Sunday, 25 May 2025
บิ๊กป้อม

รอลุ้น ‘พปชร.’ ปรับบัตรประชารัฐเป็น 700 หากผลเลือกตั้ง ดันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

หลังพรรคพลังประชารัฐได้ออกมาประกาศนโยบายสำหรับบัตรประชารัฐ ว่าจะเดินหน้าการจัดทำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ก็เรียกเสียงฮือฮาให้กับประชาชนที่มีบัตรประชารัฐอย่างมาก ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่า 700 บาทต่อเดือนมันไม่พอ บางคนก็อาจจะบอกว่าพอ

วันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จึงลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ตลาดประชานิเวศน์ 3 เพื่อสอบถามประชาชนถึงประเด็นดังกล่าว ว่าการเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือน จะเพียงพอสำหรับประชาชนหรือไม่?

โดยแม่ค้าขายหมูปิ้งตลาดประชานิเวศน์ 3 นนทบุรี ที่มีบัตรประชารัฐอยู่ กล่าวว่า ในเดือนนี้มีการเพิ่มเงินในบัตรให้ 200 บาท จากเดิมที่ได้ 200 บาท ก็ได้เพิ่มเป็น 400 บาท ตนเองมองว่าการเพิ่มเงินในเดือนนี้เป็นสิ่งที่ดี เพราะทุกวันนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี แล้วค่าครองชีพก็ขึ้นสูงมาก ของแพงทุกอย่างการใช้จ่ายก็เลยไม่พอ แล้วที่ได้เงินเพิ่มมาเป็น 400 บาท ตนเองคิดว่าก็ยังไม่พออยู่ดี หากพรรคพลังประชารัฐให้เพิ่มเป็น 700 บาท ก็คงจะดีขึ้นกว่านี้

'บิ๊กป้อม' ไฟเขียว!! แนวทางจัดการความมั่นคงเชิงพื้นที่ปี 66-70 ลงลึกถึงระดับตำบลทั่วไทย หนุน ปชช.อยู่ดีมีสุขถ้วนหน้า

(19 ม.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ (นพช.) ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการประเมินการขับเคลื่อนแผนการพัฒนาพื้นที่ เพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ ปี 62-65 ซึ่งมีความสำเร็จที่มีนัยยะสำคัญ ได้แก่ ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัดจากการที่จังหวัดประกาศพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคง ครบทุกจังหวัด และมีการจัดทำแผนการพัฒนา เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่ครบทุกแผน และมีแผนปฎิบัติการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน พื้นที่ชายฝั่งทะเล เกาะแก่ง และชุมชนพื้นที่สูง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของแผนการพัฒนาพื้นที่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน และลดเงื่อนไขของปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยมุ่งเน้นการบูรณาการทำงาน ด้านความมั่นคง ควบคู่กับการพัฒนา ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและการป้องกันประเทศ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่เป้าหมาย ที่กำหนดผ่านกลไกการประเมินระดับจังหวัด

‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่ ‘พิษณุโลก-นครสวรรค์’ ตรวจดูการบริหารจัดการน้ำ-พัฒนาบึงบอระเพ็ด

(20 ม.ค. 66) ที่อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายวิรัช รัตนเศรษฐกิจ และคณะ เดินทางตรวจราชการ พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ที่จ.พิษณุโลก และ จ.นครสวรรค์ เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อติดตามการก่อสร้างประตูระบายน้ำท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำน่าน ต.พลายชุมพล อ.เมือง โดยมีผวจ.พิษณุโลก และ จ.นครสวรรค์ เลขาสทนช. หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรอต้อนรับ

โดยพล.อ.ประวิตร รับฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่และการก่อสร้างประตูระบายน้ำ 4 แห่ง ได้แก่ ประตูระบายน้ำท่านางาม ท่าแพ บ้านวังจิก และโพธิ์ประทับช้าง ที่เก็บกักน้ำปริมาณกว่า 38 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์กว่า 2 แสนไร่ ซึ่งความคืบหน้าการก่อสร้างประตูระบายน้ำท่านางงาม สำหรับรองรับพื้นที่ 5 ตำบล 1 อำเภอ พื้นที่รับประโยชน์ 51,375 ไร่ 

