Wednesday, 9 April 2025
สุราษฎร์ธานี

‘กรมทางหลวง’ เผย โครงการขยายสายทางรอบเกาะสมุย ใกล้เสร็จแล้ว หวังยกระดับคุณภาพชีวิต-ส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สุราษฎร์ธานี

(12 ก.ย.66) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และโครงข่ายทางหลวงในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4169 สายทางรอบเกาะสมุยให้แล้วเสร็จตลอดสายระยะทาง 50 กิโลเมตร เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และส่งเสริมการท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ตามนโยบายของรัฐบาล

กรมทางหลวง โดยสำนักก่อสร้างทางที่ 1 เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4169 สายทางรอบเกาะสมุย ซึ่งมีระยะทางทั้งหมด 50 กิโลเมตร โดยที่ผ่านมากรมทางหลวงได้ขยายเส้นทางแล้วเสร็จรวมระยะทาง 34.53 กิโลเมตร และเปิดให้บริการแก่ประชาชนไปแล้ว ยังคงเหลือ ตอน บ.หัวถนน - บ.เฉวง ซึ่งเป็นช่วงสุดท้าย โดยตอนนี้มีจุดเริ่มต้นที่ กม.14+000 ท้องที่บ้านหัวถนน ตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจุดสิ้นสุดที่ กม.29+531 ท้องที่บ้านเฉวง ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทางยาวประมาณ 15.531 กิโลเมตร ลักษณ

โครงการเดิมเป็นทางหลวงขนาด 2 ช่องจราจร กรมทางหลวงเล็งเห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของสายทาง จึงบูรณะก่อสร้างเป็นมาตรฐานทางชั้น 1 ขนาด 2 ช่องจราจร และบางช่วงเป็นขนาด 4 ช่องจราจร ไป - กลับ ผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีต กว้างช่องจราจรละ 3.50 เมตร มีทางเท้ากว้างข้างละ 2.50 เมตร สำหรับรูปแบบการก่อสร้างแบ่งตามลักษณะภูมิประเทศและความกว้างของเขตทางหลวงโดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้เหมาะสมกับเขตทางหลวง เนื่องจากสภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นภูมิประเทศสลับเนินเขา ย่านชุมชนที่อยู่อาศัยหนาแน่น พร้อมกับให้มีระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง รวมงานติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างและไฟสัญญาณจราจรบนทางหลวง งบประมาณรวม 700 ล้านบาท ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าประมาณร้อยละ 89.35 คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคม 2567 ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เร่งผลักดันการดำเนินงานของโครงการ เพื่อเติมเต็มโครงข่ายทางหลวงให้สมบูรณ์ตลอดสายทาง

‘พิมพ์ภัทรา’ มอบ ‘อสจ.สุราษฎร์ฯ-ศูนย์ฯ ภาค 10’ ร่วมพัฒนาอุตสาหกรรม มุ่งขับเคลื่อนประเทศ สอดรับ ‘อุตสาหกรรมไทยเติบโตคู่ชุมชนอย่างยั่งยืน’

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 66 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจราชการและมอบนโยบายให้แก่หน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีนายวัชรินทร์ ไชยานุพงศ์ อุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี (อสจ.สุราษฎร์ธานี) นางสาวอริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทนศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคใต้ สาขาย่อยจังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมโรงงานอุตสาหกรรม ผู้การภาค 7 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สาขาสุราษฎร์ธานี ร่วมต้อนรับ ณ ห้องประชุมศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 จังหวัดสุราษฎร์ธานี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี และศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 ผู้บริหาร บุคลากรทุกคนเป็นกำลังหลักสำคัญในการขับเคลื่อนองคาพยพของกระทรวงอุตสาหกรรม และยังต้องมีหน้าที่เป็นผู้ประสานระหว่างชุมชนถึงโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าอยู่คู่ชุมชนได้อย่างมีความสุข

ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ สู่การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างสมดุลในระยะยาว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามนโยบาย ‘ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ ให้เติบโตคู่ชุมชนยั่งยืน’ ซึ่งเป็นแนวทางของการพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่สามารถเติบโตไปได้ อยู่ได้ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขนั่นเอง

อสจ.สุราษฎร์ธานี ระบุว่า พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่ดำเนินกิจการ จำนวน 934 โรง มีจำนวนการจ้างงาน 36,419 คน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มการผลิตอื่น ๆ เช่น ขุดดิน ดูดทราย ผลิตไฟฟ้า คัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 364 โรงงาน กลุ่มแปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ จำนวน 232 โรงงาน กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ผลิตน้ำแข็ง เครื่องดื่ม แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 135 โรงงาน กลุ่มยางและผลิตภัณฑ์ยาง จำนวน 69 โรงงาน และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม จำนวน 10 โรงงาน มีเงินลงทุน จำนวน 65,334.48 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีประทานบัตรเปิดการทำเหมือง จำนวน 33 ประทานบัตร และยังได้รายงานการปฏิบัติงานที่เห็นผลสำคัญ คือ โครงการยกระดับสินค้าเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัยด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์ ที่มีแนวโน้มมุ่งสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีความสะดวกในการบริโภค มีบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม สามารถคงคุณภาพผลิตภัณฑ์ไว้ได้ยาวนาน การเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกร ผู้ผลิต หรือเอสเอ็มอี มีขีดความสามารถพร้อมเข้าสู่การผลิตสินค้าที่มีคุณค่าเพิ่ม (Value Creation) ภายใต้กระบวนการผลิตอาหารปลอดภัย (Food Safety)

ทั้งนี้ มีโครงการค่าใช้จ่ายแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน เสริมสร้างความรู้ด้านการสร้างมูลค่าเพิ่ม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ต้นแบบ และทดสอบตลาด ในปี 2566 โดยมีกรณีที่ประสบความสำเร็จ คือ ซอสคั่วกลิ้งปรุงสำเร็จ จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรบ้านควนไทร ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้พัฒนาต่อยอดมาจากส่วนผสมพื้นถิ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังได้รายงานถึงการดำเนินงาน ‘พลอยได้…พาสุข’ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ภายใต้โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถ เพื่อสนับสนุนการแข่งขันแบบจำลองธุรกิจและการนำไปดำเนินการ เป็นโครงการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน หรือ กลุ่มบุคคล ที่มีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (Waste) หรือ วัสดุพลอยได้ (By-product) จากภาคอุตสาหกรรม มาต่อยอดทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักแนวคิด ‘การพึ่งพาอาศัยกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชน’ ซึ่งเห็นผลและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย

‘เพจดัง’ แชร์เสียงสะท้อน นทท.ต่างชาติใช้บริการสนามบินสุราษฎร์ฯ เจอ ‘มาเฟียแท็กซี่’ โกงค่าโดยสาร แถมขู่-ทำร้าย หากเรียกใช้ Grab

(12 ก.พ.67) เพจ ‘Around SURAT THANI Update’ ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพที่สะท้อนความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้ใช้บริการสนามบินสุราษฎร์ธานี โดยระบุว่า…

“แอดมินเข้าไปอ่านรีวิวสนามบินสุราษฎร์ฯ เจอรีวิวจากชาวต่างชาติชื่นชมกันเต็มเลยจ้า โดยเรื่องหลัก ๆจะเป็น #มาเฟียสนามบิน 😥

ปล. เป็นระบบแปลอัตโนมัติของ Google บางประโยคอาจจะแปลงงๆหน่อยนะครับ 😊🙏🏻”

สำหรับเสียงสะท้อนของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้ใช้บริการสนามบินสุราษฎร์ธานี มีดังนี้

-พวกเขาจะหลอกคุณ บอกคุณว่า Grab ผิดกฎหมาย และหลอกให้คุณใช้รถของพวกเขา และจะคิดค่าโดยสารแพงมาก คนพวกนี้เป็นมาเฟียแท็กซี่สนามบิน

