Wednesday, 21 May 2025
ประชาธิปัตย์

‘สาทิตย์’ รับ!! สะพัด ‘ชวน’ ชวดลงสมัคร สส. หนาหู ชี้!! หากเป็นจริง กระทบความนิยม ปชป.ภาคใต้แน่

(12 เม.ย. 67) ที่บ้านวงศ์หนองเตย ถ.เทศบาล 5 อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ 7 สมัย และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรัง เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่มีการพูดกันหน้าหูในคนใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันว่า คุณชวน หลีกภัย จะไม่ได้ลงสมัคร สส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ เรื่องนี้นายสาทิตย์ กล่าวว่า ก็หนาหูมาก ซึ่งตนเองก็ไม่สามารถไปตอบคำถามอะไรได้ เพราะเราไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านชวน ถ้าเกิดท่านอยากจะลงแต่ว่าด้วยเหตุผลกลใดที่ไม่ได้ลง ตนมองว่ามีผลกระทบต่อความนิยมต่อพรรคประชาธิปัตย์ใน จ.ตรัง และภาคใต้แน่นอน เพราะต้องตอบให้ได้ว่าท่านทำผิดอะไร ที่กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ตัดรายชื่อนายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นทั้งอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ออกจากผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งหน้า

ในส่วนการเมืองท้องถิ่น ที่มีกระแสข่าวว่าตนเองมีความสนใจนั้น จริง ๆ ตนเองสนใจเรื่อง อบจ.ตรัง หลายครั้งที่มีส่วนเข้าไปช่วยหาเสียงตั้งแต่ยุคสมัย นายกิจ หลีกภัย อดีตนายก อบจ.ตรัง พี่ชายนายชวน หลีกภัย ลงรับสมัคร เพราะตนมองว่า อบจ.เป็นจักรกลใหญ่ ที่เป็นตัวแทนคนตรังในการพัฒนาจังหวัด ครั้งที่แล้วนายสาธร วงศ์หนองเตย น้องชายตน ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ตรัง แต่ด้วยรัฐธรรมนูญ ตนไปช่วยหาเสียงไม่ได้ ก็น่าเสียดาย เลยได้ อบจ.ชุดใหม่มา ตอนนี้เป็นความกังวลมีการพัฒนามา 3 ปีกว่าแล้ว แต่ตรังเรายังไปไม่ถึงไหนเลย และตามที่ อบจ.ตรัง ประกาศนโยบายเอาไว้ตั้งหลายข้อ ก็ยังมีคนถามว่าทำครบหรือยัง นอกเหนือจากถนนหนทางที่ทำกันไปทุกที่ โดยภาพรวมเราเทียบ จ.ตรัง กับจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.กระบี่ โกอินเตอร์ เป็นจังหวัดท่องเที่ยวติดอันดับโลก ขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าตรัง อบจ.เขามีบทบาทสูงมากในการพัฒนาขึ้นมาได้ขนาดนี้ ส่วน จ.พัทลุง เขาไม่มีทะเลแต่ทุกวันนี้หาตัวตนพบ คน จ.ตรัง ขับรถพาพ่อแม่ลูกเมียไปเที่ยว จ.พัทลุง แล้ว จ.ตรัง เรามีจุดขายอยู่แค่เพียงชายหาดปากเมง ในส่วนแลนด์มาร์คอื่น ๆ ระยะเวลา 3 ปีกว่าตนยังไม่เห็นว่า อบจ.ตรัง จะทำให้ตรังเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศหรือทั่วโลก ส่วนเกาะกระดานนั้นมีอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวมาเที่ยวอยู่แล้ว

ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนตัวผู้บริหาร อบจ.ตรัง ที่มีวิสัยทัศน์ มองไปข้างหน้า ทำให้ตรังเศรษฐกิจเติบโต เพราะศักยภาพเรามีเยอะ มีทั้งทะเล ป่าไม้ ภูเขา มีทั้งประวัติศาสตร์ ของกิน อาหารที่โด่งดัง แต่เหมือนว่าเราไปไม่ถึงไหนสักที มันเป็นเพราะกลไกของ อบจ. ของจังหวัด ไม่ได้จับมือกัน ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตรังนั้นเติบโตหรืออย่างไร ตนคิดว่าที่สนใจคือใครจะมาลง ถ้ามีคนดีมาลงแล้วตนเห็นว่ามีแนวคิดที่ดีทำให้เศรษฐกิจตรังมันก้าวหน้า และเป็นการทลายการเมืองอิทธิพลในตรังตนจะสนับสนุน ซึ่งตนเองยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะลงด้วยตัวเอง ตอนนี้ก็พยายามกับพรรคพวกหลายฝ่ายหลายกลุ่มเฟ้นหาตัว หรือพยายามสดับรับฟังว่าใครที่จะสมัครลงเป็นนายก อบจ.ตรังบ้าง ก็บอกว่าถ้าเจอคนที่ดี ตั้งใจ มีวิสัยทัศน์ ทำให้ตรังเติบโตก้าวหน้าเศรษฐกิจดีขึ้น ชาวตรังอยู่ดีกินดีตนพร้อมที่จะสนับสนุน

