Saturday, 19 April 2025
นายกรัฐมนตรี

‘อุ๊งอิ๊ง’ ยัน!! เดินหน้าทำ ‘โครงการดิจิทัลวอลเล็ต’ ย้ำ!! ทำตามกฎหมาย วินัยการคลัง รับฟังความคิดเห็น

(18 ส.ค.67) หลังเข้าร่วมพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวโดยระบุว่า วันนี้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทำเพื่อประเทศชาติตลอด 1 ปีที่ผ่านมาแม้ตนเองจะไม่ ๆ ได้วางแผนในการเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน แต่ขอให้มั่นใจว่า พร้อม เต็มใจ

ที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ พาประเทศชาติผ่านอุปสรรค ผ่านปัญหาต่าง ๆ และแน่นอนประเทศไทยของเรามีปัญหาปากท้องที่รอการแก้ไข และตั้งใจว่าการได้รับตำแหน่งนี้มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า ตั้งใจผลักดันนโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปัญหายาเสพติด ระบบสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาได้ทุกที่ และไทยแลนด์ ซอฟต์พาวเวอร์ อย่างต่อเนื่องที่ทำมาตั้งแต่ต้น และมีความตั้งใจที่จะร่วมงานกับทุกภาคส่วนที่จะผลักดันนโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ให้สำเร็จ โดยจะแถลงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมเดือน ก.ย.นี้ 

ขอบคุณพลังประชาชนทั้งที่เลือกและไม่ได้เลือก สัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มความสามารถ โดยที่ไม่มีความแบ่งแยกในความแตกต่างทุกเพศ ทุกวัย และความหลากหลายทั้งในฐานะ นายกรัฐมนตรี แม่ ลูก เพื่อน มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้ประเทศไทยทุกตารางนิ้วเป็นของโอกาสที่คนไทยทุกคนกล้ามีความฝัน ความคิดที่สร้างสรรค์และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง 

นอกจากนี้ นางสาวแพทองธาร ตอบคำถามสื่อมวลชน ได้กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดย ยืนยันว่า นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้สั่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งการทำนโยบายอะไรต้องปรึกษาพรรคร่วมด้วย และขอให้แยกบทบาทเพราะเข้าใจดีว่า นายทักษิณ ก็คงไม่สามารถลบภาพทางการเมืองออกได้ เพราะก็ยังเป็นคนที่หลายคนเคารพนับถือ และหลายคนคงขอคำปรึกษาตามประสบการณ์ที่ท่านมี 

ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มีความตั้งใจทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ ซึ่งปีที่แล้วที่หาเสียงเรื่องนี้ เป็นการศึกษาและสังเคราะห์มาอย่างดีแล้ว แต่ช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป เราจะต้องศึกษาและรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม แน่นอนต้องอยู่ในระเบียบ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังด้วย และในเนื้อหารายละเอียดต้องชัดเจนและฟังความเห็นต่อเนื่อง เป้าหมายคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นความตั้งใจนี้จะยังอยู่แน่นอน

ต่อข้อซักถามผู้สื่อข่าวที่ระบุว่า นายทักษิณจะครอบงำทางการเมือง นางสาวแพทองธาร ยืนยันว่า ไม่ใช่การครอบงำแน่นอน ทุกคนในครอบครัวมีความคิดเป็นของตัวเอง เราปรึกษากันและให้เกียรติกันทางความคิด แต่สุดท้ายเมื่อใครอยู่บทบาทไหน ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าความคิดของครอบครัวหรือคนที่เคารพนับถือ ย่อมมีส่วนสำคัญ และยังเร็วไปมากในเรื่องคณะรัฐมนตรี ยังไม่ได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล

ส่วนคำถามที่ว่า จะซ้ำรอยพ่อ รอยอา นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ปัญหาประเทศต้องได้รับการแก้ไขก่อน และจะทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และพร้อมเข้าหาทุกภาคส่วน เข้าหาทุกคน ทั้งอดีตนายกรัฐมนตรีหลาย ๆ ท่านพรรคร่วม และเชื่อว่าไม่มีงานใหญ่ขนาดนี้ที่คนหนึ่งคนจะทำสำเร็จได้ แต่มีความตั้งใจ เคารพ และเชื่อในความสามารถของทุก ๆ คน เพราะฉะนั้นคงไม่สามารถสร้างประสบการณ์ได้โดยการดีดนิ้วทีเดียว และขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ทั้งหมด

