Monday, 20 May 2024
เศรษฐา_ทวีสิน

‘นายกฯ’ ยัน!! เดินหน้าต่อยอด ‘30 บาทรักษาทุกโรค’  เพื่อยกระดับชีวิตคนไทย คาด!! ปีหน้าเสร็จสมบูรณ์

(12 พ.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์เดิม) ระบุว่า “เดินหน้าต่อ 30 บาทรักษาทุกโรคยกระดับเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐาได้แนบลิงก์ บทสัมภาษณ์ของนายแพทย์สุรพงศ์ สืบวงศ์ลี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ถึงความคืบหน้าการ ใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาสุขภาพทุกเครือข่าย ซึ่งต่อยอดนโยบาย 30 บาทของพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งชี้ให้เห็นว่าโครงการดังกล่าวมีความคืบหน้า 80 เปอร์เซ็นต์ โดยนำร่องรักษา 4 จังหวัด และภายในปี 2567 จะสมบูรณ์ทั้งระบบ และคาดว่าในอนาคตเตรียมพร้อมรับ 2 สิทธิ คือ ข้าราชการและประกันสังคม

‘นายกฯ’ ยัน!! ไม่ได้สั่งให้ ‘ตร.จีน’ ลาดตระเวนไทย ชี้ ผู้ว่าการททท. อาจสื่อสารเรื่องนี้ผิดพลาด

เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.66) ที่ รร.เดอะริทซ์ คาร์ลตันนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ (เวลาท้องถิ่นซานฟรานซิสโก ช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ​ระบุรัฐบาลมีแนวคิดให้ตำรวจจีนลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองรอง ว่า เรื่องนี้ถึงอย่างไรตำรวจไทยต้องเป็นคนดูแล แต่ถ้ามีความร่วมมือเกิดขึ้นในแง่ของการประสานข้อมูลกับทางตำรวจจีน เชื่อว่าจะให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่ามีตำรวจจีนมาเดินบนถนนเมืองไทย เรื่องนี้คงเป็นการสื่อสารที่มีความผิดพลาดมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางผู้ว่าฯ ททท.อ้างว่าเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่นายกฯ เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีข้อสั่งการหรือพูดคุยในเรื่องนี้ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าต้องมีตำรวจจีนมาอยู่ที่เมืองไทย แต่เป็นการหารือที่ทั้งสองหน่วยงาน คือสถาบันตำรวจ ที่ต้องพูดคุยเพราะทุกคนกลัวเรื่องจีนสีเทา และเรื่องที่คนจีนมาทำอะไรผิดกฎหมายกับคนจีนในเมืองไทย จึงต้องมีการประสานเรื่องข้อมูลให้ชัดเจน อย่าให้เกิดความสับสน และหากมีอาชญากรรมเกิดขึ้น จะได้จัดการบำบัดได้ทันที

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ ไม่ได้สั่งให้ประสานกับทางจีนในเรื่องนี้ ใช่หรือไม่ นายกฯ ส่ายหน้า และกล่าวว่า "ไม่ได้สั่งเลยครับ ไม่มีการสั่งครับ เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผม ใครจะไปสั่ง ผมไม่เคยพูดว่าต้องเอาตำรวจจีนมากี่คนๆ "

เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องอธิปไตยของไทย ทำไมต้องเอาจีนเข้ามา นายเศรษฐา กล่าวย้ำว่า ไม่เคยมี ไม่เคยพูด ถามคนใกล้ชิดตนได้ว่าไม่เคยมี เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยเหมือนกันเพราะไม่ใช่

‘นายกฯ’ ปลื้ม!! ‘AWS-Google-Microsoft’ ลงทุนในไทย หวังยกระดับภาคอุตฯ ไทย ให้ได้รับการยอมรับในเวทีโลก

(15 พ.ย. 66) เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน (ตามเวลาท้องถิ่น นครซานฟรานซิสโก สหรัฐ ซึ่งช้ากว่าประเทศกรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลหารือกับ ผู้บริหาร Walmart ห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Walmart มีความต้องการที่จะเปิดตลาดในไทยมากขึ้น จึงได้มีการพูดคุยถึงซอฟพาวเวอร์ของไทย ที่เป็นอาหารพื้นเมือง ให้เข้าไปขายใน Walmart รวมทั้งอาหารฮาลาล ที่มีขายอยู่ในหลายรัฐในสหรัฐฯ

