Sunday, 5 May 2024
ประชาธิปไตย

‘ดร.หิมาลัย’ แนะวิธีผ่อนคลาย มีสติ และทำใจให้เป็นกลาง เพื่อยอมรับ กับการเมืองที่มันเปลี่ยนไป

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 66 ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เล่าถึงประเด็น การจัดการ ความเครียดที่มากับการเมืองและการเลือกตั้ง
ผ่านรายการ ‘คุยกับ ดร. หิมาลัย’ EP.4 โดยระบุว่า…

ความเครียดที่มากับการเมือง ช่วงนี้คนไทยเครียดมาก ในเรื่องของการเมือง ในทางการเมืองนั้นที่ผ่านมามันเป็นการปลุกเร้าทางการเมือง เพื่อหาคะแนนเสียง มันเป็นการทำสงครามทางการเมือง มันจะรุนแรงก้าวร้าวและยิงตรงประเด็น เพราะถ้อยคำที่อ่อนโยนอ่อนหวานนั้นมันจะโดนกลืน มันไม่จุดกระแสมันไม่กินใจ ซึ่งเราอยู่ในบรรยากาศแบบนี้มานาน ในการเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วบรรยากาศแบบนี้ก็ยังไม่หมดไป ทุกคนยังอินอยู่กับบรรยากาศที่เพิ่งผ่านมาอย่างต่อสู้โจมตีกัน มันก็เกิดความเครียด

วิธีการ ที่จะคลายความเครียดทางการเมือง ก็คืออยากจะให้ทุกคนทำใจให้เป็นกลาง ในระบบประชาธิปไตยนั้น เราต้องเคารพสิทธิ์ เคารพเสียงส่วนใหญ่แต่ในขณะเดียวกันเสียงส่วนใหญ่ก็ต้องเคารพและฟังเสียงส่วนน้อยด้วย เพราะความคิดเห็นของเสียงส่วนน้อยนั้นก็อาจจะนำมาช่วยเหลือชาติบ้านเมืองได้
.
อย่างแรก เสพข่าวให้น้อยลง ถ้ารู้สึกเครียด แน่นอนว่าข่าวการเมืองนั้นคือการมุ่งไปสู่จุดหมายเป้าหมายฉะนั้น ถ้อยคำที่ใช้ก็ย่อมจะ ปลุกเร้าอารมณ์

อย่างที่สอง ก็คือในการเสพข่าวนั้นเราต้องมีสติและมีใจที่เป็นกลาง ได้ยินสิ่งที่ไม่ชอบ มันลอยมาเข้าหูเราก็ต้องทำใจให้เป็นกลาง ก็ปล่อยให้มันเป็นไป

อย่างที่ 3 ก็คือหาสิ่งใหม่ๆทำ เอาชีวิตของเราไปให้กับสิ่งที่เราชอบให้กับครอบครัวให้กับพ่อแม่พี่น้อง แล้วก็ปล่อยเรื่องการเมืองให้มันเป็นไปตามบริบท

อย่าให้มิตรภาพเสียไปเพราะการเมือง เป็นเพื่อนกันมาเรียนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม เพราะเรื่องการเมืองแค่นี้ จะเสียมิตรภาพไปทำไม บางครั้งก็ต้องปล่อยวางกันบ้าง อย่าไปเครียดว่าเขาจะตั้งรัฐบาลกันได้ไม่ได้มันไม่ใช่หน้าที่ของเราแล้ว

ตามหลักศาสนานั้น มีคำว่าอนิจจังซึ่งก็คือการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงนั้นเราก็จะต้องยอมรับมันให้ได้ ถ้าชอบก็ยินดีถ้าไม่ชอบก็ทำใจ ก็แค่นั้นเอง ใครจะเป็น รัฐบาลก็เป็นไปเถอะอย่างน้อย เราก็เป็นคนไทยด้วยกันเราไม่ได้ไปเป็นเมืองขึ้นของใคร

เปิดประวัติ ความเป็นมา ‘อลงกรณ์ พลบุตร’ ผู้ผลักดันการปฏิรูป เข้มแข็งและกล้าหาญ บนจุดยืนประชาธิปไตยที่ชัดเจน

“อลงกรณ์”คือใคร เคยทำอะไร เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำการฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ สถาบันการเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศในยามที่พรรคตกต่ำถดถอยได้หรือไม่

เขาเป็นคนหนึ่งที่ผลักดันการ

ปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์และการปฏิรูปประเทศมาโดยตลอด คราวนี้ประกาศลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนแรก

ลองมาดูประวัติและผลงานโดยสังเขป ของนายอลงกรณ์ พลบุตร

เขามีความเป็นมาอย่างไรและทำอะไรมาบ้าง

>จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

>ได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูงจากหลายประเทศเช่นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ปอร์ตุเกส ฯลฯ

>เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นเลขาธิการสหภาพแรงงานหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยคนแรกและกรรมการสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย(ปี2524-2528)เป็น1ในแกนนำต่อสู้เพื่อเสรีภาพปลดโซ่ตรวน ปร.42

>เคยเป็นหุ้นส่วนเจ้าของและผู้บริหารบริษัทนำเข้าส่งออก บริษัทคอมพิวเตอร์ บริษัทโฆษณา-สื่อมวลชน บริษัทเหมือนแร่ กิจการร้านอาหาร

>เป็น ส.ส.สมัยแรกในปี 2535และเคยเป็นกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการงบประมาณ กรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรหลายคณะเช่นการท่องเที่ยว,การพาณิชย์,การทหารฯลฯ

>เป็นเลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและเลขานุการนายกรัฐมนตรี(ชวน หลีกภัย) ปี 2539-2544

>ได้รับฉายา”มิสเตอร์เอทานอล”

ปี 2543-2544 ในฐานะประธานโครงการเอทานอลทำให้มีน้ำมันแก๊ซโซฮอลล์จำหน่ายทั่วประเทศ

>เป็น”ดาวเด่นแห่งปีของรัฐสภา”ปี 2546จากผลงานการปราบปรามคอรัปชั่น

>ได้รับรางวัล”คนดีสังคมไทย”และรางวัล”บุคคลดีเด่นประจำปี 2548-2549”และคนดีศรีเมืองเพชร”ปี2565

>เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และทำหน้าที่รมต.เศรษฐกิจอาเซียน ปี 2551-2554

>ได้รับการโหวตให้เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานดีเด่น2ปีซ้อน ปี 2552-2553

>ได้รับการคัดเลือกจากนิตยสารอังกฤษ”Intellectual Property Magazine ให้เป็น1ใน50ผู้ทรงอิทธิพลของโลกด้านการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา

>เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเคยเป็นเลขาธิการสภาพรรคการเมืองเสรีนิยมและประชาธิปไตยแห่งเอเชีย(CALD)

>เป็นผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรรัฐสภาแห่งเอเชีย-แปซิฟิก(APPF:ASIA-Pacific Parliamentary Forum)

>เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ

>เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติและรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ปี 2558-2560

>เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ที่ประชุมการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ของสหประชาชาติ (UN-GFHS) ปี2660-2561

>สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยประกาศเกียรติคุณให้เป็น ”บุคลากรผู้ทรงคุณค่าต่อขบวนการสหกรณ์ในประเทศไทย “ปี 2563

>เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะกรรมการกว่า10คณะเช่นประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ.กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร4.0 และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC:Agritech and Innovation Center) ระหว่างปี2562-2566

>เป็นประธานมูลนิธิWorkdview Climate Foundation (2565-ปัจจุบัน)

>เป็นผู้ก่อตั้ง-ประธานและประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย

>เป็นหุ้นส่วนเจ้าของ-ผู้บริหารหลายบริษัทด้านการเกษตร รีสอร์ท และพัฒนาที่ดิน

>เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคม(Social Enterprise)ชื่อRFC(Read For Change)

> เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัยและอดีตส.ส.เพชรบุรีและส.ส.บัญชีรายชื่อ6สมัย

>เป็นอดีตประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์เพชรบุรี(สาขาพรรคดีเด่น)

> เป็นคนที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี2534เพียงพรรคเดียว ไม่เคยสังกัดกลุ่มใดในพรรคจนได้รับการเรียกขานว่า”รองฯ.อิสระ”และ ไม่เคยย้ายพรรค

>เป็นผู้บรรยายพิเศษปริญญาเอก ปริญญาโทและปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง

>เป็นผู้บรรยายพิเศษหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและเอกชนเช่น บยส. นธป.วตท. Tepcot สวปอ. นบส. วกส. วพน. วิทยาการตำรวจ สถาบันพระปกเกล้า ฯลฯหัวข้อหลัก การปฏิรูปประเทศไทย และอนาคตเศรษฐกิจดิจิตอล(The Future of Digital Economy)ฯลฯ.

