Thursday, 22 May 2025
ทักษิณ_ชินวัตร

'ก้าวไกล' จอด!! 'ทักษิณ' คุมเกมใหญ่ 'ป้อม-เหลิม' จับมือดับจันทร์ส่องหล้า

นับถอยหลังสู่เดือน ส.ค.2567...อย่างที่เคยเกริ่นนำไว้ว่า จะเกิดไทม์ไลน์การเมืองที่จะเป็นจุดเดือด จุดหักเปลี่ยน...แบบได้เสีย...

1) กรณียุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารคู่กรณี (กกต.-พรรคก้าวไกล) ยุติการไต่สวน นัดฟังคำวินิจฉัย 7 ส.ค.2567 พรรคก้าวไกลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการได้ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดี มธ.มาเป็นพยานปากเอก ช่วยขยี้ประเด็นการดำเนินการขั้นตอนการยุบพรรค ตามมาตรา 92 และ 93 ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 และระเบียบการดำเนินการการสอบสวน 2566 ของกกต. รวมทั้งประเด็นอื่น ๆ จะช่วยให้รอดจากการถูกยุบได้...

แต่แหล่งข่าวระดับสูงระดับลึกของ 'เล็ก เลียบด่วน' ยังฟันธงว่า 'รอดยาก' โอกาสที่กกต.จะแพ้ฟาวล์มีน้อย ดังนั้นไม่แปลกที่คอการเมืองเขามองไปที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ รุ่นที่ 3 ของก้าวไกลแล้ว ว่าจะเป็นใครระหว่าง 'ไหม' ศิริกัญญา ตันสกุล กับ 'ดร.ต้น' วีระยุทธ กาญจนชูฉัตร เพื่อนของเอก ธนาธร...

2) กรณีถอดถอนเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  คาดว่าช่วงกลางเดือนหรือปลายเดือนส.ค.ก็จะได้รู้กันว่า จะมีการเปลี่ยนนายกฯ หรือไม่...ราคาต่อรองบนโต๊ะกาแฟของหลายวงการตอนนี้อยู่ที่ 50/50   สำหรับ 'เล็ก เลียบด่วน' นาทีนี้ให้รอด/ไม่รอด ที่ 50.5 ต่อ 49.5

แต่ไม่ว่า 'เศรษฐา' จะรอดหรือไม่รอด หน้าการเมืองหลังการตัดสินคดีจะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่...ถ้ารอดก็จะปรับโฉมหน้าครม.ครั้งสำคัญ แต่หากหวยออกมาว่า 'ไม่รอด' ก็ต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี  

เรื่องใหญ่ของประเทศ...หลายคนคาดว่า หวยนายกฯ คนใหม่ อาจจะไหลไปถึง น.หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' ฟังพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวเพื่อไทยมาล่าสุด เขาบอกว่า...นาทีนี้ พ่อ-ลูก ชินวัตร ตกผลึกแล้วที่จะให้คนชื่อ 'แพทองธาร ชินวัตร' หรือ 'อุ๊งอิ๊ง' นั่งนายกฯ เลย...

เว้นแต่มี 'ข้อมูลใหม่' เท่านั้น...ถึงจะไม่ขึ้น...

3) กรณีทักษิณ ชินวัตร ก็นับถอยหลังที่จะได้รับใบสุทธิหรือใบบริสุทธิ์จากการพ้นโทษ 22 ส.ค. (โดยไม่ต้องนอนคุกแม้แต่วันเดียว)...ก็ชัดเจนว่า หลังวันพ้นโทษ แม้ทักษิณจะมีคดีมาตรา 112 ผูกแข้งอยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะเป็นพยัคฆ์ติดเทอร์โบ...เป็นผู้ทรงอิทธิพลในการช่วยนายกฯ บัญชาการ...

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. เห็นทักษิณควงครอบครัวอุ๊งอิ๊งและโอ๊ค พานทองแท้ไป Rancho Charnvee Resort and Country Club ของอนุทิน...เล่นกอล์ฟ กินข้าว ร้องเพลง โดยมีเสี่ยหนูมาร่วมวงด้วยแล้ว...ก็พอจะเห็นทิศทางการเมืองใหญ่ได้ระดับหนึ่ง ยังไง ๆ ระหว่างทักษิณกับอนุทินนั้นไม่ยากที่จะพูดคุย...ตกลงทางอำนาจในฉากหรือนาทีสำคัญ...!!

นั่นว่าด้วย 3 วาระสำคัญที่น่าจับตา...แต่เฉพาะหน้าเรื่องเล็ก ๆ แต่ไม่เล็กที่ต้องขีดเส้นใต้หมายเหตุไว้สักนิดคือ...กรณีพ่อลูกบ้านบางบอน 'ร.ต.อ.เฉลิม-วัน อยู่บำรุง'

วัน อยู่บำรุง หลั่งน้ำตาลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว ข่าวล่าสุดระบุว่าบ่ายหน้าไปซบตัก 'ลุงป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ...บ้านป่ารอยต่อ ที่ถูกทักษิณเปลี่ยนชื่อเป็น 'บ้านในป่า'

แว่วว่าผู้พ่อ...เฉลิม อยู่บำรุง ก็ได้เปิดอกพูดคุยกับลุงป้อมเป็นที่เรียบร้อย...ด้วยความเข้าใจในฐานะที่ตอนนี้มีคู่กรณีเป็นคน ๆ เดียวกัน...ลุงป้อมนั้นถูกหาว่าเป็น 'บ้านในป่า' อยู่เบื้องหลัง 40 สว.ให้ยื่นถอดถอนนายกฯ ส่วนพ่อลูกอยู่บำรุงนั้น กรณี 'บิ๊กแจ๊ส' เป็นพิษ...

