Saturday, 5 April 2025
ภูเก็ต

‘พ่อหมอปาย’ ยัน!! ไม่รับเงินต่างชาติสกปรก หลังมีสายนิรนามโทรเสนอเงินก้อนโต หวังจบคดี

(10 เม.ย.67) จากกรณี Mr.URS BEAT FEHR หรือ เดวิด อายุ 45 ปี เจ้าของปางช้างดังใน จ.ภูเก็ต เตะ แพทย์หญิงคนหนึ่ง ซึ่งไปนั่งเล่นตรงบันไดที่ลาดลงมาบริเวณชายหาดที่ต่อลงมาจากวิลล่า หมายเลข 23 เพราะคิดว่าเป็นบันไดของชายหาด โดยแพทย์หญิงได้รับบาดเจ็บและเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขอความเป็นธรรมจากสังคมที่โดนทำร้าย ทั้งนี้ ชาวต่างชาติคนดังกล่าวอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจเตะแพทย์หญิง แต่สะดุดบันไดล้มลง

จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ ลามถึงขั้นตรวจสอบวิลล่าหรู หรือ จนถึงขั้นตรวจสอบปางช้างที่ เดวิลเป็นเจ้าของ หรือการเพิกถอนหนังสือเดินทาง เป็นต้น

ล่าสุดวันนี้ เพจ ‘Phuket Times ภูเก็ตไทม์’ โพสต์ข้อความระบุว่า

“ฉาว! #ฝรั่งเตะหมอ มีสายนิรนามโทรขอเคลียร์เงินก้อนโตให้จบคดี ด้านพ่อหมอปาย ยันไม่รับเงินต่างชาติสกปรก วันนี้เข้าพบอัยการสูงสุด ส่งทนายยื่นฟ้อง 295 เอง ล่าสุด ฝรั่งสู้คดี ยังปฏิเสธ บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”

'นายกฯ' ชื่นชม!! แผนงานแก้ปัญหาจราจรจาก 'รทสช.ภูเก็ต' บูรณาการทุกภาคส่วน เกิดผลเป็นรูปธรรม 'ระยะสั้น-ยาว'

'เอกนัฏ-พิชชารัตน์' ลงพื้นที่ร่วมคณะนายกฯ ติดตามโครงการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีเป้าหมายจะยกระดับทั้งเกาะสมุย และภูเก็ตให้เป็นเกาะระดับโลก

(19 เม.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และนางนวลจันทร์ สามารถ คุ้มบ้าน อดีตผู้สมัคร สส.ภูเก็ต เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทำงานผลักดันเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาจราจรในภูเก็ตมาโดยตลอด 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจติดตามรายงานสรุปโครงการก่อสร้างสะพานยกระดับ ทางหลวงหมายเลข 4027 (ทางเลี่ยงเมือง) ตอนบ้านเมืองใหม่ - แยกเข้าสนามบิน ระหว่าง กม.18+850 - กม.20+800 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยกล่าวชื่นชมและกล่าวขอบคุณผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการทำงาน มีการทำแผนงานเกิดผลเป็นรูปธรรม ถือเป็นแผนงานที่เหนือความคาดหมาย เป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการทั้งภาครัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ตามความคาดหวังของประชาชนทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

‘ภูเก็ต’ จัดรถเมล์ฟรี รับ-ส่งนักท่องเที่ยว วิ่งรอบเมืองเก่า ตั้งแต่ 11 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม เริ่ม 9 พ.ค.นี้

(21 เม.ย.67) บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด ร่วมมือกับมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน เปิดตัวโครงการ Phuket Smart Bus EV เส้นทางเมืองเก่า โดยนำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ให้บริการฟรีแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด ลดมลพิษทางอากาศ ขับเคลื่อนและพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยและการท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2567 ให้บริการทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น.