>มีผลงานเขียนหนังสือ(pocketbook)4เล่มด้านต่างประเทศ วิทยาศาสตร์และการเมือง

“อลงกรณ์”กล่าวตอนหนึ่งในคำแถลงเปิดตัวลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า

“วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องการก้าวใหม่ของตัวเองและโอกาสใหม่จากประชาชนด้วยการแสดงออกถึงภาวะผู้นำที่เข้มแข็งและกล้าหาญบนจุดยืนประชาธิปไตยที่ชัดเจนเพื่อนำประเทศออกจากกับดักความขัดแย้งและวงจรอุบาทว์ด้วยหลักนิติรัฐและธรรมาภิบาลสู่เอกภาพและศักยภาพใหม่ของประเทศเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของทุกคน โลกเปลี่ยนเร็วและแข่งขันแรงทั้งการเมือง เศรษฐกิจและเทคโนโลยี ประเทศไทยต้องมีพรรคการเมืองที่ทันสมัยก้าวหน้าทันโลกทันเกมและก้าวใหม่ประชาธิปัตย์คือคำตอบ”

เขาจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่9ได้หรือไม่ วันที่ 9 กรกฎาคมนี้ คนประชาธิปัตย์จะเป็นผู้ให้คำตอบ

'โบว์-ณัฏฐา' รวบ!! 12 เหตุผลจากคน 'ไม่เอาก้าวไกล' ยี้!! ฉลาก 'ประชาธิปไตย' ที่อาจ 'พัง' คุณค่าของแผ่นดิน

(3 ก.ค.66) คุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

แน่นอนว่าเมื่อการโหวตในสภาเสร็จสิ้น เราทุกคนพึงเคารพมตินั้นและขึ้นกระดานใหม่ไปด้วยกัน แต่เมื่อยังมีเวลาที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ต่อไปนี้คือ เหตุผลส่วนหนึ่งของคนที่ไม่ต้องการได้รัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นผู้นำ 

12 เหตุผลจากคน #ไม่เอารัฐบาลก้าวไกล 

1. เราต้องการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา แต่ไม่ต้องการแนวทางแบบพรรคก้าวไกล 

2. เราไม่ได้มีค่านิยมร่วมกับพรรคก้าวไกลในหลายเรื่อง เราเห็นว่าบ้านเมืองสามารถพัฒนาสู่ความทันสมัยไปตามกาลเวลา โดยไม่ต้องทำลายคุณค่าแห่งความเป็นไทย และสิ่งดี ๆ มากมายที่เป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมของชาติเรา  

3. เราไม่เชื่อว่าแนวคิดทางเศรษฐกิจที่เอียงไปทางสังคมนิยม จะนำสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน 

4. เราไม่เชื่อว่าการส่งเสริมเสรีภาพอย่างแทบไม่มีขอบเขต จะสร้างสังคมที่ดีกว่าเดิม

5. เรากังวลกับท่าทีของพรรคต่อกลุ่มคนที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน เราตั้งข้อสงสัยกับการเคลื่อนไหวเดินสายไปตามภาคต่าง ๆ เพื่อพูดถึงประวัติศาสตร์บาดแผล ทั้งที่ชาติไทยรวมเป็นหนึ่งมานานแล้ว

6. เราไม่ต้องการสังคมที่เห็นการหมิ่นประมาทเป็นเรื่องเบา ๆ ข้อเสนอแก้กฎหมายหมิ่นประมาททั้งระบบ ทั้งหมิ่นศาล หมิ่นเจ้าพนักงาน โดยเฉพาะหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ให้เหลือเพียงโทษปรับ เป็นการสร้างค่านิยมที่เราไม่เห็นด้วย เราต้องการสังคมที่มีความเคารพให้เกียรติกัน แลกเปลี่ยนความเห็นต่างอย่างมีอารยะ และไม่ทำร้ายทำลายชีวิตกันด้วยการหมิ่นประมาท 

7. กฎหมายทุกมาตราแก้ไขปรับปรุงได้ แต่เราไม่เห็นด้วยกับการแก้ ม.112 ในแบบที่พรรคก้าวไกลเสนอ ซึ่งมีบทยกเว้นเป็นการเปิดโอกาสให้มีการกล่าวหาสถาบันฯ ได้ ลดโทษจนไม่เหลือขั้นต่ำ จำคุกสูงสุดหนึ่งปี และกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ฟ้อง เราเห็นเจตนาว่าพรรคต้องการทำอะไรต่อสถาบันหลักของชาติ และนั่นคือเจตนารมณ์ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ  

8. เราไม่ไว้ใจพฤติกรรมของพรรคก้าวไกลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่แสดงออกสนับสนุนให้ท้ายกลุ่มการเมืองที่ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างสันติ ต่อเติมความแตกแยกในสังคม

9. เราไม่เชื่อในการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยความโกรธแค้นเกลียดชังและปลุกปั่นอารมณ์ฐานเสียง โดยเฉพาะที่เป็นเยาวชนให้แสดงออกในทางที่เป็นโทษทั้งต่อตนเองและสังคม 

10. เราไม่ไว้ใจในประสบการณ์ ทัศนคติ และพฤติกรรมของหลายๆ คนที่พรรคส่งมาให้เป็นผู้แทนราษฎร

11. เราไม่เชื่อในการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างไม่จบไม่สิ้น เราไม่ซื้อการแปะฉลาก “ประชาธิปไตย” ให้ตัวเอง ทั้งที่ทุกพรรคการเมืองได้ผ่านการเลือกตั้งมาในสนามและกติกาเดียวกัน

