Saturday, 25 May 2024
เพื่อไทย

'เพื่อไทย' เดินหน้า '30 บาทรักษาทุกที่' มั่นใจครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ธ.ค.นี้

(3 พ.ค.67) ในงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ของพรรคเพื่อไทย (พท.) งานแสดงวิสัยทัศน์ และความคืบหน้าในนโยบายต่าง ๆ พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต

ทันตแพทย์หญิง ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบาย ‘30 บาทรักษาทุกโรค’ ว่า ในวันที่ 1 เมษายน 2544 รัฐบาลไทยรักไทย ทำฝันที่ไม่มีใครกล้าฝัน ทำสิ่งที่ทุกคนปรามาสว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ โดยการนำร่อง ‘บัตรทอง’ หรือ ‘บัตร 30 บาท รักษาทุกโรค’ ใน 6 จังหวัด แล้วขยายครอบคลุมทั้งประเทศในเวลาไม่ถึง 1 ปี ทำให้ชีวิตประชาชนเปลี่ยนไปในวันเดียว คนไทยได้รับการรักษาเท่าเทียมกันด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เรา ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’ ทำนโยบายสำเร็จ แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มีเทคโนโลยี แต่รัฐบาลไทยรักไทยต้องการสร้างระบบข้อมูลคนไข้ทั้งระบบ เชื่อมโยงกันในระบบคอมพิวเตอร์ ระบบจองนัดคิว เลือกวัน เวลา ได้ ‘เลือกหมอ’ ได้ ทำให้ในปัจจุบัน ‘การเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพในระบบสาธารณสุข’ เกิดขึ้นจริง 30 บาท รักษาทุกที่ เป็นจริงใน 137 วันแรก ของการจัดตั้งรัฐบาล

โดยภายในเดือนมกราคม 2567 30 บาทรักษาทุกที่ นำร่อง 4 จังหวัดแรกสำเร็จ ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี และ นราธิวาส , มีนาคม 2567 นำร่องเพิ่ม 8 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ นครราชสีมา สิงห์บุรี สระแก้ว พังงา , เดือนพฤษภาคม 2567 นำร่องเพิ่ม 33 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร พิจิตร ชัยนาท อุทัยธานี สระบุรี นนทบุรี ลพบุรี อ่างทอง นครนายก พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี อุดรธานี สกลนคร นครพนม เลย หนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา ทั้งหมดรวม 45 จังหวัด และภายในเดือนธันวาคม 2567 โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ จะดำเนินการได้ครบ 77 จังหวัดทั้งประเทศ ถือเป็นการปฏิรูประบบบริการสาธารณสุขครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี เป็นการ ‘ทำต่อ’ จากที่เราเคยทำเอาไว้เมื่อ 23 ปีที่ผ่านแล้ว

สำหรับสิทธิประโยชน์ของ 30 บาทรักษาทุกที่ ได้แก่ เจ็บป่วยเล็กน้อย รับยาที่ร้านขายยาใกล้บ้าน , ตรวจเลือดที่แล็ปใกล้บ้าน ข้อมูลปรากฏที่โรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น , รักษาที่โรงพยาบาล กลับไปรับยาที่ร้านขายยาใกล้บ้านได้ , เลือกโรงพยาบาลได้ โดยไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่าย เพราะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะดูแลทั้งหมด ด้วยการทำงานหนักของทีมสาธารณสุขไทย รวมถึงนโยบายฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งของผู้หญิงไทย โดย ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 กระทรวงสาธารณสุข ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ในผู้หญิงอายุ 11 - 25 ปี แล้ว 1,668,000 ล้านโดส (ชนิด 2 เข็ม : 1.2 ล้านเข็ม , ชนิด 1 เข็ม : 4 แสนเข็ม ) จากเป้าหมาย 5 ล้านคน ภายในปี 2568 พร้อมวางเป้าหมายจะลดอัตราการเสียชีวิตของผู้หญิงจำนวน 2,400 คนต่อปี

