Saturday, 5 April 2025
ภูเก็ต

ศาลยกฟ้อง ‘เดวิด’ ฝรั่งเตะหมอปาย ยกผลประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย

(3 ก.ย. 67) จากคดี หมอปาย หรือ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ ถูกนายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์และเจ้าของปางช้างภูเก็ต ทำร้ายร่างกายด้วยการเตะเข้าบริเวณหลัง ขณะนั่งบริเวณบันไดหน้าวิลล่าหรู ริมชายหาดยามู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.2567 ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

สำหรับความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลมีคำพิพากษาในคดีนี้ โดยยกฟ้องนายเดวิด จำเลยในคดีนี้ เนื่องจากยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เมื่อ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ หรือหมอปาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 45 ปี ข้อหาทำร้ายร่างกายบริเวณชายหาดยามู จ.ภูเก็ต จนเกิดกระแสการขับไล่นายเดวิดออกจากพื้นที่

ต่อมาวันที่ 5 มี.ค. นายศรัทธา ทองคำ รองผวจ.ภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดถึง ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ให้พิจารณาเพิกถอนวีซ่านายเดวิดโดยเร่งด่วน โดยให้เหตุผลว่า จ.ภูเก็ตพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของ นายเดวิด มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขและความเรียบร้อยของประชาชน

จากนั้นวันที่ 7 มี.ค. พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.1 ในฐานะรองโฆษก สตม. เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 6 มี.ค. พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ลงนามอนุมัติเพิกถอนวีซ่าของนายเดวิดตามที่ ตม.จว.ภูเก็ต เสนอแล้ว

โดยเห็นว่าการกระทำของนายเดวิด มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขและความเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งเข้าเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ตามพฤติการณ์ที่ได้รับการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต

แต่นายเดวิด มอบอำนาจให้ผู้แทนยื่นคำร้องขออุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรต่อคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองอีกด้วย

‘กองทัพเรือภาคที่ 3’ รวมน้ำใจ ชาวภูเก็ต ภาครัฐ-เอกชน ส่ง!! ของกิน-ของใช้-กำลังใจ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงราย

(14 ก.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘เสียงจากทหารเรือ’ ได้โพสต์เรื่องราวดีดี เกี่ยวกับความมีน้ำใจของคนใต้ โดยได้ระบุว่า ...

กองทัพเรือภาคที่ 3 ได้จัดกำลังพลร่วมภาครัฐ และเอกชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตส่งกำลังใจ และสิ่งของอุปโภค บริโภค ที่ประชาชนชาวภูเก็ตได้นำมาบริจาคเพื่อส่งไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ได้เปิดรับบริจาคมาตั้งแต่ 09.00 ของวันที่ 12 กันยายน จนถึงเวลา 18.30 น.

ซึ่งกำลังพลทัพเรือภาคที่ 3 ร่วมช่วยลำเลียงสิ่งของอุปโภค บริโภคขึ้นรถหกล้อ เพื่อออกเดินทางไปยังจังหวัดเชียงราย เพื่อส่งมอบให้กับชาวจังหวัดเชียงราย ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้

ทั้งนี้ ข้าราชการ พนักงานราช ลูกจ้าง และทหารกองประจำการ ขอส่งมอบกำลังใจให้แกพี่น้องชาวจังหวัดเชียงรายที่ได้รับความเดือดร้อน ให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างปลอดภัย

'ชาวต่างชาติ' กร่าง!! บุกยิงปืน-ทุบกระจกร้านอาหาร ใน จ.ภูเก็ต โชคดี!! ไม่มีผู้บาดเจ็บ ตำรวจท้องที่เร่งตรวจสอบ จับตัวคนทำผิด

(29 ก.ย. 67) น.ร.ต.อ.หญิงกัลย์สุดา แก้วก่า รอง สว.(สอบสวน) สภ.เชิงทะเล จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากที่รปภ.ของร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในซอย อบต. ต.เชิงทะเล ว่า มีชายชาวต่างชาติ ทำลายกระจกร้านแตก ซึ่งคาดว่า น่าจะใช้อาวุธปืนยิง จนกระจกภายในร้านแตก 

หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบนายกอเฉม ผู้แจ้ง ผู้เห็นเหตุการณ์ ได้ให้การว่า เวลาประมาณ 02.18 น. มีชายชาวต่างชาติขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดหน้าร้านอาหารที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ยินเสียงดังคล้ายอาวุธปืน 1 นัด มีกระจกที่ร้านแตก ก่อนผู้ก่อเหตุจะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ต่อมาเวลาประมาณ 02.58 น. ได้มีคนร้ายเป็นชายชาวต่างชาติ อีกบุคคลหนึ่ง เข้ามาทุบกระจกที่ร้านอาหารเเห่งเดิมซ้ำ และหลบหนีไป จึงได้เเจ้งเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ 

หลังทราบเรื่องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ตเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมให้ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามตัวคนร้ายต่อไป

ล่าสุดช่วงเช้า ตำรวจสภ.เชิงทะเล พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบและเก็บรายละเอียดบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อติดตามตัวคนก่อเหตุ มาสอบสวนเพื่อดำเนินคดี

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกอเฉม (สงวนนามสกุล)  รปภ.ที่เห็นเหตุการณ์เผยว่าคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดที่หน้าร้านแล้วใช้ปืนยิงแล้วเข้าไปในร้านแล้วกระจกแตก คนที่ยิงคือคนต่างชาติหลังจากยิงเสร็จ ก็ขี่มอเตอร์ไซค์หลบหนี

กระทั่งผ่านไปประมาณ 10 นาที ก็มีมอเตอร์ไซค์อีกคัน ขับเข้าไปดูเหตุการณ์ และลงมือทุบกระจกที่แตกอยู่แล้วซ้ำ จากนั้นได้ก่อเหตุทุบกระจกร้านเสริมสวยที่อยู่ใกล้เคียง เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ 4 คน ขับรถมอเตอร์ไซค์ 2 คัน

นายกอเฉม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า รปภ.อีกราย ที่เข้าเวรกลางวัน เล่าให้ตนฟังว่าตอนเย็นมีชาวต่างชาติทะเลาะกันอย่างรุนแรงก่อนจะแยกย้ายกันไป 

ด้านเจ้าของร้านเองก็คาดว่าคนลงมือก่อเหตุจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ตนยังอยู่ในอาการตกใจ เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ซึ่งตนทำงานเป็นรปภ.มาเกือบ 20 ปีแล้ว

‘ภูเก็ต’ สุดเจ๋ง!! คว้า 2 รางวัลใหญ่ เมืองเทศกาลโลก เชื่อ!! ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนไทย

(1 ต.ค. 67) นายพัฒนชัย สิงหะวาระ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคใต้ เปิดเผยผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า “Phuket ได้มา 2 รางวัลที่ใหญ่สุดครับ คือ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ได้รับการประกาศให้เป็น #เมืองเทศกาลโลก (World Festival and Event City)” ประจำปี 2024 และงาน #ประเพณีถือศีลกินผัก ได้ Grand Pinnacle Award ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของสมาคมเทศกาลและกิจกรรมระหว่างประเทศ (IFEA) ครับ เดี๋ยวรายละเอียดจะมาเล่าให้ฟังครับ”

การได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของภูเก็ตในการจัดงานระดับนานาชาติที่มีมาตรฐานระดับโลก โดย IFEA พิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น การมีงานเทศกาลที่โดดเด่น การทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ และความสามารถในการสร้างเศรษฐกิจจากการจัดงานเทศกาล

นอกจากภูเก็ตแล้ว ยังมีเมืองอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลนี้ด้วย ได้แก่ กวางจู เกาหลี, แม็คอัลเลน รัฐเท็กซัส, มิลวอกี รัฐวิสคอนซิน, และ ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย, พิทต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา

โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 ณ เมือง Pittsburgh สหรัฐอเมริกา โดย นายพัฒนชัย สิงหะวาระ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคใต้ เป็นผู้รับมอบรางวัล ของจังหวัดภูเก็ตประเทศไทย

รางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของชาวภูเก็ต แต่ยังเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาชาติ โดยแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การได้รับรางวัล “เมืองเทศกาลโลก” เป็นก้าวสำคัญของภูเก็ตและประเทศไทย ที่จะนำไปสู่การพัฒนาการจัดงานเทศกาลต่างๆ ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