ส่วนตัวหลังลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ยังไม่ได้คิดจะวางมือ ก็ยังอยู่ในแวดวงการเมือง ตั้งใจจะทำหน้าที่เป็นนักการเมืองของประชาชนต่อไป แม้จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังพูดคุยกับ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณกรณ์ จาติกวณิช และอีกหลายคน ต่างก็มีความเห็นร่วมกันว่า การเมืองยุคนี้เป็นการเมืองยุคฮั้วข้ามค่ายข้ามพรรค เป็นไปได้อย่างไรที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม นิยมทหารกับระบอบทักษิณจับมือกันตั้งรัฐบาล ซึ่งลักษณะนี้มันมีความรู้สึกว่ามันเหมือนกับมีดีลลับจริง ๆ แล้วก็ถ้ามีลักษณะแบบนี้ภาพที่เราเห็นก็คือมีความพยายามที่จะทำให้ฝ่ายค้านมีบทบาทน้อยที่สุด อย่างที่คุณทักษิณ เคยทำมาสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 หรือจะเป็นครั้งแรกก็ตาม

เพราะฉะนั้นข่าวเรื่องยุบพรรคก้าวไกล ข่าวเรื่องจะดึงพรรคประชาธิปัตย์ ไปเป็นรัฐบาล ก็สะท้อนให้เห็นเจตนาของรัฐบาล ซึ่งตนเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลก็คือคุณทักษิณ ที่พยายามทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอ คนที่เสียประโยชน์คือประชาชน เพราะจะกลายเป็นว่าชนชั้นอภิสิทธิชน ประสานผลประโยชน์กันได้แล้วก็ฮั้วจับมือกัน พรรคประชาธิปัตย์เองถูกชวนไปร่วมรัฐบาลก็ไม่เห็นปฏิเสธอย่างแข็งขัน ฝ่ายค้านเองกรณีคุณทักษิณไม่ติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว ตนก็ไม่เห็นว่าจะทำหน้าที่อย่างแข็งขันในสภา ก็มีแต่ คุณสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา พูดชัดเจนมากเรื่องการปกป้องระบบนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ เพราะฉะนั้นกลุ่มของเราก็คิดว่าถ้าการเมืองยังฮั้วกันอยู่แบบนี้ ประชาชนก็ยังจะถูกหลอกอยู่ร่ำไป

หากถามว่าคิดอย่างไรกับพรรคก้าวไกลในภาคใต้ ตนมองว่าเลือกตั้ง ปี 66 ที่ผ่านมา พื้นที่ภาคใต้ก้าวไกลมาเป็นที่ 1 ส่วน จ.ตรัง พรรคก้าวไกลคะแนนก็มาเป็นอันดับ 1 สะท้อนความรู้สึกของคนอยู่หลายทางเหมือนกันว่าอาจจะเห็นว่าพรรคการเมืองอื่นไม่สามารถเป็นที่พึ่งหวังได้ ก็มีแต่พรรคก้าวไกลเป็นที่พึ่งหวังมีความตั้งใจที่จะทำหลายเรื่องกระแสก้าวไกลยังดีอยู่ ตนมองว่ากระแสในตอนนี้ก็ยังดีอยู่ และเชื่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า ในภาคใต้รวมทั้ง จ.ตรัง พรรคก้าวไกลจะกวาดไปได้หลายที่นั่ง 

‘เต้ มงคลกิตติ์’ โผล่ซบ ‘ประชาธิปัตย์’ ยอมรับ!! มาทดแทนบุญคุณ ‘เฉลิมชัย’

(26 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เข้าพบนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อช่วงสายของวันนี้ เพื่อขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายนายมงคลกิตติ์ ได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว โดยนายมงคลกิตติ์ จะเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 พรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ ในวันที่ 27 เม.ย.67 ด้วย

นายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า ตนได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้ว โดยพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้ และอยู่ระหว่างการตัดสินใจ เมื่อตนตัดสินใจว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรค จึงได้ไปพบนายเฉลิมชัย ที่บ้านในเวลา 11.30 น. เพื่อแจ้งความประสงค์ จากนั้นช่วงบ่ายตนจึงเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งได้พบกับนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคด้วย ซึ่งนายชวน ก็บอกยินดีที่มีคนมาช่วยพรรค

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า การที่ตนเลือกเข้าประชาธิปัตย์ เพราะตนเข้าใจกฎระเบียบต่าง ๆ อยู่แล้วและเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการขุนพล รวมทั้งเป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ และเป็นพรรคที่มีการเมืองเยอะที่สุด เมื่อตนเข้ามา ก็จะดึงคนรุ่นใหม่ให้พรรคพอสมควร ตนต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นหลักของบ้านเมือง เป็นที่พึ่งของประชาชนได้และต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเยอะ ๆ

เมื่อถามว่าทำไมเลือกเข้าพรรคประชาธิปัตย์ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายเฉลิมชัย มาเป็น 10 ปีมีบุญคุณต่อกัน ดังนั้น ตนเลือกเข้ามาเพราะต้องการช่วยพรรค และทดแทนบุญคุณนายเฉลิมชัย ตนได้เป็น สส.ครั้งแรก ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากนายเฉลิมชัย

เมื่อถามว่ามีการพูดคุยถึงตำแหน่งในพรรคหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยกัน จะให้ตนทำอะไรก็ได้จะทำเต็มที่ ซึ่งตนสามารถช่วยเหลือพรรคได้เรียกว่าเป็น ม้าเร็ว เคลื่อนที่ไป 77 จังหวัด ซึ่งการลงพื้นที่ตนชำนาญทั้งหมด ไม่ต้องฝึกกันแล้ว

ส่วนการตรวจสอบการทุจริตก็เห็นฝีมือตนอยู่แล้ว และถ้ามีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น ตนก็พร้อมจะลงสมัครทั้งกรุงเทพฯ นนทบุรี และพิษณุโลก อย่างไรก็ตาม การประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคฯ ในวันที่ 27 เม.ย. นี้ ตนไปร่วมสังเกตการณ์ด้วยแน่นอน

'สุกฤษฏิ์ชัย' จี้รัฐบังคับใช้กฎหมายคุมวิกฤตอุตสาหกรรม ยกเหตุ 'กากแคดเมียม-ไฟไหม้โกดังหลายจังหวัด' ไม่ควรเกิดอีก

ไม่นานมานี้ นายสุกฤษฏิ์ชัย ธีระเริงฤทธิ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์และผู้ช่วยผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ (หน่วยงานดีเด่นแห่งชาติสาขาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) กล่าวว่า...

ช่วงเดือนที่ผ่านมา ต้องขอแสดงความห่วงใยและรู้สึกกังวลใจต่อหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ทั้งการได้ลงพื้นที่เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เพื่อสังเกตการณ์ ตั้งแต่มีข่าวเรื่องพบโกดังเก็บกากแคดเมียม ก็ติดตามการแก้ไขปัญหานี้อย่างใกล้ชิด มาจนถึงการจัดการขนย้ายกลับไปยังจังหวัดตาก ก็พบว่าในหลายขั้นตอนของการขนย้าย อาจไม่ปลอดภัยถูกต้องเพียงพอ แสดงให้เห็นถึงความไม่สนใจต่อปัญหานี้เท่าที่ควร ทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ รวมถึงเกิดเหตุไฟไหม้ที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับพื้นที่โกดังเก็บกากอุตสาหกรรม กระดาษรีไซเคิลและสารเคมีในหลายพื้นที่ ทั้งชลบุรี, ระยอง, สมุทรสาคร รวมถึงล่าสุดที่พระนครศรีอยุธยา ซึ่งใกล้ชุมชนและโรงพยาบาล

เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นภัยต่อพี่น้องประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน กระทบต่อระบบนิเวศและธรรมชาติของพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ฝุ่นพิษ ฟุ้งกระจายไปในอากาศเป็นจำนวนมาก เป็นการเร่งปฏิกิริยาต่อสภาวะโลกร้อน ทวีความรุนแรงอย่างที่เรากำลังเผชิญสภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติ ซึ่งจะเป็นวิกฤติทางสิ่งแวดล้อมที่พวกเราจะหลีกหนีไม่ได้อย่างถาวรในที่สุด

ภาครัฐควรบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ออกมาตรการจัดการกับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ มีแผนเผชิญเหตุที่ทันสมัยและรวดเร็ว ผู้ทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับนโยบาย ระดับบริหาร และระดับปฏิบัติการ ต้องเอาจริงเอาจัง หากปล่อยปละละเลย ควรได้รับบทลงโทษทั้งทางวินัยและทางกฎหมาย อีกทั้งต้องนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการขอใบอนุญาต ตรวจสอบจำนวน การขนย้าย การนำเข้าหรือส่งออก การนำไปใช้ที่ต้องตรงกับวัตถุประสงค์ ต้องอยู่ในกำกับของภาครัฐทั้งหมด เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ควรส่งเสริมให้ภาคธุรกิจลดการใช้สารเคมีที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมต่อธรรมชาติมากขึ้น 

"ในตอนนี้ เรากำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อม วิกฤตอุตสาหกรรม หรือวิกฤตการบังคับใช้กฎหมาย” นายสุกฤษฏิ์ชัย ทิ้งท้าย

'ปชป.’ เหน็บ!! 'ภูมิธรรม' กินข้าวโชว์ก็เปลี่ยนคำพิพากษาไม่ได้ ถาม? ช้อนซื้อที่ไหน ตักติดแต่กับไม่ค่อยติดข้าว 

(7 พ.ค.67) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้ออกมายืนยันว่า โกดังข้าว 10 ปียังกินได้ว่า...

เรื่องนี้คงไม่มีใครขัดข้องถ้าข้าวที่เก็บไว้ในโกดังยังมีคุณภาพดี สามารถบริโภคได้ หุงได้ กินได้ แต่ดูจากข้อเท็จจริงแล้วเจ้าหน้าที่นำข้าวสารไปเตรียมการหุง ก่อนหุงข้าว ซาว 13-15 น้ำ นั้น น้ำซาวข้าวมีมอดลอยอยู่เป็นจำนวนมาก ย่อมแสดงให้เห็นว่าข้าวไม่ได้คุณภาพอย่างแท้จริง นายภูมิธรรมควรเอาข้าวในโกดังดังกล่าวไปหุงให้รัฐมนตรีได้กินกันทั้งคณะในทุกวันอังคารที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ต้องแนะนำแม่บ้านที่หุงข้าวไม่อยากให้ซาวน้ำหลายครั้งเพราะถ้าซาวน้ำมากกว่า 3 ครั้ง อาจจะทำให้สูญเสียสารอาหารและกลิ่นหอมในข้าวได้ ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและประหยัดค่าใช้จ่ายได้

นายราเมศกล่าวต่อไปว่า กระบวนการตรวจคุณภาพของข้าวว่ามีคุณภาพสามารถบริโภคได้หรือไม่ มีกระบวนการหลักการอยู่ มีหลายหน่วยงานที่สามารถเข้ามาช่วยกันได้เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ว่าบริโภคได้แน่ เพราะถ้าหากข้าวที่ไม่มีคุณภาพหลุดออกไปประชาชนผู้บริโภคคือผู้รับกรรม การตักข้าวใส่ปากกินโชว์ของรองนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่มาตรฐานการตรวจวัดคุณภาพข้าว และภาพมันฟ้องว่าแม้แต่ตัวรองนายกเองก็ไม่มีความกล้าเต็มร้อย เพราะเน้นกับไม่เน้นข้าว มีคนฝากถามช้อนซื้อที่ไหนตักติดแต่กับไม่ค่อยติดข้าว และอีกอย่างที่รองนายกรัฐมนตรีมีความประสงค์จะสื่อสารคือโครงการรับจำนำข้าวไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งการมากินข้าวโชว์ก็เช่นกันที่ไม่สามารถมาลบล้างเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาในคดีทุจริตรับจำนำข้าวได้แม้แต่บรรทัดเดียว 

'อี้-แทนคุณ' ไขก๊อก ปชป. ขอมุ่งงานด้านการศึกษา-สานสัมพันธ์ไทย-จีน พร้อมทำนุบำรุงศาสนา ช่วยเหลือผู้อื่นให้มากที่สุดก่อนตายตามที่ตั้งใจ

(17 พ.ค. 67) ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Tankhun Jittitsara page' ระบุว่า...

จดหมายลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการที่ได้ส่งให้กับ กกต.เรียบร้อยแล้วครับ

จากนี้ไปขอเป็นคนทำงานด้านศาสนา ศิลปะ การศึกษาและส่งเสริมสายสัมพันธ์ไทย-จีน

ที่สำคัญช่วยเหลือคนอื่นให้มากที่สุดก่อนตายตามที่ตั้งใจไว้ครับ

ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาไม่ว่าร้ายหรือดี คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ

และขออภัยหากเคยขัดใจล่วงเกินใครไว้

ขอบคุณมากครับ

'สุกฤษฏิ์ชัย-ปชป.' หวั่น!! เพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ซ้ำเติมโลกเดือด แนะ!! หน่วยงานเกี่ยวข้อง 'ทบทวน-ยกเลิก' กระบวนการทั้งหมดทันที

(8 ก.ค. 67) นายสุกฤษฏิ์ชัย ธีระเริงฤทธิ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ (หน่วยงานดีเด่นแห่งชาติสาขาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) กล่าวว่า เป็นที่น่ากังวลและต้องติดตามอย่างใกล้ จากกรณี 'กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช' เปิดรับฟังความเห็นในการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ฝั่ง จ.นครราชสีมา และปราจีนบุรี นั้น

ในบริเวณพื้นที่โดยรอบอันประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติทับลานนั้น ยังมีอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, อุทยานแห่งชาติปางสีดา, อุทยานแห่งชาติตาพระยา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ รวมกันเป็นกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และเป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ ผลกระทบจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม อาจจะประเมินค่ามิได้ ทั้งต่อระบบนิเวศ ธรรมชาติ พืชพันธุ์ สัตว์ป่านานาชนิด ตลอดจนประชาชนทุกคน

ฉะนั้น ภารกิจของทางราชการควรปกป้องผืนป่า ขยายพื้นที่สีเขียว อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เสริมสร้างความตระหนักรู้และหวงแหนสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน

ทั้งนี้ จากรายงานพื้นที่ป่าไม้ของประเทศโดยกรมป่าไม้ พบว่าในปี 2556 มีพื้นที่ป่าร้อยละ 31.57 แต่ในปี 2566 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 31.47 สวนทางกับปัญหาภาวะโลกร้อน โลกเดือดที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาและทบทวนต่อกรณีดังกล่าวนี้ หรือยกเลิกกระบวนการทั้งหมดทันที 

ปัจจุบัน ทางมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ได้มี 'โครงการมวลชนพัฒนาฟื้นผืนป่าแผ่นดินอิสานใต้' ในปี 2559 และโครงการต่อเนื่องอีกหลายกิจกรรมในพื้นที่นี้ด้วย

'ปชป.' เตือนทูต 18 ประเทศ อย่าแทรกแซงศาลไทย คดี 'ยุบก้าวไกล' จี้!! กต.ออกโรง อย่าปล่อยให้ทูตประเทศต่างๆ รับข้อมูลด้านเดียว

(5 ส.ค. 67) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงท่าทีของทูต 18 ประเทศ ต่อการพิจารณาคดีพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า มีความหมิ่นเหม่เสมือนเป็นความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า การพิจารณาคดีดังกล่าวตั้งอยู่บนข้อกฎหมายข้อเท็จจริงและพฤติกรรมอันเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ โดยพรรคก้าวไกลได้ดำเนินการต่อสู้คดีความตามวิถีของตนเองแล้ว และไม่มีกลไกใดเข้าขัดขวางการต่อสู้ดังกล่าว

“การแสดงออกของกลุ่มทูต 18 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นท่าทีให้การสนับสนุน เห็นอกเห็นใจ รวมถึงการประกาศไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคก้าวไกล ถือเป็นเรื่องผิดมารยาทอย่างมาก ทั้งนี้ ขอให้คณะผู้แทนประเทศเหล่านั้นตระหนักไว้ว่าสิ่งที่ได้ทำไปไม่ได้สร้างประโยชน์ต่อยอดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่อย่างใด ขณะที่ประเทศไทยไม่เคยเรียกร้องหรือแสดงออกทางใดทางหนึ่งที่เป็นการไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศอื่นเลย จึงเป็นเรื่องที่แต่ละประเทศจะต้องยึดถือให้ตรงกัน” น.ส.รัชดา ระบุ

