Monday, 20 May 2024
ธนกรวังบุญคงชนะ

‘ธนกร’ ติง ‘ก้าวไกล’ อย่าดีแต่ผลิตวาทกรรมดิสเครดิตรัฐบาล มั่นใจ!! พรรคร่วมเดินหน้าสานงานฉลุย ลดความขัดแย้งการเมือง

(17 ธ.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์โดยวิเคราะห์ว่า วันนี้ทุกพรรคการเมือง ต้องพิสูจน์การทำงานให้กับประชาชนได้เห็น เหมือนรัฐบาลที่เพิ่งเข้ามาได้ 3 เดือนก็ต้องพิสูจน์ผลงาน ต้องทำนโยบายให้สำเร็จ พรรครวมไทยสร้างชาติเองก็เช่นกัน รวมถึงต้องปรับยุทธศาสตร์เพื่อจะเดินหน้าทำงานต่อไปได้ หากพรรคใดไม่ปรับตัว ในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไปยาก ยกตัวอย่างเช่น ภาคใต้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และเชื่อว่าเลือกตั้งที่ผ่านมา ทุกพรรคไม่ได้คิดว่าพรรคก้าวไกลจะมา ทุกพรรคจึงต้องมีรูปแบบการทำงาน นโยบาย ปรับวิธีคิดใหม่ เช่นการใช้โซเชียลมีเดีย แต่ตนเชื่อว่าวันนี้ทุกพรรคปรับแล้วทั้งหมด แต่วิธีคิดที่ใหม่อย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและทำสำเร็จด้วย ไม่ใช่พูดไปเรื่อย

เมื่อถามว่า ในอนาคตการเลือกตั้งรอบหน้า ไม่ได้สู้กันแบบเดิม แต่อาจจะเป็นการรวมพลังของทุกพรรคเพื่อสู้กับก้าวไกลหรือไม่ นายธนกร ยอมรับว่า ก็เป็นไปได้ ต้องยอมรับความจริงว่าในอนาคต พรรคเล็กเกิดยาก เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กติกาใหม่ต้องสู้กันทั้งระบบ

“ในพรรคก้าวไกลเองก็ต้องปรับตัว หลังจากเลยช่วงพีคผ่านไปแล้ว และต้องมาปรับ มาแก้ปัญหาภายในพรรคที่มีปัญหาหลายเรื่อง วันนี้ประชาชนเห็นทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่ไปว่าคนอื่น ว่าพูดอย่างทำอย่าง แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเองพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โกหกไปวันๆ ประชาชนฉลาดทุกคน และโซเชียลมีเดียในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มีการเน้นให้ประชาชนเข้าถึง แอปพลิเคชันต่างๆ เช่น แอปฯ เป๋าตัง วันนี้ประชาชนฉลาด รู้ทันนักการเมือง การพูดอย่างทำอย่าง พูดไม่ตรงข้อเท็จจริง ประชาชนรู้หมด” นายธนกร กล่าว

เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญในสมัยรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนั้นจะสำเร็จหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า หากพรรคแกนนำมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ก็แก้ได้ แต่การจะแก้ไขต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และในส่วนพรบ.นิรโทษกรรม ต้องไม่เกี่ยวข้องกับคดีทำผิดมาตรา 112 หากฝั่งที่จะแก้ยืนกรานตน เชื่อว่า ไม่ผ่าน ฟันธงว่าไม่สำเร็จแน่นอน ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ง่ายและมีการใช้งบประมาณทำประชาพิจารณ์เกือบ 7,000 ล้านบาท หาวิธีการที่จะประหยัดงบประมาณได้หรือไม่เอาเงินจำนวนนี้มาทำโครงการคนละครึ่งต่อดีกว่า ซึ่งหากพรรคก้าวไกลไม่ยอมถอยมันก็เดินต่อไม่ได้

“วันนี้สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ ได้ทำไว้ให้กับคนไทยมีความยั่งยืนอย่างแน่นอนเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมาก วันนี้อยากให้ความขัดแย้งลดลงและทุกวันนี้ก็ถือว่าดีขึ้นมาก  การชุมนุมต่างๆก็น้อยลง คนไทยเริ่มหันหน้าเข้าหากันมากขึ้น อยากให้คนไทยรักกัน จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้และด้วยนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลชุดนี้และพรรคร่วมรัฐบาล ผมคิดว่าเราไปได้และทำให้ยั่งยืนได้ ซึ่งมีหลายอย่างที่ทำต่อ ยอดจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก็ไม่อยากให้หวนกลับไปสู่ความขัดแย้งอีก ขอให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยและพูดคุยกันจะดีกว่า” นายธนกร กล่าวทิ้งท้าย

