Tuesday, 21 May 2024
ยาบ้า

‘ลาว’ วิกฤติ!! ‘ยาบ้า’ ทะลักเกลื่อนตลาด ราคาถูกยิ่งกว่าน้ำเปล่า หน่วยปฏิบัติงานหย่อนยาน มุ่งดักจับแค่เป็นรายกรณีเกินไป

‘องค์การสหประชาชาติ’ วิตก ปัญหายาเสพติด ประเภท ‘เมทแอมเฟตามีน’ แพร่ระบาดอย่างหนักในท้องตลาด ‘ลาว’ อย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ราคาขายต่อเม็ดเหลือไม่เกินเม็ดละ 8 บาท ถูกยิ่งกว่าน้ำดื่มทั่วไป ดันยอดผู้เสพยาพุ่งเพราะเข้าถึงง่าย ซื้อขายคล่อง สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในลาว

ชาวลาวเรียก ‘เมทแอมเฟตามีน’ ว่า ‘ยาบ้า’ เช่นเดียวกับบ้านเรา ซึ่งเป็นสารเสพติดที่แพร่หลายอย่างในลาวมานานนับ 10 ปีแล้ว เนื่องจากลาวเป็นเส้นทางขนส่งยาบ้า จากรัฐฉานทางฝั่งพม่าข้ามรอยต่อชายแดนเข้ามาในลาว

แต่ทว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์รัฐประหารในพม่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา ทำให้เกิดการแตกแยกทางการเมือง และสุญญากาศในการบังคับใช้กฎหมายในพม่า ส่งผลให้ขบวนการค้ายาเสพติดในพม่าเติบโตอย่างมาก การลักลอบขนยาเสพติดผ่านเข้ามาในลาวก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

เมื่อมีของเข้ามามาก ราคาก็ถูกลงตามกลไกตลาด ซึ่งสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับปัจจัยค่าเงินเฟ้อในลาว ในขณะที่สินค้าอุปโภค บริโภคพื้นฐานที่จำเป็นล้วนมีราคาสูงขึ้น มีแต่ยาบ้าเพียงเท่านั้น ที่นับวันราคายิ่งถูกลงไปเรื่อยๆ แม้จะมีฐานะยากดีมีจนขนาดไหนก็สามารถซื้อได้

นายบุญมี ผู้ช่วยผู้อำนวยการของ ‘Transformation Center’ หนึ่งในศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดเอกชน ที่มีเพียง 2 แห่งในลาว ได้ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ช่วง Covid-19 เป็นต้นมา ค่าครองชีพในลาวเพิ่มสูงขึ้น ข้าวของทุกอย่างล้วนขึ้นราคา แต่ยาบ้ากลับมีราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ ทุกวันนี้ คนลาวสามารถซื้อยาบ้า 1 เม็ดได้ในราคาเม็ดละ 5,000 - 7,000 กีบ (8.50-12 บาท) แต่ถ้าซื้อยกแพ็ก 200 เม็ด หารเฉลี่ยจะตกเหลือเม็ดละ 2,500 กีบ (4.30 บาท) เท่านั้น

นายแก้ว หนึ่งในผู้บำบัดยาเสพติดในศูนย์ ‘Transformation Center’ วัย 37 ปี เล่าว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้เสพติดยาบ้า และเสพต่อเนื่องมานานกว่า 17 ปี ราคายาบ้าที่ถูกลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เขาเสพหนักกว่าเดิมถึงวันละ 10 เม็ด บางครั้งนำไปผสมกินคู่กับกาแฟด้วย เสพหนักจนหลอน จำลูก-เมียไม่ได้ ประสาทตื่นตัวตลอดเวลา กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนครอบครัวต้องจับมาส่งศูนย์บำบัดในกรุงเวียงจันทน์

‘เจเรมี ดักลาส’ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ยอมรับว่าหลังเหตุการณ์รัฐประหารในพม่า ทำให้เกิดการไหลทะลักของยาเสพติดข้ามชายแดนเขตรัฐฉาน ตามแนวพรมแดนแม่น้ำโขงเข้ามาในฝั่งลาว

อย่างไรก็ตาม ทางการลาวได้เร่งแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มมาตรการตรวจสอบและจับกุม โดยยาเสพติดล็อตใหญ่ล่าสุด จับกุมได้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 จากการสกัดจับรถบรรทุกขนเบียร์ในจังหวัดบ่อแก้ว ซึ่งพบว่ามีการลักลอบขนยาบ้ามากถึง 55 ล้านเม็ด และยาไอซ์อีก 1.5 ตันในคราวเดียว

จากรายงานล่าสุดของ UNODC พบว่า ยอดการจับกุมยาเสพติดในลาวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปี พ.ศ. 2562 ยึดได้ 17.7 ล้านเม็ด และเพิ่มขึ้นเป็น 18.6 ล้านเม็ดในปีต่อมา แต่ทว่าตัวเลขล่าสุดของปี 2563 ยึดของกลางได้ถึง 144 ล้านเม็ด

แต่ถึงตัวเลขการจับกุมจะสูงขึ้นแค่ไหนก็ตาม หากไม่มีการรื้อถอนขบวนการขนส่ง ที่เป็นต้นตอของปัญหาของการลำเลียงยาเสพติดผ่านเข้ามาในดินแดนลาว การไหลบ่าของยาเสพติดก็ยังคงอยู่

ผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ ได้ชี้ถึงข้อบกพร่องในการปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ลาวว่า จะเป็นการปฏิบัติงานในรูปแบบเฉพาะกิจ ดักจับเป็นรายกรณีไป ซึ่งหลายครั้งพบการเพิกเฉยในการจับกุมคนขับรถขนยา ละเลยการสาวลึกลงไปในขบวนการลักลอบขนสินค้าข้ามชาติอย่างผิดกฎหมาย ตลอดจนการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด

ดังนั้น จะมองเพียงตัวเลขการจับกุมและของกลางที่ยึดอย่างเดียวไม่ได้ เพราะนั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของปริมาณยาเสพติดที่ขนเข้ามาในฝั่งลาว สังเกตได้จากยาบ้าที่ล้นตลาด จนทำให้มีราคาถูกลงมากอย่างน่าใจหายนั่นเอง

ซึ่งปัญหาของยาบ้าล้นตลาดในลาว ก็สะท้อนถึงปัญหาของไทยเช่นกัน เนื่องจากไทยก็เป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งยาบ้าจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ไหลเข้ามาฝั่งไทยจำนวนมหาศาล ท่ามกลางปรากฏการณ์ ‘ยาบ้าถูกกว่าน้ำเปล่า’ เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนควรต้องตระหนักว่า เราควรหาทางป้องกันสังคมของเราอย่างไรต่อภัยยาเสพติดราคาถูกเช่นนี้

‘ศุลกากรฯ ฮ่องกง’ ยึด ‘ยาบ้าล็อตใหญ่’ หนัก 1.1 ตัน ส่งตรงจากเม็กซิโก ถูกแปลงโฉมเป็น ‘เปลือกหอย’ ซุกซ่อนปะปนมากับเปลือกหอยของจริง

(10 พ.ย. 66) สำนักข่าวซินหัว, ฮ่องกง รายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ ศุลกากรเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน พบเหตุต้องสงสัยกรณีค้าเมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) หรือ ‘ยาบ้า’ จำนวนมากเป็นประวัติการณ์ และยึดของกลางดังกล่าวได้ราว 1.1 ตัน โดยยาบ้าเหล่านี้ถูกดัดแปลงให้เป็นรูปทรงของ ‘เปลือกหอย’ และบรรจุซุกซ่อนมากับเปลือกหอยจริง

ศุลกากรฯ ระบุผ่านถ้อยแถลงว่า คดีนี้เป็นคดีค้ายาบ้าชนิดแข็งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ศุลกากรฯ เคยตรวจพบ

หลังจากการประเมินความเสี่ยง เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ศุลกากรฯ ได้ทำการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลตู้หนึ่ง ที่ระบุไว้ว่าบรรทุกอาหารทะเล 611 กระสอบ และถูกส่งจากเม็กซิโกมาถึงฮ่องกง

จากการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว พบยาบ้าต้องสงสัยจำนวนหนึ่งซึ่งซุกซ่อนอยู่ โดยถูกอำพรางมาในรูปแบบของเปลือกหอย และปะปนอยู่กับเปลือกหอยของจริงภายในถุงไนลอนจำนวน 104 ใบ

ทั้งนี้ หลังทำการสืบสวน เจ้าหน้าที่ศุลกากรฯ ได้จับกุมชายวัย 60 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถ และชายวัย 54 ปี ผู้ดูแลโกดังแห่งหนึ่ง จากนั้นได้จับกุมหญิงวัย 46 ปี ผู้ดูแลโกดังสินค้าของบริษัทโลจิสติกส์ และชายว่างงานวัย 27 ปีรายหนึ่ง โดยคดีนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

อนึ่ง ศุลกากรฯ ตรวจพบกรณีที่เกี่ยวข้องกับยาบ้าจำนวนมากกว่า 1 ตันเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2022 มีการยึดยาบ้าแบบเหลวได้ราว 1.8 ตัน จากการขนส่งทางทะเลที่ระบุว่าเป็นการบรรทุกสินค้าประเภทน้ำมะพร้าว

'บิ๊กต่าย' แถลง ตำรวจ ปส. ทลาย 2 เครือข่ายค้ายา ภาคเหนือ และภาคอีสาน ยึดยาบ้ากว่า 14 ล้านเม็ด ปะปนมากับแตงกวา และไอซ์ 100 กก. หวังกระจายในพื้นที่ชั้นใน

ตามนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นการจับกุมทำลายเครือข่ายวงจรยาเสพติด ยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด และเร่งรัดในการทำลายยาเสพติดของกลาง โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี มาดำเนินการ และได้สั่งการให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้รับผิดชอบงานยาเสพติด เข้าไปกำกับดูแลสั่งการ 

ซึ่งวันนี้ 24 พ.ย.66 เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. เป็นประธานการแถลงผลการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 2 เครือข่าย พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต. ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ด้าน ผบช.ปส. เผยว่า บช.ปส. จะเดินหน้าปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดทุกเครือข่ายอย่างหนัก รวมไปถึงการสืบสวนขยายผล  ใช้เครื่องมือและกฎหมายที่มีอยู่เพื่อเอาผิดกับเครือข่ายและผู้ที่ร่วมกันให้การสนับสนุนเครือข่ายค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ขณะเดียวกันก็ได้ขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันยาเสพติดควบคู่ไปด้วย ล่าสุด ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก ได้แก่ ไอซ์ 100 กก. และ ยาบ้า 13,400,000 เม็ด 

