Saturday, 18 May 2024
ฝุ่นพิษ

‘นครเดลี’ ของอินเดีย ประกาศสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในเมือง 2 วัน หลังฝุ่นพิษ PM 2.5 พุ่งสูง กระทบชีวิต-สุขภาพ ปชช.กว่า 30 ล้านคน

(3 พ.ย. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทางการของกรุงเดลี เขตขนาดใหญ่ในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย ได้มีการสั่งปิดโรงเรียนต่างๆ ทั่วเมืองหลวงทั้งหมดเป็นเวลา 2 วัน เนื่องจากหมอกควันพิษที่แผ่ปกคลุมไปทั่วเมืองใหญ่แห่งนี้ ซึ่งกระทบต่อการใช้ชีวิตและสุขภาพของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ราว 30 ล้านคน

โดยจากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในกรุงนิวเดลี พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) สูงกว่า 35 เท่าจากค่ามาตรฐานปลอดภัยที่องค์การอนามัยโลกกำหนด

‘นายอาร์วินด์ เกจรีวัล’ มุขมนตรีเดลี โพสต์บน X (ทวิตเตอร์) ว่า “จากระดับมลพิษที่สูงขึ้น โรงเรียนรัฐและเอกชนทั้งหมดจะยังคงปิดเรียนต่อไปอีก 2 วัน”

ด้านรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของเดลี ยังได้เรียกประชุมฉุกเฉิน เพื่อทบทวนสถานการณ์หมอกควันพิษที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ กรุงเดลี ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยกลุ่มหมอกควันพิษที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการเผาพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ไอเสียรถยนต์และการปล่อยมลพิษของโรงงานรวมกัน

‘พัชรวาท’ สั่ง!! เร่งระดมสมองแก้ฝุ่นพิษ หลังค่า ‘PM2.5’ พุ่ง  ชงใช้นวัตกรรมแก้ปัญหาเร่งด่วน เปิดกว้างเอกชนเสนอเทคโนโลยี

(26 พ.ย. 66) ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้รับรายงานสถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 ในเขต กทม.และปริมณฑล ซึ่งพบว่าในช่วงที่ผ่านมามีค่าเกินมาตรฐาน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อภิรัต นิยมการ รองเลขาธิการ นรม. เรียกประชุมด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลอย่างใกล้ชิด และแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง

ร.อ.รชฏกล่าวถึงการประชุมวันนี้ว่า พล.ต.ท.อภิรัต เป็นประธานการประชุม โดยมีนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ, นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย ได้หารือถึงสภาพปัญหาโดยเฉพาะพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ประชุมได้สะท้อนปัญหาว่าช่วงนี้เป็นช่วงอากาศปิด ทำให้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ประกอบกับสภาพการจรจรที่มีปริมาณการใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก สำหรับปัญหาควันจากการเผา จะขอความร่วมมือในพื้นที่ปริมณฑลไม่ให้มีการเผาในพื้นที่โล่ง และขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เสนอให้มีการใช้นวัตกรรมร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่น เช่น การติดตั้งพัดลมยักษ์ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ของกลุ่มเปราะบาง และตามสถานศึกษา เพื่อให้เป็นเซฟโซน ทำให้เกิดอากาศหมุนเวียน พร้อมกันนี้ยังได้เปิดรับฟังข้อเสนอของภาคเอกชน เชิญชวนให้มาร่วมนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถบรรเทา และแก้ปัญหาได้ และยังเป็นการระดมสมอง เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาระดับชาติต่อไป และได้นำเรียนผลการประชุมรายงาน พล.ต.อ.พัชรวาทแล้ว

“ท่านรองนายกฯ และ รมว.ทส.ห่วงใยสุขภาพของประชาชนอย่างมาก ได้เร่งรัดให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจ ไม่ให้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เร็วๆ นี้ ผมจะลงพื้นที่ติดตามจุดที่พบว่าเป็นต้นกำเนิดฝุ่น ตามที่ พล.ต.อ.พัชรวาทสั่งการ เพื่อหามาตรการแก้ไขเพิ่มเติมทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาวต่อไป” ร.อ.รชฏ กล่าว

'นายกฯ' ลั่น!! ไม่นิ่งนอนใจ หลัง PM 2.5 รุนแรงขึ้น ชี้!! กองทัพมีส่วนช่วยตลอด-ทุกภาคส่วนร่วมเร่งแก้

