Tuesday, 8 July 2025
เศรษฐา_ทวีสิน

‘นายกฯ’ ลั่น!! ไม่มีใครมีสิทธิไปก้าวก่ายตุลาการ ชี้!! ทุกคนและตนเองก็อยู่ใต้ความยุติธรรมเดียวกัน

(6 ส.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล หารือกับทูต 18 ประเทศ ถึงคดียุบพรรค จนหลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ ว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่าตนไม่ทราบว่ามีการคุยกันในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะมีการพบกันแต่ไม่ทราบเนื้อหาว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้าง แต่กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ส่วนตัวคิดว่าทั้ง 18 ประเทศ ระบบยุติธรรมและระบบบริหารแยกกันชัดเจน ฝ่ายบริหารไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกับกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยก็เป็นกลางและเป็นสากล ได้รับการยอมรับจากทุก ๆ ฝ่ายอยู่แล้ว

“ผมคงพูดแทนท่านอื่นไม่ได้ แต่ส่วนตัวของผมมีความเคารพกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวทุกคนก็คงทราบ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของผมเอง ผมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าหากมีประเด็นหรือมีผู้ร้องเรียน ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องแจ้งไปที่ระบบยุติธรรมและคอยการตัดสิน อย่างของผมเองก็ได้แจ้งไปแล้วว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ยื่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คอยวันตัดสินคือวันที่ 14 ส.ค. และผมก็ไม่ได้มีการไปพูดคุยอะไรกับใครทั้งสิ้น และประเทศของเราก็เป็นเอกราช แต่ก็ต้องให้เกียรติทางนั้นเขาเหมือนกัน ผมไม่ทราบว่ารายละเอียดการพูดคุยสนทนามีเรื่องอะไรบ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะเดียวกันก็มีความกังวลเนื้อหาในหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศที่ชี้แจงต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) เมื่อแปลเป็นภาษาไทยมีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงเกี่ยวกับคดียุบพรรคก้าวไกล นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องเรียนอย่างนี้ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกันในเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องมีการชี้แจงไปยัง UN ส่วนของการแปลก็คงต้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศมาชี้แจงดีกว่าว่าแปลไปว่าอะไร แต่จุดยืนของเรา เราไม่ก้าวก่ายระบบตุลาการอยู่แล้ว และเราก็จะไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่ายระบบตุลาการของเรา และเชื่อว่ากระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงชี้แจงในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้

เมื่อถามว่าหลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์ โดยเฉพาะในวันที่ 7 ส.ค. ที่จะมีการตัดสินคดีของพรรคก้าวไกล ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนตนไม่ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง และมั่นใจว่าทุกคนตั้งอยู่บนความสงบและยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และความจริงแล้วเราก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว

‘เศรษฐา’ สั่งติดตามการค้าชายแดน หนุนจัด ‘มหกรรมการค้า’ ชี้!! 6 เดือน ขยายตัวดีขึ้น ส่งสัญญาณบวก ทำมูลค่าเศรษฐกิจเพิ่ม

(11 ส.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดำเนินนโยบายระหว่างประเทศด้วยความเป็นมิตร ส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อเพิ่มตัวเลขมูลค่าการค้าชายแดน-ผ่านแดน โดยให้ติดตามสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าเป็นตลาดที่สำคัญของการส่งออกสินค้าของไทย เพื่อต่อยอดเพิ่มพูนประโยชน์ทางด้านการค้าระหว่างประเทศกับเพื่อนบ้านและประเทศคู่ค้าและความสัมพันธ์ที่ดีของประชาชนในพื้นที่ และเพิ่มมูลค่าการค้าให้เศรษฐกิจไทย

โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 การค้าชายแดน-ผ่านแดน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งสัญญาณบวก ขยายตัวที่ 3.6% จึงสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าชายแดนใน งานมหกรรมการค้าชายแดนปี 2567 กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน สร้างพันธมิตรทางการค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศคู่ค้า สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทย

นายชัย กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินนโยบายตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนอย่างใกล้ชิด จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2567 ที่มีสัญญาณที่ดี อยู่ในแดนบวก มีมูลค่าการค้ารวม 912,283 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออก 534,316 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการนำเข้าของไทยอยู่ที่ 377,968 ล้านบาท โดยที่ไทยได้ดุลการค้า 156,348 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ ในช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่าการค้ารวม 493,470 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าสูงสุดตามลำดับ ได้แก่ ลาว มีมูลค่าสูงสุด 150,697 ล้านบาท มาเลเซีย 149,361 ล้านบาท เมียนมา 106,630 ล้านบาท และ กัมพูชา 86,783 ล้านบาท ซึ่งจากมูลค่าการค้ารวมทั้งหมด แบ่งเป็นการส่งออก 305,452 ล้านบาท ในส่วนของการนำเข้าอยู่ที่ 188,019 ล้านบาท ทำให้ไทยได้ดุลการค้ารวม 117,433 ล้านบาท จากสินค้าส่งออกชายแดนที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล 23,109 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 10,432 ล้านบาท และน้ำยางข้น 8,221 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม ช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่าการค้ารวม 418,813 ล้านบาท โดยการค้าผ่านแดนไปจีนมีมูลค่าสูงสุดที่ 244,175 ล้านบาท สิงคโปร์ 53,137 ล้านบาท และเวียดนาม 36,269 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งจากมูลค่าการค้ารวมทั้งหมด แบ่งเป็นการส่งออก 228,864 ล้านบาท และการนำเข้า 189,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.0% โดยสินค้าส่งออกผ่านแดนสำคัญ ได้แก่ ทุเรียนสด 67,601 ล้านบาท ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ 40,957 ล้านบาท และยางแท่ง TSNR 19,500 ล้านบาท

นายชัย กล่าวว่า มูลค่าทางการค้าเพิ่มมากขึ้น เป็นข้อพิสูจน์ถึงการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดกิจกรรม ส่งเสริมการค้าชายแดน-ผ่านแดน งานมหกรรมการค้าชายแดนปี 2567 ระหว่างวันที่ 15 – 18 ส.ค.ที่จ.สงขลา บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการค้าภายใน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เข้าร่วม โดยจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า ประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน เจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ และสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน

‘เศรษฐา’ ปลื้ม ‘ค่ายซินบีมวยไทย’ ที่ภูเก็ต นักท่องเที่ยวต่างชาติ เรียนกันแน่นค่าย เล็งต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ดันศิลปะการต่อสู้ สร้างรายได้ ให้เป็นห่วงโซ่ทางธุรกิจ

(11 ส.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพการฝึกซ้อมมวย พร้อมระบุข้อความผ่าน x หรือทวิตเตอร์ ว่า ...

“ภูเก็ตมีฝรั่งปิดซอยต่อยกันแล้วครับ”

เพื่อนคนภูเก็ตบอกผมและให้ดูรูปค่ายมวยไทย ฟังแล้วน่าสนใจ จุดประกายต่อยอดเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและธุรกิจเกี่ยวกับ Mixed martial arts ได้มากเลยครับ

ในภูเก็ตมีค่ายมวยกว่า 300 แห่ง ทั้งค่ายใหญ่ค่ายเล็ก มีรูปแบบการสอนหลากหลาย อย่างในรูปนี่คือ ‘ค่ายซินบีมวยไทย’ ที่หาดในหาดเป็นค่ายมวยขนาดกลางมีครูประมาณ 30 คน

ทำให้ผมรู้ว่าที่ภูเก็ตมี Muay Thai Village ซึ่งตั้งอยู่ใน ‘ซอยตาเอียด’ ต.ฉลอง ในซอยนั้นมีค่ายมวยหลายสิบค่าย และค่ายที่ใหญ่สุดคือค่ายมวยไทเกอร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ไทเกอร์มวยไทยมีครูกว่า 100 คน มีนักเรียนลงทะเบียนเรียนตลอด 1 ปีที่ผ่านมากว่า 80,000 คน มีเวที 12 เวที สำหรับจัดการแข่งขัน คิดดูครับค่ายมวย 1 ค่ายนี้จะนำมาสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขนาดไหน

อย่างแรกเลย นักเรียนมวยเหล่านี้ มาเรียนชกมวยคอร์สเริ่มต้น ก็ 15 วันแล้ว และมีคอร์ส 1 เดือน จนไปถึงหลายเดือน บางทีก็มาเรียนกันทั้งครอบครัว รวมเด็กเล็กๆ ก็มาเรียนกับพ่อแม่ด้วย และนี่ทำให้เราได้นักท่องเที่ยวแบบ ‘พำนักระยะยาว’ ซึ่งตอบโจทย์เรื่องการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่คุ้มค่ากับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เราต้องลงทุนไปกับการท่องเที่ยว

เมื่อพำนักระยะยาวแล้วก็มีธุรกิจตามมาหลายอย่าง แค่ใน ‘ซอยตาเอียด’ ที่เดิมเป็นพื้นที่สวนยาง ชาวบ้านก็ปรับเปลี่ยนบ้านตัวเองเป็นที่พักอาศัย มีร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านซักผ้า เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับรากฝอย กระจายรายได้ลงสู่ชุมชน

สินค้าที่เกี่ยวข้องกับค่ายมวยก็เป็นที่นิยม เช่น กางเกงมวยจากค่ายดังๆ อย่างไทเกอร์มวยไทย ใส่กันไปทั่ว เป็นของขายที่มีราคา กางเกง เสื้อชื่อค่ายมวย ประเจียดคล้องคอ ประเจียดรัดแขน และมงคลประเจียด (ที่คาดหัว) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ ทำเงินให้กับผู้ผลิตและผู้ขายอย่างมหาศาล

