Saturday, 19 April 2025
นายกรัฐมนตรี

'นายกฯ ญี่ปุ่น' เตรียมลงจากตำแหน่งผู้นำพรรครัฐบาล เดือน ก.ย.นี้ ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวต่างๆ และความขัดแย้งทางการเมือง

(14 ส.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาลในเดือนกันยายน 2567 นี้ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี ที่เขาดำรงตำแหน่งในช่วงผลักดันให้เพิ่มค่าจ้างและเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม

ที่ผ่านมาเสียงสนับสนุนคิชิดะลดลงอย่างมาก ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวต่าง ๆ และท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง

คิชิดะจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) อีกต่อไป สื่อท้องถิ่น รวมถึงสถานีวิทยุและโทรทัศน์สาธารณะ NHK รายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง

การตัดสินใจลาออกของเขาจะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่จะมาแทนที่เขา และขยายไปเป็นผู้นำเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก

ผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาจะต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น และอาจเป็นไปได้ที่โดนัลด์ ทรัมป์จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า

24 สิงหาคม พ.ศ. 2557 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย

หากย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย

ประกาศราชกิจจานุเบกษา พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาดังนี้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

จึงทรงพระราชดำริว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ที่สมควรไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2557 เป็นปีที่ 69 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

'ศาลรัฐธรรมนูญ' ลงมติ 5 ต่อ 4 'นายกฯ เศรษฐา' มีความผิด กรณีแต่งตั้ง ‘นายพิชิต’ เป็นรัฐมนตรี ส่งผลให้ ครม.พ้นทั้งคณะ

(14 ส.ค.67) ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 40 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 ) หรือไม่

จากกรณี นายเศรษฐา ได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ หรือ ควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 

เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา สิ้นสุดลงได้  

ส่งผลให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30  

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ ‘รับคำร้อง’ ไว้วินิจฉัย ด้วยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 โดยตุลาการเสียงข้างมาก 6 เสียง ประกอบด้วย 1.นายปัญญา อุดชาชน 2.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน 4.นายจิรนิติ หะวานนท์ 5.นายนภดล เทพพิทักษ์  และ 6.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 

ส่วนตุลาการฯ เสียงข้างน้อย 3 เสียง ประกอบด้วย 1.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 2.นายอุดม รัฐอมฤต และ 3.นายสุเมธ รอยกุลเจริญ 

ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้ นายเศรษฐา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ  

โดยตุลาการฯ เสียงข้างมาก 5 เสียง ประกอบด้วย 1.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 2.นายนภดล เทพพิทักษ์ 3.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 4.นายอุดม รัฐอมฤต และ 5.สุเมธ  รอยกุลเจริญ

ส่วนตุลาการฯ เสียงข้างน้อย 4 เสียง ประกอบด้วย 1.นายปัญญา อุดชาชน 2.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน 4.นายจิรนิติ หะวานนท์

‘สุทิน’ การันตี ‘ชัยเกษม’ สุขภาพดี แข็งแรง ไม่มีปัญหา ความรู้ความสามารถประสบการณ์ไม่ได้เป็นรองใคร

(15 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและรักษาการรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม สส. พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนมองว่าแทรกแซงจากบุคคลภายนอก ว่า เขารู้จักกันก็เรียกไปปรึกษาหารือเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นทางการ ปรึกษาหารือธรรมดา

ต่อข้อคำถามว่า ‘ห่วงว่าจะมีคนยื่นเอาผิดภายหลังหรือไม่ กรณีคนนอกเข้ามาแทรกแซงพรรค?’ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่น่ามีอะไรถึงขั้นนั้น เพราะสถานการณ์เป็นแบบนี้ คนรู้จักกัน ต้องหารือกัน ซึ่งการหารือดังกล่าว ไม่ใช่การเคาะชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ให้เสนอชื่อโหวตเป็นนายกฯ ทั้งนี้ชื่อดังกล่าวเป็นการคาดหมายกันเท่านั้น เพราะการเสนอชื่อต้องเป็นมติพรรคที่ต้องออกมาอย่างเป็นทางการ