งานนี้ฟันธงได้ล่วงหน้า เมื่อบ้านในป่าจับมือกับบ้านบางบอน...รับรองบ้านจันทร์ส่องหล้าจะต้องหนาวยะเยือก หรือไม่ก็ร้อนด้วยไฟประลัยกัลป์...เพราะอ่านทางได้ไม่ยากว่า...แม้จะชราวัยไปบ้าง แต่เฉลิมนั้นยังเป็นฉลาม ได้กลิ่นเลือดเมื่อไหร่ ก็ต้องกระโจนใส่...ข้อมูลเก่า ๆ ที่ยังไม่ถูกเปิดมีอีกเป็นกะตั้ก...แว่วว่าจะถูกงัดมาใช้ในสงครามสั่งสอนรอบใหม่ เร็ว ๆ นี้...

'เล็ก เลียบด่วน' ฟังหนังตัวอย่างมาแล้ว...หนาวแทน!!

ศาลอาญายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ ’ทักษิณ’ เดินทางไปดูไบ หลังขอไปรักษาตัว ชี้มีแพทย์ในประเทศ ตรวจรักษาอยู่แล้ว

(31 ก.ค. 67) เมื่อไม่นานมานี้ ณ ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ศาลจึงมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 30 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมาและมีคำสั่งในวันเดียวกัน

วันนัดฟังคำสั่งโจทก์ นายทักษิณ ผู้เป็นจำเลย และทนายได้เดินทางมาที่ศาล ภายหลังศาลได้ไต่สวนพยานแล้วมีคำสั่งในทางไต่สวนสรุปว่า จำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาและห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร 

แต่จำเลยมีความประสงค์เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไปพำนักอยู่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) ระหว่างวันที่ 1-16 ส.ค.2567 เพื่อพบแพทย์ซึ่งเคยตรวจรักษาอาการป่วยของจำเลยเกี่ยวกับปอดอักเสบเรื้อรัง ระบบหายใจและหลอดเลือดหัวใจ เอ็นไหล่ขวาฉีกขาด และหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ในสถานพยาบาล ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันที่ 2 และ 8 ส.ค.2567 

โดยช่วงเวลาที่จำเลยพำนักอยู่ ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำเลยยังมีนัดหมายกับบุคคลสำคัญหลายคน เกี่ยวด้วยภารกิจส่วนตัวของจำเลยหลายเรื่อง จำเลยจะเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานซึ่งศาลนัดไว้ในวันที่ 19 ส.ค.2567

ศาลเห็นว่า แม้จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยมีเอกสารหลักฐานจากแพทย์สนับสนุน และนัดพบบุคคลสำคัญหลายคน โดยช่วงเวลาที่จำเลยพำนักอยู่ ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นช่วงเวลาก่อนกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานก็ตาม 

แต่อาการป่วยของจำเลยเป็นโรคที่เกิดแก่บุคคลทั่วไป และแพทย์ในประเทศไทยตรวจรักษาเป็นประจำอยู่แล้ว การเดินทางไปพบบุคคลสำคัญของจำเลยเป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยทั้งไม่มีพยานหลักฐานยืนยันชัดแจ้งถึงความจำเป็นดังกล่าว ประกอบกับช่วงระยะเวลาที่เดินทางใกล้กับวันนัดตรวจพยานหลักฐานในชั้นนี้ไม่สมควรอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้ยกคำร้อง

เปิดดวงชะตาล่าสุด 'เศรษฐา' ดูสดใส 'ทักษิณ' หวั่นใจ วิบากกรรมยังรุมเพียบ

สัปดาห์ที่แล้ว...ได้กล่าวถึงกระแสข่าวว่า เศรษฐา ทวีสิน มีแนวโน้มน่าจะรอดได้ไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุปัจจัยทางกฎหมายที่บางคนบอกว่ายังก้ำกึ่ง บางคนบอกว่าผิดชัด ๆ...แต่หลายคนเชื่อว่า...เหตุผลบกพร่องโดยสุจริต อาจจะเป็นประเด็นสำคัญ...

ความเชื่อว่า...เศรษฐาน่าจะรอด มีสูงขึ้นเป็นลำดับเมื่อมองจากภาษากายของเขาที่ดูสดชื่น มั่นอกมั่นใจแม้จะเพิ่งสูญเสียคุณแม่...แต่งานศพคุณแม่ได้อดีตนายกฯ ลุงตู่ 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' ในฐานะองคมนตรีไปเป็นประธานสวดพระอภิธรรมเมื่อค่ำวันที่ 5 ส.ค.

และเย็นวันที่ 6 ส.ค. 'พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์' ประธานองคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์ไปในการพระราชทานเพลิงศพ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ไปร่วมอีกครั้ง รวมทั้งนายทักษิณ ชินวัตร และบุคคลสำคัญจำนวนมาก ย่อมทำให้นายเศรษฐาและครอบครัวภาคภูมิใจ...

ทำให้นึกถึงคำพยากรณ์ของซินแส ภาณุวัฒน์ พันธ์วิชาติกุล ที่สัมภาษณ์ในไทยโพสต์ ออนไลน์ว่า...ความสูญเสียของคุณแม่ช่วยค้ำยันให้ดวงผู้เป็นลูกดีขึ้น...เชื่อว่าเศรษฐาจะรอดแบบฉิวเฉียด...ได้ไปต่อ...