คดีที่ 1 ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 ร่วมกับตำรวจ บก.ขส. ร่วมกันสืบสวนติดตามกลุ่มเครือข่ายที่มีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ กระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา พบความเคลื่อนไหวกลุ่มเครือข่ายจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดน ด้าน จว.นครพนม ไปส่งให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ตอนในประเทศ โดยใช้รถยนต์ หมายเลขทะเบียน xx 61xx กรุงเทพมหานคร ในการลำเลียงยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงประสานกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เฝ้าติดตามตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง พบรถเป้าหมายวิ่งไปตามถนนเส้นสกลนคร - อ.สมเด็จ จว.กาฬสินธุ์ ต่อเนื่อง จว.มหาสารคาม  ก่อนจะมาจอดรถติดสัญญาณไฟจราจรที่บริเวณแยกวังยาว ต.เกิ้ง อ.เมือง จว.มหาสารคาม ตำรวจชุดจับกุมได้แสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมตรวจสอบพบ นายจักรกฤษ อายุ 36 ปี ชาว จว.กาฬสินธุ์ เป็นผู้ขับขี่ ผลการตรวจค้นรถพบไอซ์ ซุกซ่อนในฝากระโปรงท้ายรถยนต์ รวมจำนวน 100 กก. ด้านผู้ต้องหาให้การว่า ประมาณเดือนกันยายน ที่ผ่านมาได้รู้จักและไปทำงาน กับผู้รับเหมาก่อสร้างรายหนึ่งในหมู่บ้านโคกกลาง ต.ลำปาว อ.เมือง จว.กาฬสินธุ์ ที่ตนอาศัยอยู่ เมื่องานเสร็จผู้รับเหมาได้ย้ายไปที่อื่น ตนจึงไม่มีงานทำ ก่อนจะโทรศัพท์ติดต่อเพื่อของานกับผู้รับเหมารายนี้ จึงแนะนำให้ตนขับรถขนยาเสพติดและถูกจับกุมดังกล่าว ซึ่งหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่จะขยายผลหาตัวการใหญ่ในการว่าจ้างลำเลียงยาเสพติดจำนวนนี้ต่อไป เบื้องต้น แจ้งข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (สารไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย”

คดีที่ 2 ตำรวจ บก.สกส. จับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ นายไตร, นายสมชาย และ เยาวชน 1 ราย หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีเครือข่ายยาเสพติดเตรียมลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.เชียงใหม่ เพื่อไปส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ จว.นครศรีธรรมราช โดยบรรทุกมากับกระบะแบบมีคอก และ มีรถนำเส้นทางอีก 1 คัน กระทั่งวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา พบความเคลื่อนไหวของรถเป้าหมายคือ รถกระบะหมายเลขทะเบียน xx 92xx เชียงใหม่ และ รถยนต์หมายเลขทะเบียน xx 5xx เชียงใหม่ กำลังเดินทางลงสู่พื้นที่ภาคใต้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงตรวจสอบพบว่ารถได้ขับผ่านพื้นที่ อ.ท่าแซะ จว.ชุมพร แต่ไม่พบรถออกนอกพื้นที่ จึงคาดว่าอาจจะหลบพักอยู่ในพื้นที่ กระทั่งพบรถกระบะจอดพักบริเวณรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จว.ชุมพร 

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเข้าตรวจสอบพบว่ารถยนต์คันแรก มีนายไตรภพ เป็นผู้ขับขี่ ให้การว่า ขับรถบรรทุกแตงกวามาเต็มคันรถเพื่อไปส่งลูกค้าที่ จว.นครศรีธรรมราช ส่วนรถคันที่ 2 มีนายสมชาย เป็นผู้ขับขี่ และมีเยาวชน 1 ราย โดยสารมาด้วย เมื่อนายสมชาย เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สารภาพว่าได้ขับรถนำสำรวจเส้นทาง สำรวจด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ ให้กับรถยนต์ที่ซุกซ่อนยาเสพติดมากับแตงกวา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวผู้ต้องหา และรถทั้งหมดไปตรวจเอ็กซ์เรย์ที่ด่านตรวจยานพาหนะท่าแซะ จว.ชุมพร ของ กก.2 บก.ปส.4 พบยาบ้าถูกซุกซ่อนอยู่รวมจำนวน 13,400,000 เม็ด สอบถามผู้ต้องหา ให้การว่ายาเสพติดของกลาง ดังกล่าวเป็นของตนเองจริง ซึ่งมีคนว่าจ้างให้ไปรับยาเสพติดในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และเป็นการก่อให้ เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”

สำหรับเดือน ตุลาคม 2566 – ปัจจุบัน ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ  34 คดี ผู้ต้องหา 58 คน ของกลาง ยาบ้า 34,601,643 เม็ด, ไอซ์ 872.76 กก. เฮโรอีน 25.99 กก., โคเคน 3.61 กก. และตรวจยึดทรัพย์ ไว้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 131.62 ล้านบาท

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลง ตำรวจ ปส. จับเครือข่าย ภาคเหนือ พบซุกยาบ้า 10 ล้านเม็ด หลังใช้กล้วยน้ำว้าวางอำพรางท้ายกระบะ

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นการใช้ทุกมาตรการทางกฎหมายเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติด และยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ประกอบกับนโยบายของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่เดินหน้าปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร(ผอ.ศอ.ปส.ตร.)กำหนดนโยบายหลักในการสืบสวนปราบปรามทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ให้สิ้นซาก  

