไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้ 

ซึ่งการแข่งขันในรอบคัดเลือก ได้ค้นหาตัวแทนประจำภาคจากทั่วประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร จำนวนรวมกว่า 1,000 คน ได้ผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปชิงถ้วยพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท จำนวนทั้งสิ้น 60 คน 

และในการแข่งขันรอบสุดท้ายก็ได้ ผู้ชนะเลิศ ซึ่งได้แก่ นายกิตติภพ สารโพธิ์ จากวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการอยุธยา ได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท 

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายวิทวัส สิมงาม วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการอยุธยา ได้รับถ้วยเกียรติยศ จากนายกรัฐมนตรี พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท และใบประกาศเกียรติคุณ 

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางสาววรรณวิษา มาโยธา วิทยาลัยเทคอำนาจเจริญ ได้รับถ้วยเกียรติยศจาก รัฐมนตรีว่ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท และใบประกาศเกียรติคุณ

รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่...

1.) นายยุโส๊ป หวันมะเส็น วิทยาลัยการอาชีพนครศรีธรรมราช

2.) นายณัฐกิตต์ ภิรมนัด วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง

3.) นายศุคลวัฒน์ ทิพย์ชาติ วิทยาลัยการอาชีพหนองหาน

ได้รับถ้วยเกียรติยศจาก ผู้อำนวยการสำนักพัฒนา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top