จะได้ไปต่อจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้รัฐบาลได้กำหนดวาระงานสำคัญหลังวันพิพากษา 14 ส.ค.เอาไว้แล้วว่า วันที่ 19-20 ส.ค. จะมีการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา...

ทำราวกับว่าวันที่ 14 ส.ค.ก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง...เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไป...อะไรประมาณนั้น!!

ในขณะที่ดวงดาวของ 'เศรษฐา' ดูเหมือนจะโคจรในวิถีที่ปลอดภัย...หันไปดูชะตากรรมทักษิณดูเหมือนจะอมทุกข์อโศกไว้อย่างเห็นได้ชัด แม้พยายามจะยิ้มแย้มตอนพบปะยกมือไหว้ 'ลูงตู่' ในงานศพก็ตาม...

จะไม่ให้เครียดได้อย่างไรในเมื่อ...

1) มีคดีมาตรา 112 ติดตัวอยู่...ขอเดินทางไปนอกราชอาณาจักร (ดูไบ) ศาลก็ไม่อนุญาต

2) ความคาดหวังที่จะได้พ้นโทษเร็วกว่ากำหนด (31 ส.ค.2567) กล่าวคือ ขอรับอานิสงส์พร้อมกับการพระราชทานอภัยโทษทั่วไปเนื่องในวันมหามงคลก็ยังไม่ชัดเจนว่าได้หรือไม่...วันไหน!?

3) มิหนำซ้ำ...กรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) สรุปเปรี้ยงออกมาว่า ทักษิณได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลดีกว่านักโทษรายอื่น รพ.ตำรวจเลือกปฏิบัติ ขอส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ โอกาสจะถูกกล่าวหาพัวพันก็มี

4) รัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำยังบริหารไม่ได้ดั่งใจ...ดิจิทัล วอลเล็ต ยังถูกท้าทายเยาะเย้ยว่า...ไปไม่ถึงเป้าหมาย

..ฯลฯ..

ท่ามกลางความเครียดเคร่ง ข่าวแจ้งว่าทักษิณยอมที่จะไปเป็นองค์ปาฐกหัวข้อ 'VISION FOR THAILAND' ในงาน...ดินเนอร์ทอล์ก ที่จัดโดยเครือเนชั่น ในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งตอนคิดงานใหม่ ๆ กะว่าจะเล่นมุกเลข 22 คือ จัดงานวันที่คิดว่าพ้นโทษ 22 ส.ค.ถ่ายทอดสดทางช่อง 22

แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน...

หลังการจ้อครั้งสำคัญในวันที่ 22 ส.ค.ก็ยังไม่มีหลักประกันว่า...จะกำไรหรือขาดทุน...คนจัดงานอาจมีกำไร แต่พรรคเพื่อไทยและยี่ห้อชินวัตรยังไม่ชัดเจนว่าจะกำไร...

คนคำนวณมิสู้ปากพาไป...โปรดระวังปลาหมอคางดำ...!!

‘อุ๊งอิ๊ง’ ยัน!! เดินหน้าทำ ‘โครงการดิจิทัลวอลเล็ต’ ย้ำ!! ทำตามกฎหมาย วินัยการคลัง รับฟังความคิดเห็น

(18 ส.ค.67) หลังเข้าร่วมพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวโดยระบุว่า วันนี้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทำเพื่อประเทศชาติตลอด 1 ปีที่ผ่านมาแม้ตนเองจะไม่ ๆ ได้วางแผนในการเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน แต่ขอให้มั่นใจว่า พร้อม เต็มใจ

ที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ พาประเทศชาติผ่านอุปสรรค ผ่านปัญหาต่าง ๆ และแน่นอนประเทศไทยของเรามีปัญหาปากท้องที่รอการแก้ไข และตั้งใจว่าการได้รับตำแหน่งนี้มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า ตั้งใจผลักดันนโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปัญหายาเสพติด ระบบสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาได้ทุกที่ และไทยแลนด์ ซอฟต์พาวเวอร์ อย่างต่อเนื่องที่ทำมาตั้งแต่ต้น และมีความตั้งใจที่จะร่วมงานกับทุกภาคส่วนที่จะผลักดันนโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ให้สำเร็จ โดยจะแถลงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมเดือน ก.ย.นี้ 

ขอบคุณพลังประชาชนทั้งที่เลือกและไม่ได้เลือก สัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มความสามารถ โดยที่ไม่มีความแบ่งแยกในความแตกต่างทุกเพศ ทุกวัย และความหลากหลายทั้งในฐานะ นายกรัฐมนตรี แม่ ลูก เพื่อน มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้ประเทศไทยทุกตารางนิ้วเป็นของโอกาสที่คนไทยทุกคนกล้ามีความฝัน ความคิดที่สร้างสรรค์และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง 

นอกจากนี้ นางสาวแพทองธาร ตอบคำถามสื่อมวลชน ได้กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดย ยืนยันว่า นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้สั่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งการทำนโยบายอะไรต้องปรึกษาพรรคร่วมด้วย และขอให้แยกบทบาทเพราะเข้าใจดีว่า นายทักษิณ ก็คงไม่สามารถลบภาพทางการเมืองออกได้ เพราะก็ยังเป็นคนที่หลายคนเคารพนับถือ และหลายคนคงขอคำปรึกษาตามประสบการณ์ที่ท่านมี 

ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มีความตั้งใจทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ ซึ่งปีที่แล้วที่หาเสียงเรื่องนี้ เป็นการศึกษาและสังเคราะห์มาอย่างดีแล้ว แต่ช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป เราจะต้องศึกษาและรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม แน่นอนต้องอยู่ในระเบียบ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังด้วย และในเนื้อหารายละเอียดต้องชัดเจนและฟังความเห็นต่อเนื่อง เป้าหมายคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นความตั้งใจนี้จะยังอยู่แน่นอน

ต่อข้อซักถามผู้สื่อข่าวที่ระบุว่า นายทักษิณจะครอบงำทางการเมือง นางสาวแพทองธาร ยืนยันว่า ไม่ใช่การครอบงำแน่นอน ทุกคนในครอบครัวมีความคิดเป็นของตัวเอง เราปรึกษากันและให้เกียรติกันทางความคิด แต่สุดท้ายเมื่อใครอยู่บทบาทไหน ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าความคิดของครอบครัวหรือคนที่เคารพนับถือ ย่อมมีส่วนสำคัญ และยังเร็วไปมากในเรื่องคณะรัฐมนตรี ยังไม่ได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล

ส่วนคำถามที่ว่า จะซ้ำรอยพ่อ รอยอา นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ปัญหาประเทศต้องได้รับการแก้ไขก่อน และจะทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และพร้อมเข้าหาทุกภาคส่วน เข้าหาทุกคน ทั้งอดีตนายกรัฐมนตรีหลาย ๆ ท่านพรรคร่วม และเชื่อว่าไม่มีงานใหญ่ขนาดนี้ที่คนหนึ่งคนจะทำสำเร็จได้ แต่มีความตั้งใจ เคารพ และเชื่อในความสามารถของทุก ๆ คน เพราะฉะนั้นคงไม่สามารถสร้างประสบการณ์ได้โดยการดีดนิ้วทีเดียว และขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ทั้งหมด

ไม่มีใครอยากโดนอย่างคุณพ่อ คุณอา วันนี้คุณพ่อ คุณอาก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น มีความตั้งใจที่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องที่สุด ต้องมองไปที่เป้าหมาย ถ้ามานั่งกังวลทุกอย่าง ก็คงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เพื่อไม่ให้มีคดี นางสาวแพทองธาร กล่าวทิ้งท้าย

‘ทักษิณ’ ใส่เสื้อเหลืองขึ้นศาลฯ ตรวจหลักฐานคดี ม.112 แง้ม!! ไม่กังวลเพราะเป็นคดีกระชับอำนาจ หลังปฏิวัติใหม่ๆ

(19 ส.ค. 67) ศาลอาญา นัดตรวจพยานหลักฐานในคดีที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์กับเดอะโชซอนมีเดีย (The ChosunMedia) ของเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน

ซึ่งนายทักษิณได้รับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยตีราคาประกัน 5 แสนบาท กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

ในวันนี้มีทีมทนายความประมาณ 6-7 คนมาศาล

ต่อมาเวลา 08.53 น. นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีนี้ ได้เดินทางมาศาล โดยสวมเสื้อสีเหลืองใส่สูทดำคลุมทับ พร้อมกล่าวก่อนขึ้นห้องพิจารณาคดีว่า ไม่มีความกังวล เป็นคดีที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติใหม่ ๆ เป็นการใช้กฎหมายกระชับอำนาจ ส่วนเรื่องพยานเป็นเรื่องทนายความ หลังจากนั้นนายทักษิณได้เดินห้องขึ้นพิจารณาทันที

'ผลโพลฯ' ชี้!! กลุ่มผู้ถูกสำรวจ 'เห็นด้วย' แนวทางฟื้นฟูศก.ของ 'ทักษิณ' พบ!! 'ดิจิทัลวอลเล็ต-รถไฟฟ้า 20 บาท' น่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ

(27 ส.ค. 67) ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นอร์ทกรุงเทพโพล’ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ระหว่างวันที่ 24 - 25 สิงหาคม 2567 มีผู้สำรวจ 1,320 ราย จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยสอบถามเรื่อง ข้อเสนอในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่า คนไทยเห็นด้วยกับแผนและแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จำนวน 66.5% และ ไม่เห็นด้วย 19.4% ขณะที่ไม่แสดงความคิดเห็นมี 14.1% 

ทั้งนี้แนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของนายทักษิณ ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ Vision for Thailand 2024 ประกอบไปด้วย 14 ประเด็นที่เป็นข้อเสนอแนะ โดยหากเรียงตามความชื่นชอบและให้ความสนใจมากสุด ของประชาชนชาวไทยที่ได้ทำการสำรวจทั้งหมดพบว่า 

1. นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 15.3% 
2. จัดระเบียบโครงสร้างภาษี 11% 
3. ปราบยาเสพติดผ่านการลดจำนวนผู้เสพ 10.2%  
4. รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 8.7%  

5. ผลักดันแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น 8.1%  
6. ยกเศรษฐกิจนอกระบบขึ้นมาบนดิน 7.6% 
7. การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน 6.9% 
8. ขยาย ‘กองทุนวายุภักษ์’ 6.1%  

9. แก้ปมเขตทับซ้อน 5.4% 
10. สร้างศูนย์กลางผลิตรถไฟฟ้า 5.4% 
11. ถมทะเลบางขุนเทียน สร้างแผ่นดินใหม่ 4.8% 
12. ผลักดันไทยเป็นหลุมหลบภัยนักลงทุน 4.5%  

13. ทำลีก ‘มวยไทย’ ดันซอฟต์พาวเวอร์จริงจัง 3.7%
14. ปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดิน 2.3%

เปิดลึก!! ชะตากรรม ‘อิ๊งค์ 1’ แอนด์ ‘เดอะนายใหญ่’ กลุ่มเกมนอกสภา ‘เล็งยิงนัดเดียว’ หวังนก 3 ตัว

กล่าวได้ว่า ทุกอย่างยังเป็นไปตามไทม์ไลน์การเมือง...