ล่าสุด วันนี้ 6 ธ.ค.66 เวลา 10.00 น.นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นาลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต. ธนรัชน์ สอนกล้าผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส, ผู้แทนจาก กอ.รมน., สำนักงาน ป.ป.ส. และ พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ ผบ.ขกท.ศปก.นสศ. อนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามเครือข่ายค้ายาเสพติดรายนี้ ได้ผู้ต้องหา 5 ราย และยึดยาบ้าได้ 10 ล้านเม็ด 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พ.ย.66 บช.ปส. โดย กก.2 บก.ปส.3 และ บก.ขส.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ นปส.ขกท.ศปก.ทบ.(ขกท.ศปก.นสศ.) ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามพฤติกรรมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ พบว่าจะใช้รถกระบะลักษณะตีคอก ก 13XX (ป้ายแดง) กำแพงเพชร และ รถกระบะอีซูซุ ยX 81XX เชียงใหม่ ลำเลียงยาเสพติดจาก จว.เชียงใหม่ ลงไปยังพื้นที่ จว.พระนครศรีอยุธยา โดยอำพรางด้วยพืชผลทางการเกษตร ต่อมาได้พบความเคลื่อนไหวของเครือข่ายขับรถกระบะ ก 13XX (ป้ายแดง) กำแพงเพชร เข้าไปรับ ยาเสพติดบริเวณ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ จากนั้นได้มุ่งหน้าสู่พื้นที่ภาคกลาง โดยมีรถยนต์อีซูซุ ยX 81XX เชียงใหม่ ขับนำทางและนำมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นมี รถเก๋งฮอนด้า ญX 28XX กรุงเทพ ขับรถมาจอดที่หน้ารถกระบะ ก 13XX(ป้ายแดง) กำแพงเพชร แล้วมีคนลง จากรถเก๋งแล้วขึ้นไปขับรถกระบะลักษณะตีคอกฯออกไป โดยมีรถเก๋งขับนำทางไป ต่อมาพบรถกระบะ ก 13XX (ป้ายแดง) กำแพงเพชร ขับมาจอดภายในซอยหมู่บ้านฉัตรนคร แขวง/เขตประเวศ กรุงเทพฯ ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวขอตรวจค้น จากการตรวจค้นรถกระบะลักษณะตีคอก พบมีการใช้กล้วยน้ำว้าจำนวนมาก มาวางปิดทับซุกซ่อนกระสอบบรรจุยาบ้า จำนวนประมาณ 10 ล้านเม็ด จึงจับกุมผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่ขับรถบรรทุกยาเสพติด และรถนำทั้งหมด จำนวน 5 คน พร้อมรถยนต์ 3 คัน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. เผยว่า ภายใต้แผน “ตามล่า 100 เครือข่าย” ในคดีนี้พบว่าผู้ต้องหาเครือข่ายนี้มีการรับยาเสพติดจากในพื้นที่ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ โดยใช้รถยนต์กระบะลักษณะตีคอกและใช้กล้วยซึ่งเป็นผลผลิตการเกษตรของชาวเขาตามแนวชายแดนปิดทับซ่อนไว้ เช่นเดียวกับการจับกุมเมื่อก่อนหน้า ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมยาบ้าจำนวน 13.4 ล้านเม็ด ที่ด่านตรวจ จว.ชุมพร ซึ่งใช้รถกระบะมีคอกใช้กล้วยปิดทับและมีการรับยาบ้ามาจากพื้นที่ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่เช่นกัน สำหรับ อ.เชียงดาว เป็นหนึ่งใน 5 อำเภอ ตามแนวชายแดนของ จว.เชียงใหม่ที่พบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเป็นประจำ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จะสืบสวนขยายผล เพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์ผู้สั่งการ

ทั้งสองคดีนี้ให้ได้โดยเร็วและจะดำเนินการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่พื้นที่ชายแดนอย่างจริงจังโดยจะร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่เร่งด่วนตามมาตรา 5 (10) ของประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งกำหนดสถานะของพื้นที่ชายแดนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ชายแดน  15 อำเภอ 3 จังหวัด ได้แก่ 6 อำเภอ ของจังหวัดเชียงราย 5 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ และ 4 อำเภอของ จว.นครพนม โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาภายในประเทศ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการสกัดกั้นตามแนวชายแดน

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เผยว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลในทุกพื้นที่ โดยพบว่าผู้มีอิทธิพลส่วนมากมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ต้องดำเนินการปราบปรามโดยเร่งด่วน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและกลไกในระดับพื้นที่ กระทรวงมหาดไทย ได้เปิดปฏิบัติการ(Kick Off) ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 66 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จหนึ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานร่วมกัน “แยกปลาแยกน้ำ”ระหว่างผู้เสพผู้ค้า ดำเนินการปราบปรามผู้ค้า ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

สำหรับเดือน พฤศจิกายน 2566 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด รายสำคัญ  21 คดี ผู้ต้องหา 42 คน ของกลาง ยาบ้า 36,351,455 เม็ด, ไอซ์ 125.84 กก. เฮโรอีน 11.87 กก., โคเคน 3.229 กก. และตรวจยึดทรัพย์ ไว้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 24,680,000 ล้านบาท

‘ขกท.ทบ.’ ร่วม ‘ตร.ปส.’ บุกรวบแก๊งลอบขนยาจากชายแดน พร้อมยึดยาบ้า 1.1 ล้านเม็ด เร่งขยายผลสืบหาเครือข่ายใหญ่