-พวกเขามีกลุ่มมาเฟียที่ประกอบไปด้วยคนเลวและอันธพาลล้อมรอบแท็กซี่และขาเข้าเมือง พวก
เขาข่มขู่ จ้องมอง และมีความรู้สึกไม่มั่นคงอยู่ตลอดเวลา หลีกเลี่ยงถ้าเป็นไปได้

-พวกเขาจะหลอกคุณให้บอกว่า Grab Car ผิดกฎหมาย แล้วให้คุณไปกับแท็กซี่มาเฟียเพื่อคิดราคาค่าเดินทางสูง

-หนึ่งในสนามบินที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยผ่านมา ไม่มีการเชื่อมต่อสาธารณะใดๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มมาเฟียของคนขับแท็กซี่ท้องถิ่นที่เสนอบริการรับส่งคุณไปยังเมืองอุดรธานีในราคาที่สูงกว่าเที่ยวบินของสายการบิน!!!! ถ้าคุณพยายามคว้า Grab หรืออะไรก็ตาม มันจะโจมตีคุณทุกวิถีทาง Grab ของฉันจะต้องไปที่ชั้น 2 โดยย้อนกลับเข้าจากทางออก..ออกจากสนามบินนี่เหมือนฝันร้าย ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง!!

-จัดการมาเพียแท็งซี่หน่อยครับ ปล่อยปะละเลยกันจริงๆ

-มีสัตว์ประหลาดแท็กซี่ตัวน้อยรอหลอกคนและบังคับให้คนขึ้นแท็กซี่ เขาก้าวร้าวมากกว่าส่วนสูง
ของเขามาก เขามากับสมาชิกแก๊งเพื่อทำให้คนขับของเราตกใจ เราโชคดีที่คนขับรอเราอยู่ที่ทางเข้า
ทางหลวง ห่างออกไปเพียง 1 กม. กรุณาเดิน 1 กม. เพื่อจ่ายให้กับ สัตว์ประหลาดตัวน้อยเหล่านี้

- ระวังแท็กซี่สนามบิน!! มีมาเฟียอยู่ข้างหลัง (คนขับแท็กซี่บอกเรา) เราจองแท็กซี่กับ Grab แล้วพอมาถึงก็มี 2 คน ทำร้ายคนขับแท็กซี่ชาวไทย ข่มขู่เธอ และยังขู่เราด้วยว่าถ้าเราไปแท็กซี่จะไล่เราด้วยก้อนหิน Grab คิดค่าโดยสาร 330 บาท ขณะที่เขาขอ 600/700 บาท

คะแนนสนามบินของฉันคือ 0 เนื่องจากบริษัทต้องมั่นใจในความปลอดภัยของผู้โดยสารและต้องแก้ไขปัญหาแท็กซี่นี้ ไม่มีตำรวจทั้งขาเข้าและขาออก

พอเดินออกจากทางออกก็เจอรปภ.บอกมีคนขับแท็กซี่ไล่เราอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง! เที่ยวทั่วไทยไม่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นกับเราเลย มาเฟียแท็กซี่สุดก้าวร้าวที่ทำลายชื่อเสียงของชาติ
ไทย สนามบิน และแม้กระทั่งเมือง

-เช่นเดียวกับสนามบินอื่นๆ แต่ระวังคนขับแท็กซี่ที่อยู่ด้านหน้าด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณลงเครื่องตอนดึก พวกเขารับมิกค์ไป และไม่ยอมถอย เพราะสนามบินอยู่ไกลออกไป แล้วดูเหมือนคนขับ Grab เข้าไม่ได้? อาจจองรถแท็กซี่ล่วงหน้าหากคุณ ต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม

-เป็นสนามบินขนาดเล็กที่ใช้สำหรับเรือข้ามฟากไปยังเกาะต่าง ๆ เป็นหลัก ทิ้งรีวิวนี้ไว้ให้ระวังคนอื่นเรื่องม็อบแท็กซี่ เราพยายามจอง Grab 2x และพวกเขาก็ไม่หยุดเพราะพวกเขากลัวกลุ่มแท็กซี่ที่หมุนเวียนอยู่ข้างนอกและพยายาม คิดราคาทางดาราศาสตร์ หนึ่งในนั้น ก้าวร้าวและตะโกนใส่เราว่า Grab ไม่
ได้ทำงานที่นี่ อีกทั้งตำรวจ/หน่วยรักษาความปลอดภัยภายนอกก็ไม่ได้ทำอะไรมากเช่นกัน เราพักที่นั่นหนึ่งคืนที่โรงแรมใกล้เคียงเพื่อขึ้นเรือข้ามฟาก ในเช้าวันรุ่งขึ้น ดังนั้นพยายามต่อราคาอย่างหนักเพื่อลดราคา! หรือเดินไปถนนสายหลักเพื่อจอง Grab

'ตร.หนุ่ม' สั่งเดลิเวอรีส่งที่โรงพัก แต่เจอไรเดอร์เท บอกให้ยกเลิกหาคนขับใหม่ เพราะ ‘ไม่บริการตำรวจ’

(1 เม.ย. 67) กลายเป็นประเด็นถกเสียงแตกในโลกออนไลน์ หลังจากที่นายตำรวจรายหนึ่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แชร์เรื่องราวสั่งอาหารผ่านเดลิเวอรี่รายหนึ่ง ให้มาส่งที่โรงพัก ทว่าเมื่อไรเดอร์ทราบว่าเป็นตำรวจ ได้ส่งข้อความขอยกเลิก พร้อมระบุว่า “ขออภัยครับ ขอยกเลิกหาคนขับใหม่ครับ ผมไม่บริการตำรวจครับ”

โดยระบุไว้ว่า “เพิ่งออกเวร หิว สั่งข้าวผ่าน xxx แต่…ก็พอเข้าใจได้ว่าอาจจะมีอคติกับตำรวจ แต่ได้โปรดอย่าเหมารวมได้ไหม ตั้งใจช่วยคนที่เดือดร้อนทุกวัน ถึงไม่ได้รับคำขอบคุณ แต่ขออย่าตั้งอคติได้ไหม ผมก็มีหัวใจ มีกระเพาะที่ต้องการอาหาร #ผมผิดอะไรทิ้งผมทำไมครับพี่ #กลับมาก๊อนนนนน”

ซึ่งภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกโซเชียล รวมถึงมาร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งฝ่ายที่เข้าใจนายตำรวจ และเข้าใจไรเดอร์ เช่นว่า เขาอาจจะไม่ได้มีอคติ แต่กลัวโดนล่อซื้อ, เกินปุยมุ้ย, มีงี้ด้วยเหรอ, ตำรวจ ก็หิวข้าว เป็นนะครับ, สุดจัด, สงสัยโรงพักล่อซื้อบ่อย, พลาดแล้วบ่าว ไม่มาแลสารวัตรหล่อก่อน

‘นายกฯ’ ยกนิ้วโป้งให้ ‘แกงไตปลา’ รสจัดจ้าน  ย้ำ!! ชอบกินอาหารไทย แต่ไม่ขอฝืนใจใครที่ไม่ชอบทาน 

(7 เม.ย.67) ที่ร้านเสบียงเล อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับประทานอาหารกลางวัน โดยหนึ่งในเมนูโปรดที่ทางร้านจัดให้คือแกงไตปลา โดยนายกฯได้นั่งร่วมโต๊ะกับบรรดารัฐมนตรีพร้อมชิมแกงไตปลา และกล่าวว่า “อร่อยมากครับ” ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รับประทานแล้วอยากจะบอกอะไรกับคนที่จัดอันดับแกงไตปลาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ ไม่ขอตอบโต้ เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบ แต่ผมชอบ อย่างที่บอกว่าฝรั่งก็มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างจากเรา ซึ่งเราก็ยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเขาชอบบางอย่างหรือไม่ชอบบางอย่าง เราไปบอกเขาไม่ได้ และย้ำว่าอาหารไทยมีเยอะ ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่นไก่ ก็ติดอันดับโลกทั้งนั้น ”