เมื่อถามถึง ‘ความพร้อมของนายชัยเกษมต่อการรับตำแหน่งนายกฯ เพื่อบริหารประเทศ’ นายสุทิน กล่าวว่า ดูแล้วล่าสุดนายชัยเกษมสุขภาพดี แข็งแรง ไม่มีปัญหา และโดยความรู้ความสามารถประสบการณ์ไม่ได้เป็นรองใคร ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อนายชัยเกษมต่อสภาฯ มั่นใจว่า จะได้รับเสียงโหวตเพราะพรรคเห็นด้วย แต่หากที่ประชุมมีมติไม่ส่งชื่อนายชัยเกษมแสดงว่าพรรควิเคราะห์แล้วว่าไม่ได้รับการยอมรับ 

“เราเป็นพรรคเดียวกันและทำงานต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาต่อความเชื่อมั่น อีกทั้งยังทำงานเป็นทีมและมีทีมที่ดีจึงไปต่อไป ทั้งนี้ผมเชื่อว่าหากสส. และสภาฯ ยอมรับก็ขายได้ ส่วนประชาชนจะยอมรับหรือไม่ ที่ผ่านมานายชัยเกษมเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ตั้งแต่ต้น ถือว่าผ่านการเสนอตัวและพิจารณาจากประชาชนมาแล้ว” นายสุทิน กล่าว

เมื่อถามถึง ‘ปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีหลังจากนี้’ นายสุทิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องรอหลังจากได้ตัวนายกฯ แล้ว

สุดท้ายเมื่อถามย้ำว่านายสุทิน ‘ยังดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมต่อหรือไม่’ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่แน่ เรากำหนดตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะอยู่ที่ไหนอย่างไร เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือยังกับตำแหน่งนี้ นายสุทิน กล่าวว่า “ยังฟิตอยู่ อยู่ที่โอกาส” 

‘เศรษฐา’ เคลื่อนไหวผ่าน X หลังพ้นสถานะ ‘นายกฯ’ เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใหม่ สวมถุงเท้าแดง-มีสุนัขตัวโปรด

(15 ส.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใหม่หลังจากพ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยในแอปพลิเคชัน X หรือ ทวิตเตอร์ ได้ใส่แฮชแท็กว่า #NewProfilePic โดยรูปภาพดังกล่าวเป็นรูปในลักษณะพักผ่อนอิริยาบถสบาย ๆ นั่งอยู่กับสุนัขตัวโปรด โดยในรูปนายเศรษฐาสวมถุงเท้าสีแดง ซึ่งเป็นสีที่เจ้าตัวชื่นชอบ

ทางด้านผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายเศรษฐา ได้มีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก อาทิ เป็นกำลังใจให้ท่านนายกค่ะรู้สึกเสียดาย, ท่านคือแบบอย่างที่ดีงามในทุกด้าน, นายกที่ขยันและแข็งแกร่งที่สุด นายกในดวงใจค่ะ my role model,นายกที่ทำงานเยอะที่สุด คนนึง ใจเย็น พูดจาดีไพเราะ และเก่งมาก ๆ คนหนึ่ง เสียดายค่ะ และ ขอบคุณการทำงานอย่างหนักเพื่อประเทศชาติในตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาครับ เป็นต้น

โดยวันนี้บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลในเช้าวันเดียวกันนี้ เป็นไปอย่างเงียบเหงามีเพียงบรรดาสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ และข้าราชการที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ในส่วนของนักการเมืองยังไม่มีบุคคลใดเข้ามา 

ส่วนบรรยากาศบนตึกไทยคู่ฟ้า ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ประตูยังคงปิดเงียบไม่มีบุคคลใดเข้าและออก  และในเวลา 14.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรมว.พาณิชย์ ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีรักษาการเป็นครั้งแรกที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