‘อสังหาฯ ภูเก็ต’ ร้อนแรง แซง!! กทม. ‘พูลวิลล่า’ หลังละ 800 ล้านย่านติดทะเลคึกคัก ลูกค้าหลักเป็นชาวรัสเซีย ‘ซื้ออยู่เอง – ลงทุน’

(8 ธ.ค. 67) นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมปี 2567 ตลาดคอนโดมิเนียมและวิลล่าที่จังหวัดภูเก็ตยังเติบโต ผ่านมา 3 ไตรมาสแรก มีโครงการเปิดใหม่กว่า 10,000 หน่วย มูลค่า 113,020 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 9,298 หน่วย มูลค่า 64,500 ล้านบาท คาดไตรมาส 4 จะมีคอนโดเปิดใหม่อีกกว่า 3,000 ยูนิต คาดการณ์ทั้งปี 2567 จะมากกว่า 12,000 ยูนิต

นับเป็นการสร้างสถิติใหม่ของภูเก็ตอีกครั้ง ทำเลหลักยังเป็นย่านเชิงทะเลที่คึกคักขึ้นมาก โดย รัสเซีย ยังคงเป็นลูกค้าหลักทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน สำหรับในปี 2568 ตลาดจะย่อตัวลงมา ไม่มีการเปิดตัวหวือหวา แต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติที่เปิดตัวปีละ 3,000-4,000 ยูนิต

“ปัจจุบันซัพพลายทั้งตลาดรอระบาย 11,200 หน่วย มูลค่า 22,725 ล้านบาท ยังไม่นับที่เปิดไตรมาสสุดท้ายอีก แต่ซัพพลายไม่น่าห่วง เพราะช่วงนี้ตลาดภูเก็ตฮอตมากและดีมานด์ต่างชาติยังมีค่อนข้างสูง ตอนนี้ตลาดภูเก็ตเป็นเดรสซิเนชั่นของดีเวลลอปเปอร์จากกรุงเทพไปแล้ว รองจากตลาดกรุงเทพ” นายภัทรชัยกล่าว

นายภัทรชัย ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตลาดพูลวิลล่าในช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2567 มีเปิดตัวสูงถึง 1,510 ยูนิต มูลค่า 48,520 ล้านบาท ถือเป็นสถิติใหม่และราคาแพงขึ้น เริ่มตั้งแต่ 15 ล้านบาทไปถึง 700-800 ล้านบาทต่อยูนิต ผลจากราคาที่ดินโตก้าวกระโดด คาดถึงสิ้นปีนี้จะเปิดตัว 1,850 ยูนิต ถือว่าสูงมากๆ แบบไม่เคยเห็น โดยผู้พัฒนายังเป็นดีเวลลอปเปอร์ท้องถิ่น เช่น โบทานิก้า เป็นต้น และมีดีเวลลอปเปอร์จากกรุงเทพก็มีความสนใจ ซึ่งไตรมาสสุดท้ายนี้ แสนสิริ เข้าไปพัฒนาวิลล่าครั้งแรก ยังมี ศรีพันวา ส่วนซัพพลายพูลวิลล่าเหลือขายอยู่ที่ 1,900 ยูนิต มูลค่า 27,200 ล้านบาท

“ปีนี้อสังหาฯภูเก็ต ยังคึกคักเหมือนเดิม ยังไม่มีที่ไหนเอาลงได้ กลายเป็นว่าแม้แต่กรุงเทพฯ ยังสู้ไม่ได้ อย่างคอนโดกรุงเทพยังเปิดตัวแพ้ภูเก็ตถึง 2 ไตรมาสในไตรมาส2และไตรมาส3 ที่ผ่านมา ราคาที่ดินก็ปรับขึ้น ทำเลไพร์มติดหาดจะสูง ราคาไร่ละ 100 ล้านบาทอัพ เพราะมีซัพพลายค่อนข้างน้อย และยังมีดีเวลลอปเปอร์หมายมั่นปั้นมือเข้าไปพัฒนาโครงการ และปีหน้าอาจจะมีโปรเจ็กต์ที่เป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” นายภัทรชัย กล่าวทิ้งท้าย