เส้นทางเดินรถรอบเมืองเก่า เริ่มต้นจากจุดจอดรถ ไปตามถนนหลวงพ่อ ต่อด้วยถนนดีบุก จอดจุดที่ 1 ตรงข้ามโครงการไลม์ไลท์ ภูเก็ต เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเทพกษัตรี จอดจุดที่ 2 ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย สาขาภูเก็ต (ตรงข้ามหอนาฬิกาพรหมเทพ) เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพังงา จอดจุดที่ 3 สถานีขนส่งผู้โดยสารภูเก็ตแห่งที่ 1 (บขส.1) กลับมาที่ถนนพังงา จอดจุดที่ 4 โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนมนตรี จอดจุดที่ 5 ตรงข้ามโรงแรมเพิร์ล ผ่านวงเวียนหอนาฬิกา ไปตามถนนดิลกอุทิศ 1 เลี้ยวขวา จอดจุดที่ 6 ตลาดเกษตร ออกจากตลาดเกษตร เลี้ยวขวาไปตามถนนอ๋องซิมผ่าย จอดจุดที่ 7 ร้านออฟฟิศเมท สาขาภูเก็ต

เลี้ยวขวาไปตามถนนภูเก็ต จอดจุดที่ 8 ร้านโกอ่างซีฟู้ด ผ่านวงเวียนหอนาฬิกา จอดจุดที่ 9 ตรงข้ามตึกแดงพลาซ่า เลี้ยวซ้ายไปตามถนนรัษฎา จอดจุดที่ 10 ร้านคอฟฟี่ ทอล์ค ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาภูเก็ต จอดจุดที่ 11 ตรงข้ามธนาคารกรุงไทย สาขาภูเก็ต วนวงเวียนน้ำพุไปยังถนนเยาวราช จอดจุดที่ 12 ธนาคารอิสลาม สาขาภูเก็ต เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกระบี่ จอดจุดที่ 13 พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว เลี้ยวขวาไปตามถนนดีบุก จอดจุดที่ 14 ถนนดีบุก จอดจุดที่ 15 วัดมงคลนิมิตร จอดจุดที่ 16 โครงการไลม์ไลท์ ภูเก็ต เป็นป้ายสุดท้าย ก่อนถึงจุดจอดรถ

นายนิพนธ์ เอกวานิช ประธานที่ปรึกษากรรมการบริหาร บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด กล่าวว่า จากนโยบายแผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ตที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาศัยการใช้พลังงานสะอาดในการลดมลพิษ และยกระดับการดำเนินชีวิตของประชาชนและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน บริษัทฯ จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานโครงการต่างๆที่เกี่ยวกับการพัฒนาเมือง มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานโครงการต่างๆที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงเห็นควรร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการขับเคลื่อนพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green City) เพื่อทำให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม คล่องตัว มีประสิทธิภาพและยั่งยืน

‘ภูเก็ต’ คว้าชัยอย่างยิ่งใหญ่ ได้เป็นเจ้าภาพงานระดับโลก ขึ้นแท่นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และไมซ์อย่างยั่งยืน

(1 พ.ค. 67) นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ แสดงความยินดีกับจังหวัดภูเก็ตที่นำพาประเทศไทยปักหมุดบนเวทีโลกผ่านการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงานระดับโลก การประชุมด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Global Sustainable Tourism Conference 2026) หรือ GSTC 2026 

ถือเป็นการสร้างหมุดหมายใหม่ด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและไมซ์อย่างยั่งยืนในอนาคต ถือเป็นชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ของประเทศไทย รวมถึงระเบียงเศรษฐกิจ 6 จังหวัดอันดามัน ที่ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและไมซ์อย่างยั่งยืนในอนาคตที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

งานดังกล่าวจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2569 ที่จังหวัดภูเก็ต ภายใต้แนวคิด “Regenerative Tourism” เป็นการประชุมและสัมมนาเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวระดับโลกและท้องถิ่น มุ่งสร้างการมีส่วนร่วม สนับสนุนการเดินทางและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 

โดยมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ โรงแรม บริษัททัวร์ บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์ สถาบันการศึกษา องค์กรพัฒนา องค์กรพัฒนาเอกชน และผู้เกี่ยวข้องอีกมากมายเข้าร่วมงาน คาดว่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 700 คน จาก 60 ประเทศ สร้างรายได้กว่า 50 ล้านบาท

สยบข่าวลือทุบทิ้ง 'สะพานสารสิน' หลังสะพัดเป็นดรามาในภูเก็ต เมื่อรัฐเล็งสร้างสะพานขึงเป็นแลนด์มาร์ก-รองรับฮับเรือท่องเที่ยว

ทุบทิ้งสะพานสารสินกลายเป็นกระแสที่มีการพูดถึงกันมากในภูเก็ตขณะนี้ ตามสื่อโซเชียลต่างๆ หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาภูเก็ตเพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโครงข่ายคมนาคมเพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในภูเก็ต และได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างสะพานสารสินแห่งใหม่ เมื่อเร็วๆ นี้

(15 พ.ค.67) โดยก่อนหน้านี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการสั่งการให้กรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ศึกษาออกแบบการก่อสร้างสะพานขึงที่ภูเก็ต ที่มีความสูงให้เรือขนาดใหญ่สามารถลอดได้ทดแทนสะพานสารสิน เพื่อใช้ในการคมนาคม มีความสวยงาม และจะเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับการเป็นฮับเรือท่องเที่ยว

สังคมโซเชียลส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ทุบสะพานสารสิน เพราะมองว่าเป็นเอกลักษณ์ของภูเก็ต เป็นตำนานรักสะพานสารสินที่โด่งดัง หากต้องการจะให้มีสะพานเชื่อมกับฝั่งพังงาเพิ่มควรที่จะสร้างสะพานใหม่ขึ้นมา รวมไปถึงให้รัฐบาลโฟกัสไปที่การแก้ปัญหาการจราจรในภูเก็ต ที่กำลังกลายเป็นปัญหาหนัก มากกว่าที่จะหยิบยกเรื่องการทุบทิ้งสะพานสารสินมาพูดกันในขณะนี้

สะพานสารสิน เป็นสะพานแห่งแรกที่เชื่อมระหว่างจังหวัดพังงากับจังหวัดภูเก็ต ระหว่างบ้านท่าฉัตรไชย และบ้านท่านุ่นของจังหวัดพังงา โดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 402 มีความยาวทั้งหมด 660 เมตร มี 2 ช่องจราจร เปิดใช้เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2510 โดยชื่อของสะพานตั้งตามนามสกุลของนายพจน์ สารสิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติในขณะนั้น

ในเวลาต่อมา ได้มีการสร้างสะพานอีก 2 แห่งในบริเวณเดียวกันขนานกันไปกับสะพานสารสิน คือ สะพานท้าวเทพกระษัตรีและสะพานท้าวศรีสุนทร และใช้ในการสัญจรของรถยนต์แทนสะพานสารสิน เนื่องจากมีสภาพชำรุดทรุดโทรมลง โดยได้มีการปรับปรุงสะพานสารสินให้เป็นสะพานคนเดินข้าม และมีหอชมวิวอาคาร 8 เหลี่ยม ให้ได้พักผ่อนชมทิวทัศน์ ออกแบบให้สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรโคโรเนียล สผสมผสานกับอาคารหลังคาทรงปั้นหยาแบบภาคใต้ ที่มีความสวยงาม ดั่งที่เห็นในปัจจุบัน

อีกทั้งสะพานแห่งนี้ยังเกิดเหตุเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่รู้จักกันทั่วประเทศ เมื่อหนุ่มสาว 2 คน ตัดสินปัญหาความรักที่ไม่สมหวัง ด้วยการใช้ผ้าขาวม้าผูกต่อกันมัดตัวเองและกระโดดจากกลางสะพานลงสู่พื้นน้ำ ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2516 จนมีการนำเรื่องราวของคนทั้งสองไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เรื่อง ‘สะพานรักสารสิน’