‘ธนกร’ ฟาด!! ‘4 สส.ก้าวไกล’ จงใจสร้างดรามา ลาออก ‘กมธ.แลนด์บริดจ์’ ติง จ้องจะเล่นแต่เกมการเมือง ชี้!! ประโยชน์ของชาติ-ปชช.ต้องมาก่อน

(13 ม.ค. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่ 4 สส.พรรคก้าวไกล มี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, นายจุลพงศ์ อยู่เกษ, นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ และนายสมพงษ์ ศิริโสภณศิลป์ ได้แถลงลาออกจากกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย และอันดามัน หรือ ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ นั้น โดยอ้างว่าสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบศึกษาโครงการตอบคำถามไม่ครบถ้วนชัดเจน และอ้างว่าโครงการไม่เกิดความคุ้มค่าต่อการลงทุน อาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศนั้น ตนจึงมองว่า สส.พรรคก้าวไกล จงใจสร้างดราม่า เล่นแต่เกมการเมือง ให้ข้อมูลผิดๆ ทำให้ประชาชนสับสน ทั้งที่กรรมาธิการส่วนใหญ่ได้ออกมาชี้แจงแล้ว ว่าในคณะกรรมาธิการมีระดับรองผู้อำนวยการ สนข. อยู่ในที่ประชุมคอยตอบคำถามอย่างครบถ้วนชัดเจนมาโดยตลอด เพราะมีเอกสารข้อมูลยืนยันทุกเรื่องที่ กรรมาธิการยังมีข้อสงสัย

ทั้งนี้ ในชั้นการทำงานของกรรมาธิการเป็นเพียงการศึกษาให้เกิดความครบถ้วนรอบด้าน ไม่ได้เป็นการเห็นชอบโครงการแลนบริดจ์ แต่เป็นรายงานที่จะประกอบการตัดสินใจให้กับรัฐบาลที่เป็นฝ่ายบริหาร ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เองก็ชูเมกกะโปรเจกต์นี้ เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในบ้านเรา ให้เกิดการสร้างโอกาส สร้างงานสร้างรายได้ ขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่พี่น้องชาวใต้รอคอย การพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการวางรากฐานตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของไทย ให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของโลก เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ด้านการขนส่งสินค้าและบริการการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่ม และยังกระจายความเจริญไปสู่ภาคใต้และภาพรวมของประเทศ

เมื่อถามว่า โครงการแลนด์บริดจ์หากเปิดใช้ระยะแรกในปี 73 จะสร้างเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน นายธนกร กล่าวว่า คาดการณ์ไว้ว่าโครงการแลนด์บริดจ์ ทั้ง 2 ระยะ (เฟส) แค่ระยะที่ 1 ประมาณมูลค่าการลงทุน รวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านล้านบาท รองรับสินค้า 20 ล้านทีอียู จะส่งเสริมประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่ง ทั้งท่าเรือ รถไฟ และมอเตอร์เวย์ กระจายสินค้าในภูมิภาค เปิดเส้นทางเดินเรือแห่งใหม่ ของมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก เพิ่มความสะดวกปลอดภัยในการเดินเรือ และการขนส่งสินค้าทางน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดระยะทางและเวลาขนส่งลงได้ 4 วัน เมื่อเทียบจากช่องแคบมะละกา จึงมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง โดยเน้นรับเรือฟีดเดอร์ ขนาด 8,000-9,000 ทีอียู สินค้าประเภทถ่ายลำ เพื่อเป็นเกตุเวย์ เชื่อมการขนส่งสินค้า จากยุโรป-แลนด์บริดจ์-จีน กลายเป็นสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ รวมทั้งส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สามารถดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา สร้างรายได้ให้กับพื้นที่และประเทศอย่างมหาศาล

โดยในโครงการแลนด์บริดจ์ ยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกระนอง โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกชุมพร โครงการระบบรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-ระนอง และโครงการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ช่วงชุมพร-ระนอง รวมถึงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบให้เป็นไปตามอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วย