'พีระพันธุ์' ยัน!! รทสช. ย้ำจุดยืนหนุนแคนดิเดต พท. เป็นนายกฯ ต่อ แต่ยังยึดหลักเดิม 'ห้ามแก้ 112' ชี้!! หยุดปั่นดึง 'ลุงตู่' เอี่ยวเก้าอี้นายกฯ

(15 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รักษาการรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วยสมาชิกพรรค ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมพรรค โดยนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคขอสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ อย่างไรก็ตาม พรรครวมไทยสร้างชาติยังยืนยันว่าต้องไม่มีนโยบายที่จะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี กลับมาเป็นนายกฯ? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่กลับมา เพราะเป็นองคมนตรีแล้ว อย่าเอาข่าวแบบนี้มาทำให้มีปัญหาเพราะองคมนตรีไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อีกทั้งตามมารยาทแล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่แรก ก็ต้องให้สิทธิกับพรรคแกนนำรัฐบาลก่อน ทั้งนี้ การทำงานของรัฐบาลยังคงต่อเนื่อง เพียงแค่เปลี่ยนตัวนายกฯ เท่านั้น โดยโควตาของรัฐมนตรีเท่าที่ทราบมา ทุกพรรคก็ทำงานต่อเหมือนเดิม ส่วนความพึงพอใจนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติก็พอใจการทำงานที่ผ่านมา ส่วนพรรคอื่นต้องไปถามเอาเอง"

เมื่อถามถึงความกังวลในด้านสุขภาพของนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ตนก็ไม่ทราบเพราะจากข่าวก็ยังไม่มีการสรุปว่าแคนดิเดตจะเป็นนายชัยเกษม ซึ่งจากข่าวที่ออกมาก็ทราบเพิ่มว่าพรรคเพื่อไทยจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ เรื่องโดยมารยาทต้องเป็นเรื่องของพรรคแกนนำ ส่วนเรื่องปัญหาก็ต้องให้พรรคหลักเป็นผู้จัดการ"

เมื่อถามว่าทางพรรคพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทยต่อใช่หรือไม่? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ในเรื่องของนโยบายยังยึดเช่นเดิม แม้ว่าก่อนหน้านี้พรรครวมไทยสร้างชาติจะกังวลว่านโยบายนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จนกระทั่งมีการชี้แจงจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการคลังว่าสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชี้แจงว่าจะมีปัญหาหรือทำต่อไปได้หรือไม่"

เปิดผลงานภายใต้การบริหารของรัฐบาล ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ในระยะเวลา 358 วัน 🔍

พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 : 4 เสียง มีคำสั่งให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากกรณีการเสนอชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ 

หลังนายเศรษฐา ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ 358 วัน หรือเกือบ 1 ปี ผลงานภายใต้การบริหารงานของ ‘นายกฯ นิด’ มีหลายนโยบายที่ผลักดันสำเร็จ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ถือว่าเป็นมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาล ได้แก่… 

1.นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการให้วีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวทั้งจีน , คาซัคสถาน, อินเดีย, ไต้หวัน, และรัสเซีย 

2.การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ วุฒิปริญญาตรี เงินเดือน 18,150 บ.โดยจะปรับขึ้นในอัตรา 10% เป็นระยะเวลา 2 ปี ในปีงบประมาณ 2567 - 2568 การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ทยอยปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิเพิ่มขึ้น (ทุกคุณวุฒิ) ในอัตราร้อยละ 10 ภายใน 2 ปี

3.การขยายเวลาให้สถานบริการใน 5 จังหวัด/พื้นที่ ประกอบด้วย สถานบริการในท้องที่ กรุงเทพมหานคร, จ.ภูเก็ต, จ.ชลบุรี, จ.เชียงใหม่ และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงสถานบริการที่ตั้งที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมทั่วประเทศ ให้เปิดบริการได้ถึงเวลา 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้นได้ 