ไม่มีใครอยากโดนอย่างคุณพ่อ คุณอา วันนี้คุณพ่อ คุณอาก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น มีความตั้งใจที่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องที่สุด ต้องมองไปที่เป้าหมาย ถ้ามานั่งกังวลทุกอย่าง ก็คงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เพื่อไม่ให้มีคดี นางสาวแพทองธาร กล่าวทิ้งท้าย

4 โจทย์ใหญ่เศรษฐกิจไทย ที่ตกถึงมือ 'นายกฯ หญิงคนใหม่' 'โรงงานปิด-อสังหาฯ ชะลอตัว-ทุนจีนบุกหนัก-เงินหมื่นรอทบทวน'

เมื่อวันที่ (14 ส.ค.67) ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลง รวมไปถึงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ที่นายกฯแต่งตั้ง ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วยทั้งหมด    

คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยไม่เรียกว่ารักษาการ ยังคงสามารถบริหารราชการได้หมดทุกเรื่อง ทุกประการ จนกว่าจะแต่งตั้งใหม่

แต่...โครงการใหญ่ ยังไงก็คงต้องรอ มติ ครม. ชุดใหม่ โดยเฉพาะ 'โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท' ซึ่ง นายวิษณุ เครืองาม อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ได้แถลงในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 

การเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ อาจสะดุดเล็กน้อย ซึ่งการแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ ก็น่าจะยังคงรูปเดิม เกือบทุกกระทรวง เพื่อไม่ให้เกิดอุปสรรค ต่อความร่วมมือของพรรคร่วมรัฐบาล

18 สิงหาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย 38 ปี (เกิด 21 สิงหาคม 2529) แถลงข่าวภายหลังรับสนองพระราชโองการฯ เล็งกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผลักดันโครงการซอฟต์พาวเวอร์ แต่โครงการสำคัญ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' จะไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง...ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความกังวลในการเดินหน้าโครงการนี้

ภาคอสังหาริมทรัพย์ ปีนี้ 'หนัก' ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ (REIC) ปรับลดคาดการณ์ปี 2567 โอนติดลบ 4.4% หวังมีปัจจัยบวกฉุดภาพทั้งปี ติดลบน้อยลง ระบุภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งแรกของปี 67 ชะลอตัวแรงกว่าช่วงโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนพื้นที่การออกใบอนุญาตก่อสร้างไตรมาส 2/67 มีจำนวนลดลง 19% ต่ำสุดในรอบ 26 ไตรมาส

การปิดกิจการของโรงงาน และผู้ประกอบการ SMEs ที่ปิดตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา กับข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อความยั่งยืน จากธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ทั้ง 8 แห่ง ที่ร่วมกันสนับสนุนการปรับตัวของธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในงาน 'Financing the Transition: การเงินเพื่อการปรับตัวสู่ความยั่งยืนของภาคธุรกิจ' หวังว่า ผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังไม่ปิดกิจการ จะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไปได้

อีกด้านประเด็นสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ การอุปโภคบริโภคของประชาชน ท่ามกลางทะเลเดือดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ที่กลายเป็นแพลตฟอร์มจากต่างประเทศ ที่จะเข้ามาโกยรายได้จากคนไทย และจะไปกระทบต่อกับธุรกิจคนไทยด้วยกัน ที่ไม่สามารถขายสินค้าแข่งได้...จะล้มไปอีกเท่าไหร่ ถ้ายังไม่อุดช่องว่างที่เราจะเสียเปรียบในการนำรายได้เข้าประเทศ

ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เดินเครื่องไม่ได้เต็มสูบ และต้องรอดูกันต่อว่า หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะถูกปรับเปลี่ยนอีกหรือไม่ กับความหวังจะให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 ลูก คงลุ้นยิ่งกว่าลุ้นรางวัลที่ 1 สักงวดในปี 2567 นี้

อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย (https://www.facebook.com/share/p/g7A1x6aLiwUi2MfQ/)

THAI PUBLICA (https://thaipublica.org/2024/08/cabinet-holds-special-meeting-to-appoint-bhumtham-to-act-as-prime-minister/)

“แพทองธาร” ประกาศเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทยเป็นพื้นที่ของโอกาสของคนไทยทุกคน