(13 ธ.ค. 66) ที่ศูนย์นิทรรศการ และการประชุมไบเทค บางนา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.และปริมณฑล จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ว่า “ทราบดีอยู่ และเป็นห่วงอยู่ ได้เรียกเจ้าหน้าที่มาสั่งการว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป แต่ตรงนี้มันก็เป็นทุกปี ซึ่งเราเองไม่ได้นิ่งนอนใจ น่าจะทราบว่าเราได้มีการคิกออฟไปแล้ว โดยเฉพาะการรณรงค์ไม่เผาป่า เราทราบดีว่าค่าฝุ่นมันจะต้องขึ้นมาสูง ซึ่งเราไม่ได้ยอมแพ้หรือนิ่งนอนใจ จะพยายามที่จะจัดการต่อไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการคิกออฟไปแล้วในพื้นที่ต่างจังหวัดอย่าง จ.เชียงใหม่ แต่ที่ กทม.มีความแตกต่างกัน จะมีแนวทางหรือเรียกหน่วยงานมาสั่งการเรื่องนี้อย่างไร? นายเศรษฐา กล่าวว่า “จริงๆ มันเกิดจากการเผาด้วย ภาคกลางก็มีการเผาซากของพืชผลผลิตต่างๆ เหมือนกัน ตอนนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปดูแลอยู่ด้วย”

เมื่อถามว่า นายกฯ เคยระบุว่าจะให้ทางกองทัพเข้ามาช่วยเหลือ ตอนนี้ทางกองทัพได้เข้ามาดำเนินการอย่างไรบ้าง? นายเศรษฐา กล่าวว่า “กองทัพได้เข้ามาช่วยเหลือตลอด ทางภาคเหนือตนได้คุยกับแม่ทัพภาคที่ 3 และทางผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพื่อให้ช่วยดูแลเฝ้าระวังเรื่องการเผาป่า”

เมื่อถามว่า จะต้องมีการพูดคุยกับภาคอุตสาหกรรม ภาคคมนาคมขนส่งด้วยหรือไม่? นายเศรษฐา กล่าวว่า “วันนี้ก็เป็นการให้องค์ความรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งในการสัมมนาวันนี้ก็เป็นการทำให้ทุกคนทราบว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน ทุกคน ดังนั้น ทุกคนต้องมีส่วนในการร่วมรับผิดชอบที่จะทำให้มันน้อยลงไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือประสานเพื่อให้มีการลดการเผาหรือไม่? นายกฯ กล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ทั้งเมียนมาและสปป.ลาวก็เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งเราก็พูดมาทุกปี ซ้ำแล้วซ้ำอีก เจอแล้วเจออีก แต่ทาง สปป.ลาวเราคุยกันดีมาตลอดเวลา ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวเฉพาะ สปป.ลาวอย่างเดียว ยังมีภาคเอกชนไปจ้างให้มีการปลูกพืชผลที่นั่นด้วยเช่นกัน จึงมีการพูดว่าถ้าอย่างนั้นถ้าจะนำพืชผลเข้ามาขายในประเทศไทย ถ้ามีการเผาที่เป็นซากหรืออยู่ที่ สปป.ลาวก็ต้องเสียภาษี เพราะฉะนั้นจะต้องมีการบริหารจัดการตรงนี้ให้ได้ และต้องพูดคุย ถือเป็นเรื่องที่รุนแรงพอสมควร ส่วนที่เมียนมาก็ต้องให้ฝ่ายทหารเข้าไปพูดคุยด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเขาเผาป่าแต่สร้างปัญหาในบ้านเรา แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามพูดคุยตลอดเวลา”

เมื่อถามถึงมาตรการภาษีที่จะเก็บจากผู้ประกอบการ? นายกฯ กล่าวว่า “สมมติว่ามีการไปปลูกข้าวโพดที่ สปป.ลาว  และมีการนำกลับเข้ามา แล้วถ้าเราพิสูจน์ได้ว่ามีการเผาก็จะมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มกับผู้ประกอบการ และนำเงินดังกล่าวมาช่วยในการหยุดไฟป่าหรือการบำบัดซากพืชผลการเกษตรไปพัฒนาทำอย่างอื่นได้ เช่น เรื่องของการขนส่ง และเชื่อว่าทุกคนจะขานรับในการข้อเสนอดังกล่าว เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ ทั้งเจ้าของกิจการ ลูกหลาน ต่างได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น เชื่อว่าทุกคนพยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้กันอยู่”