12. เราเชื่อว่ายังมีพรรคการเมืองที่เป็นผู้นำได้ดีกว่าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่จะขับเคลื่อนทั้งงานบริหารและงานสภาได้ราบรื่นกว่า สร้างเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจให้ประเทศได้ดีกว่า เปลี่ยนแปลงสังคมให้พัฒนาไปในทางที่สร้างสรรค์กว่า

และในไม่กี่วันข้างหน้า เราต้องการการตัดสินใจ 'เลือก' ที่คำนึงถึงเหตุผลเหล่านี้ในรัฐสภา เมื่อทุกมือในสภาได้ตัดสินใจมีมติเป็นเสียงข้างมากแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เราจะเคารพมตินั้นแล้วเดินหน้าต่อไปด้วยกันค่ะ

‘คนกาก้าวไกล’ ชี้ ‘ด้อมส้ม’ ไม่ต่างจาก ‘สลิ่ม’ เพราะประชาธิปไตยแบบด้อมส้ม = ‘ห้ามเห็นต่าง’

(19 ก.ค. 66) จากกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี จากจุดยืนจะเสนอแก้ไขมาตรา 112 ภายหลังจากนั้นก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกออนไลน์ และเกิดกระแสหากใครเห็นต่าง ‘ด้อมส้ม’ หรือกองเชียร์ของพรรคก้าวไกลจะเข้ามารุมต่อว่าทันที

ล่าสุดก็มีผู้ใช้งานโซเชียลรายหนึ่งได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ อ้างว่าตัวเองเป็น 1 ใน 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล แต่มองว่าในตอนนี้ ‘ด้อมส้ม’ กำลังจะกลายเป็น ‘สลิ่ม’ เพราะประชาธิปไตยพรรคก้าวไกล เท่ากับห้ามคิดต่าง

ผู้ใช้โซเชียลรายดังกล่าวระบุในวิดีโอว่า “ผมเป็น 1 ใน 14 ล้านเสียงที่กาก้าวไกลนะ แต่คุณเชื่อไหมว่าต่อไป ประชากรสลิ่มจะเติบโตขึ้น เพราะอะไร? มาลองฟังเหตุผล”

“คนที่เห็นด้วยกับนโยบายพรรคก้าวไกล จะมีตั้งแต่เห็นด้วย 100% 90% 80% 70% ผมเรียกคนที่เห็นด้วย 100% ว่า ติ่ง ติ่งก็คือเขาจะทำอะไร จะเลี้ยวไปทางไหนก็คือถูกหมด คนอื่นห้ามเห็นต่าง ประชาธิปไตยของพรรคส้มไม่มีแบบว่า ผมเคารพความคิดคุณนะ เคารพความเห็นคุณนะที่เห็นต่างจากผม เราอยู่ร่วมกันได้ เรามีสิทธิคนละ 1 สิทธิ์ 1 เสียงนะ ไม่มีอะไรแบบนี้นะ ห้ามคิดต่าง!! ห้ามคิดไม่ตรงกับกู แบบนี้คือพวก 100%”

“ที่นี้พวกที่เห็นด้วย 90% 80% 70% ไม่เห็นด้วยในบางนโยบาย อย่างผมไม่เห็นด้วยเรื่องนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ก็จะโดนพวกเห็นด้วย 100% ว่าแล้วว่า ห้ามเห็นต่าง ต้องเห็นตรงกับเขา นี่คือประช่าธิปไตย ดังนั้นจะทำให้คนไปเป็นสลิ่มมากขึ้น และจะกัดกินแบรนด์ส้มจากภายในเรื่อย ๆ กัดกินแบบธรรมชาติ เหมือนพวกหัวคะแนนธรรมชาติที่ตอนนี้ค่อยๆ ล้มหายตายจากไปทีละคน”

ผู้ใช้โซเชียลรายนี้ยังทิ้งท้ายไว้ว่า “คุณลองไปลองดูนะ คุณลองคิดต่างและแหย่เข้าไปในด้อมส้มนี้ดู ลองทำแล้วดูว่าเป็นจริงไหม”

‘ก้อย-นัตตี้-ดรีม’ แต่งชุดดำร่วมชุมนุม หลัง ‘พิธา’ ชวดตำแหน่งนายกฯ

 

เมื่อวานนี้ (19 ก.ค. 66) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นักแสดง-ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ‘ก้อย อรัชพร โภคินภากร’ ‘นัตตี้-นันทนัท ฐกัดกุล’ และ ‘ดรีม-อภิชญา พานิชตระกูล’ เดินทางมาร่วมกิจกรรมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วยเครือข่าย Respect My Vote ที่ประกาศนัดหมายแต่งกายด้วยชุดสีดำ

