Sunday, 19 May 2024
นักท่องเที่ยวจีน

'อนุทิน' มั่นใจ เปิดรับ นทท.จีน ไทยได้ประโยชน์มหาศาล ยัน!! ไม่มีสองมาตรฐาน ขอให้เชื่อมั่นระบบ สธ.ไทย

(14 ม.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า เราติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศจีนมาโดยตลอด เมื่อทางการจีนคลายล็อก เปิดประเทศ แล้วมีการทำสำรวจว่าชาวจีนต้องการมาประเทศไทย ทำให้เรารู้สึกยินดี และได้มีการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เราต้องทำให้เขามั่นใจว่ามาเที่ยวเมืองไทย มีความปลอดภัย และต้องทำให้คนไทยรู้สึกปลอดภัย ที่ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน การที่ชาวจีนเลือกเดินทางมาที่ไทย ย่อมเป็นประโยชน์มหาศาล เพราะภาคการท่องเที่ยว คือเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญมาก ก่อนมีโรคระบาด ประเทศไทย ได้ต้อนรับคนจีนที่หลั่งไหลเข้ามายังประเทศ ความคึกคักเกิดขึ้น เม็ดเงินสะพัด แล้วสิ่งเหล่านี้ก็หายไปร่วม 3 ปี วันนี้เรามีโอกาสที่จะกลับไปอยู่จุดที่เราเคยอยู่ ส่วนตัวมองว่า ไทยมีความเข้มแข็ง มีจุดขายมากมาย อาหารอร่อย งานบริการยอดเยี่ยม การอำนวยความสะดวกไม่เป็นรองใคร ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามถึงมาตรการการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่แบ่งแยก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน โรคระบาดเกิดขึ้นทั่วโลก แล้วทำไมเราต้องมีเงื่อนไขเฉพาะกับบางประเทศ 

ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นในระบบการแพทย์ไทย มาตรการคัดกรองทั้งหลายมาจากทีมวิชาการ ในนั้นมีผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์แพทย์ ช่วยกันคิดออกมา ซึ่งเราให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ แต่ต้องบาลานซ์กับเรื่องเศรษฐกิจ 

“เรื่องไทยกับจีน ผมขอย้อนไปเล่าตั้งแต่ที่โควิด-19 เริ่มระบาด แล้วไทยตรวจพบคนจีนติดเชื้อเข้ามาในประเทศ ตอนนั้นเรารีบรักษาจนหาย และส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งต่อมานักเดินทางจากประเทศอื่นเราก็รักษาเช่นกัน แน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ทางการจีนประทับใจมาก จากนั้น ตอนที่ไทยประสบปัญหา ก็ได้ทางการจีนนี่ที่เข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ทั่วโลกไขว่คว้าหาวัคซีน ไทยก็ได้รับการสนับสนุนจากจีน ไมตรีที่เรามีให้จีน เขามองเห็นแน่นอน และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเลือกที่จะเข้ามาเที่ยว และเข้ามาร่วมมือในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ กับประเทศไทย” นายอนุทิน กล่าว

ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางจากเซี่ยงไฮ้ สู่เชียงใหม่

วันที่ 18 มกราคม 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับพันธมิตรหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จังหวัดเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ต เชียงใหม่ จัดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ หลังรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกาศผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 ส่งผลให้ชาวจีนสามารถเดินทางต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเข้ารับการกักตัว และจังหวัดเชียงใหม่เป็นหมุดหมายปลายทางอันดับต้นที่ชาวจีนให้ความสนใจในการเดินทางมาท่องเที่ยว

การจัดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่  โดยมีว่าที่ร้อยเอก สันติพงศ์ บุลยเลิศ ท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานเชียงใหม่ นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ นายณัฐวุฒิ ทาอินต๊ะ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์  นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ นายศรายุทธ ทองร่มโพธิ์ ผู้บริหารศูนย์การค้า เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ และ พันธมิตรหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมให้การต้อนรับ

'ชูวิทย์' ถล่มซ้ำ ปมตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน ชี้!! ต้องหากินแบบเทาๆ เพราะแค่เงินเดือนไม่พอให้เมีย

(22 ม.ค. 66) จากกรณี คลิปฉาวของนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนที่โพสต์เรื่องราวบอกเล่าความประทับใจ มาเที่ยวกรุงเทพฯ กับแม่แล้วได้รับการบริการระดับ VVIP โดยจ่ายเงินค่าบริการไปถึง 7,000 บาท เพื่อแลกกับประสบการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับไปขึ้นรถออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาใด ๆ ทั้งสิ้น 

.

ภายหลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง จนทำให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการด่วน โดยให้จเรตำรวจตรวจสอบนายตำรวจที่เกี่ยวข้องในคลิป 3 นาย ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริงก็จะดำเนินการทางวินัยเฉียบขาดตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

.

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของกลุ่มจีนเทาและเว็บพนันออกไลน์ ซึ่งได้มีข้อความในตอนหนึ่งที่ระบุถึงเรื่องที่ กลุ่มตำรวจที่ไปรับนักท่องเที่ยวในสนามบินว่า 

‘อนุทิน’ ลั่น!! ต้องจัดการ ตร. นำรถ นทท.จีน ยัน!! ไม่กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย 

(23 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปเผยแพร่ตำรวจอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวจีนในสนามบิน ว่า เขาอาจใช้วิธีซิกแซ็ก ตามกฎหมายไม่มีเรื่องดังกล่าว การใช้ทรัพย์สินหรือบุคลากรของทางราชการ มาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ทําไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้นสังกัดของผู้ที่ไปอำนวยความสะดวกต้องไปแก้ปัญหา ดูว่าเขาทำผิดระเบียบหรือไม่ เรื่องนี้มีบทกำหนดการลงโทษอยู่ ยืนยันว่าในเรื่องของการท่องเที่ยว หากใครโฆษณาว่าใช้รถตำรวจนำได้ ก็มีแต่ถ้าทำผิดมาก ๆ ก็นำไปโรงพัก นําไปศาล เพื่อดำเนินคดี เรามีระบบที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการไปประชาสัมพันธ์ว่าสามารถทําได้ นายอนุทิน กล่าวว่า การตั้งใจกระทำผิดเพื่อประโยชน์การสร้างรายได้ ก็เป็นความเสี่ยงของเขา ถ้าคนไปเชื่อและใช้บริการเขา แล้ววันหนึ่งเกิดทําไม่ได้ เขาก็ต้องเดือดร้อน อาจต้องถูกดำเนินคดี สุดท้ายธุรกิจก็ไม่ยั่งยืน คนที่โฆษณาเช่นนี้ก็จะผิดต่อลูกค้าของเขา แต่คนที่ไปให้บริการแบบนี้ ถือว่าผิดกฎหมายบ้านเมืองและผิดระเบียบในทุก ๆ เรื่องอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษ ไม่ต้องกังวล ไม่ได้เป็นส่วนที่ทําให้ประเทศไทยจะสูญเสียนักท่องเที่ยว เพราะเราไม่ได้โฆษณาว่ามาเมืองไทยแล้วจะมีรถนํา

‘ไทย’ ครองอันดับหนึ่งตัวเลือกของ นทท.จีน จุดหมายปลายทางต่างประเทศช่วงตรุษจีน

หางโจว, 25 ม.ค. (ซินหัว) — “วันแรกที่มาถึงกรุงเทพฯ ฉันไปเที่ยวตลาดกลางคืนค่ะ ทันทีที่ได้กลิ่นหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย ก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าชีวิตก่อนเกิดโรคระบาดได้กลับมาแล้ว” อู๋ นักท่องเที่ยวชาวจีนจากนครหางโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน บอกเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวในไทยผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมเปิดเผยความประทับใจของตนให้ผู้ติดตามชาวจีนได้ฟัง

หลังจากจีนปรับเปลี่ยนนโยบายการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ตลาดการเดินทางขาออกของจีนซึ่งซบเซาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อชาวจีนอย่างประเทศไทย กลายเป็นที่หมายปองอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลล่าสุดจากซีทริป (Ctrip) บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของจีน ชี้ว่าในช่วง 4 วันก่อนถึงวันหยุดตรุษจีน นักท่องเที่ยวจีนจองตั๋วเครื่องบินขาออกสู่กรุงเทพฯ มากที่สุด เป็นรองเพียงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าของจีน ตามมาด้วยภูเก็ตในอันดับที่ 5

ขณะฟลิกกี้ (Fliggy) แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวอีกราย เผยว่าจำนวนผู้ยื่นขอวีซ่าไทยในจีนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของไทยก็เพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบปีต่อปี