‘ชัชชาติ’ ชี้ ‘ร้านอาหารปิ้งย่าง’ ทำค่าฝุ่นหนาแน่นเฉพาะจุด เร่งหามาตรการควบคุม

(13 ธ.ค. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงมาตรการควบคุมและแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้มีแค่ในกรุงเทพฯ แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดก็เกิดปัญหาเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละพื้นที่ ดังนั้นปัญหาจึงไม่ได้เกิดจากรถยนต์เท่านั้น กทม.จึงพยายามทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานอื่น ๆ อาทิ เตรียมร่วมกับกระทรวงพลังงาน ทำโครงการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองรถยนต์ โดยให้ส่วนลดเป็นแรงจูงใจสำหรับรถยนต์เก่าที่มีอายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไป เพราะควันรถเป็นส่วนหนึ่งที่ปล่อย PM 2.5 เนื่องจากเผาไหม้ไม่หมด ซึ่งรถประเภทนี้มีกว่า 1 ล้านคันที่วิ่งอยู่ในกรุงเทพฯ

“เราไม่สามารถไปบังคับให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้ จึงร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องทำโครงการนี้ขึ้น และหาความร่วมมือจากเอกชนเข้ามาช่วยสนับสนุน จุดหมายคือให้ PM 2.5 ลดลง” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวเพิ่มว่า รวมถึงองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) ได้ประสานให้กรมการขนส่งทางบก เข้าไปตรวจควันดำของรถ ขสมก.ถึงอู่รถเมล์ ทั้งนี้การตรวจวัดค่าควันดำ ถึงแม้จะไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ปล่อยฝุ่น PM 2.5 

นอกจากนี้การเกิดฝุ่น PM 2.5 ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น การเผาชีวมวล การควบคุมรถที่เข้าไซต์ก่อสร้าง ปัจจุบันนี้หากตรวจเจอรถควันดำในไซต์ก่อสร้างใดก็จะสั่งปิดไซต์งาน 3 วัน การตรวจสอบโรงงาน ซึ่งยังคงต้องทำอย่างเข้มข้นถึงแม้ในกรุงเทพฯ จะมีโรงงานไม่มากก็ตาม รวมทั้งฝุ่นที่ค้างอยู่ในอากาศซึ่งมาจากรถยนต์ที่ปล่อยออกมา ทำให้ในบางวันที่เป็นวันหยุดหรือไม่มีการจราจรที่คับคั่ง ก็ทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้นได้

“อีกเรื่องที่ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องใหญ่คือ ร้านจำหน่ายอาหารประเภทปิ้งย่าง อาจไม่ได้มีผลในภาพรวม แต่มีผลเฉพาะพื้นที่ทำให้มีค่าฝุ่น PM 2.5 หนาแน่นขึ้น หลังจากนี้ก็ต้องไปดูว่าต้องมีที่ดักควันหรือไม่ ไม่ได้ห้ามปิ้งย่างแต่ต้องมีตัวดูด หรือเก็บควันก่อนปล่อยออกมาไม่ใช่ปล่อยอิสระ เพราะหากช่วงที่อากาศปิดก็จะทำให้ค่า PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น” นายชัชชาติกล่าว

‘วิชัย ทองแตง’ เดินหน้าขจัดฝุ่นพิษ เล็งสร้างโรงงานชีวมวลอัดเม็ดทั่วภาคเหนือ  หวังสกัดการเผา - เปลี่ยนเศษซากการเกษตรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.66) จากเฟซบุ๊ก ’Akom Suwanganta‘ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

‘วิชัย ทองแตง’ Godfather of Startup - SMEs และบทบาทแก้ปัญหา PM 2.5 ด้วยโมเดลหยุดเผาเรารับซื้อ ลุยสร้างโรงงานชีวมวลอัดเม็ด 3,500 ล้านบาททั่วภาคเหนือ 

“ผมต้องมาเชียงใหม่บ่อยขึ้น เพราะวางภารกิจสำคัญในสิ่งที่ตัวเองทำได้ คือการเป็นส่วนหนึ่งในกลไกแก้ไขปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือ เพราะเป็นกับดักสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่เนิ่นนาน และเป็นอุปสรรคสำคัญของสุขภาพ และการเติบโตของเมืองสู่ Wellness” เป็นการเปิดบทสนทนาของชายวัย 77 ที่มีพลังและความมุ่งมั่นด้วยแก่นแกนความคิดว่า การทำงานมี 2 เรื่อง คือเรื่องที่ตัวเองทำได้ I can do และสิ่งที่ทำไม่ได้ I cant do เรื่องไหนที่ทำได้ก็ต้องทำเลย 