เพื่อเป็นการสยบข่าวลือการทุบทิ้งสะพานสารสินที่สะพัดอยู่ในภูเก็ต ขณะนี้ นายยุทธนา พิทักษ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ต ได้ออกมาชี้แจงถึงกระแสการทุบทิ้งสะพานสารสิน ว่า กรมทางหลวงไม่มีแนวคิดที่จะทุบสะพานสารสินในขณะนี้และในอนาคต ตามที่มีข่าวลือสะพัดในโซเชียล การที่จะดำเนินการโครงการที่เป็นโครงข่ายคมนาคมนั้นจะต้องมีการทำศึกษารายละเอียดของโครงการนั้น ๆ รวมไปถึงการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ และศึกษาถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อน

อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงมีโครงการที่จะก่อสร้างสะพานสารสินแห่งใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างภูเก็ตกับพังงา แต่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นของแนวคิดและของบประมาณมาศึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการ ซึ่งจะเป็นจุดใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่

กระแสข่าวทุบทิ้งสะพานสารสินจึงกลายเป็นกระแสที่คนส่วนใหญ่ในภูเก็ตรับไม่ได้ ไม่ต้องการให้รื้อทิ้งสะพานสารสิน ต้องการเก็บไว้เป็นเอกลักษณ์ของภูเก็ตต่อไป

‘เทศบาลภูเก็ต’ สั่งลบแล้ว ‘ทางม้าลายสีรุ้ง’ แยกชาร์เตอร์ด หลังพลังโซเชียล ร้อง!! ฝนตกทำจักรยานยนต์ลื่นล้มหลายคัน

(11 ก.ค.67) กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล เมื่อรถจักรยานยนต์ที่ขับผ่านทางม้าลายสีรุ้ง บริเวณแยกชาร์เตอร์ดภูเก็ต แลนด์มาร์กยอดฮิตเมืองภูเก็ต ที่เทศบาลนครภูเก็ตทำขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับ Pride Month และสร้างสีสันในการจัดงาน Discover Phuket Pride 2024 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา จนกลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมีฝนตกลงมาทำให้รถจักรยานยนต์ที่ขับผ่านเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มไปแล้วหลายคัน

จนกลายเป็นดรามาในโลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ถึงอันตรายที่เกิดขึ้น ประกอบกับการจัดงานได้จบไปแล้ว เทศบาลน่าที่จะลบทางม้าลายสีรุ้งดังกล่าวออกได้แล้ว เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกลงมา หลังจากนั้นเทศบาลนครภูเก็ตได้ติดสติกเกอร์เพื่อลดปัญหาการลื่น แต่พลังโซเชียลเรียกร้องทางเทศบาลนครภูเก็ตให้ลบออก

จนล่าสุดเมื่อช่วงคืนวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักช่างเทศบาลนครภูเก็ต เข้าดำเนินการลบทางม้าลายสีรุ้งดังกล่าวออก คืนทางม้าลายสีขาวแดง สี่แยกธนาคารชาร์เตอร์ด โดยเริ่มจากฝั่งถนนพังงา ตรงสี่แยก 1 จุด ด้วยการนำรถแบ็กโฮมาขุดผิวจราจรที่ได้ทาสีรุ้งออก แล้วราดยางมะตอยไว้ครึ่งหนึ่งก่อน หลังจากนั้น จะดำเนินการอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการคืนทางม้าลายสีขาวแดง ให้เสร็จทั้งหมดภายใน 4 วัน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการลบทางม้าลายสีรุ้งออกทั้งหมดนั้น การจราจรในบริเวณดังกล่าวอาจจะไม่สะดวกเท่าที่ควร และในช่วงนี้ภูเก็ตมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ขับรถจักรยานยนต์จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