นอกจากนี้ จะดำเนินการสานต่อนโยบาย 50 เขต 50 โรงพยาบาล โดยปีนี้ เปิดโรงพยาบาลเขตแล้ว 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลนพรัตนธานี คุ้มเกล้า (มีนบุรี) และโรงพยาบาลพระมงคลเทพมุนี พร้อมมีแผนขยายเพิ่ม โรงพยาบาลประจำเขตอย่างน้อย 10 แห่ง ภายในปี 2570 โดยจะเพิ่มโรงพยาบาลเขตภาษีเจริญ เขตคลองสามวา เขตทุ่งครุ เขตสายไหม วางแผนยกระดับโรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) กรมการแพทย์ทหารอากาศ เป็น โรงพยาบาลเขตดอนเมืองขนาด 120 เตียง รวมทั้งสถานชีวาภิบาล สถานที่ให้บริการผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยในระยะเวลา 10 เดือนที่ไม่รอ ได้สร้างสถานชีวาภิบาลในชุมชนไปแล้วกว่า 166 แห่งทั่วประเทศ โดยความร่วมมือกับคณะสงฆ์ และภายในปี 2570 ทุกตำบล จะต้องมีสถานชีวาภิบาลตำบลละ 1 แห่งให้ได้

"เวลาไม่รอใคร และเราจะไม่รอ ขอทำงานต่อเพื่อพี่น้องประชาชน" ทันตแพทย์หญิง ศรีญาดา กล่าว

‘เพื่อไทย’ จัดอีเวนต์ใหญ่ ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ด้าน ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยัน!! ตัดสินใจถูกที่ไม่รอ 10 เดือน มั่นใจ!! ‘ครม.เศรษฐา 2’ ถูกฝาถูกตัว ชี้!! นโยบายการเงินต้องดันเศรษฐกิจประเทศด้วย

(3 พ.ค. 67) พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย สำนักงานใหญ่ มีการแสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเข้าสู่เดือนที่ 9 พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต โดยภายในงานมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, คณะรัฐมนตรีสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย, กรรมการบริหารพรรค, ผู้บริหารพรรค, สส., ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของพรรคเพื่อไทย และบุคลากรของพรรค เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่า เราตัดสินใจถูกต้องมากที่จัดตั้งรัฐบาลผสมเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว ปัญหาปัจจุบันที่หมักหมมไว้จากการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งระบบราชการที่โตเกินไป ความอืดอาดในการทำงาน ด้วยโครงสร้างที่ไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยี เศรษฐกิจ และภัยคุกคามทางความมั่นคงที่พัฒนาไปเร็วมาก รวมถึงภัยต่อเยาวชนชาติจากยาเสพติด ทำให้ประชาชนของชาติอ่อนแอ ประชาชนขาดโอกาสในการทำมาหากิน เศรษฐกิจใต้ดินสูงเป็นประวัติการณ์

‘เพื่อไทย’ เป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากที่สุด หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจและร่วมมือ ประเทศจะไม่มีทางลดเพดานนี้ได้ 10 เดือนที่ผ่านมา เราใช้ความพยายามในการวิเคราะห์ เข้าใจ เพื่อแก้ปัญหาที่ยาก และซับซ้อน และก้าวเดินต่อในทุกมิติ เพราะเราเสียเวลาและโอกาสไปถึงเกือบ 2 ทศวรรษจากการรัฐประหาร เรามั่นใจว่าเราทำได้ และจะทำให้ได้คะแนนเต็ม 10 ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ในมิติทางเศรษฐกิจเริ่มต้นด้วยการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะเงินถูกดูดออกจากระบบไปมาก จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน และค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเป็น 400 บาท จะทำให้ทุกคนต้องปรับตัว เพิ่มผลผลิตจากความพอกินของพนักงาน พรรคเพื่อไทยจะผลักดันเศรษฐกิจในทุกมิติ ไม่ใช่แค่เติมเงินและเพิ่มค่าแรง แต่รวมไปถึงเม็ดเงินใหม่จากต่างประเทศจะเข้ามาจากการลงทุนและการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคน โดยการนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน

ในมิติของการบริหารราชการแผ่นดิน จะเปลี่ยนจากรัฐบาลอุ้ยอ้าย อืดอาด ไม่โปร่งใส เป็นรัฐบาลดิจิทัล บริหารด้วยความรวดเร็ว โปร่งใสตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆได้ และมี super app ในการบริการทุกมิติของภาครัฐ และเราจะปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ใหม่อีกครั้งหนึ่งเร็วๆ นี้ พร้อมจะแก้กฎหมายทางเศรษฐกิจอีกหลายฉบับ ทั้งการยกเลิกกฎหมายล้าสมัย เขียนกฎหมายใหม่ให้ไทยกลับมาเป็น Hub ทั้งการบินและการเงินของอาเซียนให้ได้ ในด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ จะผูกมิตรกับทุกมหาอำนาจ และยินดีให้ไทยเป็นที่เจรจาความขัดแย้งจากทุกฝ่าย

พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่มีศักยภาพ มีนโยบายที่ดี มีรัฐมนตรีที่เก่ง สร้างอนาคตให้ประเทศไทย และที่สำคัญ จะต้องสามารถผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริงในอนาคต แม้คู่แข่งพยายามทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อเรา ด้อยค่าในสิ่งที่เราทำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ ในสมัยไทยรักไทย เกิดวาทกรรม ‘30 บาทตายทุกโรค’ แต่ทุกอย่างผ่านไป ด้วยการทำงานนโยบายสำเร็จ ผลงานเท่านั้นจะพิสูจน์ ไม่ใช่วาทกรรม หรือการใส่ความต่อว่าจากใคร เพราะ 30 บาทรักษาทุกโรค ใช้ได้จริง และกำลังเดินหน้าพัฒนาครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี เป็น 30 บาทรักษาทุกที่

น.ส.แพทองธาร ยังได้ประกาศวิสัยทัศน์ พรรคเพื่อไทยในอนาคต จะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่มีศักยภาพ มีนโยบายที่ดี สร้างอนาคตให้ประเทศไทย พร้อมเปิดตัว ทีม PTP Academy อย่างไม่เป็นทางการ (Soft Launch) หน่วยงานพัฒนาศักยภาพบุคลากร สร้างองค์ความรู้ทางวิชาการ เปิดพื้นที่เชื่อมโยงการทำงานของพรรคกับหน่วยงานข้างนอก ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วระยะหนึ่ง มีการจัดอบรมเพิ่มองค์ความรู้ให้กับ ส.ส.ของพรรค เพื่อให้การทำงานการเมืองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

"พรรคเพื่อไทยจะครองสติ ไม่หวั่นไหว ไม่เล่นเกมโต้ตอบไปมาเพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เรามีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอยู่ในมือซึ่งกำลังลงมือทำ และเราทำได้ อย่างแน่นอน ในขณะที่นโยบายกำลังเดินไปข้างหน้า พรรคเพื่อไทยก็กำลังพัฒนาไม่หยุดยั้งเพื่ออนาคตของประเทศไทย รัฐบาลเพิ่งปรับ ครม.ซึ่งมีเสียงจากนักวิชาการหลายท่านที่น่าเชื่อถือได้ให้คำยืนยันว่า ถูกฝาถูกตัวมากที่สุด ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่มีทางเลยที่เราจะแย่กว่าเดิม เรารู้ว่าการทำงานให้บ้านเมืองนั้น เป็นงานที่ Thank Less and End Less ต้องทุ่มเทและไม่มีวันสิ้นสุด แต่เราเต็มใจที่จะทำ เพราะเราเป็นพรรคการเมืองแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อความเจริญของประเทศ" น.ส.แพทองธาร กล่าว

‘นายกฯ เศรษฐา’ ร่วมงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ลั่น!! การจะเดินไปถึงเป้าหมาย ต้องมีช่วงเวลาที่ ‘อัพแอนดาวน์’ วอน!! โฟกัสส่วนที่ดี

(3 พ.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในหัวข้อ ‘4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ เติมประเทศไทยให้เต็ม 10’ ภายในงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ว่า “ช่วงหนึ่งปีที่ตนก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ตั้งแต่การลงพื้นที่หาเสียง การตั้งรัฐบาลมีอะไรหลายอย่างที่อาจขัดสายตา มีวาทกรรมต่าง ๆ แต่หน้าที่เราคือ การฟอร์มรัฐบาลที่มีความมั่นคง ทำงานร่วมกันเพื่อดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง” 