เมื่อนักเรียนมวยเรียนจบแล้วก็มี ‘เวที’ ให้ขึ้นชก ขายบัตรเข้าชมได้ และเมื่อนักเรียนได้แต่งตัว ไหว้ครูขึ้นชกเหมือนเป็นมืออาชีพ มีรูปลงโซเชียลมีเดียก็ทำให้คนอยากมาเรียนกันอีก

สุดท้ายที่น่ายินดี คือ ‘ครูมวย’ คือ นักมวยอาชีพที่เลิกชกแล้ว พวกเขาได้ทำหน้าที่สืบสานศิลปะการต่อสู้ของไทยอย่างมีศักดิ์ศรีและมีรายได้ นักมวยที่มีดีกรีได้ครองเข็มขัดแชมป์จากสนามมวยลุมพินี หรือสนามมวยราชดำเนิน ก็สามารถหารายได้ได้ถึงชั่วโมงละ 2,000 บาท เท่ากับว่า อายุงานของนักมวยอาชีพไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นนักมวย แต่คือการเป็นเทรนเนอร์มวยไทยที่ยิ่งมากประสบการณ์ค่าตัวยิ่งสูงยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาด

มวยไทยอยู่ใกล้ตัวคนไทยและเราชินที่จะเห็นมวยไทยเป็นแค่กีฬาขึ้นชกบนเวที แต่การเติบโตของค่ายมวยอย่างไทเกอร์ที่ตอนนี้เปิดที่สิงคโปร์ ที่จีน หรือค่ายซินบี ทำให้เรามองมวยไทยในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Mix martial arts และมีโอกาสขยายเป็นธุรกิจท่องเที่ยว กีฬา แฟชั่น ไปจนถึงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาในประเทศไทย

ทั้งหมดคือห่วงโซ่ทางธุรกิจที่จะสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับผู้คนได้กว้างขวาง ผมอยากให้ทั้ง ฝรั่ง จีน แขก ไทย อยากมาปิดซอยเรียนต่อยมวยที่ประเทศไทยครับ นายเศรษฐา ระบุทิ้งท้าย 

‘เศรษฐา’ โพสต์เฟซ ‘วันแม่ 2567’ ระบุ!! เป็นครั้งแรกที่ ‘ไม่มีแม่อยู่ด้วยในวันแม่’ ย้ำ!! ไม่เคยรู้สึกขาดอะไรในชีวิต เพราะแม่ ‘เป็นทั้งแม่-พ่อ’ ได้รับความอบอุ่นเต็มที่

(12 ส.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin’ เรื่อง ‘วันแม่ 2567’ ระบุว่า เป็นครั้งแรกที่จะเป็นวันแม่ที่ไม่มีแม่อยู่ด้วย 62 ปีที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน ตลอด 59 ปีที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่มีแต่ความมุ่งมั่นและทุ่มเทที่จะเลี้ยงลูกชายคนเดียวให้เติบโต

เป็นทั้งแม่และพ่อ โดยละทิ้ง ซึ่งชีวิตส่วนตัว ทำให้ตัวผมไม่เคยรู้สึกขาดอะไรในชีวิต ไม่เคยรู้สึกโกรธหรือน้อยใจแม่แม้แต่ครั้งเดียว จนผมผ่านทุกวันในชีวิตมาได้อย่างอบอุ่น

แม่สอนเสมอว่าถ้าเราทำงานให้หนัก มีวินัย เราก็จะไปถึงจุดที่เราอยากจะไป แม่ไม่ได้ดูแลแค่ผมคนเดียว ลูกหลานของน้าของป้า แม่ก็ให้ความรักและเอาใจใส่อย่างดี

ผมเชื่อว่าทุก ๆ ท่านก็รักคุณแม่ของแต่ละท่านไม่น้อยกว่าผม ในวันแม่ปีนี้และทุก ๆ วัน ผมขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลเอาใจใส่ทะนุถนอมจิตใจคุณแม่ในทุก ๆ โอกาส

ถึงวันที่แม่จากไป เราจะได้มีความรู้สึกว่าเราได้ดูแลแม่อย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าไม่มีทางที่เราจะทดแทนบุญคุณที่แม่ทำให้กับเราได้หมดสิ้น…

สุขสันต์วันแม่ครับ…..