(17 ธ.ค. 66) หน่วยข่าวกรองทางทหาร กองบัญชาการกองทัพบก (ขกท.ทบ.) บูรณาการร่วมกับ กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส. (นปส.เชียงราย) หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า นายจะแจ จะสึ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 314 หมู่ที่ 12 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ (อาศัยอยู่ที่บ้านในพื้นที่ตำบลห้วยชมพู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย)  มีพฤติการณ์ ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนด้าน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เข้ามาเก็บพักไว้พื้นที่ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีการทำกันเป็นขบวนการ และดำเนินการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงดำเนินการสืบสวนเพื่อจับกุมบุคคลในเครือข่าย

โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.30 น. นายจะแจ ได้ขับรถยนต์ ทะเบียน ยต 1928 เชียงใหม่ ออกจากบ้านพัก ในพื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ลักษณะการขับ ช้าบ้าง เร็วบ้าง และขับวนไป-มาในหมู่บ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. นายจะแจ ได้ขับรถยนต์ จอดบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันเข้าพิสูจน์ทราบ แต่นายจะแจ ไหวตัวทัน และได้ขับหลบหนี ไปทางบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาวฯ เจ้าหน้าที่พยายามติดตามแต่ไม่พบตัว กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 16 ธ.ค. 66 จึงได้ประสานผู้นำ ท้องถิ่น และเจ้าของ/ผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว เพื่อขอเข้าทำการตรวจค้น

จากการตรวจค้นพบของกลาง เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 4 กระสอบ จำนวนประมาณ 1,118,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าทราบข่าว จึงได้ทำการตรวจยึด และลงบันทึก จากนั้นได้นำของกลางยาเสพติดดังกล่าว ส่ง พงส.บก.ปส.3 บช.ปส. เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย และตืดตามตัวนายจะแจ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

มุกดาหาร-ตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกับจังหวัดมุกดาหาร แถลงการณ์จับกุม ยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด

วันนี้ 21 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. จังหวัดมุกดาหาร แถลงการณ์จับกุมยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รายสำคัญ โดย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ณ สภ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร 

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลและการขับเคลื่อนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติด ซึ่งในครั้งนี้มีการบูรณาการร่วมกัน ระหว่างตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร โดย สภ.นิคมคำสร้อย ร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร กอ.รมน. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้ร่วมกันในแผนสกัดกั้นการลำเลียง การนำเข้าเพื่อนำเข้าสู้พื้นที่ตอนใน ในครั้งนี้ สภ.นิคมคำสร้อย ได้ปฏิบัติตามแผนสกัดกั้นยาเสพติดและสามารถสกัดกั้นจับกุมการขนลำเลียงยาเสพติดรายใหญ่ 1.2 ล้านเม็ด ผู้ต้องหา 6 คน ยึดทรัพย์ได้ 1 ล้านบาทเศษ และจะมีการขยายผลสืบทรัพย์และติดตามขยายผลขบวนการค้ายาเสพติดต่อไป

สำหรับการดำเนินการ จับกุมผู้ต้องค้ายาเสพติดรายสำคัญ ในครั้งนี้ เมื่อ 20 ธ.ค.66 เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมคำสร้อย ได้ทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด บริเวณจุดตรวจโชคชัย บ.โชคชัย ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ขณะตั้งจุดตรวจได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน 1 ขภ 5367 กรุงเทพมหานคร ขับขี่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จึงได้เรียกทำการตรวจค้น และได้ทำการตรวจปัสสาวะ บุคคลที่อยู่ภายในรถ โดยมีนายยุทธนา (นามสมมุติ) (คนขับ) และมี นายสารัตน์ (นามสมมุติ) นายธนบดี (นามสมมุติ) เป็นผู้นั่งโดยสารมากับรถคนดังกล่าว ลักษณะท่าทางมีพิรุธ จึงได้ทำการเรียกตรวจค้น ขณะที่ทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สังเกต เห็นนายสารัตน์ (นามสมมุติ) คุยโทรศัพท์จึงได้ตรวจสอบโทรศัพท์ พบว่ามีการพูดคุยกันกับนายวริทธิ์ธร (นามสมมุติ) ทางแมสเซนเจอร์ บอกว่าตอนนี้จอดรออยู่หน้าเซเว่นฯ สาขาเลิงนกทา

ซึ่งเป็นรถที่ใช้ขนยาเสพติด (ยาบ้า) เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปที่เซเว่นฯ สาขาเลิงนกทา และพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ทะเบียน กจ 214 นครพนม และพบนายวริทธิ์ธร  เดินออกมาจากเซเว่น  เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นภายในรถยนต์เก๋ง พบห่อพลาสติกสีดำ พันด้วยเทปกาว จำนวน 3 ห่อ สอบถาม นายวริทธิ์ธร  ให้การว่าเป็นกระสอบบรรจุยาบ้า เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดและได้ให้ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือและหลักฐานอื่นๆ และทำการตรวจนับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) จำนวน 3 กระสอบ ตรวจนับได้ประมาณ 1,200,000 เม็ด และสามารถจับผู้ร่วมขบวนการได้อีก 2 คน คือ นายธนาธิป (นามสมมุติ) น.ส.สุกัญญา (นามสมมุติ) โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยกระทำการเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน  หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหา พร้อมยาบ้าและรถยนต์ของกลาง ซึ่งเป็นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน 1ขภ 5367 กรุงเทพมหานคร  รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีขาว ทะเบียน กจ 214 นครพนม โทรศัพท์มือถือ จำนวน  6 เครื่อง ทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.นิคมคำสร้อย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และขยายผลจับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ต่อไป