จากนั้นพร้อมพบประชาชนและรับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่ จากประชาชนในพื้นที่บางระกำ ที่เดินทางมาให้กำลังใจและขอบคุณพล.อ.ประวิตร ที่ช่วยแก้ปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากน้ำท่วมและน้ำแล้งอย่างจริงจัง ทำให้มีน้ำใช้เพื่อการเกษตร การดำรงชีพอย่างพอเพียงในฤดูแล้ง

‘บิ๊กป้อม’ บอกไปเยาวราชคนเดียว-ไม่มีอะไร เผย ขอพรให้สุขภาพแข็งแรง 

(23 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยก่อนการประชุมพล.อ. ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่เยาวราชเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ไปคนเดียว ไปไหว้พระ ไม่มีอะไรหรอก 

‘บิ๊กป้อม’ ควงแกนนำ พปชร. เปิดปราศรัยแรก ปักหมุด ‘ป้อมปราบศัตรูพ่าย’ ข่มขวัญคู่ต่อสู้

(24 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์เหรัญญิกพรรค ร่วมกันเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. รวมทั้งสิ้น 71 คน แบ่งเป็นในต่างจังหวัด จำนวน 43 คน ได้แก่ 
จ.ระยอง คือ นายพายัพ ผ่องใส เขต 3
จ.ฉะเชิงเทรา ได้แก่ นายรัฐสภา นพเกตุ เขต 1, พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ เขต 4
จ.ชลบุรี คือ นายเพิ่มพงศ์ วงศ์ทรายทอง เขต 3
จ.ปราจีนบุรี คือ นายเกียรติกร พากเพียรศิล์ เขต 2
จ.ศรีสะเกษ ได้แก่ นายสุรณัฐ แนบเนียม เขต 3, นายอภิชา ระยับศรี เขต 7
จ.อุดรธานี คือ นายวิฑูรย์ นามคุณ เขต 6 
จ.สุรินทร์ ได้แก่ ว่าที่ ร.ต.ศักดินันท์ศุภนิมิตมนตรี เขต 1, นายพิเชษฐ์ สุทธิศิริวัฒนะ เขต 2, น.ส.ณชณฆ์ ตรงใจ เขต 3
จ.ชัยภูมิ คือ นายพีระพล ติ้วสุวรรณ เขต 6

จ.นครราชสีมา ได้แก่ น.ส.กาญจนา เปรมภิรักษา, นายสุกฤษณ์ วัชรมาลีกุล, พ.ต.อ.ปริวัฒน์ นาคำ
จ.เลย คือ นายชูศักดิ์ บัวระภาสิริ
จ.สกลนคร คือ นายอภิวัฒน์ มีชัย เขต 1
จ.กาฬสินธุ์ ได้แก่ น.ส.พาวิไล พิมพะสาลี เขต 1, นายสิทธิศักดิ์ พัฒนชัย เขต 4
จ.ร้อยเอ็ด คือ นายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล
จ.ขอนแก่น ได้แก่นายอัษฎางค์ แสวงการ เขต 1, นายพัฒนา นุศรีอัน เขต 2, นายปัญญา ศรีปัญญา เขต 3, นายณรงค์เลิศ สุรพล เขต 4, นายสมใจ ชาญจระเข้ เขต 5, นายเลอพงศ์ ลิ้มรัตน์ เขต 8 นายไพฑูรย์ ผิวผาง เขต 9, นพ.กันณพงศ์ อัครไชยพงศ์ เขต 11