“การออกมาแถลงข่าวลาออกจากคณะกรรมาธิการของ 4 สส.พรรคก้าวไกล จึงถือว่าเป็นการเล่นเกมการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ เอาแต่ช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองตลอดเวลา แต่ไม่มองถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนที่จะได้รับมาก่อน อยากให้พรรคการเมืองรุ่นใหม่ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติเป็นที่ตั้งมากกว่า” นายธนกร ระบุ

‘ธนกร’ หนุน รบ.เดินหน้า ‘แลนด์บริดจ์’ พัฒนาพื้นที่ระเบียง ศก.ใต้ เชื่อ!! เป็นเครื่องมือดึงดูดนักลงทุน - ประโยชน์มหาศาลเข้าประเทศ

(16 ก.พ. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ตนขอสนับสนุนมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ที่ได้ผ่านความเห็นชอบ รับรองรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ โครงการแลนด์บริดจ์แล้ว เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาเดินหน้าโครงการในขั้นตอนต่อไปอย่างรอบคอบ

เมื่อถามว่า พรรคฝ่ายค้านมีข้อมูลมาอ้างอิงถึงความไม่คุ้มค่าของโครงการในหลายประเด็น นายธนกร กล่าวว่า ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ พยายามหาข้อมูลให้มากที่สุด แต่ข้อมูลของกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ก็มีเหตุผลรองรับ ทำให้ผ่านความเห็นชอบรับรองผลการศึกษาดังกล่าวแล้ว เพื่อเป็นรากฐานให้นายกฯ และรัฐบาล พิจารณาเดินหน้าเชิญชวนนักลงทุนมาร่วมในโครงการนี้ ตนเชื่อว่า นายกฯ จะพิจารณาอย่างรอบคอบและนำข้อเสนอ ข้อท้วงติงของฝ่ายค้านมาประกอบการพิจารณาด้วย

“ไทย ตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านขนส่งและการค้าของภูมิภาคเอเชีย จะเชื่อมโยงไปทวีปต่าง ๆ ในโลก หากเกิดโครงการแลนด์บริดจ์ จะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ SEC และจะเป็นเครื่องมือ หรือแม่เหล็กดึงดูดจูงใจผู้ประกอบการ นักลงทุนมาลงทุนในบ้านเรา เพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมหลังท่าและนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ จะทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ พัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน คนในพื้นที่อย่างมากและมั่นใจว่าจะสร้างประโยชน์มหาศาลมาสู่ประเทศไทยอย่างแน่นอน” นายธนกร กล่าว

‘ธนกร’ ซัด ‘ปดิพัทธ์’ โปรดรักษามารยาท อย่าก้าวล่วงอำนาจฝ่ายบริหาร ชี้!! บุกทำเนียบหนนี้ มีวาระซ่อนเร้น-หวังผลทางการเมืองหรือไม่

(2 มี.ค. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่นายประดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามนายกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับร่างกฎหมายที่ยังค้างคาอยู่ว่า ตนเองมองว่าฝ่ายนิติบัญญัติแค่ประสานงานมายังเว็บรัฐบาลก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลด้วยตัวเองเพราะดูไม่เหมาะสม  มองว่า ทำเกินไป ควรรักษามารยาททางการเมืองกว่านี้  เห็นว่า การที่ฝ่ายนิติบัญญัติเข้ามาทวงถามฝ่ายบริหารเองถือเป็นการก้าวล่วงอำนาจหรือไม่

เมื่อถามว่าเป็นเพราะกฎหมายสำคัญที่พรรคก้าวไกลเสนอมีการวิจารณ์ว่าถูกรัฐบาลดองไว้ นั้น  นายธนกร กล่าวว่า ประธานสภาและ รองประธานสภา  หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถ ประสานงานหรือการติดตามทวงถาม ซึ่งก็มีขั้นตอนทั้งทางเอกสารและทวงถามด้วยวาจา อยู่แล้ว เพราะเมื่อถูกสื่อถามเรื่องการนัดหมายกับใครในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไว้ แต่ท้ายสุดนายประดิพัทธ์ ก็ไม่ได้เจอผู้ใหญ่ตามที่กล่าวอ้าง เจอเพียงผู้อำนวยการกองงานประสานงานกลางการเมือง ของทำเนียบฯรับเรื่องไว้เท่านั้น 

