Monday, 6 May 2024
ฮ่องกง

‘ศุลกากรฯ ฮ่องกง’ ยึด ‘ยาบ้าล็อตใหญ่’ หนัก 1.1 ตัน ส่งตรงจากเม็กซิโก ถูกแปลงโฉมเป็น ‘เปลือกหอย’ ซุกซ่อนปะปนมากับเปลือกหอยของจริง

(10 พ.ย. 66) สำนักข่าวซินหัว, ฮ่องกง รายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ ศุลกากรเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน พบเหตุต้องสงสัยกรณีค้าเมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) หรือ ‘ยาบ้า’ จำนวนมากเป็นประวัติการณ์ และยึดของกลางดังกล่าวได้ราว 1.1 ตัน โดยยาบ้าเหล่านี้ถูกดัดแปลงให้เป็นรูปทรงของ ‘เปลือกหอย’ และบรรจุซุกซ่อนมากับเปลือกหอยจริง

ศุลกากรฯ ระบุผ่านถ้อยแถลงว่า คดีนี้เป็นคดีค้ายาบ้าชนิดแข็งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ศุลกากรฯ เคยตรวจพบ

หลังจากการประเมินความเสี่ยง เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ศุลกากรฯ ได้ทำการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลตู้หนึ่ง ที่ระบุไว้ว่าบรรทุกอาหารทะเล 611 กระสอบ และถูกส่งจากเม็กซิโกมาถึงฮ่องกง

จากการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว พบยาบ้าต้องสงสัยจำนวนหนึ่งซึ่งซุกซ่อนอยู่ โดยถูกอำพรางมาในรูปแบบของเปลือกหอย และปะปนอยู่กับเปลือกหอยของจริงภายในถุงไนลอนจำนวน 104 ใบ

ทั้งนี้ หลังทำการสืบสวน เจ้าหน้าที่ศุลกากรฯ ได้จับกุมชายวัย 60 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถ และชายวัย 54 ปี ผู้ดูแลโกดังแห่งหนึ่ง จากนั้นได้จับกุมหญิงวัย 46 ปี ผู้ดูแลโกดังสินค้าของบริษัทโลจิสติกส์ และชายว่างงานวัย 27 ปีรายหนึ่ง โดยคดีนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

อนึ่ง ศุลกากรฯ ตรวจพบกรณีที่เกี่ยวข้องกับยาบ้าจำนวนมากกว่า 1 ตันเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2022 มีการยึดยาบ้าแบบเหลวได้ราว 1.8 ตัน จากการขนส่งทางทะเลที่ระบุว่าเป็นการบรรทุกสินค้าประเภทน้ำมะพร้าว

‘ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์’ เตรียมเปิดดินแดนแห่งใหม่ 20 พ.ย.นี้ หลังได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ชื่อดัง ‘Frozen’

เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ต เตรียมเปิดตัวดินแดนแห่งใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์แอนิเมชันยอดนิยมเรื่อง ‘โฟรเซ่น’ (Frozen) และ ‘โฟรเซ่น 2’ (Frozen 2) ให้สาธารณชนเข้าชมวันที่ 20 พ.ย.นี้

โดยเมื่อวันพฤหัสบดี (16 พ.ย.) โรเบิร์ต ไอเกอร์ ซีอีโอดิสนีย์ กล่าวในพิธีเปิดว่าอิทธิพลระดับโลกของ ‘โฟรเซ่น’ ถือเป็นหลักฐานความเชี่ยวชาญในการเล่าเรื่องของวอลต์ ดิสนีย์ คอมปานี (Walt Disney Company) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานของบริษัทฯ

ดินแดน ‘เวิลด์ ออฟ โฟรเซ่น’ (World of Frozen) ดึงหลายฉากสำคัญในภาพยนตร์โฟรเซ่นให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา ซึ่งรวมถึง ‘ปราสาทน้ำแข็ง’ และปราสาทเอเรนเดลล์ (Arendelle Castle) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อพระวงศ์ในภาพยนตร์

ดินแดนแห่งใหม่นี้ผสมผสานภูมิทัศน์ทางธรรมชาติของเกาะลันเตาในฮ่องกงเข้ากับการออกแบบของ ‘ภูเขาทางตอนเหนือ’ ได้อย่างลงตัว เปิดโอกาสให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้เพลิดเพลินทิวทัศน์มุมกว้างของสถานที่ทั้งสองแห่ง