เมื่อถามว่าการรับประทานแกงไตปลา จำเป็นจะต้องรับประทานกับข้าวสวยหรือรับประทานเปล่าได้เลย นายกฯ กล่าวว่า “ผมทานได้ พยายามไม่ทานข้าวเพราะลดน้ำหนักอยู่ ที่ชอบเพราะผมชอบทานอาหารรสจัด” จากนั้นนายกฯได้กินโชว์ พร้อมกับชมว่าอร่อยจริงๆไม่ได้อร่อยเล่นๆ

'พีระพันธุ์' ขานรับ 'ก.เกษตร' เร่งช่วยชาวสวนปาล์มสุราษฎร์ฯ แก้ปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมหนุนไฟฟ้าระบบโซลาร์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่เกษตรกร

‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ลงพื้นที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี รับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ พร้อมเร่งแนวทางผลิตน้ำมันระบบไพโรไลซิสจากขยะพลาสติกและเศษถ้วยยางพาราเพื่อช่วยลดมลภาวะและช่วยเกษตรกร รวมทั้งเร่งการสนับสนุนไฟฟ้าระบบโซลาร์เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้เกษตรกรและประชาชนอย่างยั่งยืน

เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำจากชาวสวนปาล์มและโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ หรือ CPO ณ บริษัท ปาล์มทองคำ จำกัด อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีครั้งนี้ เพื่อพบพูดคุยปัญหากับชาวสวนปาล์มที่ประสบปัญหาราคาปาล์มตกต่ำโดยตรง พบว่าปัจจุบันปัญหาลดน้อยลงแล้วและลานเทก็รับซื้อทะลายปาล์มจากชาวสวนยางในราคาสูงขึ้น แต่ปัญหาคืออยากให้กรมการค้าภายในประกาศราคารับซื้อทะลายปาล์มในราคาสูงขึ้น เพราะราคาปุ๋ยกับค่าใช้จ่ายอื่นไม่ลดลง ส่วนปัญหาของโรงหีบหรือโรงสกัดคืออยากให้วางระบบการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของโรงงานไบโอดีเซลให้มีความเป็นธรรมกับลานเทและโรงสกัดมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีกฎหมายกำกับดูแลลานเทและโรงสกัดแต่กลับไม่มีกฎหมายกำกับดูแลโรงงานไบโอดีเซลในการซื้อน้ำมันปาล์มดิบ CPO และการขายน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ รวมทั้งน้ำมัน B100 ที่นำมาผสมน้ำมันดีเซล ซึ่งนายพีระพันธุ์รับว่าจะนำไปพิจารณา ทั้งนี้ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันเพื่อเร่งหามาตรการแก้ไขและช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนปาล์มอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงพลังงาน แม้ว่าจะไม่ใช่กระทรวงหลักที่ดูแลปัญหาดังกล่าว ทว่า ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงเกษตรฯ ได้ขอให้กระทรวงพลังงานช่วยดำเนินการให้ผู้ค้าน้ำมัน เช่น ปตท. และ บางจาก รับซื้อน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ B100 จากโรงงานผลิตไบโอดีเซลที่นำมาใช้ผสมน้ำมันดีเซล ในราคาประมาณ 33-35 ต่อกิโลกรัม ตามที่สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ประกาศไว้ เนื่องจากมองว่าจะทำให้การรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบหรือ CPO จากโรงหีบหรือโรงสกัดในราคาสูงขึ้นได้ จากนั้นโรงหีบหรือโรงสกัดก็จะไปซื้อผลปาล์มจากลานเทในราคาสูงขึ้น และจะทำให้ลานเทสามารถขยับราคารับซื้อผลปาล์มจากชาวสวนปาล์มสูงขึ้นด้วยตามลำดับ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะบังคับผู้ค้าน้ำมันให้รับซื้อน้ำมัน B100 ในราคาใดราคาหนึ่ง ต่างจากกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนั้นโรงงานผลิตไบโอดีเซลเป็นขั้นตอนที่อยู่ห่างจากการซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรที่ลานเทมาก จึงขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันที่จะซื้อน้ำมัน B100 จากโรงงานไบโอดีเซลต้องทำความตกลงกับโรงสกัดและลานเทว่าจะรับซื้อทะลายปาล์มจากชาวสวนปาล์มในราคาสูงขึ้นด้วยเสียก่อน ขณะเดียวกัน จะผลักดันการนำน้ำมันปาล์มดิบ CPO ขยะพลาสติก และเศษถ้วยยางไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตน้ำมันระบบไพโรไลซิสในชุมชนเพื่อช่วยลดมลภาวะและช่วยลดภาระด้านน้ำมันเชื้อเพลิงให้เกษตรกร