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการพบปะกับ เวสเทิร์น ดิจิทัล บริษัทผลิตฮาร์ดแวร์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความต้องการลงทุนเพิ่มในไทย และต้องการจะย้ายฐานการผลิตจากประเทศฟิลิปปินส์ มาที่ประเทศไทย 

นอกจากนั้นได้พูดคุยกับผู้บริหารบริษัท AWS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแอมาซอน จัดทำคลาวเซอร์วิส ได้เซ็นสัญญาที่จะเข้ามาลงทุนแล้ว และจะเปิดดำเนินการเร็ว ๆ นี้เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เป็นบริษัทแรกที่ลงทุนแล้ว และจะลงทุนเพิ่มอีกด้วย

ขณะที่การหารือกับ Google เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้มีการลงนามเอ็มโออยู่กันเรียบร้อยแล้วที่จะมาทำดาต้าเซ็นเตอร์ เช่นกัน

นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ 3 ราย ของโลก 3 ราย ที่มาทำดาต้าเซ็นเตอร์ได้แก่ AWS Google และไมโครซอฟท์ ที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลไทย จะยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ให้ได้รับการยอมรับในอนาคตอันใกล้นี้

ทั้งนี้การเดินทางมาสหรัฐฯ ครั้งนี้ ถือว่ามีความพอใจ หลายอย่างจากที่ได้พบปะภาคเอกชนรายใหญ่ สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ เช่น คุณภาพโรงเรียน โรงพยาบาลระดับโลก นักลงทุนต่างพูดว่าเป็นความสบายใจที่จะได้มาใช้ชีวิตที่ไทย ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ไทยสามารถยืนหยัดและแข่งขันได้ในเวทีโลก เป็นความภาคภูมิใจที่เป็นคนไทยและจะทำงานต่อไป

นายกฯ กล่าวว่า ตนได้สั่งให้ทีมงานสรุปแผนการชักชวนนักลงทุนต่างชาติในรอบ 3 เดือน ว่านักลงทุนรายใดลงทุนแล้ว ใครอยู่ลำดับไหน ใครเพิ่งจีบกัน หรือใครได้ชวนไปดูหนังแล้ว แต่ไม่อยากพูดถึงผลงาน หรือการตัดเกรดการทำงานของตนเอง ขอให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ส่วนหน้าที่ของตนคือตื่นเช้าไปทำงาน

‘นายกฯ เศรษฐา’ ลั่น ‘การเมืองไทย’ มีเสถียรภาพ พร้อมต้อนรับนักลงทุนทั่วโลก เข้ามาลงทุนในไทย

(16 พ.ย. 66) (เวลา 13.30 น. วันที่ 15 พ.ย. 66 ตามเวลาท้องถิ่น นครซานฟรานซิสโก ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) ณ Summit Hall ศูนย์การประชุม Moscone Center (West) นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (APEC CEO Summit 2023) เน้นย้ำว่า ขณะนี้ถึงเวลาที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว และไทยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกรายจากทั่วโลก เพื่อพบปะและพูดคุยกับผู้นำธุรกิจ APEC ที่โดดเด่นจากทั่วภูมิภาค ซึ่งถือเป็นผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญทางเศรษฐกิจ และด้วยบรรยากาศทางการเมืองที่มีเสถียรภาพ รัฐบาลกำลังผลักดันอย่างเต็มที่ผ่านนโยบายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่จะมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญกับการขยายการเติบโต กระตุ้นความสามารถในการแข่งขัน และ ยกระดับตำแหน่งของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นสำหรับการค้าและการลงทุน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและดึงดูดการลงทุน ส่งเสริมนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย

ทั้งนี้ ประเทศไทย โดยรัฐบาลกำลังวางแผนที่จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อดำเนินโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ซึ่งสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของเราเท่านั้น แต่ยังจะยกระดับการรับรู้และทักษะด้านดิจิทัลอีกด้วย โดยในระยะยาว รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของบริการสาธารณะของประเทศ รวมทั้งพร้อมจะต้อนรับการลงทุนและแรงงานที่มีทักษะเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิทัล

นอกจากนี้ ไทยจะเร่งเดินหน้าเขตการค้าเสรีเอเชีย - แปซิฟิก (FTAAP) ยังคงเป็นปณิธานที่สำคัญ และจะทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมทั้งการเร่งสถาปัตยกรรมการค้าทวิภาคีและภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อสร้างพันธมิตรใหม่ และไทยจะยกระดับ FTA เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจร่วมกัน ขณะเดียวกันได้เปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ ๆ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาสะพานข้ามทะเลเพื่อเชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย (Landbridge) ซึ่งจะช่วยลดเวลาการเดินทางระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคภายในทศวรรษนี้

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพบปะกับคู่ค้าทางธุรกิจระหว่างการเยือนต่างประเทศ ซึ่งจะนำทีมผู้นำธุรกิจจากประเทศไทยเพื่อสร้างเครือข่ายและการจับคู่ธุรกิจเพิ่มเติมที่นครซานฟรานซิสโก พร้อมมีความยินดีที่จะทำงานร่วมกันและสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมายต่อไปสำหรับผู้คนในปัจจุบันและรุ่นต่อ ๆ ไป โดยเน้นย้ำว่า ‘ถึงเวลาแล้วที่จะลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น’ ซึ่งไทยพร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและจะขยายความร่วมมือร่วมกันต่อไป

‘นายกฯ เศรษฐา’ ร่วมเวที APEC 2023 ดึง 15 บริษัทยักษ์ใหญ่ ‘ลงทุนในไทย’

เมื่อวานนี้ (20 พ.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรคเพื่อไทย’ โพสต์ข้อความระบุว่า… นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) ระหว่างวันที่ 12-17 พฤศจิกายน 2566 ได้เดินสายเชิญชวนและดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกากว่า 15 บริษัท เพื่อมาลงทุนยกระดับเศรษฐกิจไทยและส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ไปพร้อมกัน

บริษัทต่าง ๆ แสดงความสนใจในการขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีได้เผยผลสำเร็จการเจรจาดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่เกิดขึ้นแล้ว 3 บริษัทคือ Google, Microsoft และ AWS (Amazon Web Services) รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท รวมถึง Western Digital ผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) ยักษ์ใหญ่ของโลกได้ยืนยันจะขยายการผลิตชิ้นส่วนในไทยแล้ว

15 บริษัทที่นายกรัฐมนตรีได้พบหารือ ได้แก่

1. Tesla ได้พานายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบริษัท ณ เมืองเฟรมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด นายกรัฐมนตรีหวังว่าความร่วมมือในวันนี้จะตอกย้ำถึงความเป็นศูนย์กลาง EV และพลังงานทดแทนของไทยในอนาคต พร้อมเชิญชวน Tesla ลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทยมากยิ่งขึ้น

2. HP - โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนบริษัทขยายการลงทุนเพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิต และตั้งสำนักงานภูมิภาค ซึ่งไทยมีความพร้อมในด้านระบบสาธารณูปโภคและมีมาตรการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ

3. Analog Devices, Inc. (ADI) เป็นบริษัทผลิตวงจรรวม (Integrated Circuit: IC) รายใหญ่ระดับโลก โดยนายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้ ADI ขยายการลงทุนในไทย ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาดพร้อมการอำนวยความสะดวกแก่บริษัท อีกทั้งสถาบันการศึกษาในไทยพร้อมที่จะทำงานกับบริษัทเพื่อพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะกับทักษะความสามารถที่เกี่ยวกับการออกแบบวงจรที่ ADI ต้องการ

4. Google ได้พิจารณาจัดตั้ง Data Center ที่ไทยเป็นประเทศที่ 11 จากทั่วโลกแล้ว และได้มีการลงนามใน MOU ระหว่าง Google และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล

5. Microsoft ศึกษาแผนการลงทุน Data Center กับไทยและได้มีการลงนามใน MOU ระหว่าง Microsoft และรัฐบาลเพื่อร่วมกันปรับปรุงการให้บริการสาธารณะของรัฐด้วยเทคโนโลยีและการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของไทย

6. Amazon Web Services กำลังจะลงทุนเทคโนโลยีเกี่ยวกับคลาวด์ ผ่านการตั้ง Data Center ที่ไทยหรือ AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในไทย ด้วยงบประมาณกว่า 1.9 แสนล้านบาท (US$5 พันล้านบาท)

7. Walmart บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลก มองไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบที่มีศักยภาพ โดยคาดว่าจะเดินทางมาเพื่อหาวัตถุดิบใหม่ต่อไป นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนพิจารณาตั้งศูนย์กระจายสินค้าในไทย