'บิ๊กต่าย' แถลงโชว์ผลงานรับปีใหม่ ตามแผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย ทลายแก๊งทะเลหลวงข้ามชาติ ยึดทรัพย์กว่า 105 ล้านบาท และสกัดจับทีมขนยารายใหญ่เส้นทางเหนือ อีสาน

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นการใช้ทุกมาตรการทางกฎหมายเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติด และยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งเน้นในการเร่งรัดดำเนินการป้องกันปราบปราม ยาเสพติดในทุกมิติ เนื่องจากปัญหายาเสพติดอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและเป็นภัยสังคม  

วันนี้ 4 ม.ค.67 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส. ,พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน  ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ,พล.ต.ต.อาทร ชิ้นทอง  ผบก.ประจำ บช.ปส. และนายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ป.ป.ส. กทม. ผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมแถลงผลงาน บช.ปส.ภายใต้แผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดและยึดทรัพย์สินรายสำคัญ 4 คดี ผู้ต้องหา 6 คนของกลางยาบ้ากว่า 16 ล้านเม็ด, เฮโรอีน 27 กก. และยึดทรัพย์สินเครือข่ายได้ประมาณ 105 ล้านบาท

คดีแรก เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.66 ตำรวจ กก.3 บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส.ได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดของ นายอนุวัฒน์ กับพวก จะลักลอบลำเลียงยาเสพติด และกำลังจัดหาผู้ลำเลียงจากพื้นที่ชายแดนไทยด้าน จว.เชียงราย ไปส่งมอบ ให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ตำรวจจึงอำพรางเป็นผู้รับจ้างลำเลียงยาเสพติด เดินทางไปเจรจาเงื่อนไข การรับมอบยาเสพติด ในพื้นที่หมู่บ้าน ม.6 ต.แม่ยาว อ.เมือง จว.เชียงราย ระหว่างทางพบกลุ่มรถจักรยานยนต์หลายคันขับขี่ตามกันในลักษณะ คาราวานเข้าไปในหมู่บ้าน สังเกตตะกร้าหน้ารถพบมีสิ่งของบรรทุกอยู่ทุกคันรถ กระทั่งคนขับรู้ตัวจึงได้เร่งเครื่องหลบหนี และทิ้งสิ่งของที่เอามาด้วยไว้ข้างทาง ตรวจสอบพบยาบ้าประมาณ 503,673 เม็ด จึงได้ตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีและสืบสวนสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป 

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.66 ตำรวจ บก.สกส.พร้อมด้วย กก.2 บก.ปส.2 และ บก.ขส. ร่วมกันจับกุม 2 ผู้ต้องหา คือ นายบุญช่วย และ นายสมเกียรติ หลังสืบทราบว่ามีพฤติการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.นครพนม เพื่อไปส่ง ให้กับลูกค้าทางพื้นที่ จว.สระบุรี จึงได้สะกดรอยติดตาม พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองใช้รถยนต์กระบะสำหรับนำทาง เพื่อเฝ้าระวังเจ้าหน้าที่ และมีรถบรรทุกขนาดกลางสีขาว หมายเลขทะเบียน 82-xxxx มหาสารคาม ขับติดตาม กระทั่งสามารถตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน ได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา พร้อมของกลางยาบ้า 8,689,000 เม็ด และเฮโรอีน 225 ก้อน น้ำหนักประมาณ 27 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ท้ายรถบรรทุก จากนั้นตำรวจชุดจับกุม ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และสืบสวนสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.66 ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 ได้สืบสวนกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดโดยใช้รถยนต์ ในการ ลักลอบลำเลียง หลังพบเคลื่อนไหวขับขี่จากพื้นที่กรุงเทพฯ ขึ้นไปยังพื้นที่ภาคเหนือในพื้นที่ อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ และจะมี การลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดน ไปส่งให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ตอนใน โดยใช้ รถยนต์ HONDA CITY หมายเลข ทะเบียน 8กฐ-xxxx กทม. และ รถยนต์ HYUNDAI หมายเลขทะเบียน ฮฐ-xxx กทม. ชุดจับกุมจึงได้สะกดรอยติดตาม กระทั่ง ช่วงเช้าของวันที่ 19 ธ.ค.66 พบรถยนต์ HYUNDAI วิ่งมาจาก อ.แม่สรวย จว.เชียงราย มาจอดป่าข้างทางประมาณ 20 นาที แล้วขับออกไป โดยมีรถยนต์ HONDA CITY ขับตาม ต่อมาช่วง 21.50 น.พบรถยนต์ทั้ง 2 คัน วิ่งบนถนน หมายเลข 1 มุ่งหน้า ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ จึงประสานเจ้าหน้าที่ประจำด่านให้ทำการ ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ก่อนที่รถยนต์ HONDA CITY จะขับเข้าด่านตรวจพบนาย สมณะ เป็นผู้ขับขี่ ส่วนรถ HYUNDAI ได้จอดก่อนถึง จุดตรวจ/จุดสกัด ชุดจับกุมที่ติดตามมาจึงเข้าตรวจสอบ พบนายอดิศักดิ์หรือเอส เป็นผู้ขับขี่ ภายในห้องโดยสารพบยาบ้ารวม 6,500,000 เม็ด  สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน รับสารภาพว่ารับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนหมู่บ้านห้วยส้าน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า นายอดิศักดิ์หรือเอส เคยมีประวัติถูกจับกุมข้อหาครอบครองยาเสพติด เพื่อจำหน่าย เมื่อปี 62