ผู้ที่มาเยี่ยมชมยังสามารถเล่นเครื่องเล่นในธีมโฟรเซ่น และดื่มด่ำไปกับบทเพลงชื่อดังจากภาพยนตร์ ซึ่งดินแดนแห่งใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของส่วนต่อขยายล่าสุดของสวนสนุกฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ต ทำให้ขณะนี้มีดินแดนรวมทั้งหมด 8 ธีมแล้ว

ปีเตอร์ เกา ผู้อำนวยการพัฒนาธุรกิจ ประจำฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ต เผยความคาดหวังว่าดินแดนแห่งใหม่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาสู่ฮ่องกง และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของฮ่องกง

‘มวยไทย’ ยกทัพเยือน ‘ฮ่องกง’ หนุนซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ระดับโลก พร้อมโชว์ลีลาเด็ดในงานดวลหมัด ‘อีสต์ เอเชียน มวยไทย แชมเปียนชิป’

(24 พ.ย. 66) การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF), คณะกรรมการกีฬามวย, สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ, สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย และสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) ร่วมกันจัดโครงการประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ศิลปะมวยไทยสู่ต่างประเทศ พร้อมกับจัดการแข่งขันรายการ ‘อีสต์ เอเชียน มวยไทย แชมเปียนชิป 2023’ โดยมีนักมวยไทยจาก 9 ชาติ จากภูมิภาคเอเชียตะวันออก ร่วมขึ้นสังเวียนชิงชัย ที่ควีน อลิซาเบธ สเตเดียม เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 23-26 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยให้เผยแพร่ไปสู่ระดับนานาชาติ และกำหนดมาตรฐานมวยไทย ‘One Standard Muaythai’ (OSM) นำโดย ดร.ปัญญา หาญลำยวง คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมทั้ง ดร.เช้า วาทโยธา ครูมวยไทยนานาชาติชื่อดัง และ ‘กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี’ อนึ่ง คัฒมารศรี ยอดนักมวยไทยชื่อดัง และคณะ ร่วมเปิดคลินิกสอนทักษะมวยไทยให้กับผู้เข้ารับการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ซึ่งได้รับการตอบรับจากชมรม และสมาคมกีฬามวยไทยแห่งฮ่องกง ส่งนักกีฬามวยไทยเข้าร่วมอย่างคึกคัก

โครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยสู่ต่างประเทศ จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทย ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้นในฮ่องกง โดยจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยสู่นานาชาติอย่างครบวงจร และสามารถต่อยอดสินค้ามวยไทยสู่ต่างประเทศได้อย่างแพร่หลาย ทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการด้านมวยไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม อันเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทยสู่ฮ่องกง ส่งเสริมความนิยมไทย และความเป็นไทยให้เป็นที่รู้จักทุกภูมิภาคของโลก โดยสามารถต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยว การค้าการลงทุนในประเทศไทย และอาหารไทย

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการกีฬา และนันทนาการบนพื้นฐานวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมพัฒนากีฬา พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างชื่อเสียง และเกียรติภูมิของประเทศ รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬา การท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพื่อสร้างคุณค่า และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย

ดังนั้น สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทยที่มีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินกิจกรรมกีฬามวยอาชีพในการส่งเสริม และเผยแพร่กีฬามวยไทยอาชีพให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจอุตสาหกรรมมวยไทย สร้างรายได้ให้บุคลากรมวยไทย จึงจัดโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศฮ่องกง ขึ้นเพื่อนำกีฬามวยไทยไปเผยแพร่ และยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

กิจกรรมที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง แบ่งออกเป็น กิจกรรมในช่วงเช้าเป็นการจัดเวิร์กชอปเปิดคลินิกสอนทักษะมวยไทยให้กับผู้เข้ารับการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดย ดร.เช้า วาทโยธา ครูมวยไทยนานาชาติชื่อดัง และ ‘กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี’ อนึ่ง คัฒมารศรี นักมวยไทยชื่อดัง ร่วมติวเข้มทักษะแม่ไม้มวยไทยให้กับผู้เข้ารับการอบรม จากนั้นในช่วงเย็นเป็นพิธีเปิดการแข่งขัน ‘อีสต์ เอเชียน มวยไทย แชมเปียนชิป 2023’ อย่างเป็นทางการ โดยมี ‘สเตฟาน ฟ็อกซ์’ เลขาธิการสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) พร้อมด้วย ปุย ควาน เกย์ ประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมกีฬามวยไทยแห่งฮ่องกง, ซิน ลัม ยุก ประธานสมาคมกีฬามวยไทยแห่งฮ่องกง, ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวกับกีฬาของฮ่องกง และนักกีฬามวยไทย 9 จากชาติที่เข้าร่วมชิงชัย ประกอบด้วย บังกลาเทศ, อินเดีย, เกาหลีใต้, มองโกเลีย, มาเก๊า, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, จีน และฮ่องกง เจ้าภาพ เข้าร่วมในพิธีเปิด