ภายใต้หัวข้อ ‘ร่วมฌาปนกิจ ส.ว. และศาลรัฐธรรมนูญผู้ไม่เคารพเจตจำนงของประชาชนร่วมกัน’ พร้อมนัดมวลชนเตรียมกระดาษ และดอกไม้จันทน์

โดยก้อย นัตตี้ ดรีม เปิดเผยสั้น ๆ ว่า วันนี้ เดินทางมาตามเวลานัดของแกนนำ เพราะอยากจะมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของตัวเอง ส่วนรายละเอียด เตรียมตัวพูดแบบเต็ม ๆ ในช่องทางของตัวเอง

ขณะที่ไอจีของ ก้อย แชร์สตอรี่ไอจี เป็นรูปภาพของการเชิญชวนมาชุมนุมของ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมด้วย และยังได้โพสต์รูปภาพ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีป้ายสีขาวแขวนอยู่ โดยมีข้อความว่า “นายกพิธา ฉันทมติประชาชน” พร้อมกับแคปชันว่า “Choose hope though you’re so fuckin angry “

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ในการชุมนุม ก็มีการแจกใบปลิวการชุมนุมครั้งถัดไป ของกลุ่มสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ที่นัดเดินขบวนรอบจัตุรัสปทุมวัน ต่อเนื่องสยามสแควร์ มาบุญครอง พารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อปักหมุดหยุดเผด็จการ หนุนรัฐบาลเสียงประชาชน ในวันอาทิตย์ที่ 23 ก.ค.นี้ โดยยังไม่ประกาศเวลาที่ชัดเจน
.

‘ชาวเน็ต’ แฉ!! ติ่งส้มไล่ด่าคนเห็นต่าง-ใช้คำพูดหยาบคาย ซัด!! เรียกร้องสิทธิของตัวเอง แต่ไม่เคารพสิทธิคนอื่น

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘benzsan1996’ หรือ ‘คุณเบนซ์’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอตอบกลับความคิดเห็นที่มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ไว้ว่า “ทีแรกก็ติ่งส้มแต่เราเห็นต่างเรื่อง ม.112 เราโดนรุมด่าหนักมาก อยู่ดี ๆ ก็ได้เป็นสลิ่มเฉยเลย”

เจ้าของช่องติ๊กต็อกได้ตอบกลับคอมเมนต์นี้ โดยกล่าวว่า…

“ใช่ค่ะ โดนแบบนี้กันเยอะมาก ซึ่งเบนซ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนแรกเบนซ์ก็เห็นดีด้วยนะ กับการออกมาประท้วงเรื่องการไล่ลุงตู่ เพราะตอนแรกเบนซ์ไม่ชอบลุงตู่ เพราะเราไม่เห็นผลงานเขาไง เลยคิดว่าจะอยู่ต่อไปทําไมก็ไม่รู้ แต่พอไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่านอกจากไล่ลุงตู่อย่างเดียว ก็เริ่มมาจาบจ้วงสถาบันฯ วิจารณ์กันรุนแรงมาก จะมาอ้างว่าไม่เคยจาบจ้วง ไม่เคยเอาพระมหากษัตริย์มาโหนไม่ได้นะคะ เพราะพวกคุณทําจริงๆ แต่พวกคุณไม่ยอมรับความเป็นจริงว่าพวกคุณทําจริง ๆ”

“จะบอกไว้ให้นะคะ ว่าคนที่เป็นแบบเบนซ์ ที่เขาเคยเห็นด้วยกับกลุ่มผู้ชุมนุม พอเขาคิดต่างเรื่อง ม.112 เขากลับโดนด่าแบบสาดเสียเทเสีย ซึ่งมีเยอะมากค่ะ ถ้าคุณจะไล่ลุงตู่ แล้วคุณไม่ไปต้องแตะต้องเรื่องพระมหากษัตริย์ คุณอาจจะทําให้ลุงตู่ออกจากเก้าอี้ไปตั้งนานแล้วก็ได้ และการที่หลาย ๆ คนเขาถอยออกมาจากม็อบกันเยอะ ๆ เพราะพวกคุณทั้งนั้นเลย เมื่อมีคนเห็นต่าง คุณก็ว่าเขาโง่ มีคนคิดเห็นไม่เหมือนกับคุณ คุณก็ว่าเขาเป็นสลิ่ม คุณเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยของคุณเป็นวิธีแบบ ‘เผด็จการ’ และคุณใช้คําพูดหยาบคายมาก ๆ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำแบบนั้นทําไม? เวลาคุณจะพูดหรือจะโต้แย้งกับใคร คุณคิดได้แค่คําหยาบคายหรือ? ใช้คําพูดที่มีเหตุผลไม่ได้หรือ เอาเหตุผลมาคุยกันไม่ได้หรือ?”