“จึงทำให้ผมคิดได้ว่า การที่นายประดิพัทธ์เดินทาง เข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยตัวเองเพื่อจะทวงถามร่างกฎหมายต่างๆนั้นอาจมีวาระซ่อนเร้น หรือหวังผลทางการเมืองอะไรหรือไม่ จึงอยากขอให้นายประดิพัทธ์ที่เป็นถึงรองประธานสภาให้เกียรติและไว้หน้าฝ่ายนิติบัญญัติด้วย ที่สำคัญ ร่างกฎหมายต่างๆมีขั้นตอนปฏิบัติเช่นการส่งไปให้หน่วยงานต่างๆให้ความเห็นซึ่งมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งแต่ละหน่วยงานต้องใช้เวลาในการพิจารณากว่าจะส่งกลับมาก็ต้องใช้เวลา นายปดิพันธ์เป็นถึงรองประธานสภาฯควรรักษาเกียรติตัวเองและเกียรติสภาฯด้วย“ธนกร กล่าว

‘อนุทิน’ ลั่น รับไม่ได้ มาเฟียต่างชาติ ที่ภูเก็ต จากเหตุกร่างทำร้ายหมอ สั่ง ผู้ว่า-อธิบดีปกครอง เร่งจัดการ ย้ำ คนเดียวเอาอยู่ ไม่ต้องถึงมือ ‘ชาดา’

(3 มี.ค.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ของคนภูเก็ตที่ออกมาเรียกร้องสิทธิให้ตรวจสอบประเด็นที่ดิน หลังเกิดกรณีเหตุการณ์ชาวต่างชาติทำร้ายแพทย์หญิงจนลุกลาม ว่า ตนเองได้สั่งกำชับไปแล้ว และเมื่อวานได้มีการหารือกับอธิบดีกรมการปกครองว่าในส่วนของกระทรวงมหาดไทยต้องไปจัดการตรงไหนบ้าง และนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่ไปก็แจ้งให้ตนเองไปตรวจสอบ เพราะพบว่าในพื้นที่มีเครือข่ายลักษณะคล้ายมาเฟีย ตนเองกำชับอธิบดีกรมการปกครองและผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทำงานร่วมกับหลายฝ่าย พร้อมยืนยันว่า จะไม่ให้มีนักเลง ผู้มีอิทธิพลต่างชาติมามีอำนาจ อิทธิพลความประพฤติที่ไม่ดีในประเทศไทยเป็นอันขาด

นายอนุทิน ระบุด้วยว่า  โดยส่วนตัวตนเองรับไม่ได้อยู่แล้วเพราะแค่ผู้มีอิทธิพลคนไทยเรายังไม่ยอมแต่เราจะยอมให้ชาวต่างชาติมีอิทธิพลและมาทำตัวเป็นมาเฟียได้อย่างไร

ส่วนจะให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ไปดูปัญหาที่จังหวัดภูเก็ตหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ต้องนายชาดาหรอกนาย อนุทินคนเดียวก็เอาอยู่แล้วเดี๋ยวจัดการ ให้ท่านชาดาดูแลผู้มีอิทธิพลคนไทยไป

“กรณีที่มีการรุกล้ำที่ดินสาธารณะต้องใช้กฎหมายเพราะปัญหาทั้งหมดคือเราไม่ได้ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเราใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ก็ไม่มีใครเอาประโยชน์จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ฉะนั้นต้องใช้กฎหมายอย่างเต็มที่  เราเข้าใจว่าอยากได้นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่การที่เขาจะเข้ามาก็ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ซึ่งเขาต้องเคารพเมื่อเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพราะมีกฎหมายและวัฒนธรรมที่จะต้องทำตาม ต้องลองดูว่ามีต่างชาติมาซ่าหรือ มาแอคอาท เดี๋ยวจัดการหมด เพียงแค่ดึงวีซ่าหรือพาสปอร์ตออกก็จบแล้ว” นายอนุทิน ระบุ

'รทสช.' ยัน!! รัฐพร้อมแจงฝ่ายค้านทุกเรื่อง แม้จะยังไม่ได้ใช้งบฯ-ไร้ปมทุจริต ขอแค่อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่หวังใช้เวทีตีกินทางการเมืองเป็นพอ 