ชุยเยี่ยน ผู้จัดการทั่วไปของซีทริป ไทยแลนด์ (Ctrip Thailand) ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยมีการ เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยโรงแรมยอดนิยมในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เกาะสมุย ภูเก็ต และสถานที่อื่น ๆ ต่างถูกจองจนเต็มอย่างรวดเร็ว

ชุยแสดงความเห็นว่านโยบายการเดินทางของจีน ทำให้นักท่องเที่ยวจีนมีความเชื่อมั่นในการเดินทางไปต่างประเทศ บวกกับนโยบายต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เป็นมิตรของไทย ทำให้ไทยเป็นประเทศที่เนื้อหอมสำหรับนักท่องเที่ยวจีน

ไต้ปิน ประธานสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน วิเคราะห์ว่านับตั้งแต่วันปีใหม่จนถึงเทศกาลตรุษจีน ตลาดการท่องเที่ยวจีนกำลังส่งสัญญาณเชิงบวก 2 ประการ หนึ่งคืออุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวของชาวจีนได้เปลี่ยนจากใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมาสู่การใช้จ่ายอย่างอิสระ สองคือด้านโครงสร้างการท่องเที่ยว โดยคนหนุ่มสาวและการท่องเที่ยวแบบระยะกลาง-ไกล กลายมาเป็นตัวขับเคลื่อนการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยว

‘นักท่องเที่ยวจีน’ หวนเยือน ‘ไทย’ จุดประกายความหวังท่องเที่ยวคึกคัก

กรุงเทพฯ, 26 ม.ค. (ซินหัว) — หลังจากเผชิญภาวะหยุดชะงักนาน 3 ปี ไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกลับสู่หาดทรายสีทอง วัดวาอารามงามงด และศูนย์การค้าสุดหรูอีกครั้ง โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้าประเทศจะช่วยฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

หลิวหลิงหลิง นักท่องเที่ยวจากนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน ซึ่งวางแผนใช้เวลาช่วงวันหยุดตรุษจีนในไทย กล่าวว่าการเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของครอบครัวตั้งแต่มีการระบาดใหญ่ โดยทุกคนตื่นเต้นและมีความสุขมาก รวมทั้งรู้สึกได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในไทยด้วย

หลิวมีแผนเดินทางไปภาคใต้ของไทยพร้อมกับครอบครัวเพื่อพักที่รีสอร์ตริมทะเล หลังจากใช้เวลาในกรุงเทพฯ 2-3 วัน โดยเธอเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก นับตั้งแต่ยุทธศาสตร์การรับมือโรคโควิด-19 ฉบับปรับปรุงของจีนมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 ม.ค.

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่สองหลังจากการปรับยุทธศาสตร์ของจีน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย พร้อมเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่น ๆ ร่วมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยดอกไม้และของขวัญ

บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่าการจัดงานระดับสูงนี้สะท้อนความสำคัญที่ไทยมีต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับสู่ประเทศ เพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน บรรยากาศช่วงเทศกาลตรุษจีนแผ่อบอวลทั่วย่านใจกลางกรุงเทพฯ โดยห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ พร้อมใจประดับประดาสิ่งตกแต่งกลิ่นอายเทศกาลตรุษจีน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้าไทยในช่วงวันหยุด 'สัปดาห์ทอง' (Golden Week) ครั้งแรก หลังจากจีนปรับมาตรการรับมือโรคโควิด-19

ถนนเยาวราชความยาว 200 เมตร ถูกประดับประดาด้วยแสงสีและโคมไฟหลายรูปแบบ เพื่อเฉลิมฉลองวันตรุษจีนซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 22 ม.ค. และเป็นวันแรกของปีเถาะหรือปีกระต่าย ซึ่งณัฐพร เชฟร้านอาหารบนถนนเยาวราช เชื่อว่าจะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความคึกคักและเจริญรุ่งเรือง

ณัฐพรบอกเล่าว่าทางร้านกักตุนวัตถุดิบอาหารสำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีนแล้ว ซึ่งมักเป็นเวลาที่ดึงดูดลูกค้าต่างชาติจำนวนมาก พร้อมเสริมว่านักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของไทย พวกเขากลับมาแล้วในปีนี้ และผมคิดว่าธุรกิจของเราจะกลับมาดีเหมือนช่วงก่อนการระบาดใหญ่

ด้านกลุ่มสายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร และผู้ประกอบการการท่องเที่ยวอื่น ๆ ต่างเฝ้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นในปีนี้เช่นกัน