น.ส.รัชดา ยังตั้งคำถามถึงการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศว่าทำอะไรอยู่ ได้ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศบ้างไหม หรือปล่อยให้ทูตประเทศต่าง ๆ รับข้อมูลแต่เพียงด้านเดียวจึงเป็นเหตุให้แสดงท่าทีออกมาเสมือนคนไม่รู้เช่นนี้ จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศแสดงบทบาทผู้ปกป้องกระบวนการยุติธรรมไทย กฎหมายไทย เพื่อหยุดยั้งท่าทีแทรกแซงประเทศของเรา หรือการยอมเป็นเหยื่อพรรคการเมือง ซึ่งสุดท้ายกระทบต่อความรู้สึกคนไทยอย่างแน่นอน

‘สรรเพชญ’ หวัง ‘รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง’ แก้ปัญหาปากท้อง-เศรษฐกิจจริงจัง เตือน!! อย่าริทำอะไรเสี่ยงผิดกฎหมาย พรรคฝ่ายค้านจับตาดูผลงาน

(16 ส.ค. 67) นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นภายหลังการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนและพรรคประชาธิปัตย์ มีมติงดออกเสียงกับการเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ นายสรรเพชญ ได้ให้เหตุผลว่า การลงมติงดออกเสียงในครั้งนี้เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าและไม่ให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เพราะมีการเสนอชื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพียงชื่อเดียว อีกทั้งเพื่อให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ได้เข้าแถลงนโยบายกับรัฐสภาและทำหน้าที่ก่อน หลังจากนั้นจึงจะดำเนินการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล 

นายสรรเพชญ กล่าวว่า ตนมีความหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องต่าง ๆ ที่คั่งค้างของรัฐบาลโดยเฉพาะเรื่องที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ปรึกษาหารือผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นปัญหาที่ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ร้องเรียนและสะท้อนผ่านมายังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยตรง ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการ คือ การเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ประชาชน นอกจากการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลสามารถทำได้ทันที สิ่งที่เป็นโจทย์หลักและท้าทายความสามารถของรัฐบาลทุกชุด คือ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ กำลังซื้อของประชาชนกำลังถดถอยเพราะรายได้สวนทางกับรายได้ ปัญหาปากท้อง หนี้สินครัวเรือนอันมหาศาลของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผงชูรส หรือราคาสินค้าทางการเกษตรที่เกษตรกรขายมีราคาตกต่ำ แต่เมื่อถึงมือของประชาชนกลับมีราคาที่สูงขึ้น ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมีความลำบากมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องค่าครองชีพ 

นอกจากนี้ ปัญหาที่กำลังทดสอบความสามารถของรัฐบาล คือ การแก้ไขปัญหาที่ประชาชนไม่สามารถประกอบอาชีพเหมือนเดิมได้ เห็นได้จากการปิดตัวของร้านค้าต่าง ๆ ที่ได้ปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก ทั้งการสู้เรื่องต้นทุนไม่ไหว และสำคัญกว่านั้น คือ การเข้ามาของสินค้าจีน ทุนจีน ที่เข้ามาผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ขายราคาถูก ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กในประเทศไปไม่รอดหลายราย ซ้ำยังมีปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คอลเซ็นเตอร์ ปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน ที่เกือบ 1 ปี ที่มีรัฐบาลเพื่อไทยเป็นแกนนำไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ 

ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่ให้บานปลายไปมากกว่านี้ ควบคู่กับการเร่งมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนและการฟื้นความเชื่อมั่นจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งรัฐบาลต้องหาทางออกในเรื่องนโยบายแจกเงินผ่านระบบดิจิทัลที่ประชาชนได้ลงทะเบียนไปแล้วรัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่อย่างไร 

นายสรรเพชญ ได้กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้รัฐบาลทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าริอาจทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย การเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องหรือปล่อยให้ใครมาครอบงำนายกรัฐมนตรี และตนจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านและคอยจับตาดูการทำงานของรัฐบาลต่อไป

'ปชป.' แง้ม!! พร้อมเป็นทั้ง 'ฝ่ายค้าน-รัฐบาล' ยัน!! ยังไม่มีเทียบเชิญ มั่นใจ!! ไม่ทำพรรคแตก

(19 ส.ค. 67) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาล โดยยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเป็นทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่วันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย ถ้ามีการประสานงานมา จะต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค และขอมติจากทั้งกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรค ทันที หากที่ประชุมว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น ซึ่งขอย้ำว่า ต้องเป็นมติพรรค และทุกคนต้องปฏิบัติตามมติพรรค เพราะตนเป็นหัวหน้าพรรคที่ยึดในหลักการของพรรค

"วันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย ถ้าเขามีการประสานงานมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ คือ ในพรรคประชาธิปัตย์ต้องผ่านข้อบังคับพรรค คือ ผ่านกรรมการบริหารแล้วไป สส.เพราะฉะนั้นถ้าผ่านกรรมการบริหาร และผ่าน สส.ยืนยันว่าทุกคนต้องยึดมติของพรรค ดังนั้น แน่นอนว่าถ้าไปร่วมก็ต้องไปทั้งพรรค แล้วจริง ๆ ผมไม่เคยออกมาพูดเลยว่ากี่คนกี่คน เพราะผมเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มีระเบียบมีวินัย ไม่อย่างนั้นเราจะตั้งข้อบังคับพรรคกันทำไม เพราะข้อบังคับพรรคจะต้องผ่านการจดทะเบียนจาก กกต.ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เราจะตั้งขึ้นมาเองได้ ทุกอย่างมีกฎหมายมีระเบียบรองรับทั้งหมด" นายเฉลิมชัย กล่าว

เมื่อถามว่า ที่มีข่าวว่า ผู้ใหญ่ หรือ สส.อาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไม่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย (พท.) อาจจะไม่ยอมร่วมด้วยนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ก็ต้องไปถามท่านเหล่านั้น ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ส่วนตัวในฐานะที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์มา 20 กว่าปี ก็ยังเชื่อมั่นว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์มีระเบียบมีวินัยและเคารพในกฎกติกา ซึ่งถ้าเราบอกว่าเราเป็นประชาธิปไตยแล้ว หากไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของพรรคก็จบเห่ ซึ่งจะเห็นว่าตอนที่ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี สส.ทุกคน ก็ปฏิบัติตามมติของพรรค เป็นมติของ สส.ไม่ใช่มติของกรรมการบริหารพรรค

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า เพราะขณะนี้เศรษฐกิจแย่ยิ่งกว่าการเมือง ดังนั้น จึงคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ประเทศเดินไปได้ ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันไม่ว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่วันนี้อย่าเพิ่งบอกว่าเราจะทำอะไร และย้ำว่าไม่ใช่ว่าเรายากเป็นรัฐบาลแล้วโยนมา คนเรายังมีศักดิ์ศรีเลยในแต่ละคน แล้วพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมือง ก็ต้องมีจุดยืนมีศักดิ์ศรีของเรา บางทีมีการไปพูดกันเหมือนเราไม่มีค่า อย่างนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง ย้ำในสมัยที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ทุกอย่างต้องมีการให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะเรารักสถาบันของเรา และรักประเทศชาติ

เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีการเชิญร่วมรัฐบาลก็พร้อมที่จะทำงานใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ และเชื่อว่าไม่น่าจะมีการไปดิวกับแกนนำคนอื่น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้แล้ว เนื่องจากมอบอำนาจให้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคในการตัดสินใจ ซึ่งในส่วนของตน หากมีการประสานมาก็ต้องนำเข้าที่ประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคทันที หากที่ประชุมว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น รับก็รับ ไม่รับก็ไม่เป็นไร

นายเฉลิมชัย ย้ำด้วยว่า ในฐานะที่นั่งหัวหน้าพรรค หากมีการตัดสินใจใด ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งถึงขั้นพรรคแตกอย่างแน่นอน ตนมั่นใจ

'ทักษิณ' เทกโอเวอร์เบ็ดเสร็จ 'การเมืองไทย' 'ป้อม' หลุด!! พรรคร่วมหมอบ!! ปชป.รอเสียบ

ยุค ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เป็นนายกรัฐมนตรี มีวลีหนึ่งที่นักการเมืองเจ้าของฉายา 'มีดโกนอาบน้ำผึ้ง'...ชวน หลีกภัย กล่าวเตือนทักษิณคือ...ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ หากมียังมีพฤติการณ์ที่กำลังทำ...

เป็นการตอบโต้ 'ทักษิณ' ที่กล่าวหาชวนและพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากเล่นเกมการเมืองกันมากเกินไป ระวังจะไม่มีการเมืองให้เล่น...

‘ชวน หลีกภัย’ เป็นนักการเมืองอาวุโสที่จำแม่นกึ่ง ๆ ผูกใจเจ็บ หากรู้สึกสิ่งนั้นไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้อง...เมื่อทักษิณไปปราศรัยหาเสียงที่นครสวรรค์ว่า รัฐบาลจะพัฒนาจังหวัดที่ประชาชนเลือกพรรคเราก่อน...'ชวน' กับ 'คณะ' หยิบมาขยายผล จนกลายเป็นประเด็นที่สังคมการเมืองพูดกันยันปัจจุบัน เป็นภาพลบติดตัวพรรคเพื่อไทย...