(7 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านมีมติยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อซักถามการทำงานของรัฐบาล ว่า ตนมั่นใจรัฐบาลพร้อมชี้แจงและตอบทุกคำถามของฝ่ายค้าน และถือเป็นโอกาสที่จะอธิบายการทำงานของรัฐบาลให้กับประชาชนได้เข้าใจ 

เมื่อถามว่า 6 เดือนของการทำงานรัฐบาล มองว่าเร็วไปหรือไม่ ที่ถูกอภิปรายฯ? นายธนกร กล่าวว่า ถือเป็นการใช้เวทีสภาซักถามการทำงานตามขั้นตอนถือเป็นความชอบธรรมตามกลไกรัฐสภา แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่งเริ่มเดินหน้าทำงานเข้าสู่เดือนที่ 6 ที่สำคัญร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ยังไม่ผ่านวาระ 2-3 ยังไม่ได้ใช้งบฯ และยังไม่มีข้อมูลการทุจริตเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐบาลออกมา 

"ฝ่ายค้านสามารถยื่นอภิปรายรัฐบาลได้ทุกเมื่อ หากเห็นว่ามีความบกพร่อง แต่ผมมองว่าร่างพ.ร.บ.งบฯ ยังไม่ผ่านสภา รัฐบาลจึงยังไม่ได้ใช้งบประมาณ จึงคิดว่าฝ่ายค้านคงยังไม่มีข้อมูลหลักฐานเรื่องการทุจริต จึงขอให้ใช้เวทีสภาในการอภิปรายทั่วไปในครั้งนี้อย่างสร้างสรรค์ หวังว่าจะไม่ใช้โอกาสนี้ สร้างวาทกรรมเพื่อโจมตีทางการเมืองเช่นเดิม" นายธนกร กล่าว

‘ธนกร’ หนุน กมธ.นิรโทษกรรม แต่ย้ำ ไม่ยกโทษให้พวกคนผิด ม.112 เพราะไม่ใช่คดีทางการเมือง แต่เป็นการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงของคนไทย

(9 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ได้ข้อยุติเริ่มนับเหตุการณ์ทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 จนถึงปัจจุบัน โดยจะเชิญทุกฝ่ายการเมืองที่มีคดีความจากการชุมนุม มาแสดงความคิดเห็น ว่า ตนเห็นด้วย หากจะเริ่มนับ 1 ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยเฉพาะความเห็นต่างทางการเมือง ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติ ซึ่งอาจจะต้องดูข้อกฎหมายเกี่ยวกับแต่ละคดีประกอบอย่างละเอียด เพราะหลายเหตุการณ์ที่เกิดการชุมนุมทางการเมืองขึ้น ยอมรับว่า ไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ มีการใช้อาวุธทำลายสิ่งของและสถานที่ราชการด้วย จึงต้องดูให้ละเอียดรอบคอบเพราะเป็นคดีอาญา การเชิญตัวแทนกลุ่มการเมืองฝ่ายต่างๆ มาร่วมประชุมแสดงความเห็นถือเป็นนิมิตหมายที่ดีทางการเมือง

นายธนกร ย้ำว่า ขอสนับสนุน กมธ.นิรโทษกรรมฯ ที่ยังไม่พิจารณาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นคดีหมิ่นประมาทอาฆาตมาตร้ายพระมหากษัตริย์ ไม่ควรเหมารวมกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ รวมกับความเห็นต่างทางการเมือง และเชื่อว่า หากมีการรวมคนที่ทำผิดมาตรา 112 ให้รับการนิรโทษกรรม ตนเองและคนไทยทั้งชาติไม่มีใครยอมได้แน่นอน

“ขอให้กมธ.นิรโทษกรรมพิจารณาให้ดี ให้รอบคอบ ไม่ควรหยิบเอาคดีทำผิดหมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์ มาพิจารณารวมกับคดีการเมือง เพราะไม่เกี่ยวกัน แม้ว่าจะมีบางพรรค พยายามชี้ให้เห็นว่าเป็นความเห็นต่างทางการเมืองก็ตาม ซึ่งความจริงแล้ว สถาบันฯอยู่เหนือการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นการสร้างชุดข้อมูล สร้างความเข้าใจที่ผิดๆให้กับบางกลุ่มและประชาชน จึงจำเป็นที่ กมธ.นิรโทษกรรม จะต้องมีจุดยืนทางกฎหมาย หากมีการเหมารวมและยกโทษให้กับผู้กระทำความผิดมาตรา 112 เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ ไม่มีใครยอมได้” นายธนกร ระบุ