(วันที่ 18 สิงหาคม 2567) เวลา 11.00 น. ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีรังสิต ภายหลังการรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงคำกล่าวต่อสื่อมวลชน ว่า ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอีกครั้ง พรรคร่วมรัฐบาลและประชาชนทุกคน ขอบคุณที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ให้ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

วันนี้ ดิฉันให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ขอบคุณอดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ที่ท่านได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้วางแผนในการเป็นนายกฯ ในครั้งนี้มาก่อน แต่ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า ดิฉันพร้อมและเต็มใจที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ พาประเทศชาติ ผ่านอุปสรรค ผ่านปัญหาต่างๆ

ประเทศไทยของเรายังมีปัญหาเรื่องปากท้องที่รอการแก้ไขอยู่ และดิฉันตั้งใจว่า การได้รับตำแหน่งนี้ ดิฉันมีความมุ่งมั่นในการทำให้ปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

ดิฉันมีความตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปัญหายาเสพติด ยกระดับระบบสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ และรวมถึงการผลักดัน Thailand  Soft power อย่างต่อเนื่องที่เริ่มทำมาตั้งแต่ต้น

ดิฉันมีความตั้งใจที่จะร่วมงานกับทุกภาคส่วน เพื่อที่จะผลักดันนโยบายต่างๆ เหล่านี้ให้สำเร็จลุล่วง ขอให้ทุกท่านติดตามการแถลงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมได้ในเดือนกันยายนนี้

สุดท้าย ดิฉันอยากจะขอขอบคุณพลังที่สำคัญที่สุด พลังอันยิ่งใหญ่ คือพลังของพี่น้องประชาชน ทั้งที่เลือกและไม่ได้เลือกดิฉัน

ดิฉันขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ อย่างเต็มความสามารถ โดยที่ไม่มีการแบ่งแยกความแตกต่าง ทุกเพศ ทุกวัย ทุกความหลากหลาย ดิฉัน ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในฐานะแม่ ในฐานะลูก  ในฐานะเพื่อน  ดิฉันมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้ประเทศไทย ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทยเป็นพื้นที่ของโอกาส เป็นพื้นที่ที่คนไทยกล้ามีความฝัน กล้ามีความคิดสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเองค่ะ

‘ยิ่งลักษณ์’ โพสต์ยินดี ‘อุ๊งอิ๊ง’ รับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 31 ลั่น!! ภูมิใจในตัวหลาน ขอให้โชคดีพาบ้านเมืองเจริญก้าวหน้า

(20 ส.ค. 67) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์รูปภาพคู่กับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านแอปพลิเคชันเอ็กซ์ พร้อมระบุข้อความว่า ขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ในฐานะอาภูมิใจมากที่หลานอาสาเข้ามารับหน้าที่และภารกิจอันยิ่งใหญ่เพื่อประเทศครั้งนี้ การเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยนั้น ย่อมต้องมีความกดดันและการคาดหวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในช่วงนี้

“แต่อาเชื่อว่า นายกฯ หญิงของอา เป็นคนเข้มแข็ง มีความสามารถ และเปิดกว้างพร้อมรับฟังความคิดเห็นในการทำงาน ใส่ใจในความรู้สึกของคนรอบข้าง เราผ่านสถานการณ์ที่หนักและยากลำบากมาหลายครั้ง แต่ก็สามารถผ่านมาได้อย่างเข้มแข็ง อาจึงเชื่อเสมอว่า ปัญหาหรือสถานการณ์ในวันข้างหน้า หลานก็จะสามารถก้าวผ่านและประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ

นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุด้วยว่า “อาขอให้นายกรัฐมนตรีหญิงของอาโชคดีประสบความสำเร็จนำพาบ้านเมืองของเราไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ประชาชน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รักและห่วงใยหลานเสมอ”

‘นายกฯ จีน’ ส่งสารยินดี 'อุ๊งอิ๊ง' รับตำแหน่งนายกฯ คนใหม่ ลั่น!! พร้อมทำงานสานต่อมิตรภาพดั้งเดิมที่มีอนาคตร่วมกัน

เมื่อวันที่ 19 ส.ค.67 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘หลี่เฉียง’ นายกรัฐมนตรีจีน ส่งสารแสดงความยินดีกับ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ สำหรับการเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย

โดย หลี่เฉียง ระบุว่า จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านฉันมิตรที่ใกล้ชิดและประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน โดยตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน ความสัมพันธ์จีน-ไทย ยังคงพัฒนาอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ไม่ว่าภูมิทัศน์ระหว่างประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ หลี่เฉียง เผยความพร้อมทำงานร่วมกับแพทองธาร เพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม ‘จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน’ และผลักดันผลสำเร็จในการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อนำพาผลประโยชน์มาสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศยิ่งขึ้น ขณะปี 2025 จะตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย

'นายกฯ อิ๊งค์' วอนทุกฝ่ายขอให้ดูที่ความตั้งใจ หลังถูกวิจารณ์เป็น 'ครม.สืบสันดาน' ลั่น!! เป็นนายกฯ แล้ว ไม่พร้อมข่มเหงใคร ยินดีรับฟังและให้เกียรติทุกฝ่าย

(5 ก.ย. 67) ที่อาคารชินวัตร 3 ‘น.ส.แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจโดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การที่ตนเข้ามาทำงาน ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ จากการโหวตของสภา ก็ต้องขอบคุณทุกท่าน และเมื่อเป็นนายกฯ แล้วไม่พร้อมที่จะข่มเหงใคร แต่พร้อมที่จะรับฟังและพร้อมที่จะให้ความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นคิดว่าหลักคิดตรงนี้จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามข้อวิจารณ์และข้อร้องเรียนต่าง ๆ ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดการบั่นทอนการทำงานของตัวเอง ซึ่งทุกคนก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ และถ้าเป็นการวิจารณ์ด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ คิดว่าน่าจะดีแต่สามารถเกิดขึ้นได้

เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์ว่าเป็นคณะรัฐมนตรีสืบสันดาน หรือ ครม.ครอบครัว ‘น.ส.แพทองธาร’ กล่าวยอมรับว่า…

“เป็นคำที่แรงจริงๆ ด้วยใช้คำแรงจัง ความจริงมีหลายรูปแบบมีหลายคนที่ไม่ได้มาจากครอบครัว หรือเกี่ยวข้องกันและก็มีหลายคู่ที่เป็นครอบครัวต่อมา ส่วนตัวอยากให้มองถึงความตั้งใจ ที่ตั้งใจถ่ายทอดกันมาในคนใกล้ชิดและคนรู้จัก หลายอย่างในชีวิตที่ต้องทำต้องอาศัยแรงผลักดัน และความภูมิใจของคนรอบข้าง ครอบครัว เพราะฉะนั้นคำว่าเป็นครอบครัวมันไม่ใช่ข้อเสียมันเป็นแรงผลักดันให้กันมากกว่า”

ส่วนข้อวิจารณ์และการร้องเรียนหนีไม่พ้นคำว่าครอบงำ โดยเฉพาะจากการพูดของ ’นายทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีกล่าวว่า…

“สงสารนายกฯ บ้างอย่าฟ้องอะไรเยอะเลย ดิฉันเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งใจทำงานเต็มที่ ขอย้ำอีกครั้งว่าบางครั้งเรื่องเล็ก ๆ อย่าให้ความสำคัญมากนัก คนฟ้องก็อย่าฟ้องเยอะเลยมันไม่ได้มีอะไรผิดแบบนั้นอยู่แล้ว”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของการแบ่งงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีนั้น ขอเวลาพิจารณาถึงงานต่าง ๆ ก่อน รวมถึงจะมอบหมายการกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้กับ ‘นายภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยหรือไม่ ขอพิจารณาดูอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีเปิดเผยด้วยว่า วันเดียวกันนี้จะพิจารณาในส่วนของนโยบายรัฐบาลที่จะนำสู่การแถลงต่อรัฐสภาโดยเฉพาะของพรรคเพื่อไทย วันเดียวกันนี้ก็จะมีการพูดคุยกันตกผลึกในทุกๆ ประเด็น เช่นเดียวกับในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการส่งเข้ามาแล้วบางพรรค รวมทั้งนโยบายของพรรคภูมิใจไทยในเรื่องของกัญชาขอให้รอสักนิดซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอดรอให้ได้ข้อสรุปแล้วจะมาชี้แจงอีกครั้ง

เคราะห์ซ้ำ น้ำซัด!! 'เศรษฐกิจไทย' กำลังปรับตัวดี แต่เจอน้ำท่วมสกัด โจทย์สุดหินต้อนรับ 'นายกฯ หญิง' ที่ต้องพา ศก.-คนไทย รอดไปพร้อมๆ กัน

(8 ก.ย. 67) "ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจประเทศไทย อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในหมวดอาหารสด และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน โดยหมวดอาหารสดเพิ่มขึ้นจากผลของฐานต่ำในปีก่อนและจากราคาผลไม้ที่เพิ่มขึ้นตามผลผลิตที่ลดลง...

"ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากหมวดอาหารสำเร็จรูป สำหรับอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานลดลงจากผลของฐานราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินที่สูงในปีก่อน...

"ด้านตลาดแรงงานปรับดีขึ้นสะท้อนจากการจ้างงานในระบบประกันสังคมทั้งในภาคการผลิตและบริการ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานต่อจำนวนผู้ประกันตนรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น...

"สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงจากดุลการค้า ตามมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลใกล้เคียงกับเดือนก่อน..."

นี่คือแถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงิน เดือนกรกฎาคม 2567 จากธนาคารแห่งประเทศไทย เหมือนมีข่าวดีเล็ก ๆ จากการจ้างงานที่มีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีแรงงานที่แจ้งขอรับสิทธิว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่บ้าง ซึ่งเศรษฐกิจไทยโดยรวมปรับดีขึ้นหลังชะลอลงในเดือนก่อน

แต่เหมือน ‘เคราะห์ซ้ำ น้ำซัด’ ปลายเดือนสิงหาคม กับข่าวน้ำท่วมใหญ่ ไล่จากภาคเหนือ ตั้งแต่ จังหวัดเชียงราย พะเยา ลงมาเรื่อย สถานการณ์ปัจจุบันฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง จังหวัดอ่างทอง อยุธยา แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มสูงขึ้น เขตปริมณฑล นนทบุรี แถบ บางบาล-ตลาดขวัญ ต้องเฝ้าระวัง 

ข้ามไปทาง พัทยา ก็เจอพายุฝนถล่มหนัก น้ำท่วมในบางพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ไม่น้อยหน้า แถบร้อยเอ็ด ยโสธร ศรีสะเกษ เจอพายุฝนกระหน่ำ ลำน้ำชี น้ำขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ก็ต้องคอยเฝ้าระวัง

เหมือนพายุฝนเตรียมต้อนรับ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ของนายกรัฐมนตรีหญิง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หลังปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 พร้อมงานใหญ่ ที่ต้องช่วยผู้ประสบอุทกภัย โดยอย่างยิ่งในพื้นที่ฐานเสียงหลัก ถึงแม้หลายฝ่ายจะคาดการณ์ว่า น้ำคงไม่ท่วมหนักเหมือนช่วงปี 2554 แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ ที่สภาพเศรษฐกิจไทย 'ยังคงย่ำแย่' เจอน้ำท่วมในหลายจังหวัด การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ คงเป็นงานหินพอสมควร

มาตรการสินเชื่อโครงการ Financing the Transition มุ่งหน้าสู่การปรับตัวอย่างยั่งยืนของภาคธุรกิจ (Soft Loan) ที่ออกมาช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เหมือนจะยังไม่ตอบโจทย์ ตรงประเด็นเท่าใดนัก เพราะจำกัดประเภทของธุรกิจที่สามารถเข้าถึงสินเชื่อนี้ ที่ต้องการให้ภาคธุรกิจเอกชน ปรับตัวเป็นธุรกิจสีเขียว เพื่อความยั่งยืน แต่ตอนนี้ SME หลาย ๆ ราย คงขอเอาตัวรอดให้ได้ก่อน

ตอนนี้ คงต้องเอาใจช่วยไปก่อน เพราะเศรษฐกิจไทย กำลังโดนโจมตีหลายด้าน ภาวะการอุปโภคบริโภคของประชาชนยังไม่ฟื้นตัว ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ ที่จะเข้ามาโกยรายได้จากคนไทย และไปกระทบต่อกับธุรกิจคนไทยด้วยกัน พร้อมผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วม เอาใจช่วยคนไทย เป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัย ทั้งน้ำท่วม และเศรษฐกิจ...