นายเศรษฐา กล่าวว่า “10 เดือนที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ การที่เราไม่เสียเวลาไป 10 เดือน เราได้อะไรมาบ้าง อย่างตอนลงพื้นที่อุบลราชธานี ได้รับข้อมูลว่าน้ำท่วมมาโดยตลอด ก็ได้พูดคุยกับกรมชลประทาน / รมว.เกษตร แม้จะเป็นคนละพรรค สิ่งที่ตามมาปีนี้น้ำไม่ท่วม ตอนไป จ.ศรีสะเกษ ทราบว่าราคาหอมแดงอยู่ที่ ราคา 7-8 บาท ตอนไปตลาด อตก.เห็นราคา 200 บาท 193 บาทหายไปไหน ตนเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือว่าราคาหอมแดงต้องเป็น 13-15 บาท เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กแต่เป็นแรงบันดาลใจอีกอย่างหนึ่ง วันนี้ราคาสินค้าการเกษตรหลักขึ้นยกแผง แต่พืชรองเราให้ความเท่าเทียมที่จะดูแล ราคาต้องถูกยกขึ้นหมด เราจะเปิดตลาดใหม่ ให้เป็นเคพีไอใหม่ให้กระทรวงพาณิชย์”

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า “ปัญหาฝุ่น PM2.5 ก็ดีขึ้นถ้าเราไม่ได้เข้ามา ตัวเลขคงสูงกว่านี้ เรื่องราคารถไฟฟ้า ตนก็พูดกับนายสุริยะมาโดยตลอดเพื่อให้ฝันเราเป็นจริง ถ้าไม่มีรัฐบาลมา 10 เดือนเรื่องเหล่านี้อยู่ตรงไหน เราอยู่ใต้กติกาที่ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน เราต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา และอีกเรื่องหนึ่งที่เราให้ความสำคัญคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา เรื่องนี้รัฐบาลมีแผนงานหลายอย่างที่จะช่วยเหลือประชาชนผ่านโครงการต่าง ๆ ขอให้ทุกคนช่วยกันน้อมรับปฏิบัติและช่วยกันคิดว่าจะช่วยกันทำอะไรที่เป็นสาธารณกุศลได้ ตนเชื่อว่าระยะเวลาอันใกล้พรรคเราจะมีนโยบายอย่างชัดเจน”

นายเศรษฐา เผยต่อว่า “เหลือเวลา 3 ปีนิด ๆ เราเตรียมนโยบายไว้หลายอย่างเพื่อไปถึงเป้าหมาย การจะเดินไปถึงเป้าหมายได้ ต้องผ่านอะไรอีกหลายอย่าง ต้องมีช่วงเวลาที่อัพแอนดาวน์ มีเวลาที่เสียใจ พอใจ ถูกใจ ไม่ว่าในมิติไหน ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร ตำแหน่งต่าง ๆ ที่ต้องดูแลกัน ตนเชื่อว่าถ้าเราทุกคนมุ่งมั่น มีความสามัคคี เข้าใจซึ่งกันและกัน เห็นใจเขาเห็นใจเรา เชื่อว่าถนนที่เดินไปข้างหน้าจะสะดวกขึ้น ง่ายขึ้น การทำงานของ สส.ร่วมกับคณะทำงานในพรรค ร่วมกับฝ่ายบริหารเป็นกลไกสำคัญ 7-8 เดือนที่ผ่านมา เราเกือบไม่มีการประสานงานกันเลย แต่ตอนนี้เราทำงานกันได้ดีขึ้น อยากให้โฟกัสส่วนที่ดีที่ทำกันมา อยู่ด้วยกันมาอาจจะพอใจกันมาพอใจ 60 ไม่พอใจ 40 ตนก็จะขอให้โฟกัสที่ 60 ที่เรารักกันเข้าใจกันมีความปรารถนาดี แล้วสร้างให้เป็น 61 62 63 ไม่ใช่โฟกัสที่ 40% ที่เราไม่พอใจกัน ไม่เช่นนั้นมันจะเพิ่มขึ้น เชื่อว่าหัวหน้าพรรค ผู้ใหญ่ในพรรค สส.ทุกคน เห็นความมุ่งมั่นของทุกคน ไม่ใช่แค่ของตน ของรัฐมนตรีหรือของกรรมการบริหารอย่างเดียว เชื่อว่าทุกคนเห็นถึงความตั้งใจจริงและจุดประสงค์ที่เรามาร่วมอยู่ตรงนี้ ตนไม่ได้มาเพื่อตำแหน่งนายกฯ แต่ต้องการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่คนไทยทุกคน เป็นหน้าที่ของทุกคนที่อยู่ในนี้ ไม่ว่ารุ่นใหม่รุ่นเก่า เป็นรัฐมนตรีหรือไม่เป็นรัฐมนตรี แต่เราอยู่ด้วยจิตใจที่อิงอยู่กับประชาชน อยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เชื่อว่านโยบายที่เราเสนอไปเป็นที่ประจักษ์ว่าเรามีความตั้งใจจริง”