‘ธนกร’ ฝากผู้ว่าฯ-ตำรวจ ลงพื้นที่เข้มแหล่งท่องเที่ยว หวั่นลักลอบขายบริการ หลังเกิดเหตุ กลุ่มสาวประเภทสอง รุมทำร้ายฝรั่งที่ภูเก็ต กังวลภาพลักษณ์ ของประเทศ

(10 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ  อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ  สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงเหตุวิวาททำร้ายร่างกายระหว่างสาวประเภทสองในพื้นที่อ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต กับนักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติ ว่า  ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก และในช่วงนี้ ก็พบว่ามีเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นหลายกรณี  ตั้งแต่กรณีฝรั่งชาวสวิสฯ มาเฟียรัสเซียและล่าสุด เกิดเหตุกลุ่มสาวประเภทสองรวมทำร้ายนักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติขึ้นอีก จึงอยากขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงไปตรวจสอบอย่างเคร่งครัดเข้มงวด ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องใด ตนมองว่าการทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายใช้ความรุนแรงไม่ควรเกิดขึ้น และหากมีสาเหตุมาจากการตกลงกันไม่ได้เรื่องการขายบริการของสาวประเภทสอง  เจ้าหน้าที่ก็ต้องหามาตรการในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ให้กลุ่มดังกล่าวใช้แหล่งท่องเที่ยวบางหน้าเป็นที่รับลูกค้าลักลอบขายบริการได้ ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างมาก

ทั้งนี้เมื่อรัฐบาลเดินหน้านโยบาย วีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวหลายประเทศ ย่อมมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาพักผ่อนตามแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น  ตนจึงอยากฝากผู้ว่าราชการทุกจังหวัด และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนคนไทยเจ้าของประเทศ ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวและเป็นเจ้าบ้านที่ดี สร้างภาพลักษณ์ให้เป็นที่น่าประทับใจเพราะหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ก็จะทำให้เกิดการสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เติบโตตามมา  แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อาจกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในประเทศได้  ส่วนที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องได้รับการแก้ไขและดำเนินคดีตามกฎหมาย

“ขอฝากท่านผู้ว่าฯภูเก็ต ฝ่ายปกครองรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงไปตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว อย่าให้เกิดการใช้แหล่งท่องเที่ยวมาบังหน้าเพื่อลักลอบขายบริการทางเพศ เพราะจะทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยในภาพรวมไปด้วย นอกจากนั้น อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญทุกจังหวัดด้วยไม่ใช่แต่เฉพาะภูเก็ตเท่านั้น”นายธนกรกล่าว

‘ธนกร’ หนุน ‘อนุทิน’ กวดขันหาดป่าตอง เร่งแก้ปัญหา ต่างชาติแย่งงานคนไทย เชื่อหากวางระบบความปลอดภัยให้ดี มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อีกหลายเท่าตัว

(16 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และได้แจ้งข้อมูลให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทราบแล้วนั้น ล่าสุดต้องขอขอบคุณ นายอนุทิน ที่ได้ลงพื้นที่หาดป่าตองจังหวัดภูเก็ตด้วยตัวเอง  พร้อมทั้งยังได้สั่งการให้ อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจพื้นที่ แก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวทันที มีการดำเนินคดีฝรั่งที่ก่อเหตุทำร้ายแพทย์หญิง รวมถึงกรณีอื่นๆที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวด้วย จึงเชื่อว่าการแก้ปัญหามาเฟียต่างชาติจะหมดไป

ทั้งนี้ขอฝากนายอนุทิน พิจารณาขยายพื้นที่โซนนิ่งเปิดสถานบริการถึงเวลา 04:00 น. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพื้นที่อื่น ๆ ให้เกิดความคึกคัก โดยควบคู่กับการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยและระบบดูแลอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เชื่อว่า จะสร้างความมั่นใจและดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่อีกจำนวนมาก จะสร้างงานสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการและประชาชนมากขึ้นเป็นเท่าตัว