“เบนซ์เคยอยู่ในจุดที่เห็นด้วยนะคะ และสงสารคนที่โดนตํารวจฉีดน้ำใส่หรือถูกจับกุม เบนซ์เคยอยู่ ณ จุดนั้น แต่พอเราเห็นเขาแตะต้อง ม.112 เขาแตะต้องพระมหากษัตริย์ เรารู้สึกไม่โอเคเลย แล้วเมื่อเราไปพูดคุยเรื่องนี้ด้วยเหตุผล ก็โดนแย้งกลับมาว่า แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์มีไว้เพื่ออะไร สําคัญอะไร? คือคุณไม่มีเหตุผลแล้วอะ ความคิดของคุณมันไม่โอเคแล้ว และเมื่อเราเห็นว่าความคิดของเราไม่เหมือนกันแล้ว เราเลยถอย พอเราถอยเราก็ถูกคุณด่าเสียๆ หายๆ อีก เพราะฉะนั้น คุณควรจะคิดดีๆ ว่าสิ่งที่คุณต้องการคืออะไรกันแน่ พอเราออกมาบอกว่า เราเคยอยู่ในจุดที่เคยเป็นติ่งส้มนะ พวกคุณก็มาก้าวก่ายความคิดของเรา มากล่าวหาว่า การที่เรามีความคิดแบบนี้ เราไม่เคยมาเป็นติ่งส้มจริง ๆ หรอก หาว่าเราอยู่ฝั่งลุงตู่”

“นี่คือตัวตนของฉัน ความคิดของฉัน มันไม่ใช่ตัวของคุณ แค่นี้คุณยังไม่เคารพสิทธิคนอื่นเลย ต้องการเรียกสิทธิของตัวเอง แต่ไม่เคารพสิทธิคนอื่น นี่หรือคือ ‘ประชาธิปไตย’ คิดดีๆ นะจ๊ะ”

เลือกกัปตันคุมเครื่องบินที่ไร้ประสบการณ์ แลกที่นั่งชั้นธุรกิจตามสัญญาเมื่อได้รับโหวต

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ TikTok บัญชี @vanich2023 ได้แชร์คลิปวิดีโอของชาวต่างชาติท่านหนึ่ง ที่ออกมาพูดในหัวข้อ ‘ประชาธิปไตย’ โดยในคลิประบุไว้ว่า…

ตอนเป็นเด็ก ผมถูกสอนมาว่า ‘ประชาธิปไตย’ ดีที่สุด เมื่อโหวตให้คน 1 คน ในการลงคะแนนเสียงตอนเลือกตั้ง คุณจะได้ ‘รัฐบาลที่ดี’ แต่ตอนนี้ผมโตขึ้น เลยรู้ว่าผมคิดผิด คนมีสิทธิ์ทั่ว ๆ ไป ไม่รู้วิธีการโหวต เลยทำให้ประชาธิปไตยไม่ได้ผล ดังตัวอย่างนี้...

สมมติคุณกำลังขึ้นเครื่องบิน ก่อนจะบิน คุณและผู้โดยสารต้องลงคะแนนเลือกกัปตัน ซึ่งมีผู้สมัครอยู่ 2 คน โดยคนแรกพูดว่า “ถ้าคุณให้ผมขับเครื่องบิน ผมจะทำตามกฎการบินสากล และบินที่ความสูง 30,000 ฟุต” ส่วนคนที่ 2 พูดว่า “ถ้าคุณให้ผมขับเครื่องบิน คุณจะได้นั่งชั้นธุรกิจ” 

ในโลกทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่มักโหวตตามความรู้สึก ไม่ค่อยมีข้อมูล ตามธรรมชาติเขาจะโหวตคนที่สัญญาว่าจะให้เขา ‘นั่งชั้นธุรกิจ’ 

ประชาธิปไตยจะเลือกคนแย่ ๆ ที่ไม่เคยขับเครื่องบิน ก่อนที่คุณจะรู้ตัว เครื่องบินก็ตกซะแล้ว 

ผมเชื่อว่า ‘การบริหารรัฐบาล’ ก็เหมือนการ ‘ขับเครื่องบิน’ ซึ่งมันยาก และต้องใช้ประสบการณ์หลาย ๆ ปี 

ภาษี, อาวุธนิวเคลียร์, ภูมิศาสตร์การเมือง, สุขภาพ, และชายแดน ปัญหาเหล่านี้ต้องการ ‘มืออาชีพ’ จำเป็นต้องใช้เวลากว่า 10 ปี ในการบินเครื่องบินนี้ แต่รัฐบาลของเราที่ใคร ๆ ก็สามารถโหวตได้ และใคร ๆ ก็เป็นได้นั้น เป็นประชาธิปไตยที่เปลี่ยนรัฐบาลทุก ๆ 4 ปี หากแต่ปัญหาเหล่านี้ต้องใช้เวลาแก้ไข 20 ปี 

ฉะนั้น แม้ประชาธิปไตยจะเป็นแนวคิดที่ดี แต่มันเป็นแนวคิดที่ดีที่สุดจริงเหรอ? 