คดีที่ 4 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 บก.ปส.4 ได้จับกุมกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ ได้ที่บริเวณริมถนนหน้าศาลาริมทางบ้านห้วยน้ำเย็น ม.4 ต.ทรายขาว อ.หัวไทร จว.นครศรีธรรมราช ขณะใช้รถยนต์กระบะลำเลียงคีตามีน จำนวนรวม 851 กก. จากจังหวัดระนอง เพื่อนำมาส่งให้ที่ อ.หัวไทร จว.นครศรีธรรมราช จากการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายนี้ มีนายอานันท์ เป็นผู้สั่งการและอยู่เบื้องหลังเชื่อมโยงกับเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติหลายคดี อาทิ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.66 บก.ปส.3 จับกุมไอซ์ 1.5 ตัน ขณะขนถ่ายลงเรือขนาดเล็กบริเวณท่าเทียบเรือโรงไม้เก่า ในพื้นที่ อ.ท่าศาลา จว.นครศรีธรรมราช 

เมื่อ 28 มิ.ย.66 ป.ป.ส. จับกุมเครือข่ายไอซ์ 960 กก. มาพักไว้ที่บ้านหลังหนึ่งใน จว.ราชบุรี เพื่อเตรียมขนส่งไปยังพื้นที่ภาคใต้ และเมื่อวันที่ 19 ก.ย.66 บก.ปส.3 เข้าจับกุมคนร้ายขณะลำเลียงไอซ์ 1,000 กิโลกรัม มีการยิงปะทะและเป็นเหตุให้ ด.ต.วีระวัฒน์ คำดี ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 เสียชีวิตและคนร้ายถูกวิสามัญในที่เกิดเหตุในพื้นที่ อ.เวียงชัย จว.เชียงราย กระทั่ง เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.4 ได้สืบสวนขยายผล สามารถดำเนินการออกหมายจับนายอานันท์ ผู้สั่งการและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในคดีนี้รวม 4 ราย ภายใต้แผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย บก.ปส.4 จึงได้เปิด “ยุทธการเด็ดปีกมาร67/1ทลายแก๊งทะเลหลวงข้ามชาติ” ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น เพื่อจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับและยึดทรัพย์จำนวน 16 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 2 หมาย คือ นายอานันท์ เป็นผู้สั่งการ และนายสุริยา ทำหน้าที่ทางการเงิน รวมทั้งตรวจยึดทรัพย์สิน 34 รายการ รวมมูลค่า 105 ล้านบาท

พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ระบุว่า ที่ผ่านมาได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการสกัดกั้น การลักลอบ ลำเลียงยาเสพติด ทั้งตามพื้นที่แนวชายแดนและการลำเลียงเข้ามาสู่พื้นที่ตอนใน และให้ใช้มาตรการทางกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดโดยเด็ดขาด โดยให้สืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์สิน ผู้สั่งการและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง   ซึ่งนำมาสู่ผลการจับกุมพร้อมยาเสพติดได้จำนวนมากในครั้งนี้ และสำหรับแก็งทะเลหลวงข้ามชาตินั้น มีความเชื่อมโยงกับหลายเครือข่ายที่บช.ปส.ได้จับกุมมาก่อนหน้านี้ ซึ่งชุดสืบสวนจับกุมได้ใช้ความพยายามในการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนสามารถออกหมายจับเครือข่ายผู้สั่งการ และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีและยึดทรัพย์ได้ดังกล่าว

สำหรับเดือน ธันวาคม 2566 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด รายสำคัญ 19 คดี ผู้ต้องหา 23 คน ของกลาง ยาบ้า 15,692,673 เม็ด, ไอซ์ 1,001 กก. เฮโรอีน 39.43 กก., โคเคน 11.18 กก. และคีตามีน 1,200 กก. และตรวจยึดทรัพย์ ไว้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 414.14 ล้านบาท 

มุกดาหาร -ฉก.ทหารพรานมุกดาหาร รวบ 3 ตัวการค้ายาบ้าข้ามโขงได้พร้อมยาบ้า 300,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน 2105 กรมทหารพรานที่ 21 (ร้อย.ฉก.ทพ.2105 กรม ทพ.21) ต.นาสีนวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร พ.อ.สุริวัชร์ อัครพรเดชาพงษ์ ผบ.กรม ทพ.21แถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ขณะลำเลียงยาบ้าข้ามแม่น้ำโขงสามารถตรวจยึดยาบ้าได้จำนวน 300,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา 3 ราย 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 มกราคม ร.อ.คำรณ คุ้มเขต ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2105 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดระหว่างประเทศจะเข้ามารับยาเสพติดบริเวณโรงสูบน้ำไฟฟ้า พื้นที่ บ.นาโพธิ์ ม.6 ต.โพธิ์ไทร อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร จึงได้จัดกำลังเฝ้าตรวจตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง ต่อมาเวลา 23.25 น. ชุดเฝ้าตรวจได้ใช้กล้องตรวจการณ์ วลากลางคืนตรวจพบเรือกีบติดเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ แล่นมาจากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามาจอดที่ท่าน้ำ บ.นาโพธิ์ จากนั้นได้มีการนำกระสอบปุ๋ยบรรจุสิ่งของลงจากลำเรือมาทิ้งไว้ที่บริเวณท่าน้ำและรีบแล่นเรือข้ามแม่น้ำโขงขับกลับไปฝั่ง สปป.ลาว อย่างรวดเร็ว