“ก่อนหน้านี้ เคยให้ความเห็นไว้ว่า หากต้องการจะช่วยเหลือชาวสวนปาล์มจริง ๆ แล้ว ควรให้กระทรวงพาณิชย์กำกับให้ลานเทรับซื้อผลปาล์มในราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศตามกฎหมายมากกว่า เพราะปัญหาในปัจจุบันคือ ลานเทส่วนมากไม่รับซื้อผลปาล์มในราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ ในขณะที่โรงหีบหรือโรงสกัดส่วนใหญ่กลับเป็นผู้รับซื้อผลปาล์มจากลานเทตามราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ ปัญหาอีกอย่างคือเรายังไม่มีการขึ้นทะเบียนลานเทว่า มีจำนวนเท่าใด ขนาดใด ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อมาดูกระบวนการรับซื้อปาล์มของลานเทในจังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งในจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันมากที่สุดของประเทศ จากนั้นจะนำไปสู่การบูรณาการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวสวนปาล์มอย่างยั่งยืนต่อไป”

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังได้รับฟังเสียงจากชาวสุราษฎร์ธานี ที่ต้องการให้ช่วยส่งเสริมไฟฟ้าจากแสงแดดหรือระบบโซลาร์เซลล์ ซึ่งนายพีระพันธุ์แจ้งให้ทราบว่าปัจจุบันกระทรวงพลังงานกำลังเตรียมการที่จะสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรและชาวบ้านในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในเรื่องนโยบายและงบประมาณ แต่ในระยะยาวต้องทำกฎหมายการส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นการเฉพาะเพื่อลดขั้นตอนการขออนุญาตและกำหนดมาตรการสนับสนุนอย่างยั่งยืนด้วย ปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้เจรจากับกระทรวงการคลังที่จะให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์รูฟ มาหักภาษีเงินได้ คาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุม ครม. ได้ในเร็วๆ นี้ 

‘หนุ่มใหญ่ สุราษฎร์’ บุกยิง!! พนักงานการไฟฟ้าฯ ตำรวจปิดล้อมนานกว่า 3 ชม. ก่อนควบคุมตัวได้ 

เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.67) นายสมชาย เพชรถาวร อายุ 50 ปี ชาวบ้านห้วยทรายขาว หมู่ที่ 6 ต.สาคู อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ได้ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปที่สำนักงานการไฟฟ้าอำเภอพระแสง พร้อมอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด และปืนสั้นอีก 1 กระบอก เมื่อไปถึงนายสมชาย จอดรถและไม่พูดจา ยกปืนลูกซองยาวยิงใส่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าที่ยืนอยู่หน้าสำนักงาน ประมาณ 2- 3 นัด โชคดีกระสุนไม่ถูกใคร แต่พนักงานไฟฟ้า 4-5 คนต่างตกใจวิ่งหนีตายกันอลหม่าน กระสุนปืนถูกที่ตัวอาคารได้รับความเสียหาย จากนั้นนายสมชาย ได้เดินไปที่รถกระบะของการไฟฟ้า พร้อมกับใช้ท้ายปืนตีกระจกรถจนแตกกระจาย ก่อนเดินไปทุบกระจกที่ประตูเข้าสำนักงานและกระจกด้านหน้าอาคารจนกระจกแตกกระจาย 