จ.แพร่ ได้แก่ น.ส.อาทิตยา อินนะไชย เขต 1, นายสุรสิทธิ์ เพชรปิตุพงษ์ เขต 2, นางปอรวัลย์ มุดเจริญ เขต 3 
จ.ตาก ได้แก่ นายเชิงชัย ก่อประกิจ เขต 3
จ.พิษณุโลก ได้แก่ นายเอกพงษ์ กุลเจริญ เขต 5
จ.นครสวรรค์ ได้แก่ นายธนริชต์ วิเชียรรัตนี เขต 1, นายนัยศาลิน ถนอมมิตรวัฒนา เขต 2
จ.นครปฐม ได้แก่ นายศิรวริศสวนแก้ว เขต 2, นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม เขต 3, นายมนตรี บุญประคอง เขต 5
จ.กาญจนบุรี ได้แก่ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์, นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์, พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์, นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ
จ.นครศรีธรรมราช คือ นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ เขต 8

จากนั้น พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรคได้ร่วมกันเปิดตัว นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ที่จะรับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. พร้อม ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ล็อตแรก จำนวน 28 คน ได้แก่ นายธิชดล สกุลำ ผู้สมัคร ส.ส.เขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ และดุสิต, นายภูมิพิชัย ธํารดํารงค์ เขตปทุมวัน สาทร บางรัก, น.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ เขตบางคอแหลม ยานนาวา, ร.อ.รชฎ พิสิษฐบรรณกร เขตดินแดง พญาไท, นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ เขตราชเทวี, นายสฤษดิ์ ไพรทอง เขตดุสิต, นายภักดีหาญส์ หิมะทองคํา เขตลาดพร้าว 

นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ เขตจตุจักร, นายศิววงศ์ วงศ์พิชญา เขตดอนเมือง, น.ส.นํ้าฝน ไพรทอง เขตสายไหม, ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เขตบางเขน, นางนฤมล รัตนาภิบาล เขตบางกะปิ, นายรังสรรค์ กียปัจจ์เขตหลักสี่ ดอนเมือง, นายกานต์ กิตติอําพน เขตวังทองหลาง ห้วยขวาง, น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง เขตบึงกุ่มคันนายาว, นายกิตติภูมิ นีละไพจิตร์ เขตคลองสามวา, นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. เขตหนองจอก, นายพีระพงษ์ รัสมี เขตลาดกระบัง นางนาถยา แดงบุหงา เขตสะพานสูง แขวงประเวศ, นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ เขตพระโขนง บางนา, นายศันสนะ สุริยะโยธิน เขตคลองสาน ธนบุรี

นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ เขตจอมทอง ธนบุรี เฉพาะแขวงดาวคะนอง, นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา เขตทุ่งครุราษฎร์บูรณะ, น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน เขตทวีวัฒนา หนองแขม เฉพาะแขวงหนองค้างพลู, พ.ต.ท.วันชัย ฟักเอี้ยง เขตตลิ่งชัน บางกอกน้อย เฉพาะแขวงบางขุนศรี, น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ เขตบางกอกน้อย, ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อํานรรฆสรเดช เขตบางซื่อ และนายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล เขตบางพลัด นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เขตบางแค

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้เราเปิดผู้สมัครทั้งหมด 71 คน และเปิดไปแล้ว 350 คน และจะทยอยเปิดให้ต่อเนื่องให้ครบทุกเขตเลือกตั้ง พยายามจะส่งให้ครบทุกจังหวัดทั้ง 400 คน อยากฝากให้ผู้สมัครทั้งหลายลงพื้นที่ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ให้มากที่สุด อยู่ที่ทุกท่านจะทำต้องทำงานอย่างหนัก หลังจากอบรมผู้สมัครแล้วควรรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ฝากทุกคนด้วย ทางพรรคไม่มีอะไร

‘บิ๊กป้อม’ จ่อไลฟ์สดแจงนโยบาย ขอบคุณทุกคนติดตามเฟซบุ๊ก

‘บิ๊กป้อม’ ขอบคุณคนติดตามเฟซบุ๊ก เผย นักการเมืองต้องคิดเก่ง-ประสานทุกฝ่ายไม่ขัดแย้ง เร่ง 3 เรื่อง ‘สร้างโครงสร้างพื้นฐาน-พลังงานเป็นธรรม-ปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิชุมชน’ จ่อไลฟ์สดแจงนโยบาย

(25 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวเพจเฟซบุ๊ก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์ข้อความทาง เฟซบุ๊กเป็นครั้งที่สอง ว่า... 

ขอขอบคุณสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนที่ให้ความสนใจจดหมายเปิดใจ ที่สื่อสารผ่านแฟนเพจ 'พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ' เมื่อ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ทราบว่าวันแรกมียอดสืบค้นหาทางกูเกิลถึง 8 แสนครั้ง และเพิ่มขึ้นจนทะลุ 1.5 ล้านครั้ง ในวันที่สอง ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกสำหรับผมและพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับเสียงตอบรับจากสังคม ตรงตามเจตนารมณ์ที่ผมต้องการจะสื่อสารสองทาง ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ได้เต็มที่

ผมอาจจะเป็นมือใหม่บนโลกโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ใช่มือใหม่ทางการเมือง  ตลอด 8 ปี การเมืองมีคุณค่ามากสำหรับผม ซึ่งจะทยอยเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป ว่าผมได้เรียนรู้อะไรบ้าง ขอได้โปรดติดตาม

แต่สำหรับวันนี้ ผมอยากจะบอกว่า ผมได้เรียนรู้ว่านักการเมืองไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง แต่จะต้องคิดเก่งและที่สำคัญคือต้องหาคนเก่งมาร่วมงานด้วย เพราะคนเรานั้นไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง

นอกจากนั้น นักการเมืองต้องสามารถประสานกับทุกฝ่าย ประนีประนอมกับทุกพรรค เพื่อลดความขัดแย้ง โดยยึดถือผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหัวใจสำคัญ จึงจะสามารถผลักดันประเทศชาติให้เดินหน้าไปได้

ผมพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ทั้งในฐานะ ผบ.ทบ. และนักการเมือง โดยเฉพาะในรัฐบาลชุดนี้ ในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ประคับประคองมาจนจะครบวาระ ดังเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว

เป้าหมายที่พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญในขณะนี้ คือจะต้องนำพาประเทศฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ เพราะทั้ง IMF และธนาคารโลก ต่างก็เตือนว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้ จะยังชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ

‘บิ๊กป้อม’ ไฟเขียว 3 จังหวัด เจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 33 ย้ำ!! นักกีฬาทุกประเภทต้องมุ่งมั่นฝึกซ้อมเพื่อคว้าชัย

‘บิ๊กป้อม’ ถก ‘คณะกรรมการกีฬา’ ไฟเขียว 3 จังหวัด ‘กรุงเทพ-ชลบุรี-สงขลา’ เจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่33  โคราช เจ้าภาพ พาราเกมส์ ชมนักกีฬาสร้างชื่อเสียง ย้ำ กกท.เร่งพัฒนา-ดูแลสวัสดิการ 

(25 ม.ค. 66) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 

โดยที่ประชุมเห็นชอบ จัดสรรเงินอุดหนุนให้กีฬาจังหวัด ประจำปี 2566 เพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเห็นชอบให้เสนอแผนโครงการจำนวน 33 โครงการ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบจากกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ ปี 66 รวมทั้งเห็นชอบ ตามที่ กกท.เสนอให้ กทม.จ.ชลบุรี และ จ.สงขลา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.2568 และให้ จ.นครราชสีมา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกม ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 20-26 ม.ค. 2569 ก่อนเสนอ ครม.ทราบต่อไป

‘บิ๊กป้อม’ ประชุมวางแผนงบบูรณาการ 3 คณะรวด เกาะติดแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ – น้ำ - รบ.ดิจิทัล

พล.อ.ประวิตร  ประชุม วางแผนงบบูรณาการ 3 คณะ  เกาะติดแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ -น้ำ-รัฐบาลดิจิทัล  น้อมนำศาสตร์พระราชา สอดรับยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำ งานไม่ซ้ำซ้อน ปชช.มีส่วนร่วม/ได้ประโยชน์ตรงความต้องการ