เพจดังเผย Norovirus ระบาดทุกปีเป็นปกติ ไม่ใช่โรคใหม่

(18 ธ.ค.67) จากกรณีที่มีข่าวพบการระบาดของเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) ในจังหวัดภูเก็ตจนทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมาก เป็นเหตุให้เกิดความตื่นตระหนก เนื่องจากไวรัสดังกล่าวเคยเป็นประเด็นที่เกิดการระบาดในประเทศจีน

ล่าสุดเพจ 'อ้ายจง' ซึ่งนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับประเทศจีน ได้โพสต์ข้อมูลที่ระบุว่า Norovirus เป็นโรคที่ระบาดในจีนทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากสื่อท้องถิ่นในปีที่ผ่านมา ที่กล่าวถึงการระบาดของไวรัสดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ซึ่งทำให้เห็นว่าโรคโนโรไวรัสไม่ใช่โรคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปี 2024 นี้

ข้อมูลเพิ่มเติมจากการโพสต์ของเพจ 'อ้ายจง' ระบุเพิ่มเติมว่า  งานวิจัยเกี่ยวกับการระบาดของ Norovirus ในจีนช่วงปี 2016-2018 (ก่อนการระบาดของโควิด-19) พบว่า การระบาดมักเกิดในสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียน และสถานศึกษาเกือบ 80% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการติดต่อระหว่างบุคคล

ข่าวการปิดโรงเรียนหรือสถานศึกษาชั่วคราวเนื่องจากการระบาดของโรคนี้เกิดขึ้นเป็นประจำในจีนทุกปี ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในปี 2024

ตามรายงานของโกลบอลไทม์ สื่อของทางการจีน ในปี 2020 ช่วงปลายปีที่มีการระบาดของโควิด-19 ก็ยังมีข่าวโรงเรียนในหลายพื้นที่ของจีน เช่น ฝูเจี้ยน โดยเฉพาะโรงเรียนอนุบาล ต้องหยุดเรียนชั่วคราวเนื่องจากมีเด็กติดเชื้อหลายสิบคน

ในปี 2019 ก่อนการระบาดของโควิด-19 จีนได้อนุมัติการทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนป้องกันโนโรไวรัส โดยคาดว่าจะใช้เวลา 5 ปีในการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิผลก่อนที่จะสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนยา

โรคโนโรไวรัสไม่เพียงแต่ระบาดในกลุ่มเด็ก แต่ยังสามารถติดเชื้อในกลุ่มผู้ใหญ่ได้เช่นกัน โดยมีอาการอาเจียน ท้องเสีย ไข้ ปวดท้อง อ่อนเพลีย ตัวอย่างเช่นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา พบว่าศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยชิงฮว๋า หลายคนติดเชื้อหลังเข้าร่วมงานเลี้ยงครบรอบมหาวิทยาลัย ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าอาหารและสภาพแวดล้อมของร้านอาหารมีเชื้อโนโรไวรัสปนเปื้อน

สำหรับในประเทศไทย ข้อมูลที่ตรวจสอบพบว่าเชื้อโนโรไวรัสมีการระบาดทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนและเด็กเล็ก

‘โนวัค ยอโควิช’ เดินทางมาเยือนภูเก็ต ‘ภราดร’ ต้อนรับ!! เพื่อนรักอย่างอบอุ่น

เมื่อวานนี้ (27 ธ.ค. 67) นักเทนนิส มือวางอันดับ 7 ของโลกชาวเซอร์เบีย เดินทางมาที่ ภูเก็ต ประเทศไทย พร้อมกับทีม เพื่อพักผ่อนในช่วงปิดฤดูกาล และฝึกซ้อมเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในปี 2025 

ล่าสุด ‘ซุปเปอร์บอล’ ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมืออันดับ 9 ของโลก ได้โพสต์ภาพขณะโทรไปหา โนวัค ยอโควิช พร้อมข้อความว่า “ยินดีต้อนรับ โนวัค ยอโควิช และทีมสู่ ภูเก็ต ประเทศไทย ช่วงปิดฤดูกาลและการเตรียมตัวสำหรับปี 2025 ที่กำลังจะมาถึง

“หวังว่าคุณจะเพลิดเพลินกับเวลาที่อยู่ในประเทศไทย พร้อมกับการฝึกซ้อมที่ยอดเยี่ยมและการต้อนรับที่อบอุ่นที่นี่ โชคดีนะเพื่อน”