“แต่ระหว่างที่เรากำลังเดินทางไปต้องมีช่วงขึ้นและลงเป็นธรรมดาของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเรากันเองหรือเรากับประชาชน แต่เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ผมตระหนักดีเสมอ ไม่ว่าเป็นแค่สมาชิกพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือนายกฯ ไม่มีอะไรสำคัญเท่า 4 ปี ชีวิตประชาชนจะต้องดีขึ้น” นายกฯ ทิ้งท้าย

'อุ๊งอิ๊ง' จวกกฎหมาย ให้อิสระ 'แบงก์ชาติ' เป็นอุปสรรคแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ลั่น!! นโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี

เมื่อวานนี้ (3 พ.ค. 67) พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย สำนักงานใหญ่ มีการแสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่าง ๆ ของพรรคเพื่อไทย หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเข้าสู่เดือนที่ 9 พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต โดยภายในงานมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, คณะรัฐมนตรีสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย, กรรมการบริหารพรรค, ผู้บริหารพรรค, สส., ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของพรรคเพื่อไทย และบุคลากรของพรรค เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่า เราตัดสินใจถูกต้องมากที่จัดตั้งรัฐบาลผสมเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว ปัญหาปัจจุบันที่หมักหมมไว้จากการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งระบบราชการที่โตเกินไป ความอืดอาดในการทำงาน ด้วยโครงสร้างที่ไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยี เศรษฐกิจ และภัยคุกคามทางความมั่นคงที่พัฒนาไปเร็วมาก รวมถึงภัยต่อเยาวชนชาติจากยาเสพติด ทำให้ประชาชนของชาติอ่อนแอ ประชาชนขาดโอกาสในการทำมาหากิน เศรษฐกิจใต้ดินสูงเป็นประวัติการณ์

‘เพื่อไทย’ เป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากที่สุด หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล 

ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจและร่วมมือ ประเทศจะไม่มีทางลดเพดานนี้ได้ 10 เดือนที่ผ่านมา เราใช้ความพยายามในการวิเคราะห์ เข้าใจ เพื่อแก้ปัญหาที่ยาก และซับซ้อน และก้าวเดินต่อในทุกมิติ เพราะเราเสียเวลาและโอกาสไปถึงเกือบ 2 ทศวรรษจากการรัฐประหาร เรามั่นใจว่าเราทำได้ และจะทำให้ได้คะแนนเต็ม 10 ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ในมิติทางเศรษฐกิจเริ่มต้นด้วยการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะเงินถูกดูดออกจากระบบไปมาก จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน และค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเป็น 400 บาท จะทำให้ทุกคนต้องปรับตัว เพิ่มผลผลิตจากความพอกินของพนักงาน พรรคเพื่อไทยจะผลักดันเศรษฐกิจในทุกมิติ ไม่ใช่แค่เติมเงินและเพิ่มค่าแรง แต่รวมไปถึงเม็ดเงินใหม่จากต่างประเทศจะเข้ามาจากการลงทุนและการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคน โดยการนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน

‘ลูกเสธ.แดง’ รำลึก 14 ปี เหตุพ่อถูกลอบยิง มั่นใจรัฐบาลเพื่อไทย ช่วยคืนความยุติธรรม

(13 พ.ค. 67) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือเดียร์ บุตรสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความพร้อมภาพพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ระบุว่า…