วิชัย (Wichai Kinchong Choi) รองประธานอาวุโสของธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนได้เพิ่มความหวังต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไทยและนานาประเทศทั่วโลก

ปิติ ดิษยทัต เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าภาคการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวรวดเร็วขึ้นเพราะการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ขณะเศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเยือนประเทศระหว่าง 7-10 ล้านคนในปี 2023 โดยแบ่งเป็น 300,000 คนในช่วงไตรมาสแรก

‘กรุงเทพ’ ครองแชมป์หมุดหมายนักท่องเที่ยวจีน ดัน ศก.ช่วงตรุษจีนคึก คาดลุ้นอีกระลอก 1 พ.ค.นี้

(30 ม.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว เผย ทริปด็อตคอม กรุ๊ป (Trip.com Group) รายงานว่านักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากเดินทางสู่ต่างประเทศเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ขณะจีนผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางขาออกหลังปรับเปลี่ยนการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เมื่อไม่นานนี้

รายงานระบุว่าคำสั่งซื้อเพื่อการท่องเที่ยวขาออกนอกประเทศ ช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน ระยะ 7 วัน เพิ่มขึ้น 640% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยคำสั่งซื้อบัตรโดยสารเที่ยวบินข้ามพรมแดนของนักท่องเที่ยวจีนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของทริปด็อตคอม กรุ๊ป เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบปีต่อปี

ทั้งนี้ จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สิงคโปร์, กัวลาลัมเปอร์, เชียงใหม่, มะนิลา และบาหลี

‘ลุงหนู’ กำชับ ‘สธ. - คมนาคม - ท่องเที่ยว’ อำนวยความสะดวก - ดูแลมาตรการโควิดทัวร์จีน

(5 ก.พ.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) จะเป็นวันแรกที่ทางการจีนจะเริ่มอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ได้ใน 20 ประเทศซึ่งรวมถึงประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้กำชับหน่วยงานในกำกับ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ตรวจความพร้อมในด้านต่างๆ สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ตลอดจนการดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมโรค

ทั้งนี้ หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนประเมินสอดคล้องกันว่านักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะแม้จะมีการอนุญาตให้เดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ไปต่างประเทศ แต่บริษัทท่องเที่ยวที่หยุดดำเนินการมานานเกือบ 3 ปี จะต้องใช้เวลาในการปรับตัว โดยบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ประเมินว่าปริมาณเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทยตลอดปี 66 จะอยู่ที่ 36,896 เที่ยวบิน เพิ่มจากปี 65 ร้อยละ 227.6% หรือ 2 เท่า โดยเที่ยวบินจะเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปและจะมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าจะกลับมาเท่ากับปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้ในปี 67

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! ทัวร์จีนมองไทยเป็นประเทศในฝัน เชื่อ!! ปีนี้ นทท.จีน เข้าไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน

(6 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝัน ของนักท่องเที่ยวจีน ที่ต้องการมาเยือนหลังมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 

นายอนุชา กล่าวว่า ทางการจีนประกาศเปิดประเทศ และอนุญาตให้บริษัทนำเที่ยว บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ทั่วประเทศจีน รวมถึงธุรกิจตั๋วเครื่องบิน-โรงแรม ดำเนินกิจการจัดการท่องเที่ยวสำหรับชาวจีนแบบหมู่คณะ ไป 20 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.นี้ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้จัดแคมเปญดึงดูด และมีมาตรการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเดินทางมาประเทศไทย โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้ากลยุทธ์ 'China is Back' ดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยร่วมกับภาคเอกชนจัดแคมเปญใหญ่ Two Lands, One Heart (ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน) ส่งเสริมการตลาดดึงนักท่องเที่ยวจีนมาท่องเที่ยวไทย พร้อมทั้งใช้เครื่องมือทางดิจิทัลในลักษณะ Worldwide Platform และสานต่อกลยุทธ์ Celebrity Marketing และเร่งฟื้นเที่ยวบินรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวจีน และร่วมกับพันธมิตรขายแพ็กเกจท่องเที่ยว ทั้งเดินทางข้ามชายแดนทางบก (R3A) รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว และเรือครุยส์แม่น้ำโขง ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยได้ไม่น้อยกว่า 5 ล้านคนในปีนี้

บริษัททัวร์ภูเก็ต 'ทำร้าย-โกง' นักท่องเที่ยวจีน แถมเอามีดฟันแขน คลิปหลุดว่อนโซเชียลจีน

เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.66) เพจ 'ลุยจีน' ได้โพสต์เรื่องราวของหญิงชาวจีนท่านหนึ่ง ซึ่งโพสต์คลิปเล่าประสบการณ์ การโดนบริษัททัวร์ในไทยโกงช่วงปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งถูกทำร้ายร่างกาย โดยมีการบันทึกภาพชัดเจนมากๆ ว่า...