จากนั้นต่อมาได้มีชายฉกรรจ์ 2 คน เดินลงไปยังบริเวณที่มีการทิ้งกระสอบไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าไปสอบถามทราบว่าชื่อ นายณัฐพลหรือเป้ บุทธิจักร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226 หมู่ 6 บ.นาโพธิ์ และนายชัยฤทธิ์หรือเซียง สมสะอาด อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 196 หมู่ 5 บ.นาโพธิ์ โดยขณะสอบถามชายทั้งสอง มีลักษณะท่าทางมีพิรุธและพูดจาวกวน จึงได้ทำการเปิดกระสอบออกดูพบห่อกระดาษไขประทับอักษร Y-1 จำนวน 150 ห่อ เมื่อเปิดภายในพบว่าเป็นยาบ้าจำนวน 300,000 เม็ด และยังพบเงินสดจำนวน 4,000 บาท เมื่อสอบถามชายทั้ง 2 คน ให้การยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างจากนายณรงค์ชัยหรือมิ้ว พรหมเสนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 6 บ.นาโพธิ์ ให้มาขนยาบ้าดังกล่าวโดยได้ค่าจ้าง 4,000 บาท  

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลโดยประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนตาล เดินทางไปควบคุมตัวนายณรงค์ชัย ได้ที่กระท่อมนา พื้นที่ บ.นาโพธิ์ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวทั้ง 3 คน พร้อมกับตรวจยึดยาบ้า เงินสด และโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 3 เครื่อง ไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตาล ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

"เชียงราย"ไม่รอด!!ฉก.ทัพเจ้าตากร่วมกับ.ปส จับกุมผู้ต้องหาลักลอบลำเลียงยาเสพติดพร้อมยาบ้า 1,000,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 17.15 นาฬิกา กองกำลังผาเมือง โดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัด ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำการตั้งจุดตรวจ บริเวณจุดตรวจ/ด่านตรวจห้วยสัก ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด ซึ่งได้ทำการติดตามกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาจากแนวชายแดน อำเภอแม่ฟ้าหลวง หลังจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ายาเสพติดดังกล่าว ถูกลำเลียงผ่านมาทาง ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 คน พร้อมรถยนต์ปิคอัพ จำนวน 2 คัน และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ภายในกระสอบพลาสติกสีรุ้ง จำนวน 5 กระสอบๆ ละ 200,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งสิ้น จำนวน 1,000,000 เม็ด ซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสารของรถปิคอัพดังกล่าว หลังจากนั้นจึงได้ทำการขยายผลการจับกุมโดยได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบบ้านของเครือข่ายในพื้นที่ บ้านโป่งนก ตำบลสันสลี อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติม

ต่อมาในห้วงบ่ายของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 พันเอก กิดากร จันทรา รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง/รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง ได้เดินทางเข้าพื้นที่ตรวจสอบสถานที่จับกุมและของกลางดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว พลตรีประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ ยังคงเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด อย่างต่อเนื่องต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

มุกดาหาร -กองบังคับการตำรวจน้ำ เปิดยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง จับกุมผู้กระทำความผิด ยาบ้า 43 ราย ยึด ยาบ้าร่วม 1 ล้านเม็ด คนเข้าเมือง 8 ราย ผู้ต้องหา 23 คน และหมายจับจำนวน 25 ราย

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์  ที่ห้องประชุมกองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน. ภายใต้การอำนวยการของ 

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. 
พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก.
พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน.
พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.รน.
พ.ต.อ.ราม รสหอม รอง ผบก.รน.
พ.ต.อ.อดิศักดิ์ มีศิลป์ ผกก.10 บก.รน.
พ.ต.อ.ศษณวรรฐ รัตนเศวตรวงศ์ ผกก.11 บก.รน.
พ.ต.อ.อนรรฆ ประสงค์สุข ผกก.12 บก.รน.  

ร่วมแถลงข่าวกองบังคับการตำรวจน้ำเปิดยุทธการ “ฟ้าสางที่ฝั่งโขง” เพื่อเป็นการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ กองกำกับการ 10 - 12 กองบังคับการตำรวจน้ำ รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดเชียงรายทั้งหมด (กก.12), จังหวัดเลย, จังหวัดหนองคาย, จังหวัดบึงกาฬ (กก.11), จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัด อุบลราชธานี (กก.10) ตามแนวแม่น้ำโขง กั้นระหว่างเขตแดนรวมระยะทางทั้งสิ้น 957 กิโลเมตร โดยได้สืบสวนหาข่าวและกำหนดเป้าหมายในป้องกันปราบปรามจับกุม เป็นเป้าหมายทางบกรวม 76 เป้าหมาย เป้าหมายทางน้ำ 23 เป้าหมาย ได้ออกปฏิบัติการตามยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ตั้งแต่วันที่ 13 - 20 กุมภาพันธ์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดกฎหมายตามยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขงได้จำนวน 43 คน ยึดยาบ้าจำนวน 913,723 เม็ด คนเข้าเมือง 8 ราย ผู้ต้องหา 23 คน และหมายจับจำนวน 25 ราย

ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259-777


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top