พร้อมยกตัวอย่างการทำงานเชิงปฏิบัติการในพื้นที่ภาคเหนือ 2 เรื่อง ที่ได้ทำไปแล้วคือ โครงการหยุดเผาเรารับซื้อ ด้วยการรับซื้อซังข้าวโพดจากเกษตรกร สกัดการเผาทำลายซังข้าวโพด สาเหตุสำคัญที่เกิด PM 2.5 เน้นที่การบริหารจัดการเศษวัสดุการเกษตร นำมาแปรเป็นชีวมวลอัดแท่งหรือปุ๋ยอินทรีย์ รวมถึงสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการป้องกันไฟป่า ปรับระบบการทำการเกษตรอย่างครบวงจรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนำมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดแท่งส่งไปสู่ระบบคาร์บอนเครดิต 

โดยนำร่องลงทุน 350 ล้านบาท สร้างโรงงานบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด ด้วยมาตรฐานระดับโลก พร้อมจะรับซื้อซังข้าวโพดตันละ 800-1,000 บาท มาอัดเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดสีดำ หรือ Black Pellet ที่ตลาดในญี่ปุ่น และในประเทศมีความต้องการสูง และมีแผนที่จะสร้างอีก 10 โรงงานชีวมวลที่ เชียงราย แพร่ อุทัยธานี กระจายตัวทั่วภาคเหนือ

เรื่องที่สอง คือ ได้เล่าถึงคุณปุ่น (Naruemon Taksaudom) ในการสนับสนุนกาแฟฮิลล์คอฟให้เข้าสู่กระบวนการ #NeutralCarbon #Coffee ผลิตภัณฑ์กาแฟคาร์บอนต่ำแห่งแรกในประเทศไทย เกิดได้ในระบบ T-ver โดยทีม Green Standard payoff

คุณวิชัยเล่าแลกเปลี่ยนในวงกาแฟว่าแรงบันดาลใจหลังจากนี้คือจะเน้น 3 เรื่องคือ การศึกษาจะเดินสายบรรยายฟรีทั่วประเทศด้วยทุนของตนเอง สองการเกษตรจะเดินสายบรรยายองค์กรการเกษตร และโชห่วย การเตรียมออกแบบ Platform เพื่อช่วย SME คนตัวเลขในการคงวิถีค้าปลีกไทยที่นับวันจะลดลงตามอัตราเร่งของร้านสะดวกซื้อ

ส่วนงานด้านการลงทุน จะเน้นเรื่อง Digital Tranformation ที่ได้ทำบทบาทเป็นพ่อทูนหัวของ Start up-SME ในทำนอง Angle Fund ร่วมทุน ไม่ใช่เป็น VC แต่จะลงลึกไปในด้านการเสริมประสบการณ์ไปพร้อมกัน มีแผนที่จะผลักดันบริษัทสตาร์ตอัปเข้าตลาดหุ้นได้ ประมาณ 2 บริษัท โดยจะไม่ถือหุ้นใหญ่เกิน 50% อาจจะถือหุ้นแค่ 20-30% และไม่เข้าไปบริหาร แต่ต้องยึดหลักการ 3 ด้านคือ จะไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อโกงหรือหลอกลวงผู้อื่น สองเราจะเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดี และเราจะแบ่งปันความรู้ และโอกาสแก่ผู้ที่ด้อยกว่า

สูตรการเลือกสตาร์ตอัป คือ ขอให้มี 2G ก่อน G แรกคือ Growth ต้องมีการเติบโต รายได้มากน้อยไม่ว่ากัน และ G ที่สอง คือ Gain ต้องมีกำไร เพราะนั่นแปลว่าเข้าใจวิธีการบริหารและต้นทุนธุรกิจดีถ้ามี 2G แล้ว ผมก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก จากนั้นก็จะหาช่องทางระดมทุน หรือแนะนำกลุ่มเวนเจอร์แคปปิตอล (VC) พร้อมทั้งช่วยวางแผนทางการเงินให้

พร้อมยกตัวอย่างสตาร์ตอัปที่ได้ไปร่วมสนับสนุนทุน Platform หลายตัว ที่ต้องตั้งเป้าให้เกิด Unicorn ของไทยเพิ่มอีก 1 ตัว ยกตัวอย่างมีหลาย Start up ที่ทยอยมา Pitch การเกษตร Smart Farmer เช่น Farmbook เป็น ‘กระดานเทรดข้าว’, Invitrace, รวมถึงด้าน Smart City ที่จะลงทุนที่นิมมานเหมินท์แห่งแรกที่จะตอบโจทย์แก้ไขปัญหาหลายด้านผ่านดิจิทัล Platform ด้วยการร่วมมือกับ NT นอกจากนั้นก็จะมีธุรกิจที่ใช้ AI ก็มีสตาร์ตอัปที่บริหารโหลดสำหรับการชาร์จไฟฟ้าของรถอีวี เพราะรถอีวีเวลาชาร์จไฟครั้งหนึ่งเท่ากับติดแอร์พร้อมกัน 10 ตัว ทำให้โหลดกระชากมาก

