Friday, 6 June 2025
นครพนม

นครพนม-แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงข่าวทหารพราน 'Seal Stop Safe' สกัดยาเสพติดชายแดน รวบ 3 ผู้หาขนยาไอซ์ 658 กิโลกรัมพร้อมยาบ้ากว่าแสนเม็ด ริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านอำเภอบ้านแพง 

เมื่อวันที่ (12 ก.พ. 68) เวลา 15.00 น. ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 บ้านปากห้วยม่วง ตำบลนาเข อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) พร้อมด้วยพลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, พลเรือตรีณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง,พันเอกศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 ( ร.3 ), พันเอกอินทราวุธ  ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21,นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 , นายอำเภอบ้านแพง พร้อมกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาชาว สปป.ลาว 3 ราย 

พร้อมตรวจยึดยาเสพติดประเภท 1 ยาไอซ์ จำนวน 16 กระสอบ 658 กิโลกรัม/ก้อน และยาบ้า  58 มัด จำนวน 116,000 เม็ด รถตู้ 1 คัน เรือกีบติดเครื่องยนต์ 2 ลำ ที่บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขงบ้านแพงใต้ ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม โดยร้อยโท วันชาติ  เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 21 ได้นำกำลังพลหน่วยขึ้นตรงกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากฝั่ง สปป.ลาวเข้ามายังพื้นที่ฝั่งไทยเพื่อนำเข้าสู่พื้นที่ตอนใน บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขงบ้านแพงใต้ ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพงจึงได้ประสานกำลังกับหน่วยงานฝ่าวความมั่นคงที่เกี่ยวข้องซุ่มเฝ้าตรวจ พบเรือกลีบ จำนวน 2 ลำรถยนต์(รถตู้)จำนวน 1 คันพร้อมผู้ต้องหา จำนวน 3 คน เป็นชาวสปป.ลาว ประกอบด้วย ท้าวดำ (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 16 ปี บ้านนาข่า เมืองคูนคำ แขวงคำม่วน สปป.ลาว-ท้าว ลี (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 17 ปี บ้านทางแยกหลักซาว เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว และท้าวพง อภัยโส อายุ 30 ปี อยู่บ้านดอน เมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป. ลาว พร้อมของกลาง 4 รายการ คือยาไอซ์ จำนวน 16 กระสอบ น้ำหนัก 658 กิโลกรัม/ก้อน,ยาบ้า 58 มัด 116,000 เม็ด,เรือกลีบเล็กพร้อมเครื่องยนต์ จำนวน 2 ลำ-รถยนต์ (รถตู้) จำนวน 1 คัน ทางหน่วยได้นำของกลางมาตรวจนับอีกครั้ง ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21

และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปจากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสามคนรับสารภาพว่าได้รับค่าจ้าจากนายทุนชาวลาวให้นำของกลางมาส่งที่ฝั่งไทยแลกค่าจ้างคนละ 20,000 บาทก่อนจะมาถูกจับกุมเสียก่อน โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 /ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนาย และทุกภาคส่วน ที่ได้มีการบูรณาการกำลัง ได้ทุ่มเทเสียสละ แรงกายแรงใจ ร่วมกันสกัดกั้น ป้องกันและปราบปราม การลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดน ปฏิบัติภารกิจในการเสริมสร้างความมั่นคงป้องกัน/ปราบปราม ต่อการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ในทุกภารกิจต่อไป

ซึ่งหลังจากวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดมอบนโยบายปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน ในห้วงที่ผ่านมาในพื้นที่ชายแดนซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2  มีสถิติการจับกุมในพื้นที่อําเภอชายแดนของจังหวัดนครพนม จำนวน 139 ครั้งผู้ต้องหา 237 ราย โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 16,707380 เม็ด, ไอซ์ 778 กิโลกรัม, เฮโรอีน 67 กิโลกรัม และเคตามีน 320 กิโลกรัม การจับกุมในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด 7 จังหวัด 25 อําเภอ จํานวน 428 ครั้ง ผู้ต้องหา 626 คน โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 74,168,318 เม็ด, ไอซ์ 2,566,308 กิโลกรัม, เฮโรอีน 123.95 กิโลกรัม, เคตามีน 573.83กิโลกรัม, และอื่น ๆ (ยาอี 1,490 เม็ด. happy Water 800 ซอง, ฝิ่น 0.66 กรัม)