พิธีเปิดการแข่งขันได้มีการแสดงศิลปะแม้ไม้มวยไทยโบราณ จากคณะลานนาไฟท์ติ้งมวยไทย นำโดย ‘ครูดิน’ นายวิทวัส ค้าสม นำคณะนักมวยไทยไปโชว์อัตลักษณ์มวยไทยที่เป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทย รวมทั้งการแสดงคีตะมวยไทย จากทีมมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเพชรบูรณ์ ทีมชนะเลิศจากการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2566 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานสุดตื่นตาตื่นใจ

สำหรับ ฮ่องกง ถือเป็นหนึ่งในมหาอำนาจมวยไทยของเอเชีย และเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) ได้จัดการแข่งขันรายการ ‘อีสต์ เอเชียน มวยไทย แชมเปียนชิป 2023’ ที่ควีน อลิซาเบธ สเตเดียม ซึ่งถือเป็นการแข่งขันมวยไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในมวยไทยสมัยใหม่ และยิ่งใหญ่ที่สุดที่จัดขึ้น ณ ฮ่องกง หลังจากรอคอยมา 3 ปี โดยจะเป็นการช่วยส่งเสริมมวยไทยให้ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออก รวมถึงการต่อสู้ และองค์ประกอบดั้งเดิม และการไหว้ครูมวยไทย

สรุปผลการแข่งขันรายการ ‘อีสต์ เอเชี่ยน มวยไทย แชมเปียนชิป 2023’ รอบแรก ดังนี้

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 45 กก.หญิง ‘นามูอูนา อาร์เดเนบายาร์’ (มองโกเลีย) ชนะอาร์เอสซียก 2 ‘ทิเคสชวารี ซาฮู’ (อินเดีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 48 กก.หญิง ‘เพียว ลิง อึน’ (ฮ่องกง) ชนะคะแนน ‘อูรานกู โอดอนทูยา’ (มองโกเลีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 51 กก.หญิง ‘ยูริกะ จิมโป’ (ญี่ปุ่น) ชนะคะแนน ‘หลิว ซินเหอ’ (ไต้หวัน)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 54 กก.ชาย ‘จางฮุน ออน’ (เกาหลีใต้) ชนะคะแนน ‘ฝ่าน กวงเจ้อ’ (จีน) และ ‘บาตดอร์จ ซูมิยาซูเรน’ (มองโกเลีย) ชนะคะแนน ‘ฟาฮัด อนัคคายี่’ (อินเดีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 57 กก.ชาย ‘หลี่ หยูหง’ (ไต้หวัน) ชนะคะแนน ‘ดีพานคาร์ โบรา’ (อินเดีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 60 กก.ชาย ‘บาตโบลด์ กานซูร์คห์’ (มองโกเลีย) ชนะคะแนน ‘บิดยาชานดรา ซิงห์ ไลชาห์ม’ และ ‘กวน เว่ยเฮ’ (มาเก๊า) ชนะอาร์เอสซียก 1 ‘เฉิน เบาจอง’ (ไต้หวัน)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 63.5 กก.ชาย ‘อาเชม ทอนดอนบา ซิงห์’ (อินเดีย) ชนะอาร์เอสซียก 1 ‘ซู่ ยองจู’ (ไต้หวัน)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 67 กก.ชาย ‘ชุง เป่ยรง’ (ฮ่องกง) ชนะอาร์เอสซียก 1 ‘หวง เจิ้งฉี’ (จีน), ‘อี ซังมิน’ (เกาหลีใต้) ชนะคะแนน ‘โมรัมบ้า ซาโกลเซ็ม’ (อินเดีย) ‘หวง เหาหยวน’ (มาเก๊า) ชนะคะแนน ‘บาต-อิตเกลต์ ชิจีร์บาตาร์’ (มองโกเลีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 70 กก.ชาย ‘ลี่ จวนเซียน’ (ฮ่องกง) ชนะอาร์เอสซียก 2 ‘เป่ง เวิ่นเบา’ (ไต้หวัน)

‘ฮ่องกง’ เปิดตัว ‘รถบัส 2 ชั้น’ ขับเคลื่อนด้วยพลังไฮโดรเจนคันแรก พร้อมสถานีเติมเชื้อเพลิง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เตรียมให้บริการปีหน้า