‘วิชัย ทองแตง’ ได้ประกาศ New Chapter ตอนอายุ 70 คือ สร้างคนเป็นหลัก ไม่เน้นสร้างเวลท์ (ความมั่งคั่ง) โดยเคลื่อนตัวผ่าน ‘วิชัยกรุ๊ป’ และในฐานะที่ปรึกษาโรงพยาบาลพญาไท ยืนยืนว่าไม่ได้ทิ้งธุรกิจด้านสุขภาพ (healthcare) เพราะเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงสูงมากประเภทธุรกิจที่ให้ความสำคัญ อีกทั้งยังกล่าวว่า จะเป็น ’เมกะเทรนด์‘

นอกจากเรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชนแล้ว ก็ยังมีธุรกิจคาร์บอนเครดิต ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวแถลงข่าวใหญ่ในเร็ว ๆ นี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยบริษัทนี้จะมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบการเคลมคาร์บอนเครดิตได้สูงขึ้น และมีตลาดรองรับ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้เป็นอย่างดี 

‘ดร.เอ้’ ยกฝุ่นพิษ ‘เป็นวิกฤติชาติ' ฆ่าคนได้หากไม่รีบแก้ ยกเมืองใหญ่ของโลก ก็เคยเจอมาก่อน ยังสามารถแก้ได้

‘ดร.เอ้’ ยกฝุ่นพิษเป็นวิกฤติชาติ ฆ่าทุกคนได้ หากไม่รีบแก้ไข เตรียมลงพื้นที่ กทม.หลังพบค่าฝุ่นพิษเกินกว่าจุดอันตรายเพียบ

(12 ม.ค. 67) ‘ดร.เอ้’ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า “ฝุ่นพิษเป็นวิกฤตชาติ เราทุกคนต้องช่วยกัน แก้ปัญหาที่ต้นตอ อย่าปล่อยไว้ จนยากที่จะเยียวยา ปล่อยฝุ่นว่าเลวร้าย ปล่อยไว้ยิ่งโหดกว่า ตั้งคำถามทำไมกรุงเทพ จะเป็นเมืองที่อากาศสะอาดไม่ได้”

‘ดร.เอ้’ กล่าวอีกว่า “ฝุ่น PM2.5 ไม่ได้เป็นปรากฏการณ์ที่มาเฉพาะฤดูหนาว บางคนยังเข้าใจผิด แต่มันอยู่กับเราทุกวัน โดยส่วนตัวเคยไปวัดฝุ่นที่ป้ายรถเมล์ หน้าโรงเรียน หน้าโรงพยาบาล รวมถึงพื้นที่ที่มีรถสัญจรไปมา ปรากฏว่ามีค่ามลพิษเกินกว่ามาตรฐาน เกินกว่าจุดอันตรายทั้งสิ้นเลย แต่เรากลับไม่ทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่มันน่ากลัว สามารถฆ่าเรา ฆ่าพ่อแม่เรา ฆ่าลูกหลานเรา เพราะว่า PM2.5 มันคืออนุภาคขนาดเล็กมาก เล็กกว่า 2.5 ไมครอน ยิ่งเล็กมากเท่าไหร่ยิ่งน่ากลัว อันตรายถึงตายมากเท่านั้น เพราะเมื่อเราสูดเข้าไปแล้วมันสามารถเข้าไปถึงปอด ถึงเส้นเลือดในสมองเลย และมันไม่ได้เป็นเชื้อโรค เราฆ่ามันไม่ตาย เข้าไปแล้วเข้าไปเลย และยิ่งเข้าไปมากๆ ทุกวันๆ ตั้งแต่เด็ก มันก็สะสมๆ ทำให้เกิดโรคร้าย มะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคความดันและอีกหลายโรคร้ายตามมา”

‘ดร.เอ้’ กล่าวว่า “สถิติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ปี 2565 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศมากถึง 6 ล้านคน และมีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง และในประเทศไทยพบมีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศมากกว่า 70,000 คนแล้ว และถ้าเราปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป โรคมะเร็งปอดจะเป็นโรคที่อันตรายมากที่สุด โดยปัจจุบันมีคนเสียชีวิตจากโรคนี้มากกว่าผู้ประสบอุบัติเหตุเสียอีก เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องวิกฤตของชาติที่ต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด”