‘ผู้ว่าฯ นครพนม’ เป็นงง!! เจอ ‘TikTok’ ปลอม ลั่น!! ยังรักกันดีกับภรรยา รบกวนช่วยรายงานให้ด้วย

(22 ก.พ. 68) นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม โพสต์ข้อความระบุว่า ...

แจ้งข่าว TikTok ปลอม  

ผมกับภรรยายังรักกันดีอยู่ ยังไม่ได้เลิกกันนะครับ

เคยเจอแต่ Facebook และ Line ปลอม คราวนี้เจอ TikTok ปลอม รบกวนเพื่อน ๆ ช่วยรายงานให้ด้วยครับ

‘ลูกศุภชัย โพธิ์สุ’ ร้อง!! ‘กกต.’ จัดเลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนมใหม่ ส่งศาลรธน. วินิจฉัย ยุบ!! เพื่อไทย เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ‘ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง’

(23 มี.ค. 68) สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภายหลังการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ จำนวน 47 จังหวัด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เสร็จสิ้นลงว่า มีเรื่องร้องเรียนกว่า 180 เรื่อง

แหล่งข่าวจากกกต. เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า นางสาว ศุภพานี โพธิ์สุ อดีตผู้สมัครนายกอบจ.นครพนม หมายเลข 2 และอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาอบจ.นครพนม ในนาม ‘กลุ่มนครพนมร่วมใจ’ รวม 30 คน เรียกว่า ผู้ร้องที่ 1 ถึงผู้ร้องที่ 30 ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม และคณะกรรมการ กกต. ว่า ผู้สมัครนายกอบจ.นครพนม และผู้สมัครสมาชิกสภาอบจ.นครพนม ในนามพรรคเพื่อไทย ผู้ช่วยหาเสียงและผู้มีสิทธิเลือกตั้งและพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น โดยมีรายชื่อ เรียกว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38 ดังนี้

1.นายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ.นครพนม หมายเลข 8 พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 1
ทั้งนี้ นางสาว ศุภพานี ได้รับคะแนนการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 2 จำนวน 118,352 คะแนน แพ้ให้กับนายอนุชิต หงษาดี อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.นครพนม หมายเลข 8 ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับ 1 จำนวน 167,169 คะแนน

2.นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคเพื่อไทย และผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดี ผู้ถูกร้องที่ 2

3.นายดนัย สิทธิวัชระชัย ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดีและผู้ถูกวางตัวเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 3

4.นายชาญชัย คำจำปา ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดีและผู้ถูกวางตัวเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 4

5.นางสาว มนพร เจริญศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดี ผู้ถูกร้องที่ 5

6.นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดี ผู้ถูกร้องที่ 6

7.นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้ช่วยหาเสียงของนายอนุชิต หงษาดี ผู้ถูกร้องที่ 7

8.พรรคเพื่อไทย โดย นางสาว แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 8

9.ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ในนามพรรคเพื่อไทยทุกเขตเลือกตั้ง เป็นผู้ถูกร้องที่ 9 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38

รายงานข่าวระบุว่า คำร้องของผู้ร้องขอให้ผู้อำนาจการเลือกตั้งการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม ตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนตามอำนาจหน้าที่และเสนอให้คณะกรรมการ กกต.วินิจฉัยการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38 เป็นการกระทำอันฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2566 มาตรา 65 (1) (2) (5) หรือไม่ และให้ส่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 7 และ ผู้ถูกร้องที่ 9 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38 และให้มีคำสั่งดำเนินคดีอาญากับผู้ร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 7 และ ผู้ถูกร้องที่ 9 ถึงผู้ถูกร้องที่ 38 และบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้คำร้องของผู้ร้องขอให้ส่งคำร้อง สำนวนไต่สวนให้คณะกรรมการ กกต. เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยและมีคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92