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, ฮ่องกง ‘ซิตีบัส’ (Citybus) ผู้ให้บริการรถโดยสารประจำทาง ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน รายงานการเริ่มต้นทดลองใช้งานรถบัส 2 ชั้นพลังไฮโดรเจนคันแรก และสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถบัสแห่งแรกของเมือง ซึ่งมีกำหนดให้บริการแก่สาธารณะในเดือนมกราคมปีหน้า

‘จอห์น ลี’ ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง กล่าวว่าความคืบหน้านี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการใช้งานยานยนต์พลังงานใหม่ในฮ่องกง โดยยานยนต์พลังไฮโดรเจนสามารถเดินทางในระยะไกลและเติมเชื้อเพลิงได้เร็ว ทำให้ไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงานที่มีศักยภาพ สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่คาร์บอนต่ำทั่วโลก

ซิตีบัส ระบุว่า การเติมเชื้อเพลิงของรถบัสพลังไฮโดรเจนคันแรกนี้ ใช้เวลาราว 10 นาที และรถบัสรุ่นใหม่ที่ล้ำหน้ากว่านี้จะวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรต่อการเติมเชื้อเพลิงหนึ่งครั้ง โดยรถบัสพลังไฮโดรเจนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถบัสน้ำมันดีเซล เพราะปล่อยเพียงน้ำขณะใช้งาน ซึ่งซิตีบัสวางแผนทดแทนรถบัสน้ำมันดีเซลทั้งหมดด้วยรถบัสพลังไฮโดรเจน ภายในปี 2045

ทั้งนี้ รถบัสพลังไฮโดรเจนคันแรก เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่ง อันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของฮ่องกง

การแถลงนโยบายในปีนี้ของจอห์น ลี ระบุว่า รัฐบาลฮ่องกงจะกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาไฮโดรเจนในฮ่องกงในปีหน้า และเริ่มต้นงานเตรียมการแก้ไขกฎหมายอันจำเป็นต่อการผลิต จัดเก็บ ขนส่ง และใช้งานเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ภายใต้แนวคิดเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติในปี 2025

'แบงก์ชาติ' เปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน 'ไทย-ฮ่องกง' ผ่าน QR เอื้อประโยชน์ผู้ที่เดินทางระหว่าง 2 ประเทศกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี

(4 ธ.ค.66) ธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority: HKMA) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดตัวการให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR ระหว่างฮ่องกงและประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่เดินทางระหว่างฮ่องกงและประเทศไทยได้รับบริการชำระเงินที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเข้าถึงได้ง่าย

บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR ดังกล่าว จะทำให้ผู้ที่เดินทางระหว่างฮ่องกงและประเทศไทยสามารถทำรายการชำระเงินกับร้านค้าได้โดยง่าย โดยผู้ใช้บริการที่มาจากฮ่องกงสามารถใช้แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือสแกน QR มาตรฐานของไทย (Thai QR code) และผู้ใช้บริการที่มาจากไทยสามารถใช้แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือสแกน QR ของฮ่องกง (Hong Kong FPS QR code) ที่ร้านค้าได้แสดงไว้ ทำให้ผู้ใช้บริการมีช่องทางชำระเงินที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ ขณะที่ร้านค้าจะได้รับเงินค่าสินค้าในทันที ทั้งยังเป็นการสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของฮ่องกงและประเทศไทยด้วย

นาย Eddie Yue ผู้ว่าการธนาคารกลางฮ่องกง กล่าวว่า ธนาคารกลางฮ่องกงมีความยินดีอย่างยิ่งต่อความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายในการพัฒนาช่องทางการชำระเงินข้ามพรมแดนรายย่อย ที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ โดยการเปิดตัวบริการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของระบบ Fast Payment System ในการขยายบริการชำระเงินข้ามพรมแดนในภูมิภาค

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ความร่วมมือกับฮ่องกงในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาด้านดิจิทัลของไทย และสะท้อนความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างการชำระเงินข้ามพรมแดนในภูมิภาค ให้มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เดินทางระหว่างฮ่องกงและไทยจำนวนประมาณ 1.5 ล้านคนต่อปี และต่อร้านค้าที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม

โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งการผลักดันจากธนาคารกลาง คือ HKMA และ ธปท. ผู้ให้บริการระบบการชำระเงิน ได้แก่ Hong Kong Interbank Clearing Limited (HKICL) และ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ (NITMX) ผู้ให้บริการชำระดุลระหว่างประเทศ ได้แก่ HSBC Hong Kong และธนาคารกรุงเทพ รวมทั้งผู้ให้บริการชำระเงินหลายรายที่เข้าร่วมให้บริการแอปพลิเคชัน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง และ Non-bank 2 แห่งของฮ่องกง และธนาคารพาณิชย์ 3 แห่งของไทย และอีกหลายแห่งของทั้งสองฝ่ายที่ร่วมให้บริการ QR แก่ร้านค้า โดยมีรายชื่อตามเอกสารแนบ

ธนาคารกลางทั้ง 2 แห่งเชื่อว่าการเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามพรมแดนครั้งนี้ ให้ทางเลือกการชำระเงินที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสม และจะส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านนวัตกรรมทางการเงินในภูมิภาคมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต

นักเคลื่อนไหว 'แอกเนส โจว' หนีประกันไปเรียนต่อที่แคนาดา  ลั่น!! 'เครียด-ซึมเศร้า' อาจไม่กลับฮ่องกงอีก 'ตลอดชีวิต' 

(4 ธ.ค. 66) แอกเนส โจว (Agnes Chow) หนึ่งในแกนนำนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกง ประกาศว่าตัวเธอเองได้หนีการประกันตัว และเดินทางไปศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยที่แคนาดาแล้ว

โจว ถูกศาลฮ่องกงสั่งจำคุก 10 เดือนเมื่อปี 2020 ในความผิดฐานเข้าร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2019 ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อปี 2021 โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเข้ารายงานตัวกับตำรวจอย่างสม่ำเสมอ

สถานีโทรทัศน์ TVB ของฮ่องกงรายงานวันนี้ (4 ธ.ค.) ว่า ตำรวจฮ่องกงได้แถลง ‘ประณามอย่างรุนแรง’ ต่อการละเมิดเงื่อนไขประกันตัวของ โจว และเรียกร้องให้เธอ ‘อย่าเลือกเดินเส้นทางที่ไม่อาจหวนกลับในการเป็นผู้ลี้ภัยตลอดชีวิต’

ก่อนหน้านั้น โจว ได้โพสต์อินสตาแกรม 2 ครั้งในวันอาทิตย์ (3 ธ.ค.) เพื่อฉลองวันเกิดปีที่ 27 ของเธอ พร้อมเปิดเผยว่ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองโทรอนโตของแคนาดารับเธอเข้าศึกษาต่อแล้ว และเธอตัดสินใจเดินทางออกจากฮ่องกงไปยังแคนาดาเมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา

โจว เล่าว่าเพื่อที่จะได้หนังสือเดินทางคืน เธอต้องยอมถูกตำรวจ 5 นายคุมตัวไปยังจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อเดือน ส.ค. โดยไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้

“ฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา” เธอโพสต์ข้อความ

โจว ถูกนำตัวไปเยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ของจีนภายหลังการปฏิรูปและเปิดประเทศเมื่อช่วงปลายทศวรรษ 1970 ก่อนจะถูกพาไปที่สำนักงานใหญ่ของเทนเซนต์ (Tencent) และถูกขอให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย

“ถ้าฉันไม่ออกมาพูดอะไร ภาพถ่ายเหล่านั้นอาจจะถูกใช้เป็นหลักฐานแสดงความรักชาติ (patriotism) ของฉันไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันกลัวจริง ๆ” เธอกล่าว

โจว เล่าต่อว่า เมื่อเดินทางกลับถึงฮ่องกงเธอถูกบังคับให้ลงนามในจดหมายแสดงความ ‘สำนึกผิด’ ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ‘ขอบคุณ’ ตำรวจที่ช่วยจัดทริปให้เธอได้เดินทางไปเรียนรู้เกี่ยวกับ ‘การพัฒนาอันแสนยอดเยี่ยมของประเทศบ้านเกิดเมืองนอน’

โจว มีกำหนดต้องเข้ารายงานตัวกับตำรวจอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ธ.ค. เนื่องจากเธอยังคงถูกสอบสวนฐานสมคบคิดต่างชาติบ่อนทำลายความมั่นคงจีน โดยเชื่อมโยงกับคดีของ จิมมี ไล (Jimmy Lai) มหาเศรษฐีและเจ้าพ่อวงการสื่อที่สนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยฮ่องกง

สาวนักเคลื่อนไหวรายนี้บอกว่า เธอได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วเกี่ยวกับ ‘สถานการณ์ในฮ่องกง รวมถึงความปลอดภัยและสุขภาพจิตของตัวเอง’ ก่อนจะตัดสินใจเดินทางไปศึกษาต่อที่แคนาดา