(26 ม.ค. 65) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ปี 67 ทั้ง 3 คณะต่อเนื่องกัน ซึ่งเป็น 3 แผนงาน จากทั้งหมด 11 แผนงาน ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล

การประชุมคณะแรก (คณะที่ 1.1) การขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี สมช.เป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกับ กอ.รมน. และ ศอ.บต. โดยที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ กรอบงบประมาณรายจ่ายบูรณาการตามแผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา จชต. งบปี67 มีหลักเกณฑ์ในการจัดทำงบฯที่สำคัญ อาทิ ต้องสอดคล้องกับเจตนารมย์และเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีการเชื่อมโยงสนับสนุนซึ่งกันและกัน แบบห่วงโซ่คุณค่า (value chain) คำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ของ UN รวมถึงให้มีการขยายผลตามแนวศาสตร์พระราชา และยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" เป็นต้น ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ให้นโยบายการทำงาน ต้องลดความหวาดระแวง สร้างกระบวนการยุติธรรมให้เด่นชัด มุ่งเน้นการแก้ปัญหาความยากจน และการพัฒนาการศึกษา ให้เป็นรูปธรรม

ต่อด้วย การประชุมคณะที่สอง (คณะที่ 1.2) แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มี สทนช.เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลัก โดยที่ประชุมได้เห็นชอบ หลักเกณฑ์การพิจารณาแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประจำปี67 ซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี และเป็นแผน/โครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำที่ กนช. เห็นชอบแล้ว รวมทั้งได้พิจารณาเห็นชอบ แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำประจำปี67 ซึ่งจะมี 21 หน่วยงานจาก 8กระทรวง รับผิดชอบ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ให้ สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับประโยชน์ อย่างทั่วถึง เท่าเทียมกัน เนื่องจากน้ำมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ต่อทุกคน ทุกพื้นที่ และการบริหาร งป.ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ด้วย

‘บิ๊กป้อม’ โดดประชุมใหญ่ พปชร. อ้างเวลาราชการ คาดเตรียมคุย ‘อุตตม-สนธิรัตน์’ ชวนกลับพรรค บ่ายนี้

‘บิ๊กป้อม’ โดด ประชุมใหญ่ พปชร. อ้างเวลาราชการ เตรียมเปิดโต๊ะดีล ‘อุตตม-สนธิรัตน์’ บ่ายนี้ ชวนกลับพรรค ลุยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ม.ค.ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พรรคพลังประชารัฐจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1 / 2566 มีวาระสำคัญแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค เลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยมีกรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัทธิยกุล หัวหน้าทีมกทม. และสมาชิกพรรค เข้าร่วม ตามที่กฎหมายกำหนด

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวก่อนประชุมว่า การประชุมวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยให้เหตุผลว่ายังอยู่ในเวลาราชการ จึงมอบหมายให้ตน ทำหน้าที่ประธานการประชุม

พปชร.เคาะ ‘บิ๊กป้อม’ หนึ่งเดียวแคนดิเดตนายกฯ ชี้!! เป็นที่ ‘เคารพ-ศูนย์รวมใจ’ ลูกพรรค

เคาะ ‘บิ๊กป้อม’ หนึ่งเดียวแคนดิเดตนายกฯ พปชร. ชี้!! เป็นที่เคารพ-ศูนย์รวมใจลูกพรรค ไฟเขียว ตั้ง ‘บุญสิงห์-สกลธี-อภิชัย’ นั่งกก.บห.แทนที่ว่าง ด้าน ‘เสธ.โย’ นั่งนายทะเบียน ฟาก ‘อนุชา-สุรสิทธิ์’ ไขก๊อก กก.บห. ‘วิรัช’ ปลุกใช้ใจบันดาลแรงดัน ‘ประวิตร’ ผู้นำคนที่ 30