ลองดู ‘จีน’ และ ‘อินเดีย’ เป็นตัวอย่าง อย่างจีนมีรัฐบาลกลาง ที่ทำให้คนกว่า 300 ล้านคนพ้นจากความยากจน แต่อินเดียมีประชาธิปไตย ที่มีคนยากจนกว่า 300 ล้านคน 

ผมไม่ชอบจีน แต่ทำไมพวกเขาถึงประสบความสำเร็จ? อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด เผด็จการไม่ใช่คำตอบ ไม่มีทางเป็นได้ แต่เป็นประชาธิปไตยทางเลือกที่คุ้มกับการลอง ภายใต้การปกครองประเทศโดยใช้ผู้ชำนาญวิชาการด้านต่าง ๆ กลายเป็นระบอบของคนที่มีความรู้

อย่าปล่อยให้ปัญหานี้เรื้อรังในโลกประชาธิปไตย ที่บรรดานักการเมืองใช้ข่าวปลอม การโกหก ความกลัว รวมถึงใช้เงินเพื่อสร้างความสนใจ ระบบประชาธิปไตย ทำให้คนลงคะแนนเชื่อเป็นล้าน ๆ คน 

เราโหวตให้คนที่สัญญาว่าจะให้เรานั่งชั้นธุรกิจ แต่ไม่รู้วิธีขับเครื่องบิน ถึงเวลามาซ่อมประชาธิปไตยกันเถอะ ก่อนที่เครื่องบินจะพาเราตก 

‘ส.ส.เดโมแครต’ จี้!! หน่วยงานไทยเคารพเสียงของประชาชน หยุดปฏิเสธประชาธิปไตย หวั่น ยุบ ‘ก้าวไกล’ กระทบเสถียรภาพ

‘ส.ส.เดโมแครต’ จี้ หน่วยงานไทยเคารพผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ออกโรงเตือนความพยายามยุบพรรคก้าวไกล พรรคอื่น ๆ จะเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพไทย ขณะนักวิเคราะห์ออสเตรเลีย ชี้ ‘กลุ่มอนุรักษ์นิยม’ กำลังทำลายผลการเลือกตั้ง ส่งผลให้การต่อสู้ลงสู่ถนน ขณะรอง ‘ผอ.ฮิวแมนไรท์ วอช’ เตือน ‘ศาล-รธน.-กกต.’ ควรหยุดใช้กฎหมายเป็นอาวุธ ปฏิเสธประชาธิปไตยไทย

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 66 รายงานข่าวความเคลื่อนไหวต่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์การเลือกตั้งในประเทศไทย หลังจากที่ที่ประชุมรัฐสภาได้เห็นชอบกรณีที่มีสมาชิกรัฐสภาเสนอคัดค้านว่า การเสนอโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลให้นายกรัฐมนตรีดังกล่าวขัดกับ ข้อที่ 41 ของข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 เพราะว่าเป็นญัตติซ้ำ ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากต้องดำเนินการวินิจฉัยในกรณีที่นายพิธาถือครองหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น

โดยล่าสุดทางด้านคณะกรรมการกิจการต่างประเทศ พรรคเดโมแครตของสหรัฐอเมริกา มีการนำเสนอถ้อยแถลงของนายเกร็กกอรี่ มีกส์ ส.ส.พรรคเดโมแครต จากรัฐนิวยอร์ก ระบุว่า “ผมขอเรียกร้องให้หน่วยงานในไทยเคารพเจตจํานงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวไทย

การเคลื่อนไหวใด ๆ เพื่อยุบพรรคก้าวไกล หรือพรรคอื่น ๆ จะกัดกร่อนประชาธิปไตยของไทยและเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในประเทศไทย”

ส่วนความเคลื่อนไหวอื่น ๆ นั้นมีรายงานว่าทางด้านของนายนาธาน รูเซอร์ สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย (Australian Strategic Policy Institute : ASPI) ได้ออกมาทวีตข้อความกรณีนายพิธาระบุว่า ผู้ที่ถูกแต่งตั้งโดยเผด็จการทหาร ได้ทำลายประชาธิปไตยลงด้วยการประกาศว่า ผู้นำพรรคร่วมที่ได้คะแนนเสียงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นไม่มีความเหมาะสมในฐานะ ส.ส.