“บางทีฉันอาจไม่กลับไปฮ่องกงอีกเลยตลอดชีวิต” โจว กล่าว

โจว ยอมรับว่า แรงกดดันจากการถูกดำเนินคดีทำให้เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (depression) และยังมีอาการของโรคเครียดภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะทือนขวัญ หรือ PTSD (Post-traumatic stress disorder)

แอกเนส โจว เป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวฮ่องกงซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุด และถึงขั้นได้รับฉายาว่า ‘มู่หลานตัวจริง’ โดยอ้างอิงกับตำนานวีรสตรีจีน ‘ฮวา มู่หลาน’ ที่ปลอมตัวเป็นชายออกไปจับอาวุธปกป้องครอบครัวและชาติบ้านเมือง

โจว เคยได้รับคัดเลือกจาก BBC ให้เป็นหนึ่งใน 100 ผู้หญิงทรงอิทธิพลของโลกประจำปี 2020

ทางการฮ่องกงยังคงเดินหน้าปราบปรามนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ในปี 2019 ซึ่งนำมาสู่การบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในปี 2020

‘โทนี ชุง’ แกนนำ นศ.เรียกร้อง ปชต.ฮ่องกงลี้ภัยไป ‘อังกฤษ’ รับ!! ทนใช้ชีวิตต่อไม่ไหว หลังต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว

(29 ธ.ค. 66) โทนี ชุง (Tony Chung) นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยฮ่องกงประกาศว่า…ตนตัดสินใจลี้ภัยไปอยู่อังกฤษเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากทนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวไม่ไหว หลังถูกทางการฮ่องกงกดดันให้เป็น ‘สาย’ ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ และยังห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพใด ๆ

เมื่อปี 2021 ชุง ซึ่งตอนนั้นอายุ 20 ปี เป็นบุคคลอายุน้อยที่สุดที่ถูกศาลฮ่องกงสั่งจำคุกฐานละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลจีนนำมาใช้กับเกาะศูนย์กลางธุรกิจแห่งนี้ หลังเกิดการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่เมื่อช่วงปี 2019

ชุง ยอมรับสารภาพผิดข้อหา ‘ปลุกระดม’ และถูกจำคุกเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง

หลังได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ชุง เล่าว่าทุก ๆ วันเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว

“ผมกลัวที่จะออกจากบ้าน กลัวที่จะใช้โทรศัพท์สาธารณะ และกลัวจะถูกตำรวจความมั่นคงที่เดินอยู่ตามท้องถนนจับกุมอีกครั้ง” เขาระบุในคำแถลงซึ่งลงวันที่ 27 ธ.ค. แต่เพิ่งจะถูกโพสต์ลงโซเชียลมีเดียเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (29 ธ.ค.)

ชุง อ้างว่า เขาถูกห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพ และโดนตำรวจความมั่นคงข่มขู่ให้เป็น ‘สายสืบ’ หาข้อมูลและหลักฐานเพื่อเอาผิดกับนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ

“พวกเขาเสนอจะให้เงินค่าเบาะแสกับผม และขอให้ผมส่งข้อมูลเกี่ยวกับนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าผมกลับตัวกลับใจแล้ว และเต็มใจที่จะร่วมมือกับตำรวจ”

ชุง เล่าว่า เขาเดินทางออกจากฮ่องกงด้วยข้ออ้างว่าจะไปพักผ่อนที่โอกินาวา และตัดสินใจขอความช่วยเหลือเมื่อพ้นจากดินแดนจีนมาแล้ว

“ในขณะที่ผมเผยแพร่คำแถลงนี้ ผมได้เดินทางมาถึงสหราชอาณาจักรโดยปลอดภัยแล้ว และได้ยื่นคำร้องขอลี้ภัยการเมืองอย่างเป็นทางการระหว่างที่เข้าเมือง” ชุง กล่าว

ชุง ถือเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองรายล่าสุดที่ตัดสินใจหลบหนีออกจากฮ่องกง หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว แอกเนส โจว (Agnes Chow) นักเคลื่อนไหวหญิงเจ้าของฉายา ‘มู่หลานตัวจริง’ ก็ประกาศว่าเธอได้ละเมิดเงื่อนไขประกันตัวเพื่อเดินทางไปศึกษาต่อที่แคนาดา และคาดว่าคงจะไม่กลับไปเหยียบแผ่นดินฮ่องกงอีก