รวมถึงขอให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง เสนอความเห็นไม่รับรองผลการเลือกตั้ง และจัดให้มีการเลือกตั้งนายกอบจ.นครพนม ใหม่ ตลอดจนจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกอบจ.นครพนมใหม่ ในเขตเลือกตั้งนั้นต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการ กกต.ได้รับคำร้องเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 อย่างไรก็ตามเป็นการรับคำร้องไว้ในเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนแต่อย่างใด

‘จิรายุ’ เผย!! แพทย์ อนุญาต ให้ ‘นายกฯ อิ๊งค์’ กลับบ้านได้ ยัน!! กำหนดการ เดินทางไปร่วมประชุม ครม. จันทร์นี้ ที่นครพนม

(26 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยระบุว่า ล่าสุดแพทย์ได้แนะนำให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า น.ส.แพทองธารสามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้แล้ว

นายกรัฐมนตรีได้แจ้งกับแพทย์ว่า ขออนุญาตกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ซึ่งหลังจากนั้น น.ส.แพทองธารได้ออกจากโรงพยาบาลและกลับไปพักผ่อนที่บ้านเรียบร้อยแล้ว และจะเดินทางไปร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี สัญจรที่จังหวัดนครพนมในเช้าวันจันทร์ที่จะถึงนี้

‘นายกฯ อิ๊งค์’ พร้อมลงพื้นที่ อีสานตอนบน ริมแม่น้ำโขง จันทร์นี้ นำ!! คณะรัฐมนตรีสัญจร มั่นใจ!! แก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้ทุกมิติ

(27 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ในวันอังคารที่ 29 เมษายน ที่จังหวัดนครพนม ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีดำริให้รัฐมนตรี ทุกกระทรวง ลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามงานในทุกมิติ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัด ภาคอีสานในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน และวันจันทร์ที่ 28 เมษายน ก่อนการเข้าร่วมประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจรอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสกลนครและนครพนม เพื่อตรวจราชการและติดตามผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) ในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 และนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 ในวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568  ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จังหวัดนครพนม

“นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการก่อน 1 วัน โดยในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 เวลา 08.45 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังสนามบินกองทัพบกค่ายกฤษณ์สีวะรา ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร และเดินทางต่อไปยังสวนสาธารณะดอนเกิน อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนแผนพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่บึงหนองหารและการบริหารจัดการน้ำ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า จ.นครพนม เพื่อเยี่ยมชมศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ “นาหว้าโมเดล” ตามแนวพระดำริ “Sustainable Fashion : แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” จากนั้นจะเป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดข้ามแดนในพื้นที่ ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม อ.เมืองนครพนม และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีและคณะจะร่วมสักการะพญาศรีสัตตนาคราช พร้อมจุดเรือไฟบก ที่ลานพนมนาคา   ริมแม่น้ำโขง ในอำเภอเมืองนครพนม

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม หลังเสร็จสิ้นการประชุมนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่ด่านศุลกากรนครพนม ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำโขงตรงข้ามประเทศลาว เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนในพื้นที่ เนื่องจากด่านศุลกากรนครพนม มีจุดผ่านแดนถาวรทั้งหมด 2 แห่ง คือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน ลาว ) ท่าเทียบเรือการท่องเที่ยวเทศบาลนครพนมรวมทั้งจุดผ่อนปรนการค้าอีก 4 แห่ง ได้แก่ จุดผ่อนปรนอำเภอท่าอุเทน จุดผ่อนปรนบ้านดอนแพง จุดผ่อนปรนอำเภอธาตุพนม และจุดผ่อนปรนบ้านหนาด