(4 ก.ย. 67) มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแพทองธาร หรือ 'อิ๊งค์ 1' เป็นที่เรียบร้อย

7 ก.ย. 67 จะถวายสัตย์ฯ 

10 ก.ย. 67 จะประชุม ครม.นัดพิเศษเป็นครั้งแรก 

และจากนั้นวันที่ 11-12 ก.ย. 67 แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะนำ ครม.แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก่อนที่จะบริหารประเทศด้วยอำนาจเต็มแม็กเต็มร้อยตามกฎหมายต่อไป...โดยฟันธงได้เลยว่า...รัฐบาลชุดนี้ไม่มีเวลา ฮันนี่ มูน แม้แต่น้อย...

เข้าสู่สมรภูมิรบตั้งแต่นาทีแรก...ก้าวแรก ด้วยความระทึกใจยิ่ง...

อันที่จริงก็ระทึกกันตั้งแต่ขึ้นตอนหักเหลี่ยมโหด เอาพรรคประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐปีก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าร่วมรัฐบาล และจากนั้นก็ถึงคิวคัดกรองร่อนตะแกรงคุณสมบัติด้วยมาตรฐานจริยธรรม...

ปรากฏว่ามีสองรัฐมนตรียอมถอนตัว...รายแรก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งมีปมปัญหาคุณสมบัติและปัญหาเทคนิกข้อกฎหมายเกี่ยวกับข้อบังคับพรรค พปชร.ที่ผู้กองต้องหลบหลีกและกวาด 20 กว่าเสียงของพรรคมาแลกกับ 3 เก้าอี้ รมต.

อีกคนหนึ่งมีการถอนตัวนาทีสุดท้าย คือ ชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่มีปมปัญหาสีเทา และสายข่าวแจ้งว่างานนี้ 'นายใหญ่' ส่งสัญญาณพิเศษถึง 'บิ๊กหนู' โดยตรงว่า 'ต้องเปลี่ยน'...

กรณีของ เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคปชป.ก็มีการกลั่นกรองกันค่อนข้างละเอียด...เห็นว่ายังไม่มีความชัดเจนเข้มข้น ก็เลยผ่าน...

รวมความว่า...รัฐบาลอิ๊งค์ 1 ที่ออกมา 'นายใหญ่' ได้ช่วยเซฟตี้คัท ตัดก่อนตาย เตือนก่อนวายวอดให้นายกฯ อิ๊งค์ด้วยตัวเอง...แต่สุดท้ายจะมีใคร ประเด็นไหน ลอดหูลอดตาหรือเส้นผมบังภูเขาอยู่หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่อง...เพราะขณะนี้ประเด็นคุณสมบัตินั้นอย่าว่าแต่รัฐมนตรีทั่วไปเลย ตัวนายกฯ อิ๊งค์ ก็ถูกร้องแล้ว...

อย่างไรก็ตาม วิเคราะห์ตามหน้าเสื่อหน้าไพ่เกมใหญ่ของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณที่ได้ยกระดับเป็นต่อต้าน 'ระบอบชินวัตร' จะเดินหน้าเชือด...ไม่ใช่ตัวนายกฯ หัวหน้าพรรค แต่เป็น 'ผู้ครอบครอง' ตัวนายกฯและหัวหน้าพรรค ซึ่งก็คือ 'ทักษิณ ชินวัตร' นั่นเอง

ยิงนัดเดียวคือ 'นายใหญ่' ได้นก 3 ตัว...นายใหญ่ร่วง, พรรคไม่รอด, นายกฯ ร่วง...อะไรประมาณนั้น

ต้องจับตาดูนัดหมายครั้งแรก ที่ลานอนุสาวรีย์ 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว วันที่ 7 ก.ย.ที่กลุ่มคปท., กองทัพธรรม, ศปปส. และแนวร่วม นัดชุมนุมโหมโรงครั้งแรกว่าจะร้อนแรงขนาดไหน...ประเด็นตัวนายกฯ ไม่เท่าไหร่ แต่ต้องดูประเด็นความลับชั้น 14 ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ออกมาชักธงรบเมื่อวันก่อนว่ามีอะไรคืบหน้าหรือไม่...

มองจากเชิงข่าว...ก็ต้องสรุปเบื้องต้นว่า...ไม่ง่าย แม้กระทั่งประเด็นความลับชั้น 14 ที่ดูเหมือนอยู่แค่เอื้อมที่ความเลวร้ายใกล้ปรากฏ...ขอเพียงคนชื่อ 'เสรีพิศุทธิ์' ไม่หยุดลุย...!!??

แต่ข่าวเชิงลึกกระซิบมาว่า...คุณเสรีพิศุทธ์เกิดอาการเหนื่อยหอบ ตอนนี้ขอให้ 'นักร้องนิรนาม' คุณเรืองไกร นักรบบ้านในป่าเดินหน้าช่องทางอื่นต่อไปล่ะกัน !!??