ชุง เคยเป็นประธานกลุ่ม Student Localism ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียนมัธยมที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว 5 ปีก่อนเพื่อรณรงค์แยกฮ่องกงเป็นอิสระจากจีน ก่อนที่กลุ่มนี้จะปิดตัวไปในที่สุด

ปีนี้ทางการฮ่องกงได้ประกาศตั้งเงินรางวัล $1,000,000 ดอลลาร์ฮ่องกง สำหรับผู้ที่ให้เบาะแสนำไปสู่การจับกุมนักเคลื่อนไหวโปรประชาธิปไตย 13 คนที่หนีไปอยู่ต่างประเทศ

‘ฮ่องกง’ เดินหน้าส่งเสริม ‘เศรษฐกิจงานอีเวนต์ขนาดใหญ่’ หวังดึงดูดใจผู้มาเยือน พร้อมเปลี่ยนชื่อเสียงสู่ความเจริญ

(26 ม.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘จอห์น ลี’ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน แสดงความหวังจะส่งเสริม ‘เศรษฐกิจงานอีเวนต์ขนาดใหญ่’ (mega-event economy) เพื่อดึงดูดผู้คนมาเยือนฮ่องกงเพิ่มขึ้น และแปรเปลี่ยนชื่อเสียงเป็นความเจริญรุ่งเรือง

โดย จอห์น ลี กล่าวระหว่างการถาม-ตอบ ณ การประชุมสภานิติบัญญัติ (LegCo) ของฮ่องกงว่าตั้งแต่มีการกลับมาเดินทางตามปกติอย่างเต็มรูปแบบเมื่อต้นปีก่อน ฮ่องกงได้เป็นเจ้าภาพจัดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่หลายงาน ครอบคลุมการประชุมระหว่างประเทศ นิทรรศการศิลปะ การแข่งขันกีฬา และกิจกรรมเพื่อความบันเทิง

ซึ่งการจัดงานอีเวนต์เหล่านี้เพิ่มความน่าดึงดูดใจและโอกาสทางธุรกิจของฮ่องกง ส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในภาคธุรกิจการท่องเที่ยว การโรงแรม อาหาร และการค้าปลีก โดยผู้มาเยือนทุก 1.5 ล้านคน มีส่วนส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจท้องถิ่นราว 0.1 จุด

รัฐบาลฮ่องกงตั้งเป้าหมายขยาย ‘ส่วนแบ่ง’ เพื่อรับรองว่าทุกคนจะได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ดีขึ้น โดยมีการวางแผนฟื้นฟูเขตวานจื่อ (Wan Chai) บูรณะอาคารบางส่วนของรัฐบาลเป็นสถานที่จัดนิทรรศการ ขยายศูนย์ประชุมและนิทรรศการเอเชียเวิลด์-เอ็กซ์โป ซึ่งทั้งหมดจะเพิ่มความจุสถานที่ของฮ่องกงราวร้อยละ 40

‘ฮ่องกง’ ผุดสถาบัน ‘ปราบปรามทุจริต’ หวังดันประเทศเป็นศูนย์กลางระดับสากล

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมาธิการอิสระปราบปรามการทุจริตประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน จัดพิธีการก่อตั้งสถาบันปราบปรามการทุจริตระหว่างประเทศแห่งฮ่องกง ซึ่งมุ่งชี้นำแผนริเริ่มการฝึกอบรมปราบปรามการทุจริตทั้งระดับท้องถิ่นและระดับโลก ส่งเสริมการแบ่งปันประสบการณ์ และเสริมสร้างสถานะของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางปราบปรามการทุจริตในระดับสากล

จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง กล่าวว่าความซื่อสัตย์เป็นหัวใจสำคัญในการรักษาความเจริญรุ่งเรืองและเสถียรภาพของฮ่องกง รวมถึงการมีส่วนส่งเสริมการพัฒนาระดับชาติของฮ่องกง โดยสถาบันฯ จะสนับสนุนสถานะของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางปราบปรามการทุจริต พร้อมส่งเสริมสังคมฮ่องกงที่โปร่งใส ความมั่นคงทางสังคม และคุณค่าที่ฮ่องกงให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์และหลักนิติธรรม

หูอิงหมิง สมาชิกคณะกรรมาธิการฯ บ่งชี้การตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในงานปราบปรามการทุจริต โดยสถาบันฯ จะจัดการฝึกอบรมแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามการทุจริตทั่วโลกอย่างเป็นระบบและมืออาชีพ รวมถึงรวบรวมนักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแบ่งปันประสบการณ์ปราบปรามการทุจริตด้วย