อีกด้าน!! ความจริงที่ว่า “ทำไมไม่ค่อยเห็น ‘รมต.-สส.’ ลงน้ำท่วม?” เพราะ 'สั่งการ-ประสานทีมพื้นที่' ช่วยประชาชนไว้แล้ว

(13 ก.ย. 67) จากเฟซบุ๊ก 'KUL' โดย กุลวิชญ์ สำแดงเดช ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ทำไม ไม่ค่อยเห็น รมต. สส. ลงน้ำท่วม

ช่วงนี้มันเป็นการแถลงนโยบาย อันนี้ ต้องให้ความเป็นธรรม มันมีการถามตอบกันอยู่ตลอด

แล้วถามมา ก็ต้องตอบ 

คนอื่นตอบแทนไม่ได้

ดังนั้น รัฐมนตรี ใช้การสั่งการ แทนลงจริง ไปก่อน

และ สำหรับ เหล่า สส. จากที่พูดคุย ทีมงานของทุกท่าน ประจำอยู่ในพื้นที่ มีการประสานช่วยเหลือแล้ว 

เพียงแต่เป็นทีมประสานงาน ทีมเฉพาะกิจ ก็ไม่มีข่าวปรากฏ แต่ไม่ได้หมายถึงนักการเมืองทิ้งประชาชนแบบที่ มีการพยายามสื่อ

ถ้าจำกันได้ ที่ผ่านมา ช่วงน้ำท่วม ซึ่งมันไม่ติดงานแถลงนโยบาย รมต. สส. ก็ลงกันไปเยอะ 

ผมมั่นใจว่า หลังแถลงนโยบาย 

จะมีการลงพื้นที่อย่างอึกทึกครึกโครมแน่นอน

‘หมออั้ม’ โพสต์เฟซ ‘3 ประโยค’ ได้ใจชาวเชียงราย ชี้!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ มี วุฒิภาวะนายกรัฐมนตรี

เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.67)  ‘หมออั้ม’ อิราวัต อารีกิจ อดีตนักร้องชื่อดังและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมระบุข้อความว่า ...

‘เอามือลง ไม่ต้องไหว้’
‘ไม่เหลืออะไร ยังเหลือชีวิต’
‘ทุกคนส่งกำลังใจมา ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน’
นี่คือ 'วุฒิภาวะนายกรัฐมนตรี'

โคตรแตกต่าง กับอ้ายอีหน้าคีย์บอร์ด
ที่ทำแบบนางไม่ได้ ‘ทุกตรง..ของชีวิต’
แต่คอยหาเรื่องแซะด่าเขา คอยด่าลับหลัง
แม้แต่แคปชันมินิฮาร์ท ที่นักข่าวถ่าย ยังเอาไปแขวะ

อันนี้น่าสมเพชนะ ดูสันดานคนออกเลย

'นายกฯ' ประชุมวอร์รูมใหญ่แก้น้ำท่วม จ่อลงพื้นที่เชียงรายพรุ่งนี้ ย้ำข้าราชการไม่ต้องมาต้อนรับ ให้หน้างานอยู่กับประชาชนเป็นหลัก สั่งการดูแลอพยพประชาชน-สัตว์เลี้ยง พร้อมวอนผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่เสี่ยง หลังจากนี้เรื่องการเยียวยารัฐบาลจะขอรับไว้เอง

(12 ก.ย.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม , นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย , นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข , นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ , นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยทีมราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี รับฟังรายงานสถานการณ์ และ การช่วยเหลือที่กำลังดำเนินการ จาก กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนหน้า) จ.เชียงราย , ปลัดกระทรวงมหาดไทย , ผู้บัญชาการทหารสูงสุด , ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และ เชียงใหม่ , กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย , กรมชลประทาน , กองทัพบก , กรมทรัพยากรธรณี , กรมอุตุนิยมวิทยา , GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการว่า ตามที่ได้รับรายงานสถานการณ์ และการช่วยเหลือของส่วนราชการในพื้นที่เบื้องต้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเข้าถึงพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด ขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังนี้

1. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลเรื่องการอพยพประชาชน และสัตว์เลี้ยงให้มีความปลอดภัย ตลอดจนสนับสนุนด้านอาหาร  และน้ำดื่ม รวมถึงอาหารสัตว์ให้เพียงพอ

2. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ที่ศูนย์อพยพ และยารักษาโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง โดยให้แบ่งมอบพื้นที่ กำหนดภารกิจ และหน่วยปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น การดูแลด้านการดำรงชีพ การจัดตั้งศูนย์พักพิง การประกอบอาหาร ถุงยังชีพ การแพทย์ และการสาธารณสุข โดยให้มีการใช้ทรัพยากร และอุปกรณ์เครื่องมือของแต่ละหน่วยงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดูแลความปลอดภัยของทรัพย์สิน และบ้านเรือนของราษฎร

4. เมื่อน้ำลด ให้ทุกส่วนราชการตรวจสอบ ความเสียหายระบบสาธารณูปโภค ถนน สะพาน ระบบไฟฟ้า และประปา เพื่อสร้างความเข้าใจ รับฟังปัญหาความต้องการ และดำเนินการปรับปรุงให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมทั้งแสวงหาความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น หน่วยทหารพัฒนา เพื่อช่วยเหลือประชาชน ร่วมกันทำความสะอาดบ้านเรือน ถนน และพื้นที่สาธารณะที่ถูกน้ำท่วม

5. มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบ และเสริมความมั่นคงแข็งแรงเชิงโครงสร้างให้กับคันกั้นน้ำ และระบบระบายน้ำโดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญ และเร่งรัดปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้โดยเร็ว

ในเรื่องของงกลาง รัฐบาลได้กำหนดการที่จะมีส่วนช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่แค่ตอนเยียวยาแต่ช่วยตอนนี้ด้วย และอยากให้ทุกฝ่ายรักษาชีวิตประชาชนเป็นหลักโดยด่วน และอพยพออกมาจากพื้นที่น้ำท่วมให้เร็วที่สุด นี่คือเหตุจำเป็นและเร่งด่วน

6. ขอให้กรมทรัพยากรธรณี เร่งรัดการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยสูงโดยด่วน เพื่อให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้า และเตรียมการได้ทันเวลา ซึ่งแม้ว่าระบบเตือนภัยจะมีแล้ว แต่ประชาชนจำนวนหนึ่งยังไม่อยากออกมาจากบ้าน เพราะเสียดายทรัพย์สินซึ่ง เราก็เข้าใจว่าการจะทิ้งทรัพย์สินเป็นเรื่องที่เสียดาย แม้ระบบเตือนภัยได้ทำการเตือนแล้ว ซึ่งตนเองอยากบอกพี่น้องประชาชนว่า เราจะขอรับดูเรื่องการเยียวยาและดูแลประชาชน ดังนั้นขอให้ทุกท่านรักษาชีวิตตัวเองก่อน และ ออกมาจากพื้นทีีประสบภัยโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องอื่นรัฐบาลจะช่วยได้ในรูปแบบไหนบ้าง จากนี้จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะช่วยดูแลอย่างดีที่สุด 

7. เนื่องจากประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงฤดูฝน ขอให้ส่วนราชการที่ทำหน้าที่คาดการณ์สภาพอากาศ รวมทั้ง GISTDA ติดตามปริมาณฝน และระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ แนวโน้ม และแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนในชุมชนและหมู่บ้าน ทราบถึงแนวทาง การปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย และช่องทางในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการอพยพ

8. ให้พิจารณาการใช้เงินจากกองทุน และการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย (หากมีผู้ประสงค์จะร่วมบริจาค) โดยมอบหมายสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

9. ขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำในระยะยาวต่อไป

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) ตนและคณะรัฐมนตรีบางส่วน ได้วางแผนว่าจะไปลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อไปดูสถานการณ์จริง และสั่งการได้อย่างเร่งด่วนกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้ทุกภาคส่วนดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างปกติ ไม่ต้องมาต้อนรับ เพราะไม่อยากให้กระทบถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่รอความช่วยเหลือ ตั้งใจที่จะไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ไม่ได้อยากเป็นเพิ่มภาระให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่

“สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานต่อท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นรายวัน หรือเร็วกว่านั้นหากมีสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อที่จะได้ประเมินสถานการณ์ได้ทันเวลา และเตรียมรับมือกับปัญหา ตลอดจนหามาตรการเยียวยาประชาชนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งดิฉันจะเข้ามาติดตามงานด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด” นายกรัฐมตรี กล่าวจบในที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top