หลังจากระบายอารมณ์ด้วยความโกรธแค้นแล้ว ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกไปและขับตรงไปห้างซุปเปอร์ชิปที่อยู่ไม่ห่างจากสำนักงานไฟฟ้าไม่มากนัก จากนั้นถือปืนเดินเข้าไปในห้าง ชาวบ้านและพนักงานต่างต้องวิ่งหนีออกจากห้างกันอลหม่าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นสถานที่ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นมา พร้อมกันทุกคนออกจากห้าง ปล่อยนายสมชาย อยู่ภายในห้างคนเดียว โดยทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการกดดันหรือเข้าเจรจาแต่อย่างใด

ส่วนสาเหตุนายสมชาย ก่อเหตุในครั้งชาวบ้านบอกว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าได้ไปตัดไฟฟ้าและยกหม้อไฟฟ้า นายสมชายกลับมาบ้านพบว่าถูกตัดไฟฟ้าจึงมีอารมณ์โกรธจัด จึงเอาปืนไปก่อเหตุดังกล่าว

ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. วันเดียวกัน นายสมชาย ได้เดินออกจากห้างมาที่ลานจอดรถ โดยเอาปืนลูกซองสะพายไหล่ พร้อมกับขับรถจักรยานยนต์ออกจากลานจอดรถ จังหวะนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มตัวอยู่ได้วิ่งกรูกันเข้าชาร์จจับกุมตัวนายสมชาย ได้โดยละม่อม พร้อมกับอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด อาวุธปืนสั้นขนาด .357 และเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้น ยังพบว่านายสมชายพกมีดพกด้ามงาช้างมาอีก 1 เล่ม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปควบคุมตัวที่ สภ.พระแสง เพื่อให้สงบสติอารมณ์ก่อนแล้วจะทำสอบปากคำดำเนินคดีต่อไป ท่ามกลางประชาชนที่เฝ้าดูสถานการณ์จำนวนมาก

เปิดข้อมูล ให้หายสงสัย ‘โซนิคบูม’ คืออะไร? หลังถูกข้องใจ เป็นต้นเสียงที่ จ.สุราษฎร์ธานี

(21 ก.ย.67) จากกรณีเมื่อวานนี้ (20 ก.ย.67) ช่วงเวลาประมาณ 10.40 น. ชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่อำเภอพนม อำเภอบ้านตาขุน และอำเภอคีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด สร้างความแตกตื่นเป็นอย่างมาก กระทั่งบนโลกออนไลน์ได้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเสียงจาก ‘โซนิคบูม’ ของเครื่องบินรบหรือไม่? ซึ่งจากการสอบถามทางกองบิน 7 ทราบว่า เวลาดังกล่าวเครื่องบินรบขึ้นบินตามแผนปกติ แต่ไม่มีการทำโซนิคบูมแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันก็มีประชาชนส่วนใหญ่สงสัยว่า ‘โซนิคบูม’ คืออะไร เกิดจากอะไร และส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง?