สงครามเงียบ ‘นายใหญ่’-‘ครูใหญ่’ ต่างฝ่ายต่าง 'ซ่อนดาบในรอยยิ้ม'

เบิร์ทเดย์ ครบ 66 ย่างปีที่ 67 ของเนวิน ชิดชอบ เมื่อ 4 ต.ค.2567 ยิ่งใหญ่อลังการตามรูปแบบฉบับของ ‘ครูใหญ่เนวิน’ และตระกูลชิดชอบ มีพิธีปะกำช้าง ผูกข้อมือเรียกขวัญโดยครูปะกำ..

ไฮไลต์ไม่ได้อยู่ที่การผูกข้อมือครูใหญ่ แต่อยู่ที่ครูใหญ่พูดเสียงดังขณะผูกข้อมือให้ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่า... “ผูกให้เป็นนายกฯ ผูกให้ยิ่งใหญ่ ผูกให้แข็งแรง..”

ข่าวงานวันเกิดก๊อปปี้เดียว แต่ถูกแพร่กระจายไปนับร้อยสำนักสื่อในชั่วพริบตา..ตามมาด้วยบทวิเคราะห์ โดยมีจุดร่วมคือ..วันนี้ครูใหญ่เนวินและพรรคสีน้ำเงิน รวมทั้งสว.สีน้ำเงิน คือขั้วอำนาจหรือ 'ดุลอำนาจ' ที่ทรงพลังยิ่ง ไม่แพ้ดุลอำนาจของอีกกลุ่มที่นำโดย ‘นายใหญ่’ ทักษิณ ชินวัตร..

ปี 2551 เนวิน แยกทางกับทักษิณ ชินวัตร พร้อมวลี “มันจบแล้วครับนาย”...พ.ศ.2566 -67 ทักษิณกลับบ้านพร้อมดีลลับ พรรคเนวิน 71 เสียงต้องยกมือพรึ่บหนุนเศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร แห่งพรรคเพื่อไทยที่มี ‘นายใหญ่’ เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ..

ทั้งน.เนวินและน.หนู-อนุทิน ต่างเคยเป็นลูกน้องของนายใหญ่ แต่วันนี้ ‘อนุทิน’ ถึงเวลาสำแดงตัวตน แสดงวุฒิภาวะผู้นำภายใต้การสนับสนุนรัฐบาลแพทองธารด้วยท่วงทำนองแข็งแรง..จริงใจ ในขณะที่ครูใหญ่เนวินกำกับทั้งยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี...รักษาสมดุลอำนาจและพร้อมรุกฆาตทางการเมืองการเลือกตั้ง เพื่อตอบโจทย์..

ให้ ‘บิ๊กหนู’ เป็นนายกรัฐมนตรี จริง ๆ ไม่ใช่ 'นายกสมาคมคนเกลียมัว' ที่อนุทินพูดเล่นมุก..

ย้อนไปก่อนหน้านี้ไม่นาน..ปรากฏการณ์กรณีตั้งคำถามเรื่อง เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่หมายถึงคาสิโนแสนล้าน /กรณีสว.สีน้ำเงินพลิก 360 องศา แก้พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ (กรณีรัฐธรรมนูญ)ต้องใช้เสียงข้างมากสองชั้น ที่โดนใจชาวประชาฝั่งอนุรักษ์นิยม..ตลอดจนจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ประเด็นจริยธรรม..ฯลฯ

เป็นการสำแดงความเป็นตัวตนและจุดยืนของพรรคสีน้ำเงินที่ดูเหมือนจะพยายามเป็นหัวขบวนฝ่ายอนุรักษ์นิยมก้าวหน้า หัวใจสีน้ำเงิน ที่จากนี้ไปพรรคเพื่อไทยตลอดจน ‘นายใหญ่’ จะเริ่มอึดอัดมากขึ้นเป็นลำดับ...ขณะที่พรรคสีน้ำเงินเองก็รู้ว่าจะต้องโดนตอบโต้ในรูปแบบต่าง ๆ..

เพียงแต่ พ.ศ.นี้ทั้งสองฝ่ายไม่มีทางเลือก จะต้องประคับประคองต่อรองกันไป..จนกว่านายกฯอิ๊งค์จะไปต่อไม่ไหว หรือฉวยใช้จังหวะที่ได้เปรียบทางการเมืองยุบสภา..เพื่อจะเป็นนายกฯอีกรอบ

ในสนามการเมืองนอกจาก ‘ครูใหญ่เนวิน’ จะมีใครสักกี่คนที่ล่วงรู้ว่า เพลานี้ ‘นายใหญ่’ ที่หลบมุมหลบฉากสปอตไลต์นัยว่าเพื่อให้นายกฯอิ๊งค์เปล่งแสงได้เต็มที่นั้น กำลังจัดทัพปรับแถวสนามเลือกตั้งใหม่ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคอีสาน ซึ่งเพื่อไทยได้เพียง 73 ที่นั่ง พลาดเป้าไปอย่างน้อย 30...เหตุผลหนึ่งเพราะพรรคสีน้ำเงิน 'ดูด' คนของพรรคเพื่อไทยไปจำนวนมาก แต่หลายคนสอบตก เช่น สนามศรีสะเกษ เป็นต้น ..และขณะนี้คนเหล่านั้นกำลังจะกลับบ้านมารับใช้ ‘นายใหญ่’..!!