แต่เมื่อ ชวน นำเรื่องนี้มาพูดย้ำซ้ำเชิงเตือนสติรัฐบาลเศรษฐากลางสภาเมื่อ 4 มิ.ย.2567 ก็มีมือดีส่งโน้ตให้นายกฯ เศรษฐา สวนกลับนายหัวชวนแบบแสบสันว่า...ให้หามุกใหม่มาเล่นดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะไม่มีพื้นที่ในสภา...

ชวน หลีกภัย เป็น สส.17 สมัย กำลังชั่งใจว่าจะลงสมัคร สส.สมัยต่อไปหรือไม่ แต่ที่ชวนชั่งใจและตัดสินใจแล้ววันนี้คือ...ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊งที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เหตุผลหลักคือ ไม่อยากทรยศชาวบ้าน...นัยว่าในอดีตมวลมหาประชาธิปัตย์เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณ เป็นคู่แข่งกันมาก่อน การจะร่วมรัฐบาลในลักษณะการเป็น 'พรรคอะไหล่' ถือว่าไร้ศักดิ์ศรี

ปัจจุบันประชาธิปัตย์มี 25 สส. เป็น สส.บัญชีรายชื่อ 3 คน / สส.เขต 22 คน จาก 25 คน...มี 4 คน คือชวน, บัญญัติ บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และสรรเพชร บุญญามณี ที่อยู่ฝั่งไม่เห็นด้วย...อีกฝั่ง 21 เสียง นำโดยหัวหน้าพรรค เฉลิมชัย ศรีอ่อน รอเสียบมาตั้งแต่ไก่โห่...และฝันเป็นจริงเมื่อ 'ทักษิณ' ผ่าพรรค พปชร.เป็นสองซีก...สลัดปีก 'ลุงป้อม' ออก เปิดทางให้ประชาธิปัตย์เสียบ!!

นอกจากแฟนนานุแฟนพรรคแม่พระธรณีจำนวนไม่น้อยที่อาจเข่าทรุดแล้ว คนที่กระอักเลือดมากที่สุดก็น่าจะเป็น...นายหัวชวน...ขณะที่คนที่หัวเราะร่าน่าจะเป็นทักษิณ เพราะหมากตานี้หากจะพินิจพิจารณาให้ดี...นี่คือ 'การฆ่าประชาธิปัตย์' ที่คลาสสิกและเลือดเย็นที่สุดวิธีหนึ่ง...

วันก่อนโน้น...6 สส.พรรคไทยสร้างไทย ที่มีคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแม่ทัพและอยู่ซีกฝ่ายค้าน พลิกกลับ 360 องศา ทั้ง 6 เสียง ยกมือโหวตหนุนอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ทำให้คุณหญิงหน่อยกระอักมาคนหนึ่งแล้ว...วันนี้ถึงคิว ปชป.

ถ้าไม่พลิกนาทีสุดท้ายการเข้าร่วมรัฐบาลรอบนี้ ปชป.คงได้ 2 เก้าอี้เสนาบดี / 1 รมว. / 1 รมช. ซึ่งอาจจะช่วยชุบชีวิตได้ในบางมิติ นำตำแหน่งไปสร้างผลงานให้พอได้หาเสียง แต่ก็ต้องแลกกับรายจ่ายที่เป็นต้นทุนสำคัญคือ...คะแนนนิยม-ความศรัทธา ที่หายไป...

นักสังเกตการณ์กล่าวว่า 2 เก้าอี้ รมต. อาจจะพอเยียวยาทำให้ประชาธิปัตย์รักษาฐานบ้านใหญ่ เอาไว้ได้ในบางพื้นที่ แต่ภาพรวมหลายพื้นที่คะแนนนิยมอาจจะสูญพันธุ์ รวมทั้งภาคใต้เอง แม้ 'เดชอิศม์ ขาวทอง' สส.สงขลา/เลขาธิการพรรค อาจจะได้เป็นรมต. แต่ก็คงไม่พอเพียงที่จะแผ่บารมีไปลบล้างกระแสพรรคส้มที่กำลังรุกคืบ และภูมิใจไทยที่ยังสยายปีกคุมภาคใต้...

ไม่ต้องพูดใน สนาม กทม. ที่ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ว่าจะฟื้นคืน...น่าเห็นใจ 'ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์' ที่กำลังเดินสายหาสมาชิกเป็นยิ่งนัก!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top