โซนิคบูม (Sonic Boom) คือเสียงที่เกี่ยวข้องกับคลื่นกระแทกหรือช็อกเวฟ เกิดขึ้นจากการที่แหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่ในอากาศด้วยอัตราเร็วที่มากกว่าความเร็วเสียง จนทำให้เกิดพลังงานเสียงปริมาณสูง โดยจะมีเสียงคล้ายระเบิด

ตัวอย่างของเสียงที่เกิดจากโซนิคบูมอย่างง่ายคือ เสียงของลูกปืนที่วิ่งในอากาศ หรือเสียงของการเหวี่ยงแส้ ตลอดจนเสียงการบินของเครื่องบินรบซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด

โดยลักษณะที่ปรากฏของโซนิคบูมกรณีที่เกิดจากเครื่องบินรบนั้น จะมีลักษณะเป็นควันพวยพุ่งแผ่ออกมาจากส่วนกลางและส่วนท้ายของลำตัว

ขณะที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา (NASA) เผยว่า โซนิคบูมนั้นนอกจากจะเห็นด้วยตาจากเครื่องบินรบแล้ว ยังมีลักษณะเป็นคลื่นกระแทกทรวงกรวย กระแทกลงไปยังด้านล่างของตัวเครื่องเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งลักษณะของโซนิคบูมจากเครื่องบินรบแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกันตามเครื่องบินรบแต่ละประเภท

สำหรับผลกระทบของ ‘โซนิคบูม’ ต่อมนุษย์นั้น มีอยู่หลายประการ ตั้งแต่ทำให้รู้สึกรำคาญ หัวใจเต้นถี่ขึ้น กล้ามเนื้อแขนและหลังตอบสนองด้วยการหดตัว ไปจนถึงความสามารถในการทรงตัวที่ลดระดับลง

14-22 ต.ค. ‘ประเมษฐ์ จินา’ ชวนเที่ยวชมงาน ‘ชักพระ ทอดผ้าป่า แข่งเรือยาว’ สุราษฎร์ธานี

(11 ต.ค. 67) ดร.ปรเมษฐ์ จินา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขต 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า 

เรื่องแรกนั้นประชาชนในพื้นที่ได้แจ้งว่าต้องการให้มีการตัดถนนเชื่อมระหว่างทางหลวงสาย 4009 และทางหลวงหมายเลข 44 หรือที่เรียกอย่างติดปากว่าถนน southern ซึ่งการตัดถนนเชื่อมนี้จะช่วยย่นระยะทางในการเดินทางสัญจรของประชาชนในพื้นที่ 

สำหรับทางหลวงหมายเลข 44 ยังมีพื้นที่ว่างบริเวณเกาะกลางถนนค่อนข้างใหญ่ เพื่อเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงขอให้มีการอนุญาตให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรเพื่อการสาธารณะประโยชน์เข้าใช้พื้นที่ดังกล่าวชั่วคราวด้วย

เรื่องที่ 2 ในลำดับแรกต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นราคาสินค้าทางการเกษตรโดยปัจจุบันราคาน้ำยางพาราและปาล์มน้ำมันสูงขึ้นเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดีทำให้มีปัญหาการลักขโมยเกิดขึ้น จึงอยากขอให้กำชับตำรวจในพื้นที่ให้ดำเนินการอย่างเข้มแข็งเพื่อบำบัดทุกข์ให้กับพี่น้องเกษตรกร 

สุดท้ายนี้ขอประชาสัมพันธ์งานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาว ประจำปี 2567 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-22 ตุลาคม 2567 โดยครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานในพิธีเปิด 

พีระพันธุ์-เอกนัฏ นำทีมรวมไทยสร้างชาติร่วมพิธีเปิด ประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาว จ.สุราษฎร์ธานี

(18 ต.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมในพิธีเปิดงานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาว จ.สุราษฎร์ธานี ประจำปี 2567 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-22 ตุลาคม 2567 

โดยมี คณะกรรมการบริหาร สส. และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติได้ร่วมในงานประเพณีในครั้งนี้ อาทิ นายชุมพล กาญจนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, นางสาววชิราภรณ์ กาญจนะ ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร และสส.สุราษฎร์ธานี เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ, รองศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, นางสาวกานสินี โอภาสรังสรรค์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 และรองเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน สส.สุราษฎร์ธานี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายธานินท์ นวลวัฒน์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร เขต พรรครวมไทยสร้างชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top