ส่วนบนเวทีอำนาจนั้น ‘นายใหญ่’.. ‘ครูใหญ่’..ต่างฝ่ายต่างรู้...ใครกำลังเดินหมากเกมอย่างไร และต่างมีตัวแทนบนเวทีคือนายกฯกับรองนายกฯ... คือ ‘อิ๊งค์’ กับ ‘หนู’..ที่ดูเหมือนเรา ๆ ท่าน ๆ จะเริ่มเห็น 'ดาบในรอยยิ้ม' ของทั้งสอง..ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับแล้ว!?

‘ครูใหญ่’ ของจริง แต่ ‘นายใหญ่’ ก็เหนือชั้น!? หลัง ‘อนุทิน - เนวิน’ ดอดเข้า ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’

(9 ต.ค. 67) ไม่ทันจะสิ้นกระแสความจากบทวิเคราะห์ล่าสุด... “ประกาศิตสีน้ำเงิน: สงครามเงียบนายใหญ่-ครูใหญ่” บ่งชี้ทิศทางสถานการณ์ว่าจะดำเนินไปด้วยความตึงเครียด-คุมเชิง...

แต่มาวันนี้ต้องบันทึกเหตุการณ์และขีดเส้นใต้สถานการณ์ใหม่ในสาระสำคัญบางประการ...

ค่ำวันอาทิตย์ที่ 6 ต.ค.2567 หลังเบิร์ธเดย์สองวัน ‘เนวิน ชิดชอบ’ และ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เข้าพบ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า วันรุ่งขึ้นรายการของ 'หมาแก่' ทางช่อง 9 อสมท.ออกมาเปิดเผย แต่อนุทินหลบฉากนักข่าว 2-3 รอบ ไม่ยอมตอบคำถาม..กระทั่งวันรุ่งขึ้นวันประชุมครม.ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นเรื่องจริง

อนุทิน พยายามพูดให้เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องของ 'เบิร์ธเดย์ บอย' ตนเป็นคนประสาน พร้อมปฏิเสธว่าในอดีต ‘เนวิน’ ไม่เคยพูดกับทักษิณว่า “มันจบแล้วครับนาย”  

ประเด็นสำคัญ อนุทิน ปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า เป็นการไปตกลงกันเรื่อง 'นายกคนละครึ่ง' กับพรรคเพื่อไทย...ยืนยันตนตั้งใจจะทำงานรับใช้สนองงงานนายกฯแพทองธารให้ดีที่สุด..!!

ประมวลและตรวจสอบข่าวเชิงลึกเชิงกว้างดูแล้ว..ต้องให้น้ำหนักว่าการพบกันครั้งนี้ 'นายใหญ่' ทักษิณเป็นฝ่ายริเริ่มอยากพบและพูดคุยกับเนวิน ชิดชอบ ที่บารมีกำลังเบ่งบานและเป็นอีกดุลอำนาจทางการเมืองที่สำคัญยิ่งในขณะนี้..

ดุลอำนาจ..ในการคุมพรรคภูมิใจไทย พรรค 70 เสียง ใหญ่อันดับสองในพรรคร่วมรัฐบาล นโยบายสำคัญเช่น กรณีกาสิโน,แลนด์บริดจ์, เจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา หากภูมิใจไทยไม่เล่นด้วยก็ไปต่อไม่ได้..

ดุลอำนาจ..ในการกำหนดชี้นำทิศทางในสภาสูงหรือสภาสีน้ำเงิน..ดังกรณีร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ที่วุฒิสภาแหกโค้งไม่เห็นด้วยกับสภาผู้แทนราษฎร อยู่ในขณะนี้

ต้องไม่ลืมว่า.. 'ครูใหญ่' เนวินถึงแม้ต้นทุนทางสังคมก็ไม่ดีเด่ไปกว่า 'นายใหญ่' ทักษิณ แต่การแยกทางออกมาเมื่อเดือนธ.ค.2551ก็ไม่ได้เป็นการแยกออกมาแบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ย หากแต่ส่วนหนึ่งเป็นสัญญาณจากประมุขบ้านสี่เสาเทเวศร์ที่ส่งสัญญาณผ่านคุณพ่อชัย ชิดชอบ...และเหตุการณ์ขณะนั้นคนเสื้อแดงบางปีกกำลังปลุกกระแสเรื่อง 'รัฐไทยใหม่' อีกต่างหาก...จึงเป็นเงื่อนเหตุอย่างหนึ่งทำให้ 'เนวินและเพื่อน' แยกทาง...พร้อมคำประกาศขอทักษิณหยุดกระทำ 2 เรื่อง..ซึ่งไม่ขอฉายซ้ำตรงนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแบบเกือบ 360 องศา..พ.ศ.2566-2567 ทักษิณกลับบ้านด้วยดีลลับกับปีกที่เรียกกันว่าอนุรักษ์นิยม ไม่แปลกที่วันนี้ 'นายใหญ่' ที่ยังเหนือชั้นและทรงบารมีเหนือกว่า จะเชื้อเชิญอดีตลูกน้องเก่าที่ตัวเองรู้ขี้รู้ไส้มาพูดคุยฟื้นความหลัง มองไปข้างหน้าและตกลงผลประโยชน์เชิงอำนาจ...

จะกล่าวว่า..มันเป็น 'ดีลพิเศษ' ระหว่างนายใหญ่กับครูใหญ่..ที่มีเพียงอนุทินและอาจจะรวมถึงแพทองทองธารเท่านั้นที่ล่วงรู้ก็น่าจะพูดได้...