มีหญิงคนไทยเสื้อสีน้ำเงินที่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ด่าทอว่า "มึงจะถ่ายวีดีโอหาพ่อมึงเหรอ?" แล้วเข้ามาถีบหญิงคนที่ถ่ายคลิปแทบจะล้ม จากนั้นก็ควักมีดพับด้ามยาวออกมาฟันที่แขน นทท.จีนคนถ่ายคลิป เห็นแผลสดๆ ที่เลือดไหล...เรื่องราวเป็นมายังไง จากที่แอดไปติดตามในแอคเคาท์หญิงจีนคนดังกล่าวมาจะขอมาสรุปให้ฟังครับ

1. หญิงจีนกับครอบครัวจองทริปมาเที่ยวไทยที่ภูเก็ตวันที่ 30 ม.ค. 2023 เธอบอกอยากมาดูเต่าทะเล จึงไปติดต่อบริษัทแห่งนึงแถวโรงแรมตัวย่อ บ ให้ช่วยจัดหารถมารับไปขึ้นเรือเพื่อไปเกาะสิมิลัน ค่าเหมาทัวร์ทั้งวัน 9000 บาท เธอจ่ายค่ามัดจำไป 5,000 บาท มีภาพใบเสร็จบริษัทที่ออกโดยเจ้าหน้าที่เป็นหลักฐานพร้อม

​2. ช่วงกลางคืนนั้น 2 ทุ่มเธอมีส่งภาพนามบัตรโรงแรมที่เธอเข้าพักเพื่อคอนเฟิร์มกับทาง บ.ทัวร์ทางแชท และคอนเฟิร์มว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีรถมารับแน่ๆ ใช่มั้ย? แต่เหมือนทางนั้นอ่านไม่ตอบ

​3. ถึงเวลานัดเช้าวันรุ่งขึ้น เธอบอกว่าตื่นไปรอรถที่หน้าโรงแรมตั้งแต่ 05.50 แต่ก็ไม่มีรถมารับ เธอพยายามโทรติดต่อทางบริษัททัวร์ตั้งแต่ 6 โมงถึง 7 โมงเช้าหลายสิบสายแต่ไม่มีคนรับสาย

​4. เธอเข้าใจว่าโดนบริษัททัวร์โกงเข้าแล้ว จึงโทรแจ้งตำรวจท่องเที่ยว 1155 ตร.ท่องเที่ยวบอกเค้าไม่รับจัดการเคสแบบนี้ (?) แล้วโยนไปบอกว่ายูต้องโทรหาตำรวจ 191 เธอก็โทรหา 191 ตอนแรก ตร.ท้องที่บอกปัดอีกว่า เธอควรไปเคลียร์กับทางบริษัทเอง อารมณ์ไม่อยากช่วย เธอเลยโทรหาสถานทูต เจ้าหน้าที่สถานทูตก็บอกปัดว่าเรื่องนี้สถานทูตไม่ยุ่ง เธอต้องโทรหาตำรวจ 191 โยนกันไปกันมา เธอเริ่มหมดหวังลองโทรหาศูนย์ช่วยเหลือ นทท.ที่ภูเก็ต ศูนย์ฯ บอกเรื่องนี้ไม่อยู่ในความดูแล (ศูนย์ช่วยเหลือ???) ยูต้องโทรหาตำรวจเอง จนสุดท้ายเธอต้องโทรไปตื๊อให้ตำรวจมา

5. สักพักมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตามเธอไปที่บริษัททัวร์ ทางบริษัททัวร์แจ้งว่ารถไปผิดโรงแรม (???) ทางหญิงจีนเรียกร้องให้บริษัททัวร์คืนเงินให้เธอเต็มจำนวน บริษัททัวร์ไม่ยอม สุดท้ายตกลงกันไม่ได้ ตำรวจพาทั้งสองฝ่ายไปเจรจาต่อที่โรงพัก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top