13 พฤษภาคม 2567…ครบรอบ 14 ปีที่คุณพ่อถูกลอบยิง

14 ปีแล้วนะคะคุณพ่อ…ที่เราไม่ได้เจอกัน แม้เวลาที่ผ่านไปไวมากจะทำให้หนูเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ในการใช้ชีวิตโดยไม่มีคุณพ่ออยู่เคียงข้าง แต่หนูไม่เคยลืมทุกคำที่คุณพ่อเคยสอน และหนูจะไม่มีวันลืมความรู้สึกของการต้องสูญเสียคุณพ่อไปในวันนั้น

14 ปีผ่านไป ลูกสาวของคุณพ่อได้กลับมาทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรอีกครั้งเป็นสมัยที่สอง พรรคเพื่อไทยยังคงดูแลหนูเป็นอย่างดีและให้โอกาสหนูในการทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะหนูรู้ว่างานการเมืองคือสิ่งที่คุณพ่อรักและใฝ่ฝัน มันจึงเป็นแรงผลักดันให้หนูยังทุ่มเทและตั้งใจทำงานบนถนนเส้นนี้ต่อไปในทุกๆ วัน

14 ปีผ่านไป หนูและบรรดาญาติวีรชนปี 53 ยังคงไม่ลดละความพยายาม ในการเดินหน้าติดตามทวงถามความยุติธรรม ให้กับการเสียชีวิตของคุณพ่อและพี่น้องเสื้อแดงทุกคน

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา หนูได้ยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี หลังจากที่มีการงดเว้นการสอบสวนมาตั้งแต่ปี 2559 ในสมัยรัฐบาล คสช. โดยหนูเชื่อมั่นว่ารัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จะช่วยผลักดันให้คดีของคุณพ่อและพี่น้องเสื้อแดงคืบหน้า ด้วยการค้นหาความจริงและคืนความยุติธรรมให้กับพวกเราในที่สุด

หนูสัญญาค่ะ ว่าจะตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถในทุก ๆ วันไม่ให้คุณพ่อต้องผิดหวัง และหนูหวังว่าคุณพ่อจะภาคภูมิใจกับเส้นทางที่หนูเลือกเดินเพื่อตามรอยความฝันของคุณพ่อ ในการใช้ชีวิตเพื่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน หนูคิดถึงคุณพ่อทุกวัน รักคุณพ่อสุดหัวใจ

'พรรคเพื่อไทย' ร่อนแถลงการณ์ 'ขอยุติวงจรรัฐประหาร' คืนอำนาจอธิปไตยให้คนไทย ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

(21 พ.ค.67) พรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ โดยมีเนื้อหา ดังนี้… 

“10 ปีที่ผ่านไป จากรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ยุติวงจรรัฐประหาร ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 อำนาจอธิปไตยของคนไทยดับสิ้นลง จากคณะรัฐประหารที่ชื่อว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยึดอำนาจรัฐบาลเพื่อไทย รัฐบาลที่มาจากความไว้วางใจของพี่น้องประชาชน 

การกระทำการรัฐประหาร คือ การกระทำที่ผิดกฎหมาย ทำลายประชาธิปไตย ผลักประเทศให้เดินถอยหลังไปสู่ความถดถอยภายใต้อำนาจเผด็จการ สิ่งที่เราสูญเสียไปคือ 'โอกาสของประเทศ' ทั้งที่สามารถประเมินมูลค่าได้ และอีกนานัปการที่ประเมินมูลค่าไม่ได้

พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า เราปฏิเสธการรัฐประหาร ไม่ยอมรับสารตั้งต้นที่อาจเป็นการสร้างเงื่อนไขไปสู่การรัฐประหาร และปฏิเสธการนิรโทษกรรมต่อการรัฐประหารในทุกกรณี ศาลและองค์กรรัฐอื่น ๆ ต้องยกเลิกบรรทัดฐานที่ว่า การรัฐประหารโดยใช้กำลังอาวุธสำเร็จ เป็นรัฏฐาธิปัตย์

เรายืนยันแนวคิดให้มีการตรากฎหมายต่อต้านการรัฐประหารขึ้น โดยห้ามมิให้ศาลยอมรับการรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ และยืนยันในแนวคิดว่า ความผิดในการรัฐประหารไม่มีอายุความ โดยให้ถือเป็นประเพณีการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตย

พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า การรัฐประหารคืออาชญากรรมร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติ เป็นอาชญากรรมต่อระบอบประชาธิปไตย เรายึดมั่นในหลักการว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย เราจะร่วมกันต่อต้านการรัฐประหาร การรัฐประหารจะต้องหมดไปจากประเทศไทย 

การรัฐประหารที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ผ่านมา จะมีข้ออ้างเสมอมาว่ารัฐบาลประชาธิปไตยบริหารประเทศล้มเหลว อ้างสถานการณ์ที่นำไปสู่การยึดอำนาจโดยใช้กำลังอาวุธ แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่การรัฐประหารนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า มีแต่นำไปสู่ความตกต่ำ ถดถอย และล้าหลังดังที่เห็นกันอยู่ตลอดมา

พรรคเพื่อไทยในฐานะสถาบันการเมือง ในฐานะแกนนำรัฐบาลของพี่น้องประชาชน เราจะบริหาร ราชการแผ่นดินอย่างดีที่สุด เราจะร่วมมือกันกับคนไทยผู้รักประชาธิปไตย ไม่ให้การรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศไทยอีก

‘กลุ่มสมาพันธ์กัญชาฯ’ ค้าน!! ดึง ‘กัญชา’ กลับเป็นยาเสพติด ชี้!! มีการลงทุนแล้วจำนวนมาก อาจกระทบถึงการท่องเที่ยว

(21 พ.ค. 67) ที่พรรคเพื่อไทย นายชัชปัฐวี อัฏฐพรเมธา ตัวแทนสมาพันธ์กัญชาเพื่อประชาชน พร้อมผู้ประกอบการร้านค้า และผู้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับกัญชา เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้าน ‘กัญชา ไม่ใช่ยาเสพติดประเภท 5’ โดยมี น.ส.กิตธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย พร้อม สส.พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนรับฟังปัญหาและข้อเรียกร้องต่าง ๆ พร้อมรับหนังสือคัดค้านการออกกฎหมายให้กัญชาเป็นยาเสพติด

ตัวแทนสมาพันธ์กัญชาเพื่อประชาชน แสดงความคิดเห็นและผลกระทบ ว่า ขณะนี้มีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบอาชีพตามที่กฎหมายอนุญาตประมาณกว่า 1 หมื่นร้านค้าทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละร้านมีการลงทุนอยู่ในอุตสาหกรรมนี้รวมแล้วนับหมื่นล้านบาท และแต่ละร้านค้ามีการจ้างงาน ยังมีงานที่ผลิตและแปรรูป ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกมากมาย รวม ๆ แล้วมีคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ประมาณ 6 หมื่นคน ดังนั้นหากรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับกัญชาเป็นยาเสพติด ก็จะเกิดผลกระทบ มีคนตกงานและส่งผลกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จึงได้รวมตัวกันมายื่นหนังสือเรียกร้องและคัดค้านการพิจารณาให้กัญชาเป็นยาเสพติด

น.ส.กิตธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในนามของ สส.พรรคเพื่อไทย ขอรับหนังสือข้อเรียกร้องนี้ไว้ เพื่อนำเข้าที่ประชุมพรรคเพื่อไทยพิจารณาว่าจะแก้ไขสนับสนุนข้อเรียกร้องนี้ได้อย่างไรต่อไป เราจะพยายามช่วยกันแก้ไขให้อยู่ตรงกลางและเป็นประโยชน์ต่อประเทศให้ได้มากที่สุด

ด้านนายชัชปัฐวี กล่าวว่า จากที่ได้เข้าไปพบและพูดคุยชี้แจงทำความเข้าใจกับ สส.พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีประชาชนไม่เห็นด้วยที่จะนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด เพราะถ้านำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดอีก จะทำให้ประเทศไทยตามหลังอีกหลายประเทศอย่างแน่นอน ที่สำคัญปัจจุบันมีผู้ปลูก ผู้ใช้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมกัญชาค่อนข้างมาก หากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แม้กระทั่งผู้ปลูกใช้ตามบ้าน หรือในเรื่องผลประโยชน์ของทางการแพทย์ และคนที่ใช้เพื่อรักษาตนเองก็ไม่สามารถปลูกได้ ที่สำคัญจะทำให้ธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกัญชาไม่สามารถดำเนินการต่อได้