8. Western Digital ผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกซึ่งมีฐานการผลิตหลักที่ไทย จะย้ายฐานการผลิตชิ้นส่วนสำคัญเพิ่มเติมที่ไทย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นที่จะขยายการลงทุนในไทยและพิจารณาที่จะย้าย Headquarter มาตั้งที่ไทย

9. Open AI เจ้าของ ChatGPT ได้พานายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมบริษัท พร้อมโน้มน้าวให้เข้ามาตั้งศูนย์วิจัยในไทย โดยมองว่าทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมคือจังหวัดเชียงใหม่หรือภูเก็ต

10. Apple ได้ชื่นชมโครงสร้างพื้นฐานของไทยที่พร้อมในการขยายการผลิตสินค้าและเปิดเผยว่ากำลังพยายามจะลดการปล่อยคาร์บอนลงให้ได้ในปี 2030 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าไทยมีไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและเชิญชวนให้เดินหน้าขยายฐานการผลิตในไทย ทั้งสองฝ่ายยังได้พิจารณาศูนย์พัฒนาบุคลากรในไทยสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันร่วมกันที่จะเดินหน้าโดยเร็ว

11. TikTok พบนายกรัฐมนตรี พร้อมหารือเกี่ยวกับการโปรโมตบริการของไทยและส่งเสริมการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของไทย โดยเฉพาะในจังหวัดเมืองรองของทุกภูมิภาคของไทยที่มีสินค้าท้องถิ่น (OTOP) ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด นายกรัฐมนตรีเชิญชวน TikTok สร้างศูนย์ฝึกอบรมในไทยและเสนอสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อจูงใจด้วย

12. Booking.com เจ้าของแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของโลก อาทิ booking.com และ Agoda ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในไทย พร้อมร่วมมือกับไทยอย่างเป็นรูปธรรมในการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองและนโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็น World Festival Destination ที่สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

13. Citi บริษัทด้านการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก ชื่นชมนโยบาย EV และแบตเตอรี่ของรัฐบาลและพร้อมร่วมกับไทยจัด Roadshow โครงการ Landbridge เพื่อชักชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุนในโครงการ อีกทั้งยังจะสนับสนุนการออกตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (sustainability-linked bond)

14. Meta ยินดีร่วมมือกับรัฐบาลในการดูแลเนื้อหามิจฉาชีพ (scam) ต่าง ๆ พร้อมร่วมมือกับภาครัฐในการสนับสนุน ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทย

15. Nvidia ต้อนรับและพานายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ นายกรัฐมนตรีมองว่าเทคโนโลยี AI ของบริษัทนั้นทรงพลัง โดยหวังว่าจะสามารถร่วมมือกับบริษัทในการประยุกต์เทคโนโลยี AI ในการให้บริการภาครัฐสำหรับประชาชน

‘นายกฯ เศรษฐา’ คุย ‘ผบ.ทสส’ กำจัดยางเถื่อน หวัง!! สางปัญหาลุล่วง ราคายางโดด กก.ละ 5 บ.

(22 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหายางเถื่อนว่า วานนี้ (21 พ.ย.) ตนได้เข้าประชุมพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งประธาน สส.พรรคก็ได้ฝากเรื่องนี้ไว้แล้ว และ สส.หลายคนก็สะท้อนว่า ทุกวันนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องหมูเถื่อน ยังมียางเถื่อนเกิดขึ้นด้วย

"ซึ่งผมยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคำนี้ แต่ภารกิจเยอะก็พยายามรับฟัง จึงถามว่า เกิดขึ้นที่ไหน เขาก็บอกว่าทุกที่เต็มไปหมด ผมก็เลยบอกว่าให้ขยายความหน่อยได้ไหม ลงรายละเอียดนิดนึงได้หรือไม่ เพราะชายแดนไทยกับพม่ามีตั้งพันกว่ากิโลเมตร ผมจะได้ไปเจาะปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งเมื่อคืนและช่วงเช้าได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่า ในสมัยก่อนที่ จ.ตาก มีปัญหาเรื่องยางเถื่อนเยอะ แต่พอมีการสู้รบกันแถวนั้น ก็ย้ายมาที่สังขละบุรี และ จ.ระนอง จึงได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่า จะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และได้ประสานผ่านทาง พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) โดยโทรศัพท์คุยกันเมื่อตอน 7 โมง แล้วท่านก็โทรกลับมารายงานว่า ยอมรับว่ามีจริง ผมจึงสั่งการไปแล้ว ก็น่าจะดีขึ้น"

นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ สส.พรรคเพื่อไทย และ สส.อาวุโสของพรรคหลายคนมีความชำนาญการเรื่องยาง บอกว่าถ้าเรากำจัดตรงนี้ได้ ยางจะขึ้นมากิโลกรัมละ 5 บาท ซึ่งได้ยินแบบนี้ก็ใจฟู จึงอยากตั้งใจทำงาน และจะเร่งทำงานให้ และยังกล่าวอีกว่า เมื่อสักครู่มีคนบอกว่าของเถื่อนเยอะ ตนก็รับฟัง ถ้ามีตรงไหนก็บอกมาได้ ชี้เบาะแสมาให้ดี ๆ และจะเข้าไปบริหารจัดการให้

‘กมธ.ตำรวจ’ เตรียมสอบ ‘เศรษฐา’ ปมขอตำแหน่ง ผกก. ชี้!! ส่อผิด รธน.185 ขู่!! หากเป็นจริงเดือดร้อนทั้งเพื่อไทย

(22 พ.ย. 66) ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เรื่องการขอแต่งตั้งตำรวจระดับผู้กำกับการ ว่า กมธ.มีมติจะเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงเรื่องนี้ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้

นายชัยชนะกล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) กำหนดชัดเจนว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก หากมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องกับเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ว่า มีการขอตำแหน่งผู้กำกับการมาเยอะ ซึ่งมีทั้งคนผิดหวังละคนสมหวัง ซึ่งในประเด็นดังกล่าวหากเป็นข้อเท็จจริงตามที่นายกรัฐมนตรีพูด ก็ต้องระบุว่า สส.คนไหนมีส่วนเกี่ยวข้อง หากขัดต่อรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การทำให้หลุดพ้นจากตำแหน่ง สส. 

ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความมั่นใจว่า สส.ทั้ง 500 คนในสภาผู้แทนราษฎร ยึดหลักรัฐธรรมนูญ ไม่มีการแทรกแซงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ขณะเดียวกันไม่สามารถที่จะวิจารณ์ได้ว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องตั๋วตำรวจหรือไม่ แต่จะต้องเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงตอบคำถามว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมีเจตนาอะไร หากไปถามเรื่องมีการวิ่งเต้น แต่งตั้งโยกย้ายหรือไม่จะเป็นการกล่าวหาต่อองค์กร จึงไม่ขอก้าวล่วง

เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นธรรมเนียมปกติหรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า ไม่เป็นปกติ เพราะห้าม สส. แทรกแซง การแต่งตั้งโยกย้าย เราไม่ใช่ผู้บริหารประเทศเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติห้ามแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายอยู่แล้ว แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดหากเป็นจริงเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเดือดร้อนทั้งพรรค เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) ขอย้ำว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบฝ่ายบริหารอยู่แล้ว หากมีหลักฐานชัดเจนเชื่อว่าจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

'นายกฯ' ถก!! 'ปธ.ทีดีอาร์ไอ' หารือนโยบาย ยัน!! รับฟังทุกข้อเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์

(24 พ.ย. 66) ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) นำคณะผู้บริหารสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือประเด็นนโยบายด้านการวิจัย โดยมี นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมในการหารือ

ประธานทีดีอาร์ไอกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ทำงานอย่างหนัก เดินสายไปทั่วโลกทำให้ประเทศไทยกลับสู่เวทีโลก ในฐานะที่ทีดีอาร์ไอทำการวิจัยเชิงนโยบาย โดยในบางเรื่องมีองค์ความรู้และข้อแนะนำที่อาจจะเป็นประโยชน์กับทางรัฐบาล จึงขอนำเสนอ 4 เรื่องต่อรัฐบาล ได้แก่ 

1.การปฏิรูปกฎระเบียบภาครัฐ 
2.การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 
3.ประเทศไทยควรจะเข้าเป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD 
4.ยุโรปจะเก็บภาษีคาร์บอนนำเข้าจากสินค้าของประเทศต่าง ๆ