สำหรับ โนวัค ยอโควิช อดีตมือ 1 ของโลก เตรียมเริ่มต้นฤดูกาลแข่งขันใหม่ในปลายปี 2024 ด้วยการลงแข่งขันประเภทคู่กับ นิค คีร์เกียกอส ในศึกเทนนิสเอทีพี 250 รายการ บริสเบน อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2024 - 5 มกราคม 2025 ก่อนลงแข่งขันในรายการแกรนด์สแลมแรกของปีอย่าง ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-26 มกราคม 2025 

22 กุมภาพันธ์ 2516 'ดำ-กาญจนา' คู่รักที่ถูกกีดกัน สร้างตำนานรักสะพานสารสิน

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2516 คู่รักหนุ่มสาวที่ถูกกีดกันจากครอบครัว ตัดสินใจจบชีวิตพร้อมกันโดยใช้ผ้าขาวม้ามัดร่างติดกันแล้วกระโดดลงจากสะพานสารสิน กลายเป็นตำนานรักสะเทือนใจที่ถูกเล่าขานจนถึงปัจจุบัน

เรื่องราวเกิดขึ้นในคืนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2516 เมื่อพ่อค้าขายไข่เต่าบริเวณสะพานสารสิน แจ้งตำรวจว่าพบชายหญิงคู่หนึ่งกอดกันแน่นก่อนกระโดดลงทะเลที่มีกระแสน้ำเชี่ยวกราก แม้เจ้าหน้าที่จะเร่งค้นหา แต่ก็ไร้วี่แววของร่างทั้งสอง จนกระทั่งเช้าวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ศพของพวกเขาถูกพบลอยอยู่ห่างจากสะพานราว 3 กิโลเมตร โดยยังมีผ้าขาวม้าผูกตัวติดกันแน่น

ฝ่ายชายคือนายดำ แซ่ลิ้ม อายุ 23 ปี บุตรบุญธรรมของครอบครัวชาวจีนเชื้อสายภูเก็ต ประกอบอาชีพขับรถสองแถวและรับจ้างกรีดยาง ส่วนฝ่ายหญิงคือ นางสาวกาญจนา แซ่หงอ อายุ 19 ปี นักศึกษาปีที่ 2 วิทยาลัยครูภูเก็ต ทั้งคู่พบกันเมื่อดำขับรถรับส่งกาญจนาเป็นประจำ และความสัมพันธ์ก็ค่อยๆ พัฒนาเป็นความรัก

ทว่า ครอบครัวของกาญจนาไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้ลูกสาวแต่งงานกับคนมีฐานะที่เหมาะสมกว่า เมื่อทราบว่าทั้งคู่ได้เสียกัน พ่อแม่ของเธอจึงกีดกันขั้นเด็ดขาด บังคับให้เลิกเรียนและห้ามพบกับดำอีก ด้านพ่อแม่ของดำเองก็ไม่ยอมรับกาญจนาเช่นกัน ทำให้ทั้งคู่ถูกต่อต้านจากทุกฝ่าย

คืนก่อนเกิดเหตุ ดำพากาญจนาหนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของตน แต่กลับถูกปฏิเสธ ทำให้ทั้งสองหมดสิ้นหนทาง ตำรวจพบจดหมายลาตายที่ดำเขียนไว้ ระบุว่าพวกเขารักกันมาก แต่เมื่อถูกกีดกันจนไร้ทางออก จึงขอตายไปด้วยกัน

ในคืนสุดท้าย ดำขับรถสองแถวพากาญจนาไปที่สะพานสารสิน เขาถามคนขับรถบรรทุกน้ำมันที่จอดอยู่บริเวณนั้นว่า หากกระโดดลงไปในช่วงน้ำเชี่ยวจะเป็นอย่างไร คำตอบที่ได้รับคือ "ตายแน่" จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปที่ราวสะพาน มัดตัวเข้าด้วยกันด้วยผ้าขาวม้า ก่อนกระโจนลงสู่กระแสน้ำ ท่ามกลางเสียงร้องห้ามของคนขับรถบรรทุก แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

ศพของทั้งสองถูกนำมาทำพิธีร่วมกันที่วัดท่าฉัตรชัย เรื่องราวของพวกเขากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่ถูกขัดขวาง และเป็นอุทาหรณ์ว่าหากครอบครัวยอมรับความรักของลูกตั้งแต่แรก โศกนาฏกรรมนี้อาจไม่เกิดขึ้น