‘สาว’ อวดแชตคุยกับ ‘เพื่อนตำรวจ’ ช่วยเคลียร์ค่าปรับ 500 บาท หลังโดนข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก โว!! ใช้งานให้เป็นประโยชน์

เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.67) เพจ ‘Red skull’ โพสต์ภาพสตอรี่ของสาวรายหนึ่ง โดยเป็นแชตที่เจ้าตัวถูกใบสั่งในข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยบอกว่าตนเองโดนจับ ให้ไปเสียค่าปรับจำนวนเงิน 500 บาท โดยเพื่อนที่เป็นตำรวจได้ตอบกลับไปว่า ให้เอาใบสั่งมาให้ตนเอง ทั้งนี้ สาวเจ้าของโพสต์ได้ระบุข้อความว่า…

“เพื่อนโดนจับหมวก ก็ใช้งานตำรวจให้เป็นประโยชน์ซะเลย“

ทั้งนี้ พบว่ามีชาวเน็ตต่างเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของสาวรายนี้เป็นจำนวนมาก

‘เศรษฐา’ ปลื้ม ‘ค่ายซินบีมวยไทย’ ที่ภูเก็ต นักท่องเที่ยวต่างชาติ เรียนกันแน่นค่าย เล็งต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ดันศิลปะการต่อสู้ สร้างรายได้ ให้เป็นห่วงโซ่ทางธุรกิจ

(11 ส.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพการฝึกซ้อมมวย พร้อมระบุข้อความผ่าน x หรือทวิตเตอร์ ว่า ...

“ภูเก็ตมีฝรั่งปิดซอยต่อยกันแล้วครับ”

เพื่อนคนภูเก็ตบอกผมและให้ดูรูปค่ายมวยไทย ฟังแล้วน่าสนใจ จุดประกายต่อยอดเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและธุรกิจเกี่ยวกับ Mixed martial arts ได้มากเลยครับ

ในภูเก็ตมีค่ายมวยกว่า 300 แห่ง ทั้งค่ายใหญ่ค่ายเล็ก มีรูปแบบการสอนหลากหลาย อย่างในรูปนี่คือ ‘ค่ายซินบีมวยไทย’ ที่หาดในหาดเป็นค่ายมวยขนาดกลางมีครูประมาณ 30 คน

ทำให้ผมรู้ว่าที่ภูเก็ตมี Muay Thai Village ซึ่งตั้งอยู่ใน ‘ซอยตาเอียด’ ต.ฉลอง ในซอยนั้นมีค่ายมวยหลายสิบค่าย และค่ายที่ใหญ่สุดคือค่ายมวยไทเกอร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ไทเกอร์มวยไทยมีครูกว่า 100 คน มีนักเรียนลงทะเบียนเรียนตลอด 1 ปีที่ผ่านมากว่า 80,000 คน มีเวที 12 เวที สำหรับจัดการแข่งขัน คิดดูครับค่ายมวย 1 ค่ายนี้จะนำมาสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขนาดไหน

อย่างแรกเลย นักเรียนมวยเหล่านี้ มาเรียนชกมวยคอร์สเริ่มต้น ก็ 15 วันแล้ว และมีคอร์ส 1 เดือน จนไปถึงหลายเดือน บางทีก็มาเรียนกันทั้งครอบครัว รวมเด็กเล็กๆ ก็มาเรียนกับพ่อแม่ด้วย และนี่ทำให้เราได้นักท่องเที่ยวแบบ ‘พำนักระยะยาว’ ซึ่งตอบโจทย์เรื่องการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่คุ้มค่ากับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เราต้องลงทุนไปกับการท่องเที่ยว