ซึ่งกลไกทางกฎหมายของประเทศไทยยังไม่มีความพร้อม ดังนั้นจะต้องเตรียมการ ทั้งนี้ หากรัฐบาลเห็นว่ามีเรื่องใดที่เป็นประโยชน์ ทีดีอาร์ไอมีความยินดีที่จะทำงานศึกษาเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังข้อเสนอด้านการวิจัยจากประธานทีดีอาร์ไอ โดยได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่ชัดเจน เข้าใจดีว่าบางเรื่องทีดีอาร์ไอก็เห็นด้วย บางเรื่องก็ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล โดยในการดำเนินการใด ๆ ขอให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้งเป็นสำคัญ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียินดีรับฟังข้อเสนอแนะทั้งที่เห็นด้วยและเห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ เพราะถือว่าเป็นการติเพื่อก่อ ซึ่งขอขอบคุณสำหรับข้อเสนอด้านการวิจัยจากทีดีอาร์ไอในวันนี้ โดยจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำรายละเอียดไปพิจารณา เพื่อหาแนวทางความเป็นไปได้ในการดำเนินการต่อไป 

'นายกฯ เศรษฐา' เตรียมลงพื้นที่สุโขทัย ติดตามโครงการป้องกันอุทกภัย 27 พ.ย.นี้

(24 พ.ย. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เตรียมเดินทางลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ในวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เพื่อไปตรวจราชการติดตามโครงการป้องกันอุทกภัย จ.สุโขทัย และร่วมพิธีเผาเทียน ชมการแสดง แสง เสียง ร่วมพิธีลอยพระประทีปพระราชทาน และชมการแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดย นางพักตร์พิไล ทวีสิน ภริยานายกรัฐมนตรี, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ร่วมคณะตรวจราชการ

โดยเวลาประมาณ 16.15 น. นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานสุโขทัย ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานสุโขทัย ออกเดินทางต่อไปยังสำนักงานเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ต.ธานี อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย เวลาประมาณ 17.45 น. นายกรัฐมนตรีจะรับฟังบรรยายสรุปการขอรับความช่วยเหลือโครงการป้องกันอุทกภัย จ.สุโขทัย ณ สำนักงานเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี

จากนั้น เวลาประมาณ 19.45 น.นายกรัฐมนตรีและภริยา ร่วมพิธีเผาเทียน ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย ก่อนเดินทางโดยขบวนรถราง ไปร่วมชมการแสดง แสง เสียง ณ วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จากนั้นเวลา 21.30 น. นายกรัฐมนตรีและภริยาร่วมพิธีลอยพระประทีปพระราชทาน และชมการแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง ณ ตระพังตะกวน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย แล้วเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร โดยนายกรัฐมนตรีและภริยา จะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลา 00.00 น. 

‘นายกฯ เศรษฐา’ ดีใจ ‘3 แรงงานไทย’ ได้รับการปล่อยตัว คาด!! เหลืออีก 15 คน รัฐบาลเร่งดำเนินการช่วยเหลือ

(27 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ทวีตข้อความ แสดงความดีใจที่ตัวประกันชาวไทยได้รับการปล่อยตัวเพิ่มอีกสามรายว่า ดีใจด้วยครับ พร้อมระบุข้อความว่า

ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งข่าวเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันคนไทย 2 ชุดจำนวนรวม 14 ราย นั้น

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 66 (ตามเวลาอิสราเอล) กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่ามีคนไทยชุดที่ 3 ได้รับการปล่อยตัวอีก 3 ราย ได้แก่

1.นายวิเชียร เต็มทอง
2.นายสุรินทร์ เกสูงเนิน
3.นายพรสวรรค์ ปินะกาโล

ขณะนี้ ทั้ง 3 รายอยู่ที่โรงพยาบาลที่ฝ่ายอิสราเอลจัดไว้เพื่อตรวจสุขภาพ โดยเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และประสานการติดต่อกับครอบครัวที่ รพ. แล้ว

กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับครอบครัวของพี่น้องคนไทยทั้ง 3 รายที่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนผลักดันการเจรจา

ทั้งนี้ คาดว่ายังมีคนไทยที่ถูกควบคุมตัวอีกจำนวน 15 ราย ซึ่งรัฐบาลไทยจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่เหลือให้ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด และจะนำพี่น้องคนไทยทั้ง 17 รายที่ได้รับการปล่อยตัวและผ่านกระบวนการเยียวยาเบื้องต้นในอิสราเอลแล้ว กลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top