4.การประกาศแก้ปัญหาหนี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยเดินหน้านโยบายพักหนี้เกษตรกรเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 และการเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ  

5.การปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย โดยเริ่มต้นจากรถไฟฟ้า 2 สาย คือ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง (คลองบางไผ่-เตาปูน) และเตรียมขยายต่อในเส้นทางอื่น ๆ 

6.เปิดการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศ คือ ไทยและลาว ด้วยการโดยให้บริการรถไฟจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปยังสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ประเทศลาว

7.การลดภาระค่าครองชีพ ด้วยการปรับลดราคาค่าไฟฟ้า ปรับลดราคาน้ำมัน และตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม LPG เพื่อช่วยเหลือประชาชน

8.ปรับแก้กฎหมายให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินได้นานขึ้นจาก 50 ปีเป็น 99 ปี และการถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด เพิ่มสัดส่วนจาก 49% เป็น 75% 

9.ขายข้าวเก่า 10 ปี จากโครงการรับจำนำข้าวล็อตสุดท้าย ปริมาณ 15,000 ตัน ถือเป็นการปิดฉากมหากาพย์โครงการรับจำนำข้าว โดยสามารถนำเงินส่งเข้าคลังได้กว่า 270 ล้านบาท

10.การเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร เป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา 

11.แก้ไขกฎกระทรวง สธ.กำหนดให้ครอบครองยาบ้า 1 เม็ด และ ยาไอซ์ 100 มก.โดยยึดหลักการผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยแก้ไขกฎกระทรวงใหม่จากครอบครองยาบ้า 5 เม็ด และยาไอซ์ 500 มก.

12.การผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แพ่งและพาณิชย์ หรือ กฎหมายสมรสเท่าเทียม  ผ่านการพิจารณาของ สส.และ สว.ซึ่งจะทำให้มีผลในช่วงปลายปีนี้ 

13.ยกระดับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยปรับเป็น ‘30 บาทรักษาทุกที่’ ซึ่งเป็นการยกระดับบริการของ สปสช. ตามนโยบายรัฐบาล ไม่ต้องขอใบส่งตัวอีกแล้ว โดยประชาชนที่มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท หรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถเข้ารักษาในสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ทุกแห่ง 

14.การช่วยเหลือแรงงานที่ทำงานในประเทศอิสราเอล ที่เผชิญวิกฤตสงครามสู้รบระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ กลับสู่ประเทศไทยได้เกือบ 15,000 คน และนำร่างแรงงานผู้เสียชีวิตกลับสู่มาตุภูมิได้สำเร็จ

ขณะที่ โครงการเรือธงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทั้ง ‘โครงการดิจิทัลวอลเล็ต’ วงเงิน 10,000 บ.ที่เริ่มต้นเปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ซึ่งแต่เดิมคาดหมายว่าจะเริ่มได้ช่วงปลายปีนี้หรือในช่วงปีหน้า หรือ ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ และ ‘นโยบายซอฟต์พาวเวอร์’ จะมีอนาคตเป็นอย่างไร โดยนายเศรษฐาตอบคำถามสื่อมวลชน ว่าขึ้นอยู่กับ ‘นายกฯ คนใหม่’

'โหรฟองสนาน' ประเมินพื้นดวงแคนดิเดตนายกฯ ไทยคนต่อไป 'อุ๊งอิ๊ง' วาสนาสูง 'เสี่ยหนู' ยังรอโชคเทวฤทธิ์ ปี 68-69

(15 ส.ค.67) ฟองสนาน จามรจันทร์ นักพยากรณ์ชื่อดัง อดีตนักข่าวสายการเมือง และนักจัดรายการวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Fongsanan Chamornchan' ระบุว่า...