ต่อมาตำนานรักสะพานสารสินถูกถ่ายทอดในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ สะพานรักสารสิน (2529) โดยเปี๊ยกโปสเตอร์ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 ภาพยนตร์ไทยที่ควรชม และละครโทรทัศน์ในปี 2541

‘ครูธัญ’ พรรคประชาชน หนุน!! ทบทวนกฎหมาย หลัง ‘ผู้หญิงข้ามเพศ’ ที่ภูเก็ต ถูกตำรวจรวบ!! แจ้งข้อหา สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ในที่สาธารณะ

(22 มี.ค. 68) นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงเหตุการณ์การจับกุมผู้หญิงข้ามเพศจำนวน 37 รายในจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 ว่าได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมต่อการใช้กฎหมายมาตรา 397 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกำหนดโทษต่อการกระทำที่ก่อให้เกิด 'ความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ' โดยเฉพาะในกรณีที่ส่อไปในทางล่วงละเมิดทางเพศ

จากรายงานข่าวสื่อมวลชน ตำรวจภูเก็ตเข้าควบคุมตัวกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศในย่านซอยบางลา โดยอ้างว่าพฤติกรรมของกลุ่มดังกล่าวรบกวนและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหานี้ก่อให้เกิดคำถามต่อสังคมว่า “อะไร” คือความเดือดร้อนรำคาญตามนิยามของกฎหมาย และการกระทำของกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศเข้าข่ายความผิดจริงหรือไม่

นายธัญวัจน์ กล่าวว่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสอง ระบุถึงโทษสำหรับการกระทำในที่สาธารณะหรือลักษณะที่ส่อไปในทางล่วงละเมิดทางเพศ แต่เมื่อพิจารณาจากกรณีนี้ การตีความว่าการแต่งกายหรือการยืนในพื้นที่สาธารณะของผู้หญิงข้ามเพศเป็นการ 'เดือดร้อนรำคาญ' กลับสะท้อนถึงอคติทางเพศมากกว่าการกระทำผิดจริงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลอื่นในพื้นที่เดียวกันที่ไม่ได้ถูกดำเนินคดี

นายธัญวัจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในพื้นที่สาธารณะ ตามรัฐธรรมนูญไทยมาตรา 28 ให้ความคุ้มครองสิทธิในชีวิตและร่างกาย รวมถึงเสรีภาพในการแสดงออกทางเพศและการแต่งกายในพื้นที่สาธารณะ ตราบใดที่การกระทำไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นหรือผิดกฎหมายอย่างชัดเจน การใช้มาตรา 397 ในกรณีของผู้หญิงข้ามเพศที่เพียงแค่ยืนหรือเดินในพื้นที่สาธารณะ ย่อมเป็นการจำกัดเสรีภาพเกินสมควร

“การเลือกใช้กฎหมายกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยไม่มีฐานจากพฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิดอย่างแท้จริง เป็นการตอกย้ำอคติที่ฝังรากลึกในสังคมมากกว่าการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม การเหมารวมว่ากลุ่มผู้หญิงข้ามเพศคือ “ต้นเหตุของความเดือดร้อน” หรือ “ปัญหาภาพลักษณ์” จึงเป็นการใช้อำนาจรัฐที่สืบทอดมาจากทัศนคติอคติ ไม่ใช่การคุ้มครองสาธารณะตามหลักสิทธิมนุษยชน“ นายธัญวัจน์กล่าว

นายธัญวัจน์ ได้เสนอว่ากรณีนี้ควรเป็นจุดเริ่มต้นของการทบทวนการใช้มาตรา 397 ให้มีความชัดเจน เป็นกลาง และปราศจากการเลือกปฏิบัติ รวมถึงการพัฒนาความรู้และทัศนคติของเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศและสิทธิมนุษยชน เพื่อไม่ให้กฎหมายกลายเป็นเครื่องมือของการกดทับกลุ่มเปราะบาง

“หากมีความกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศ การขจัดอคติในกระบวนการยุติธรรม และส่งเสริมความเท่าเทียมในพื้นที่สาธารณะต่างหาก ที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศไทยได้มากกว่า” นายธัญวัจน์ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top