เมื่อพำนักระยะยาวแล้วก็มีธุรกิจตามมาหลายอย่าง แค่ใน ‘ซอยตาเอียด’ ที่เดิมเป็นพื้นที่สวนยาง ชาวบ้านก็ปรับเปลี่ยนบ้านตัวเองเป็นที่พักอาศัย มีร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านซักผ้า เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับรากฝอย กระจายรายได้ลงสู่ชุมชน

สินค้าที่เกี่ยวข้องกับค่ายมวยก็เป็นที่นิยม เช่น กางเกงมวยจากค่ายดังๆ อย่างไทเกอร์มวยไทย ใส่กันไปทั่ว เป็นของขายที่มีราคา กางเกง เสื้อชื่อค่ายมวย ประเจียดคล้องคอ ประเจียดรัดแขน และมงคลประเจียด (ที่คาดหัว) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ ทำเงินให้กับผู้ผลิตและผู้ขายอย่างมหาศาล

เมื่อนักเรียนมวยเรียนจบแล้วก็มี ‘เวที’ ให้ขึ้นชก ขายบัตรเข้าชมได้ และเมื่อนักเรียนได้แต่งตัว ไหว้ครูขึ้นชกเหมือนเป็นมืออาชีพ มีรูปลงโซเชียลมีเดียก็ทำให้คนอยากมาเรียนกันอีก

สุดท้ายที่น่ายินดี คือ ‘ครูมวย’ คือ นักมวยอาชีพที่เลิกชกแล้ว พวกเขาได้ทำหน้าที่สืบสานศิลปะการต่อสู้ของไทยอย่างมีศักดิ์ศรีและมีรายได้ นักมวยที่มีดีกรีได้ครองเข็มขัดแชมป์จากสนามมวยลุมพินี หรือสนามมวยราชดำเนิน ก็สามารถหารายได้ได้ถึงชั่วโมงละ 2,000 บาท เท่ากับว่า อายุงานของนักมวยอาชีพไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นนักมวย แต่คือการเป็นเทรนเนอร์มวยไทยที่ยิ่งมากประสบการณ์ค่าตัวยิ่งสูงยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาด

มวยไทยอยู่ใกล้ตัวคนไทยและเราชินที่จะเห็นมวยไทยเป็นแค่กีฬาขึ้นชกบนเวที แต่การเติบโตของค่ายมวยอย่างไทเกอร์ที่ตอนนี้เปิดที่สิงคโปร์ ที่จีน หรือค่ายซินบี ทำให้เรามองมวยไทยในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Mix martial arts และมีโอกาสขยายเป็นธุรกิจท่องเที่ยว กีฬา แฟชั่น ไปจนถึงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาในประเทศไทย

ทั้งหมดคือห่วงโซ่ทางธุรกิจที่จะสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับผู้คนได้กว้างขวาง ผมอยากให้ทั้ง ฝรั่ง จีน แขก ไทย อยากมาปิดซอยเรียนต่อยมวยที่ประเทศไทยครับ นายเศรษฐา ระบุทิ้งท้าย 

‘หนุ่มใหญ่รัสเซีย’ สูญทั้ง ‘เงิน-บ้าน-รถ’ ต้องมาสู้ชีวิตที่ จ.ภูเก็ต หลังแยกทางภรรยา เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว วอน!! คนใจดีช่วยหางานทำ

(15 ส.ค. 67) Phuket Times เผยข้อมูลของ Mr. Oleg Magdeev ซึ่งระบุว่าตนเป็นชาวรัสเซีย อายุ 57 ปี มาทำงานอยู่ จ.ภูเก็ต โดยขับเรือยนต์ขนาด 60 ฟุต เป็นเวลา 4 ปี แต่ในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด เกิดวิกฤติ ตนได้ขายบ้าน และย้ายไปอยู่ที่ จ.ชัยนาท สร้างบ้านในที่ดินภรรยา (จดทะเบียน) และซื้อรถใช้ชื่อภรรยา ปัจจุบันรถถูกยึด ภรรยาเอารถไปไว้ไฟแนนซ์ไม่ผ่อนรถเลยถูกยึด ปัจจุบันแยกกันอยู่กับภรรยา