“จากที่ได้พูดคุยเบื้องต้นกับ สส.พรรคเพื่อไทย ก็มีการตอบรับที่ดีว่าจะนำข้อเรียกร้องคัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดไปพิจารณาในที่ประชุมของพรรค เพื่อหาทางออกให้ดีที่สุด ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไร หากพรรคเพื่อไทยยังไม่ดำเนินการใดๆ เราก็จะมาชุมนุมใหญ่ต่อไป ซึ่งวางไทม์ไลน์ไว้ก่อนถึงวันที่ 9 มิ.ย.นี้ เพราะมีคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับกัญชามีค่อนข้างมาก และมีผู้ป่วยที่ต้องอาศัยกัญชาในการรักษาตนเองจะได้รับผลกระทบด้วย” นายชัชปัฐวี กล่าว

นายชัชปัฐวี กล่าวว่า หลังจากยื่นข้อเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยแล้ว จะเดินทางไปประชุมร่วมกับพรรคภูมิใจไทย และยื่นหนังสือคัดค้านกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดประเภท 5 ต่อไปด้วย

‘แกนนำ คปท.’ ฉะ!! ‘วิโรจน์’ องครักษ์พิทักษ์ตระกูลชินคนใหม่ ปมข้าว 10 ปี มีข้อพิรุธมากมาย แต่ทำตัวไม่สมเป็นฝ่ายค้าน

(23 พ.ค.67) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า องครักษ์พิทักษ์ตระกูลชิน (คนใหม่) คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ก้าวไกล ไม่ต้องเสียดายเวลาที่ผ่านมากับการรัฐประหารหรอกครับ มูฟออนไปทำหน้าที่ที่ควรจะทำของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลได้แล้ว

ผมว่าคนที่ได้ประโยชน์จากการรัฐประหาร ณ เวลานี้ น่าจะเป็นพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ที่ยังหากินกับคำว่ารัฐประหารอยู่ ทั้งที่การเมืองปัจจุบันมีเรื่องที่ต้องตรวจสอบเยอะแยะ ก้าวไกลกับเป็นใบ้กันหมด

ตอนปี 49 คุณทักษิณก็เคยกลับเข้ามาสู้คดี สุดท้ายเขาก็หนีออกไปเอง วันนี้คุณทักษิณกลับเข้ามารับโทษ รับผิด และสำนึกผิดเหลือจำคุกเด็ดขาด 1 ปี แต่ไม่ติดคุกสักวัน หน้าที่ฝ่ายค้านที่ต้องถามแทนประชาชนคุณกลับเงียบ

ข้าว 10 ปีก็เช่นเดียวกัน คุณเอามาเหมารวมอธิบายไม่ได้

1.การรัฐประหาร อันนี้พวกคุณก็ว่าแล้ว

2.การคอร์รัปชัน ในโครงการรับจำนำข้าว อันนี้ศาลตัดสิน สังคมรับรู้กันหมดว่า มีการคอร์รัปชันครั้งใหญ่ คนที่เกี่ยวข้องติดคุกกันหมด ยกเว้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่หนีไปเอง ไม่มีใครไล่ให้ออกไป

3.ข้าว 10 ปี เน่าหรือไม่เน่า มันก็จะเป็นคนละประเด็นว่า มีการคอร์รัปชันหรือไม่

คุณวิโรจน์คุณทำหน้าที่ฝ่ายค้าน มีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล มันมีข้อพิรุธมากมายเรื่องข้าวเน่าไม่เน่า แทนที่จะช่วยประชาชนตรวจสอบ คุณกลับทำตัวเป็นเหมือนโฆษกรัฐบาล ที่ออกมาการันตีข้าวว่าไม่เน่า เหมารวมว่าไม่โกงอีกต่างหาก

โกงกับเน่า ต้องแยกกันคนละประเด็นครับ

คุณทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ตระกูลชิน คนใหม่เหลือเกิน อยากร่วมรัฐบาลขนาดนั้นเลยหรือครับ จึงต้องปกป้องการคอร์รัปชันเหลือเกิน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top