ทั้งนี้ สถาบันฯ ได้ร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ร่วมกันเปิดหลักสูตรแรกของสถาบันฯ ได้แก่ ‘โครงการพัฒนาวิชาชีพว่าด้วยการสืบสวนทางการเงินและการกู้คืนสินทรัพย์’ (Professional Development Program on Financial Investigation and Asset Recovery) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามการทุจริตจากหน่วยงานตุลาการราว 20 แห่ง เข้าร่วม 35 คน

นอกจากนั้นสถาบันฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับมหาวิทยาลัยชั้นนำบนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า และฮ่องกง จำนวน 5 แห่ง เพื่อขับเคลื่อนการวิจัยการปราบปรามการทุจริตและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนผู้มีความรู้ความสามารถด้วย

‘ฮ่องกง’ เผย ‘ร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ’ ฉบับใหม่ เพิ่มโทษผู้มีความผิดข้อหา ‘ทรยศ-กบฏ-ก่อวินาศกรรม-ปลุกปั่น’

(8 มี.ค. 67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทางการฮ่องกงได้เผยแพร่ร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ โดยเพิ่มอัตราโทษแก่ผู้กระทำความผิดในข้อหาปลุกปั่นและเกี่ยวกับความลับทางราชการ

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกงฉบับใหม่นี้ ได้กำหนดให้ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทรยศ กบฏ และก่อวินาศกรรม จะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ขยายเวลาให้ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ที่ถูกจับกุมโดยยังไม่มีการตั้งข้อหาได้สูงสุด 14 วัน หากได้รับการเห็นชอบจากผู้พิพากษา และอาจจำกัดการเข้าถึงทนายความ ขณะที่ผู้ต้องหาคดีจารกรรมจะมีโทษจำคุก 20 ปี

ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ยังเสนอเพิ่มบทลงโทษในข้อหาปลุกปั่น ซึ่งมีความหมายถึงการปลุกปั่นความไม่พอใจหรือเกลียดชังต่อรัฐ ผ่านการกระทำ คำพูด หรือการเผยแพร่สิ่งพิมพ์ จากก่อนหน้านี้จะมีโทษจำคุก 2 ปี เป็นสูงสุด 10 ปี สำหรับความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ รวมถึงผู้ที่มีความผิดในข้อหาเกี่ยวกับความลับทางราชการจะมีโทษจำคุก 10 ปีเช่นกัน และได้เสนอให้เพิ่มโทษผู้ที่มีสิ่งพิมพ์ที่มีเนื้อหาปลุกปั่นไว้ในครอบครองจาก 1 ปี เป็นสูงสุด 3 ปี โดยตำรวจมีสิทธิที่จะตรวจค้นเพื่อยึดและทำลายสื่อสิ่งพิมพ์เหล่านั้น

สภานิติบัญญัติของฮ่องกงได้เริ่มกระบวนการหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวแล้วในวันที่ 8 มีนาคม ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และสมาชิกสภาหลายคนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าร่างกฎหมายฉบับนี้อาจได้รับการผ่านเป็นกฎหมายก่อนกลางเดือนเมษายน

ด้านนายจอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ได้เรียกร้องให้สมาชิกสภาเร่งผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ให้เร็วที่สุด โดยบอกว่าภูมิรัฐศาสตร์มีความซับซ้อนมากขึ้น และความเสี่ยงด้านความมั่นคงยังคงอยู่ไม่ไกลจากฮ่องกงเช่นเดิม

ทั้งนี้ นักการทูตต่างชาติและนักธุรกิจต่างๆ กำลังจับตาดูร่างกฎหมายนี้อย่างใกล้ชิด เพราะกังวลว่ามันอาจเป็นการลดทอนเสรีภาพในฮ่องกง หลังก่อนหน้านี้มีการปราบปรามผู้เห็นต่าง จนทำให้นักเคลื่อนไหวและนักการเมืองหลายคนที่ฝักใฝ่ประชาธิปไตยต้องติดคุกหรือลี้ภัยไปต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายบางคนได้วิเคราะห์ร่างกฎหมายดังกล่าวเบื้องต้น ระบุว่าองค์ประกอบในการปรับบทลงโทษในการกระทำความผิดบางอย่างมีความคล้ายคลึงกับของชาติตะวันตก แต่บทบัญญัติบางประการ อาทิ ในข้อหาปลุกปั่นและความลับทางราชการ มีการขยายความกว้างขึ้นและมีโทษรุนแรงขึ้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top