สำหรับปัญหา PM2.5 ในกรุงเทพมหานครนั้น ‘ดร.เอ้’ กล่าวว่า “80-90% มาจากรถ โดยเฉพาะรถขนาดใหญ่ที่ใช้ในการขนส่ง รวมถึงเครื่องจักรในการก่อสร้างถือเป็นอันดับ 1. ส่วนอันดับ 2.มาจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันนี้ตั้งอยู่ทุกทิศทาง ล้อมกรุงเทพไว้หมดแล้ว รวมถึงการไหม้กลางแจ้ง พวกเผาหญ้า พื้นที่การเกษตร”

อย่างไรก็ตามปัญหามลพิษทางอากาศสามารถแก้ได้ ขอแค่มีความมุ่งมั่น และเอาจริงเอาจัง ยกตัวอย่างประเทศอื่น เมืองอื่นที่มีมลพิษทางอากาศเลวร้ายที่สุดในโลกก็สามารถแก้ได้แบบเบ็ดเสร็จมาแล้ว เช่น ปักกิ่ง ลอนดอน ลอสแอนเจลิส และกรุงโซล ทุกเมืองล้วนเคยมีมลพิษทางอากาศเลวร้ายกว่ากรุงเทพยังสามารถแก้ปัญหาได้หมด เพราะเขามีความมุ่งมั่น และเอาจริงเอาจังกับปัญหาที่ก่อให้เกิดมลพิษไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่ปล่อยมลพิษทางอากาศ เขายุติหรือย้ายออกทันที เช่นเดียวกันกับรถยนต์ รถสิบล้อที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์นั้นเขาให้เลิกใช้เลยและริเริ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มีการจำกัดเขตปลอดมลพิษ การนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหา รวมไปถึงมีกฎหมายอย่างเข้มงวด เป็นต้น 

"ผมพูดเรื่องนี้มาตลอด เพราะเป็นห่วงคุณภาพชีวิตคนไทย พร้อมเสนอแนวทางแก้ไข ดีใจที่วันนี้ ร่าง พรบ.อากาศสะอาด เข้าสภาฯ หลายร่าง จึงหวังว่าปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังเสียที ทำไมกรุงเทพ จะเป็นเมืองที่อากาศสะอาดไม่ได้ครับ เราทำได้ แบบอย่างจากทุกเมืองที่เคยมีมลพิษทางอากาศเลวร้าย เป็นคำตอบ เขาแก้ไขได้หมด กรุงเทพฝุ่นเกินมาตรฐานหลายพื้นที่ เราจะปล่อยไว้แบบนี้กันจริงหรือครับ” ดร.เอ้ กล่าว

ทั้งนี้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘เอ้ สุชัชวีร์’ ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นสนับสนุนในการรีบแก้ปัญหาฝุ่นพิษเป็นจำนวนมาก โดยดร.เอ้ เตรียมลงสำรวจพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร หลังพบว่ามีค่าฝุ่นพิษเกินกว่าจุดอันตรายหลายจุด

‘NASA’ ชี้!! พบจุดความร้อนจากการเผาป่าใน 'กัมพูชา' จำนวนมาก อาจเป็นเหตุที่ทำให้ฝุ่น PM 2.5 ในกทม.และภาคกลางพุ่งสูงขึ้น

(30 ม.ค. 67) จากกรณี 13 จังหวัดภาคกลาง มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานอยู่ในระดับสีแดงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปทุมธานี ราชบุรี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม เพชรบุรี นครปฐม สระบุรี สุพรรณบุรี และฉะเชิงเทรา

ขณะที่ กรุงเทพฯ พบค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานทุกเขต โดย 49 เขต มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบจากเว็บไซต์ของ NASA Firms ที่อัปเดตจุด hotspot ที่เผยจุดความร้อน จากการเผาป่า ไฟป่า ต้นเหตุควัน และฝุ่น PM2.5 พบว่ามีหลายจุดในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ที่พบจุดความร้อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ และพื้นที่ภาคกลางพุ่งสูงขึ้น

ขณะที่จุดความร้อน (Hot Spot) คือ จุดที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลก ซึ่งส่วนมากก็คือความร้อนจากไฟ แสดงในรูปแบบแผนที่เพื่อนำเสนอตำแหน่งที่เกิดไฟในแต่ละพื้นที่แบบคร่าวๆ การได้มาซึ่งข้อมูลจุดความร้อนอาศัยหลักการที่ว่า ดาวเทียมสามารถตรวจวัดคลื่นรังสีอินฟราเรดหรือรังสีความร้อนที่เกิดจากไฟ (อุณหภูมิสูงกว่า 800 องศาเซลเซียส) บนพื้นผิวโลก จากนั้นประมวลผลแสดงในรูปแบบจุด

'พงศ์พรหม' เผย!! 'กทม.-กลาง-เหนือ' เสี่ยงสะสมมะเร็ง เหตุฝุ่นพิษไม่แผ่ว ชี้!! ภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรลงไป อยู่ได้

(30 ม.ค.67) นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' ระบุว่า...