กลุ่มผู้อนุรักษ์นิยมนั้นได้ทำลายผลการเลือกตั้งลง ทำให้พวกเขาต้องไปฟังสิ่งที่อยู่บนถนน

ทางด้านของนายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอช ประจำภาคพื้นเอเชียได้ทวีตข้อความหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งใจความว่า ไอทีวีไม่ได้ออกอากาศเป็นระยะเวลา 15 ปีแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยได้เพิกถอนหุ้นไปเมื่อปี 2557 หุ้นของพ่อของนายพิธานั้นก็มีจำนวนที่น้อง ไม่มีผลต่อการดำเนินการของบริษัทแต่อย่างใด ศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการการเลือกตั้งควรหยุดดำเนินการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อปฏิเสธสิทธิประชาธิปไตยของประชาชนคนไทย

‘ดร.เสรี’ แจง 8 ข้อ เหตุใด 14 ล้านเสียง ถึงลงคะแนนให้ ‘ก้าวไกล’ ลั่น!! ไม่มีใครกลั่นแกล้ง ‘พิธา’ ขอถาม “จะเป็น ส.ส. แล้วถือหุ้นสื่อทำไม”

(22 ก.ค.66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า…

พูดกันจังว่าการที่ ‘พรรคก้าวไกล’ ได้คะแนนเยอะที่สุดนั้น แสดงว่าประชาชนสนับสนุนแนวทางของพรรคก้าวไกล ดังนั้นทุกฝ่ายต้องเคารพเสียงประชาชน ลองมาดูกันว่าคนลงคะแนนเสียงให้ พรรคก้าวไกลเพราะอะไร?

1. เบื่อลุง เพราะไปเชื่อวาทกรรมว่าลุงอยู่มา 8 ปีไม่มีอะไร ทั้ง ๆ ที่ผลงานลุงที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์มีมากมาย
2. อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะดีหรือร้ายต่อประเทศอย่างไร
3. อยากได้สารพัดสวัสดิการในทางประชานิยมทั้งหลายที่พรรคก้าวไกลใช้หาเสียง แต่บัดนี้น่าจะรู้แล้วว่าหลายอย่างไม่ได้อย่างที่หาเสียงไว้
4. เด็ก ๆ จำนวนมากต้องการเสรีภาพแบบไร้ขอบเขต อยากให้พรรคก้าวไกลมาปลดแอกให้หลุดพ้นจากกฎเกณฑ์ที่เขามองว่ากดทับ
5. บางคนให้ความสำคัญกับเรื่องการเกณฑ์ทหาร ทั้งตัวเด็กหนุ่ม พ่อแม่ของเขา แฟนสาวของเขาที่ไม่อยากให้มีการเกณฑ์ทหาร
6. บางคนหลงรักพิธาแบบไม่สนใจคุณสมบัติ นิสัยอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจว่าจุดยืนทางการเมืองบางเรื่องของพิธาเป็นเช่นไร
7. พ่อแม่บางคนเลือกตามที่ลูกบอก เพราะถูกลูกขู่จะทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมบางอย่าง จึงต้องเลือกตามที่ลูกบอก
8. มีจำนวนหนึ่งที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเรื่องมาตรา 112 ตรงกับพรรคก้าวไกล ซึ่งน่าจะมีจำนวนน้อยกว่าเหตุผล 7 ข้อข้างต้น

แต่พรรคก้าวไกลกลับมาเน้นเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งไม่น่าจะใช่เหตุผลหลักที่ทำให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งได้ ส.ส. มากที่สุด 14 ล้านไม่ใช่เสียงข้างมาก และ 14 ล้านเสียงไม่ได้เลือกพรรคก้าวไกลเพราะต้องการให้พรรคก้าวไกลมาแก้มาตรา 112

บางคนถามว่าถ้าก้าวไกลชนะแล้ว ทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเราไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง เราเลือก ส.ส. มาเลือกนายกฯ คนที่ไม่เลือกก้าวไกลมีมากกว่าคนที่เลือกก้าวไกลถึง 2 เท่า แต่เอามาปั่นกันว่า ส.ว. ไม่ฟังประชาชน (หมายถึงประชาชน 14 ล้าน) แล้วเขาจะฟังประชาชนที่ไม่เลือกก้าวไกล ที่มีมากกว่าคนที่เลือกก้าวไกลถึง 2 เท่ากว่าล่ะ ไม่ใช่ประชาชนหรือไร ไม่มีใครกลั่นแกล้งพิธา อย่างที่สร้างวาทกรรมกัน และที่ถามให้ไปเลือกตั้งทำไม ก็อยากถามว่า แล้วจะเป็น ส.ส. ถือหุ้นสื่อไว้ทำไม

อย่าเอาแต่ใจเลยนะใช้สมองคิด วิเคราะห์ แยกแยะบ้างเถอะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะคนในพรรคก้าวไกลเองที่ทำผิดกฎหมาย และมีทัศนะเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ยอมรับกระบวนการรัฐสภา กระบวนการทางกฎหมายหน่อยนะ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top