“ต้องขอบคุณ มท.1 ที่เมื่อผมได้ส่งข้อมูลเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและผู้ประกอบการในภูเก็ตให้ ท่านก็ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ทันที พร้อมสั่งการให้ผู้ว่าฯเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขัน ไม่ยอมปล่อยให้มาเฟียต่างชาติ เข้ามายึดพื้นที่ แย่งงานคนไทยได้ และเชื่อว่าหากมีการวางระบบรักษาความปลอดภัยการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจะสร้างความมั่นใจดึงดูดให้มีการเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากยิ่งขึ้น หากภาครัฐพิจารณาขยายเวลาเปิดสถานบริการเพิ่มขึ้นไปถึงตี 4 เชื่อว่า จะสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวได้มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน” นายธนกร กล่าว

‘ธนกร’ ขอบคุณ นายกฯ-สุริยะ เร่งสร้างถนน-มอเตอร์เวย์ เพื่อพัฒนา กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ คนปักษ์ใต้

(23 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีสส.ภาคใต้จากทุกพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เสนอข้อคิดเห็นต่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้มีการสร้างมอเตอร์เวย์และสร้างถนนเพิ่มเส้นทางมุ่งสู่ภาคใต้เพื่อแก้ปัญหาจราจรให้พี่น้องประชาชน ว่า ตนในฐานะ สส.คนใต้ เกิดและโตที่จ.นครศรีธรรมราช เห็นด้วยอย่างยิ่งที่กระทรวงคมนาคมจะได้ดำเนินโครงการสร้างถนนมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นที่ 1 เส้นมอเตอร์เวย์ จาก จ.นครปฐม-ชะอำ จ.เพชรบุรี และจาก อ.ชะอำ- จ.ชุมพร เส้นที่ 2 จาก อ.หาดใหญ่ไป อ.สะเดา-จาก อ.สะเดาไปชายแดนไทย-มาเลเซีย เส้นที่ 3 เป็นถนนคู่ขนานเส้นเพชรเกษมหมายเลข 4 จากวังมะนาวไป อ.ปากท่อ-จาก อ.ปากท่อไป อ.หนองหญ้าปล้อง อ.แก่งกระจาน อ.หนองพลับ ลงไปถึง จ.ชุมพร พร้อมทั้งขยายเส้นทางหลักเพิ่มอีก รวมทั้งปรับปรุง เพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาการจราจร รวมถึงครอบคลุมการแก้ปัญหาระบายน้ำในช่วงที่เกิดอุทกภัยได้ด้วย ป้องกันไม่ให้ภาคใต้ได้รับผลกระทบในวงกว้าง การจราจรจะไม่เป็นอัมพาตทั้งภาคเมื่อเกิดน้ำท่วมเหมือนอย่างที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ จากที่ สส. ภาคใต้จากทุกพรรคทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลรวมตัวกันเรียกร้องนั้น ล่าสุด ตนทราบว่า นายสุริยะได้นำข้อร้องเรียนเรื่องปัญหาดังกล่าวให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบแล้ว โดยหลังจากทราบเรื่อง นายกฯได้เชิญตัวแทนสส.ใต้ พรรครวมไทยสร้างชาตินำโดยนายวิชัย สุดสาสดิ์ สส.ชุมพรไปสอบถามข้อมูลปัญหาการจราจร สัญจรลงภาคใต้แล้ว มาติดขัดตรงจุดใด ซึ่งทั้งนายสุริยะและนายกฯ ก็ได้รับเรื่องแล้ว และรับปากจะเร่งดำเนินการพิจารณาโครงการก่อสร้างถนน มอเตอร์เวย์เพื่อแก้ไขให้พี่น้องประชาชนคนใต้ รวมถึงมองในเรื่องการสนับสนุนการท่องเที่ยวภาคใต้ในระยะยาวด้วย 

“ขอบคุณท่านสุริยะและท่านนายกฯที่มองเห็นความสำคัญของเศรษฐกิจท่องเที่ยวภาคใต้และความเดือดร้อนของผู้ที่สัญจรไปมาลงใต้ เมื่อทั้ง 2 ท่านทราบปัญหาก็ได้รับฟังข้อเสนอแนะจากตัวแทนสส.ใต้และสั่งการให้เร่งแก้ปัญหานี้ทันที จึงเชื่อว่า หากผลักดันจนโครงการแล้วเสร็จ จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ลงไปท่องเที่ยวภาคใต้ได้มากขึ้นอย่างแน่นอน ส่งผลต่อเศรษฐกิจในพื้นที่และภาพรวมของทั้งประเทศให้ดีขึ้น” นายธนกร กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top