โพสต์นี้สำหรับคนเริ่มอยากย้ายบ้านหนีฝุ่นมะเร็งชั่วคราว

หลายปีก่อน วิกฤติฝุ่นมะเร็งหนักๆ จะอยู่ที่ภาคเหนือตอนบนเป็นหลัก

จน 4-5 ปีที่ผ่านมา

เกษตรเชิงเดี่ยวขยายตัวในภาคกลางสูงมาก (ผลประโยชน์ปุ๋ยนักการเมือง + ข้าราชการนั่นแหละ)

ผสมการเผาในเขมรและลาว

ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้

ภาคเหนือและภาคกลาง จะเป็นที่ๆ อยู่ไม่ได้แล้วครับ

หรือฝืนอยู่ก็เป็นมะเร็งตายกันหมด

กรุงเทพฯ นครปฐม สระบุรี เขาใหญ่ นครราชสีมา สระแก้ว ขอนแก่น นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ เชียงราย ไม่รอดซักจังหวัด

คำถามคือภาคไหนที่น่าอยู่ที่สุด?

คำตอบคือภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรลงไปครับ

ภาคใต้เป็นภาคที่ไม่ทำเกษตรแบบหมุน crop ไว ทำให้มีการเผาน้อยมากเทียบกับภาคอื่น

ส่วนภูมิศาสตร์เองก็ดี มีลมทะเล 2 ฝั่งพัดเอามลภาวะทิ้งแทบตลอดปี

อากาศจึงดีตลอด

แถมมีอาหารทะเลเยอะ

การหนีกรุงเทพฯ ไปอยู่ภาคใต้สม่ำเสมอ จะทำให้สุขภาพดีกว่าหนีไปเขาใหญ่ เชียงใหม่ครับ

‘เศรษฐา’ ฟิต!! เตรียมยกหูถึง ‘นายกฯ กัมพูชา’ ลุยหารือแก้ฝุ่น PM 2.5 หลังพัดเข้าไทย

(2 ก.พ. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติแล้ว หลังจากได้ลาป่วยตามคำแนะนำของแพทย์ จากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เป็นเวลา 2 วัน โดยระหว่างเลี้ยวรถเข้าทำเนียบรัฐบาล หน้าบริเวณประตู 1 นายกรัฐมนตรี ได้ให้ขบวนรถจอด พร้อมกับลงมา ทักทายสื่อมวลชน โดยก่อนลงจากรถนายกรัฐมนตรี ได้สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งพบว่ายังมี สีหน้าที่อิดโรย แววตาฉ่ำจากพิษไข้ พร้อมกล่าวทักทายสวัสดีสื่อมวลชน

ผู้สื่อข่าวถามว่าหายดีแล้วใช่หรือไม่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้พ้นระยะติดเชื้อแล้ว แต่ขอใส่แมสไว้หน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวเขาจะว่าเอา ไม่มีไข้ไม่มีอะไรแล้ว วันนี้ได้มาทำงานตามปกติ 

เมื่อถามว่ายังสามารถเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศศรีลังกา ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์นี้ ได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โอ๊ย สบายมากไม่มีปัญหาครับ วันนี้ก็มีนัดแน่นเอี้ยด โดยเวลา 09.30 น. ทางผู้บริหารธนาคารกรุงเทพจะพาธนาคารจีนมา และยังจะมีประชุมอีกทั้งวัน นอกจากนี้นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็จะมาพูดคุย และรายงานเรื่องการท่องเที่ยวที่ได้ไปประชุมมา ที่จะรวบรวม 4-5 ประเทศ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลาง

"ไม่ต้องห่วงครับสบายมากครับ เมื่อวานนี้ผมยังได้สั่งการไปหลายเรื่อง ซึ่งวันนี้เป็นห่วงเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่มาจากทางกัมพูชา โดยอีกสักครู่จะโทรศัพท์คุยกับพล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกรอบ เพราะเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะดูจากแผนภาพความร้อน heatMap ของไทยมีน้อยมาก แต่ heat Mat อยู่ที่กัมพูชา เพราะลมพัดจากตะวันออกมาตะวันตก" นายเศรษฐา กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า เดี๋ยวจะกำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย ในสัปดาห์หน้าเพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น พอดี อีกทั้งจะกำชับไปทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในเรื่องของระบบจะต้องไม่ล่มเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ล่มไปอีกรอบ แต่ก็แก้ได้เร็ว ก็ต้องไปดูว่า Back up System ระบบสำรองข้อมูล และเรื่องต่างๆ อีกมาก ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน

"ไม่ต้องห่วงครับ ไม่มีอะไรเดี๋ยวเจอกัน ซึ่งภารกิจวันนี้น่าเสียดายในตอนเย็นเดิมมีนัดเตะฟุตบอล กับท่านทูต ที่สนาม Polo Football park แต่ผมก็จะไปเฉยๆ คงไปยืนดูนิดๆ ก็พอครับ ความจริงอยากลงเตะเหมือนกัน" นายเศรษฐา กล่าว

‘ดร.เอ้’ แนะ 3 แนวทางแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ใน กทม. ชี้!! หากปล่อยไว้นาน กระทบสุขภาพ เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด

(22 ก.พ. 67) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นพิษในพื้นที่ กทม. ปัจจุบันถึงขั้นวิกฤตแล้ว ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างมาก ถือเป็นภัยต่อรุ่นลูกหลาน เพราะอัตราการเป็นโรคมะเร็งปอดและโรคที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5 จะมีอัตราการตายก้าวกระโดด

กทม. ควรแก้ปัญหามาตั้งนานแล้ว แต่กลับปล่อยให้ถึงขั้นวิกฤตแบบทุกวันนี้ ทั้งที่กทม. มีอำนาจเต็มในการแก้ปัญหา โดยใช้ข้อบัญญัติ กทม.ทางด้านความสะอาด ความปลอดภัยและความเรียบร้อย ทุกเขตมีหน้าที่และเจ้าหน้าที่พร้อม สามารถตรวจจับควันดำ ตรวจสอบไซต์งานก่อสร้างได้ ทั้งจับ ปรับ ไปจนถึงระงับการก่อสร้างได้ แต่ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไม่บังคับใช้หรือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

“ภารกิจ กทม.ถือเป็นภารกิจที่หนักหน่วง ผู้บริหารจึงต้องมีภาวะผู้นำ ในเรื่องการติดตามงาน อย่างมีประสิทธิภาพ และปัญหา กทม.จะแก้ไขสั่งการแบบลอยตัวไม่ได้ กทม. ต้องการผู้นำที่ดุดัน และเอาจริงมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นแล้วปัญหาฝุ่นพิษ หรือทุกปัญหาจะไม่สามารถแก้ไขได้เลย” นายสุชัชวีร์ กล่าว

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า ส่วน 11 มาตรการลดฝุ่นที่ กทม. ประกาศออกมาทั้ง เข้มงวดตรวจจับรถควันดำ ประสานตำรวจเข้มงวดกวดขัน ขอความร่วมมือ Work From Home รณรงค์บำรุงรักษาเครื่องยนต์ ควบคุมสถานประกอบการไม่ปล่อยมลพิษ งดกิจกรรมเกิดฝุ่น เข้มงวดห้ามเผาทุกชนิด เพิ่มความถี่ล้างถนน ฉีดล้างต้นไม้

ให้ความรู้สุขภาพอนามัย ออกหน่วยบริการสาธารณสุข หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ดำเนินการตามมาตรการ ลดฝุ่นในโรงเรียนนั้น เป็นสิ่งที่ต้องทำทุกวันอยู่แล้ว และต้องทำมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่มาประกาศ มาทำตอนนี้ ทุกวันนี้เรายังเห็นรถขนส่งควันดำวิ่งกันอยู่เลย ยังเห็นไซต์งานก่อสร้างที่ไร้ความรับผิดชอบ ไม่มีอะไรปกปิดหรือป้องกันอยู่เลย

ดังนั้น สิ่งที่ กทม.ควรต้องแก้ปัญหาในเรื่องฝุ่นพิษและทำเร่งด่วน คือ 

1.ป้าย กทม.ต้องขึ้นแสดงสภาพอากาศ รัฐรู้แค่ไหน ประชาชนต้องรู้เท่านั้น 

2.อำนาจ กทม.มีอยู่แล้วในการจัดการเรื่องฝุ่น โดยคุมเรื่องรถขนส่งและไซต์งานก่อสร้างที่ไร้ความรับผิดชอบ

3.กำหนดเขตมลพิษต่ำ Bangkok Low Emission Zone หรือ B-LEZ (บีเลส) นำร่อง 16 เขตกรุงเทพฯชั้นใน ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรอาศัยหนาแน่น ทั้งผู้อยู่อาศัย ผู้มาทำงาน และนักเรียน มีทั้งโรงเรียนและโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่นี้เป็นจำนวนมาก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top