#แม่หมอประเมินพื้นดวงเดิมต่ำไป
#เกิดเมกาไม่รู้ลัคนาที่แน่นอน

วาสนาเดิมสูงจริง (ดวงชะตาดาวได้มาตรฐานราชาโชคสามดวง) -นึกว่ารอบนี้แค่ระดับรัฐมนตรี-แต่จะขึ้นถึงนายกฯ-ว่าที่นายกฯ หญิงคนที่สอง (เดชเดิม-เป็นศรีจร)

คุณอนุทิน-โปรดประสานรัฐบาลและรอต่อไปมีเกณฑ์ใหญ่โชคเทวฤทธิ์ชั้นที่หนึ่ง-5 พ.ค.68-14 ก.พ.69

'วิโรจน์' ยกเมฆ!! 'มรดกบาป 'คสช.' - ‘รธน.60' บั่นทอนประชาธิปไตย เหตุผล 'ปชช.' ไม่โหวต 'อุ๊งอิ๊ง' แต่ยังดีได้นายกฯ จาก 'สภาผู้แทนราษฎร'

(16 ส.ค.67) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

การ ‘ไม่เห็นชอบ’ ของผม เป็นการสะท้อนให้ประชาชนได้เห็นว่า ปัจจุบันอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย อย่างน้อย ๆ สองในสาม ซึ่งก็คือ อำนาจบริหาร และอำนาจนิติบัญญัติ กำลังถูกบั่นทอนจากนิติสงคราม โดยองค์กรที่ขาดการยึดโยงกับประชาชนอย่างแนบแน่น ไร้กลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลที่ได้สัดส่วนกับอำนาจ

ทั้งหมดนี้ ล้วนมีสารตั้งต้นมาจากการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ซึ่งทำให้มรดกบาปของ คสช. และอำนาจใด ๆ ของรัฐธรรมนูญปี 60 ยังคงอยู่บั่นทอนระบอบประชาธิปไตยต่อไป

การยุบพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 จากประชาชน การพ้นจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้าน ที่มีที่มาจากระบบรัฐสภา โดยองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญปี 60 ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสังเกตว่า อำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย กำลังถูกบั่นทอนอยู่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็ยังมีเรื่องที่พอจะเป็นความหวังอยู่บ้าง นั่นก็คือ นายกฯ คนใหม่ ยังคงมีที่มาจาก ‘สภาผู้แทนราษฎร’ ตามระบบรัฐสภา

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้แทนราษฎร ที่มาจากการเลือกของประชาชนทุกคน จะร่วมกันฟื้นฟู และปกป้องอำนาจอธิปไตยของประชาชนอย่างเต็มที่ร่วมกัน ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ การแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง

ในฐานะฝ่ายค้าน ผมจะทำหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลนี้อย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน และการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และปราศจากการคอร์รัปชัน

และยืนยันว่า หากนายกรัฐมนตรีคนนี้จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยระบบรัฐสภา หรือจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่ว่าจะต้องมีอันเป็นไปจากการแทรกแซงอำนาจอธิปไตย จากอำนาจอื่นใด ที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน

‘จีน’ ยินดีที่ไทยได้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ พร้อมเดินหน้า!! พัฒนาสองประเทศ

เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.67) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ตอบคำถามนักข่าวกรณี ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยในวันที่ 16 ส.ค. ฝ่ายจีนมีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ และมีความคาดหวังอย่างไรต่อความสัมพันธ์จีน-ไทย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ระบุว่า ฝ่ายจีนขอแสดงความยินดีกับคุณแพทองธารที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย และเชื่อว่าประชาชนชาวไทยจะบรรลุผลสำเร็จใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น บนเส้นทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของประเทศ

จีนและไทยเป็นมิตรประเทศและเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ในปี 2025 จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย นับเป็นโอกาสใหม่ในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งฝ่ายจีนยินดีทำงานร่วมกับไทยเพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม เสริมสร้างการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ กระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันให้เข้มแข็งและลึกซึ้งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top