(27 ม.ค. 66) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ได้จัดประชุมใหญ่สามัญพรรค ครั้งที่ 1/2566 โดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ทำหน้าประธานการประชุม โดยประธานแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงการแก้ไขข้อบังคับพรรค และมีกรรมการบริหารพรรคลาออก 3 คน คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลาออกจาก ผอ.พรรค, นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลาออกจาก กก.บห. และนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ลาออกจากนายทะเบียนพรรค และได้มีการเสนอให้สมาชิกลงมติเลือกกรรมการบริหารพรรค จำนวน 3 คน แทนตำแหน่งที่ว่างคือ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล, นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายอภิชัย เตชะอุบล เป็นกรรมการบริหารพรรค

และเห็นชอบตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. เป็นบุคคลที่พรรค พปชร.เสนอให้ได้รับการพิจารณาเป็นนายกฯ เพียงชื่อเดียว และขั้นตอนจากนี้จะมีการเสนอต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

ด้านนายวิรัช กล่าวว่า วันนี้ถือว่า พปชร.เราก้าวนำในพื้นที่ เราเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯก่อนทุกพรรค โดยเสนอเพียงชื่อเดียว ซึ่งพวกเราหมายมั่นปั้นมือกันทุกคน เราจะต้องร่วมแรงร่วมใจ หรือเอาใจบันดาลแรง ที่จะทำให้แคนดิเดตนายกฯ พปชร.ได้เป็นนายกฯคนที่ 30 และจากการที่เราเสนอจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เราได้เป็น นายกฯ คราวนี้เรามีความเชื่อมั่น 100% หรือ 1,000% ว่า หัวหน้าพรรคพปชร.จะได้เป็นนายกฯแน่นอน นอกจากนี้ขอแจ้งให้สมาชิกพรรคเข้าร่วมงานระดมทุนในวันที่ 30 ม.ค.นี้อย่างพร้อมเพรียง ห้ามขาด ขณะเดียวกัน นโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะนโยบายแรกคือ บัตรประชารัฐ 700 บาท และจากสโลแกนของ พปชร. เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาพื้นที่ อยากให้ทุกคนช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันไปหาเสียงกับประชาชน จะใช้คำว่า 700 ทั่วไทย หรือจะใช้คำว่า ป้อม 700 หัวหน้าพรรคไม่ได้ขัดข้อง

ขณะนายไพบูลย์ แถลงผลการประชุมใหญ่สามัญพรรค ว่า ประเด็นสำคัญของการประชุมคือ การแก้ไขข้อบังคับ โดยเฉพาะการคัดเลือกเสนอบุคคลที่เห็นสมควรเสนอให้พิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกฯของพรรค ที่ปกติต้องรอให้มีการประกาศเลือกตั้งทั่วไปก่อน จึงจะดำเนินการ แต่เนื่องจากพรรคพปชร. พลังประชารัฐอยากให้เกิดความชัดเจน จึงได้ดำเนินการก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.)การเลือกตั้งออกมา

นายไพบูลย์ กล่าวว่า โดยที่ประชุมใหญ่ได้ดำเนินการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ หลังตนได้รับฟังความเห็นจาก ส.ส. ตัวแทนพรรค สาขาพรรค และสมาชิก ทุกท่านเห็นตรงกันว่าพรรคต้องเสนอบุคคลที่สมาชิกพรรคเคารพสูงสุด และเป็นศูนย์รวมจิตใจมาโดยตลอด คือ พล.อ.ประวิตร จึงได้เสนอท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ และศักดิ์ศรีของพรรค 

"ทุกคนเห็นตรงกันเสนอ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงท่านเดียว เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และศักดิ์ศรีของพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องเสนอท่านที่สูงสุด เหมาะสมที่สุด ที่ประชุมทุกระดับชั้น เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร มีความเหมาะสม และเชื่อว่าท่านจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แน่นอน" นายไพบูลย์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top