'คปท.' ลั่น!! ชงชื่อ 'ชัยเกษม' นั่งนายกฯ เจอตอปมจริยธรรม ชี้!! เรื่องนี้จะเป็นจุดบอดระบอบทักษิณอีกเรื่องในอนาคต

(15 ส.ค. 67) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ถ้านายกฯ เป็น ชัยเกษม’ ระบุว่า…

ชัยเกษม เป็นอดีตอัยการสูงสุด ที่ใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้อง คดีอาญา พิชิต ชื่นบาน คดีถุงขนม

พิชิต ชื่นบาน ทำให้ เศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกฯ สภาทนายความให้ พิชิต ชื่นบาน ผิดจริยธรรมร้ายแรง ศาลปกครองยืนตามสภาทนายความ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ เศรษฐา พ้นนายกฯ เพราะ พิชิต ชื่นบาน

ชัยเกษม นิติสิริ เกี่ยวพันทางจริยธรรมคดีตั้งแต่ต้น ถ้าชัยเกษม เป็นนายกฯ มีคนไปร้อง จริยธรรมเรื่องดุลพินิจมิชอบ เรื่องนี้เป็นจุดบอดระบอบทักษิณอีกเรื่องในอนาคต

‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกฯ ไทย ผู้มีสไตล์การทำงานเป็นของตัวเอง แต่ยังคงความนอบน้อมตามสมัยนิยม

✨ถือเป็น นายกฯ คนหนึ่ง ที่มีบุคลิกอ่อนน้อมตามสมัยนิยม แต่ก็มีสไตล์การทำงานและเข้าถึงประชาชนแบบที่เป็นตัวของตัวเอง

⚽‘เศรษฐา’ ผู้คลั่งบอลไทย เชื่อมั่นคนไทย บอลไทย ไปบอลโลก

เมื่อปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา คอลูกหนังไทยต่างพุ่งความสนใจไปที่ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบสอง กลุ่มซี ระหว่างทีมชาติไทย ปะทะ เกาหลีใต้ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน แม้สกอร์จะจบลงที่ช้างศึกแพ้โสมขาว 0-3 แต่หนึ่งในแฟนพันธุ์แท้ (กิตติมศักดิ์) ฟุตบอลไทย ก็ยังส่งกำลังใจจากให้พลพรรคทีมชาติทั้งในสนามและผ่านบัญชี X.COM

"...วันนี้ทีมชาติไทยทำเต็มที่แล้วครับ ตัวผมเป็นแฟนคลับที่ติดตามเชียร์ และส่งกำลังใจให้ทุกคน ในทุก ๆ แมตช์แน่นอน" นั่นคือข้อความจากใจนายกรัฐมนตรี 'เศรษฐา ทวีสิน' ผู้เชื่อมั่นในศักยภาพนักเตะไทย

ก่อนเกมเริ่ม 'นายกฯ นิด' ยังบอก “...ตั้งแต่ผมดูฟุตบอลไทยในบ้านเรา ไม่เคยเห็นคนเยอะขนาดนี้เลย ดีใจที่วันนี้ได้มาส่งกำลังใจ และส่งเสียงเชียร์แบบติดขอบสนาม ก่อนการแข่งขันผมจึงแวะมาให้กำลังใจนักกีฬาทุกคนที่ห้องพักนักกีฬาครับ”

ส่งใจสนับสนุนและพาบอลไทยไปบอลโลก

‘เศรษฐา’ คาวบอยสไตล์ พร้อมลุยทุกที่ สู้ทุกปัญหา

ช่วงปี ค.ศ. 1970 - 80 หรือยุค 70s ยุคซึ่งเรียกได้ว่าภาพยนตร์แนวตะวันตก (Western Movies) กำลังครองเมือง วัยรุ่นแปดศูนย์เต็มตัวอย่าง 'เศรษฐา ทวีสิน' ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงกระแสนิยมนี้เช่นกัน จากสไตล์การต่อสู้ด้วยปืนพกบนหลังม้า หรือภาพพระเอก 'หนึ่งรุมสิบ' เหล่านี้จึงหล่อหลอมให้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย มีภาพพจน์การทำงานที่ 'เข้าถึงลูกถึงคน' มีอะไรก็เจรจามาตรง ๆ เสมือน 'ดวล' กันตัวต่อตัว ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการ 'ล้วงลูก' แต่อย่างใด

ประกอบกับรูปร่างอันสูงสง่า 'นายกฯ เศรษฐา' จึงเข้ากันได้ดีกับหมวกปีก เสื้อเชิ้ตพับแขน หรือกางเกงยีนส์ในวันสบาย ๆ สักตัว บวกกับรอยยิ้มเปิดเผย จริงใจ คาวบอยไทยคนนี้ที่พร้อมลุยทุกที่ ทุกปัญหา ไม่ว่าจะถาโถมเข้ามากันสักกี่คน กี่แก๊ง เศรษฐาก็พร้อมจะชนแม้ไม่มีม้าให้ควบสักตัวในทำเนียบ

การทำงานอย่างตรงไปตรงมาโดยยึดเอาความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง ก็คืออีกหนึ่งนิยามของนายกรัฐมนตรีสไตล์คาวบอยที่ชื่อ 'เศรษฐา ทวีสิน'


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top