“การลงพื้นที่ภาคอีสานของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ทุกมิติ ทั้งการค้าขายระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว การพัฒนาเมืองเนื่องจากจังหวัด นครพนม และมุกดาหาร เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศลาวที่มีเส้นทางการคมนาคมหลักที่สามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศเวียดนามตอนกลางที่เมืองดานังได้ ทั้งนี้ การลงพื้นที่ ของคณะรัฐมนตรี จะทำให้รัฐบาลสามารถเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาต่อยอดทุกมิติ และแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้จังหวัดสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ ไม่ว่าเป็นการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้เมื่อปัญหายาเสพติดลดลงคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ก็จะดีขึ้น” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย

นครพนม-รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม นบ.ยส.24 บูรณาการ 'Seal Stop Safe' เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ 

เมื่อวันที่ (28 เม.ย.68) เวลา 1330 น. ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดนครพนมตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อติดตามปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง อำเภอชายแดน เพื่อมอบนโยบายในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน เร่งรัดการดำเนินงานสกัดกั้น ยาเสพติดตามแนวชายแดนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบาย เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด                              

พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม โดยได้รับฟังบรรยายสรุปสถิติและการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย แนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบนโยบาย ข้อสั่งการ และข้อเน้นย้ำ แนวทางการปฏิบัติงาน ตามที่รัฐบาลได้ออกประกาศเรื่องกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและผู้รับผิดชอบเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ 2568 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 

มีพื้นที่อำเภอชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนใน 7 จังหวัด 25 อำเภอชายแดน มีหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เป็นหน่วยรับผิดชอบ มีภารกิจวางแผนบูรณาการอำนวยการประสานงาน ในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด บำบัดผู้ป่วยจิตเวช ยาเสพติด จัดตั้งหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านอื่นๆในพื้นที่ชายแดน โดยได้ดำเนินการตาม 6 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการสกัดกั้น มาตรการปราบปราม มาตรการป้องกัน มาตรการบำบัดรักษา มาตรการบูรณาการ มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน  

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าการมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่ปฏิบัติงานของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปรามปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้  ถือว่าเป็นหน่วยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาสำคัญหลักของชาติ โดยเฉพาะปัญหาด้านยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน และรัฐบาลนี้ก็ให้ความสนใจให้ทุ่มเทในการแก้ปัญหาดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศชาติ มีความมั่นคงปลอดภัย และนับว่าเป็นโอกาสอันดี ที่ผมและทีมงาน ได้เข้ามารับทราบผลการปฏิบัติงานรวมถึงรับทราบปัญหา ข้อขัดข้องเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหา และเพื่อเป็นการ​ เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ขอชื่นชมในความทุ่มเท เสียสละ และความมุ่งมั่นของทุกท่านในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ และดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยเฉพาะในภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 

ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมไทยจากการรับฟังบรรยายสรุป เห็นถึงความเข้มแข็ง และความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการดำเนินการสกัดกั้น ลำเลียง ปราบปราม ตลอดจนบำบัดและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในพื้นที่ชายแดนและตอนใน โดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ นบ.ยส.24 รวมถึงการขับเคลื่อน “ธวัชบุรีโมเดล” 

ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการและสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหา และขอให้หน่วยดำเนินการดำรงความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานเชิงรุก โดยใช้การข่าวและการลาดตระเวนเชิงลึก ควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามาในประเทศได้ตั้งแต่แนวหน้า ส่งเสริมการประสานความร่วมมือข้ามหน่วยงานและข้ามพรมแดน เพื่อเสริมสร้างระบบความมั่นคงแนวชายแดน โดยเฉพาะการมีจุดประสานงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็ง เป็นปราการด่านหน้าในการเอาชนะยาเสพติด และเป็นกลไกในการดูแล พี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด สนับสนุนภารกิจการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามกลุ่มผู้กระทำผิด เร่งรัดการผลักดันโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน และการของบประมาณสนับสนุนจากกองทุนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมศักยภาพและขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ ผมมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของกำลังพลทุกนายว่า จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อปกป้องประชาชนและประเทศชาติให้ปลอดภัยจากภัยยาเสพติด และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top