ปัจจุบันมาขอเช่าบ้านอยู่แถว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต แต่ไม่ได้จ่ายค่าเช่ามาหลายเดือนแล้ว ขอเช่ารถจักรยานยนต์เพื่อได้พาลูกไปโรงเรียนและได้ค้างค่าเช่ามาหลายเดือนแล้วเช่นกัน ปัจจุบันลูกชายอายุ 5 ปีอยู่ชั้นอนุบาล

ตอนนี้ต้องการทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูบุตร โดย Mr. Oleg มีความสามารถดังนี้ ขับเรือยนต์ และซ่อมเรือขนาดไม่เกิน 60 ฟุต แต่ปัจจุบันใบอายุใบขับขี่เรือขาดอายุ มีความสามารถในการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น หม้อหุงข้าว พัดลม ตู้เย็น  ปั๊มน้ำ และระบบไฟฟ้า

ตอนนี้ ผู้เช่าก็ให้พักอยู่ แม้ยังไม่มีเงินจ่าย และทราบว่าก็ไปต่อจั้มวีซ่าที่ระนอง ตอนนี้อยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เพื่อจะได้มีงานทำ เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูก

บ.ไหน หรือท่านใดอยากช่วยเหลืออนุเคราะห์ สามารถติดต่อไปได้ที่คุณเอกวิทย์ สุรัตวดี 090-485-8422

‘วราวุธ’ เร่งช่วยเหลือประชาชน จัดทีมงานลงพื้นที่ ‘ภูเก็ต’ เพื่อ ‘ช่วยเหลือ-ฟื้นฟู-เยียวยา’ ผู้ประสบภัยน้ำท่วมดินถล่ม

(24 ส.ค. 67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) จังหวัดภูเก็ต ว่า เมื่อวันที่ 22 - 23 ส.ค. 67 จังหวัดภูเก็ตมีฝนตกหนักต่อเนื่องในตัวเมืองภูเก็ต ทำให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนและถนนหลายสาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากถึง 250 ครัวเรือน และมีดินโคลนถล่มทับบ้านเรือนประชาชน 2 หลัง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นคนไทย 2 ราย ชาวต่างชาติสัญชาติเมียนมา 3 ราย นอกจากนี้ ยังมีคนสูญหายอีก 6 ราย เป็นคนไทย 1 ราย ชาวต่างชาติสัญชาติเมียนมา 4 ราย และรัสเซีย 1 ราย อีกทั้งมีครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุ อายุ 83 ปี ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากจมน้ำและสำลักโคลน ขณะนี้ได้นำส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว 

นายวราวุธ กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ขอแสดงความห่วงใยกับผู้ได้รับบาดเจ็บ และพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตที่กำลังประสบปัญหาความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ซึ่งตนได้กำชับหน่วยงานทีม พม. หนึ่งเดียว จังหวัดภูเก็ต เฝ้าระวังดูแลผู้รับบริการในความคุ้มครองของหน่วยงาน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ขณะนี้ทางจังหวัดภูเก็ตได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่วัดกะตะ และ วัดกะรน โดยมีหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ร่วมให้ความช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัย ซึ่ง ทีมศรส.จังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานทีม พม.หนึ่งเดียว จังหวัดภูเก็ต ได้ส่งนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาเพื่อให้การฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจและช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมทั้งร่วมกับทีมสหวิชาชีพวางแผนการช่วยเหลือทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะการช่วยเหลือหลังน้ำลด ซึ่งจะมีการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านและให้ความช่วยเหลือร่วมกับทีมสหวิชาชีพ อปท. และ อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) หากประชาชนประสบปัญหาอุทกภัย สามารถขอความช่วยเหลือ ได้ที่ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) จังหวัดภูเก็ต และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต รวมทั้งหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top