ไม่นาน..ดีลพิเศษที่ว่าจะค่อยๆถูกเปิดเผย...ไม่ว่าจะเป็นมุมลบหรือมุมบวก...

สรุปว่า..'ครูใหญ่' นั้นเป็นของจริงฝ่ายสีน้ำเงิน และ 'นายใหญ่' นั้นเหนือชั้น..รู้ว่าจะปิดดีลได้แบบชัดครบจบจริง คุยกับน.หนูยังไม่พอ ต้องน.เนวิน..!!

ถอดรหัสล้มล้างฯ ภาคสอง ‘ทักษิณ-เพื่อไทย’ สยองขวัญ..!? เก้าอี้สั่น ‘ทนายธีรยุทธ’ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ใช้โมเดลเดียวกับกรณี ยุบก้าวไกล

(12 ต.ค. 67) กรณีที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี โดยพบว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ใช้พรรคผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นเครื่องมือควบคุม การบริหารราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ถูกร้องที่1 ระหว่างต้องโทษจำคุกได้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว เป็นการฝ่าฝืนไม่น้อมรับโทษจำคุกในเรือนจำตามพระบรมราชโองการ การกระทำของผู้ถูกร้องที่1 เป็นการกระทำที่ไม่บังควรอย่างยิ่งทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อน บ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สุด

กรณีที่ 4 ผู้ถูกร้องที่ 1 มีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการแทน ผู้ถูกร้องที่ 2 ในการเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือการเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่บ้านพักส่วนตัวของผู้ถูกร้องที่ 1 (บ้านจันทร์ส่องหล้า)

จำเป็นต้องคัดลอกมาให้อ่านเต็ม ๆ สำหรับ 2 กรณีจากเอกสารสรุปสาระสำคัญ 6 กรณี ที่ทนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร ผู้หาญกล้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ศาลวินิจฉัยสั่งให้ผู้ถูกร้องที่1 ทักษิณ ชินวัตร และผู้ถูกร้องที่ 2 พรรคเพื่อไทย “เลิกการกระทำใช้สิทธิเสรีภาพอันอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49”

วิเคราะห์กระชับสั่น ๆ ได้ว่า ทนายธีรยุทธดำเนินการโมเดลเดียวกับกรณีพรรคก้าวไกล คือ หลังจากยื่นอัยการสูงสุดครบ 15 วันเรื่องเงียบก็เดินเกมสองสเต็ปท์ สเต็ปท์แรก- ยื่นคำร้องให้ศาลรธน.วินิจฉัยสั่งให้ผู้ถูกร้องเลิกการกระทำ สเต็ปท์สอง – ต่อยอดคำวินิจฉัยนำไปร้องกกต.ให้ยุบพรรคหรือดำเนินคดีอาญา..

กรณี 'ทักษิณ-เพื่อไทย' จะถูกเช็กบิลเหมือนกรณี ‘พิธา-ก้าวไกล’หรือไม่..ด่านแรก คือต้องรอการพิจารณาของศาลรธน.ว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่..คาดว่าแถวๆพุธที่ 30ต.ค.อาจจะพอทราบ ถ้าศาลไม่รับก็จบข่าว...ถ้าศาลรับก็ต้องรอดูว่าจะเป็น “จุดเริ่มนำไปสู่จุดจบ” ของทักษิณ-เพื่อไทยหรือไม่..ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นปี

เมื่อทบทวนอดีต..กรณีคดีล้มล้างฯภาคพิธา-ก้าวไกล  สเต็ปท์แรก ทนายธีรยุทธยื่นเรื่อง 16 มิ.ย.2566 ศาลตัดสิน  31 ม.ค.2567 ใช้เวลา 228 วัน สเต็ปท์สอง(ยุบพรรค) กกต.ยื่นศาลรธน. 18 มี.ค.2567 ศาลตัดสิน 7 ส.ค.2567 รวม 201 วัน

ก็ต้องลุ้นกันว่ากรณีล่าสุดนี้ ศาลรธน.จะรับไว้พิจารณาหรือไม่...คุณธีรยุทธอธิบายว่าทั้ง 6 กรณีที่ร้องเป็น ‘จิ๊กซอว์’ ซึ่งกันและกัน ในมุมมองของ 'เล็ก เลียบด่วน' เห็นว่ากรณีที่1 และกรณีที่ 4 ดังที่ยกมาตอนต้นเป็นกรณีที่น่าขีดเส้นใต้มากที่สุด  ทั้งในแง่อาจทำให้ศาลรับไว้พิจารณาและชี้เป็นชี้ตายผู้ถูกร้อง (หากศาลรับไว้พิจารณา)..

ประเมินความเห็นของผู้สันทัดกรณีหลายฝ่าย ณ จุดเริ่ม เห็นว่า ‘น้ำหนัก’ ของเรื่องอาจจะเบากว่ากรณีพรรคก้าวไกล แต่โอกาสที่ศาลรธน.จะรับไว้พิจารณาก็พอมีแต่เฉียดฉิวระดับ51/49เปอร์เซ็นต์..ถ้าเป็นมติก็5ต่อ4 ประมาณนั้น..

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม...รายการนี้หากได้อ่านไส้ในคำร้อง 65 หน้า น่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยและนายใหญ่อยู่ในอาการ (ปากกล้า) ขาสั่นใจสั่นอย่างแน่นอน!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top