Friday, 10 May 2024
ตราด

ตราด - ‘กองทัพเรือ’ โดยทัพเรือภาคที่ 1 เลี้ยงอาหารกลางวัน มอบอุปกรณ์การเรียน - อุปกรณ์กีฬา และของขวัญวันเด็ก

กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 และศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง จัดเลี้ยงอาหารกลางวัน มอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และของขวัญ ให้แก่เด็กนักเรียนเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ตามโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบ ภายใต้แนวคิดคำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2565 “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม”

โดยวันที่ 5 มกราคม 2565 ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 นำโดยนาวาเอก ปฏิรูป  อยู่พรหม ผู้บังคับการฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวัน มอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และของขวัญ ให้แก่เด็กนักเรียน และทำความสะอาดโรงเรียนบ้านเนินดินแดง อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด โดยมี ครู และ นักเรียนโรงเรียนบ้านเนินดินแดงให้การต้อนรับ

และวันเดียวกัน ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง นำโดย นาวาโท พงษ์กาญจน์  กฤตินันท์ หัวหน้าศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง ร่วมกับชุมชนสลักคอก จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวัน มอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และของขวัญ ให้แก่เด็กนักเรียน และทำความสะอาดโรงเรียน วัดวัชคามคชทวีป อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด โดยมี ครู และ นักเรียนโรงเรียนวัดวัชคามชคทวีป ให้การต้อนรับ

และในวันที่ 6 มกราคม 2565 ทัพเรือภาคที่ 1 นำโดย นาวาเอก วีระชัย บุญมาก ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวัน มอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และของขวัญ ให้แก่เด็กนักเรียน และทำความสะอาดโรงเรียนเกล็ดแก้ว ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี ครู และ นักเรียนโรงเรียนวัดวัชคามชคทวีป ให้การต้อนรับ

ถึงแม้ในปีนี้ จะไม่มีการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ในรูปแบบของการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ การแสดงทางทหารของหน่วยงานในพื้นที่ต่าง ๆ ของกองทัพเรือ งดการรวมตัวกันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่การจัดกิจกรรม เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ในรูปแบบของการเลี้ยงอาหารกลางวัน มอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และของขวัญนั้น เป็นการจัดกิจกรรมที่มีรูปแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กนักเรียน คุณครู และกำลังพลในสังกัดเป็นหลัก มีการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส COVI-19 อย่างเคร่งครัด  เพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19

 

ตราด - ‘กองทัพเรือ’ จัดพิธีลอยพวงมาลา เนื่องใน “วันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง”

พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 มอบหมายให้ นาวาเอก รังสรรค์ บัวเผือก ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน เป็นประธานในพิธีลอยพวงมาลา เนื่องในวันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง ณ บริเวณเกาะลิ่ม จังหวัดตราด โดยมีกำลังทางเรือและกำลังพล ของฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 เรือหลวงสัตหีบ เรือ ต.992 และเรือ ต.236 เข้าร่วมพิธี

ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน กล่าวว่า “ในวันนี้เมื่อ 81 ปีที่แล้ว ได้มีการยุทธที่สำคัญเกิดขึ้น ในพื้นที่เกาะช้างแห่งนี้ เมื่อครั้งสงครามอินโดจีน กองทัพเรือ จึงได้จัดกำลังทางเรือและกำลังพลเข้าร่วมในการยุทธ ดังกล่าว การปะทะในครั้งนั้น กำลังพลของกองทัพเรือไทย ได้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก วันนี้ จึงถือว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของกองทัพเรือ ที่จะระลึกถึง คุณงามความดี วีรกรรมและความกล้าหาญของทหารเรือไทยทุกนาย ในการรักษาอธิปไตยของชาติไทย”

สำหรับการจัดพิธี ลอยพวงมาลาเนื่องในวันวีรกรรมทหารเรือไทย ในยุทธนาวีที่เกาะช้างในครั้งนี้ ประกอบด้วย การอ่านคำสดุดีวีรชนทหารเรือไทย ในยุทธนาวีที่เกาะช้าง การสงบนิ่งรำลึกถึงดวงวิญญาณของผู้กล้าหาญที่เสียชีวิต พิธีลอยพวงมาลา และการยิงสลุต ณ บริเวณเกาะลิ่ม ซึ่งเป็นจุดที่เรือหลวงสงขลา และเรือหลวงชลบุรี จมลง

ตราด - ไอเดียเก๋! ‘กัญชง และโรงกัญชา’ ปลูกกัญชา 600 ต้น วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรหาดเล็ก พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจ และสุขภาพชายแดน!

วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรหาดเล็ก หมู่ 2 ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด นายณรงค์ เทพเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานในพิธีเปิดวิสาหากิจชุมชนพืชสมุนไพร ต.หาดเล็ก พร้อมด้วย  นายเทวัญ ธานีรัตน์ ผู้อํานวยการกองการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นส.กิปภา ประสิทธิเวช นายกเทศมตรีตําบลหาดเล็ก นายโชคชัยแสนสิทธิ์ ปลัดอําเภอคลองใหญ่ ประธานสภา สมาชิกสภาเทศบาล เกษตรจังหวัดตราด ตํารวจ กํานัน ผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธีเปิด 

โดยมี นส.อรภา ชูใจหาญ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรหาดเล็ก กล่าวรายงานการจัดโครงการ

นายปิยวุฒิ ประสิทธิเวช กํานันตําบลหาดเล็ก ที่ปรึกษาวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรหาดเล็ก นายเทวัญ ธานีรัตน์ ผู้อํานวยการกองการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้ร่วมกับหน่วยงานเปิดป้ายวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรหาดเล็ก และร่วมกันปลูกกัญชา ซึ่งการจัดโครงการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และเป็นการประชาสัมพันธ์วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรหาดเล็กให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วกัน 

คืนอ้อมอกทะเล!! พบ ‘วาฬบรูด้า’ หลงเกยตื้นใกล้ปากคลองอ่าวกรูด เจ้าหน้าที่ช่วยผลักดันกลับสู่พื้นที่ปลอดภัยแล้ว

เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค. 65) ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดตราด (ศรชล.จว.ตราด) และ ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จังหวัดตราด (ศคท.จว.ตร.) ได้รับการประสานงานจาก ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจัง หวัดตราด ว่าได้ พบวาฬขนาดใหญ่ ว่ายหลงเข้ามาเกยตื้นติดอยู่บริเวณปากคลองอ่าวกรูด ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด จึงได้มอบหมายนํากําลังให้ นางสาวจิตราพร บำเรอรวย เจ้าหน้าที่ประสานงานความมั่นคงฯ (กปม.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เดินทางไปร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือและตรวจสอบ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ประกอบด้วย ทีมสัตวแพทย์ จนท.จาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมประมง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลห้วงน้ำขาว และอาสาสมัครชาวบ้าน 

‘พิธา’ วอนชาวตราด เลือก ‘ศักดินัย นุ่มหนู’ รักษาแชมป์เขต 1 ย้ำชัด ‘ก้าวไกล’ ไม่มีนโยบายตัดเงินบำนาญข้าราชการแน่นอน

‘พิธา’ ลุยหาเสียงภาคตะวันออก ขอโอกาสชาวตราด กาก้าวไกลไปเปลี่ยนประเทศ ส่ง ‘ศักดินัย นุ่มหนู’ รักษาแชมป์เขต 1

(11 เม.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดตราด ช่วยหาเสียงให้ นายศักดินัย นุ่มหนู ผู้สมัคร ส.ส.ตราด เขต 1 พรรคก้าวไกล เบอร์ 1 โดยขึ้นรถแห่ทั่วเมืองตราด ขอโอกาสให้ชาวตราดเลือกศักดินัยกลับเข้าสภาฯ อีกครั้ง โดยนายพิธากล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา นายศักดินัยแสดงให้เห็นว่าเป็น ส.ส. ที่ทำงานคุ้มค่าเงินภาษีประชาชน ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ‘ซื่อสัตย์ ชัดเจน และโคตรขยัน’ ได้ร่วมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น การแก้ไข พ.ร.บ.ประมง ซึ่งเป็นกฎหมายที่ทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำประมงพื้นบ้าน ทำให้พี่น้องชาวประมงทั่วประเทศต้องประสบปัญหาในการออกทะเล หรือหลายคนต้องยุติอาชีพประมงไป

“วันนี้มาที่ตราด เพื่อช่วยรักษาแชมป์ ขอโอกาสให้ ส.ส.คนเดิมคนเก่งเข้าสภาฯ ต้องกาศักดินัย นุ่มหนู กาพรรคก้าวไกล” นายพิธา กล่าว

โดยในช่วงเช้าของวัน นายพิธา พร้อมด้วยนายศักดินัย เริ่มเดินหาเสียงบริเวณตลาดเช้าซอยไร่รั้ง อำเภอเมืองตราด ตลอดเส้นทางมีพี่น้องประชาชนเข้ามาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้น หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้สมัคร ส.ส.ตราด ได้ขึ้นรถแห่รอบอำเภอเมืองตราด ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ซึ่งมีจุดเด่นคือความเป็นพหุวัฒนธรรมของพี่น้องไทย จีน และมุสลิม ผนวกกับเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยนายพิธาได้แสดงวิสัยทัศน์ในการยกระดับและพัฒนาจังหวัดตราดว่า จังหวัดตราดมี 4 เสาหลักค้ำยันทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว, ประมง, ผลไม้ และการค้าชายแดน แต่ที่ผ่านมารายได้กว่า 10 ปีของชาวตราดกลับไม่เพิ่มขึ้น

ดังนั้น เพื่อการเปลี่ยนแปลง ตนมีข้อเสนอ 4 แนวทาง ประการที่หนึ่ง ต้องเปลี่ยนแนวทางการเกษตรไทย ให้เป็นเกษตรเพิ่มมูลค่า ยกระดับชาวสวนผลไม้ในจังหวัด ประการที่สอง แก้ไขกฎหมายประมง กระจายอำนาจการตัดสินใจสู่ท้องถิ่น ให้ประมงพื้นบ้านสามารถทำมาหากินได้ ประการที่สาม ต้องมีการปลดล็อก SMEs ด้านการท่องเที่ยว ประการที่สี่ เสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.โรงแรม ให้ท้องถิ่นมีอำนาจแก้ปัญหาการขอใบอนุญาตที่เป็นคอขวด

ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมหน่วยกองทัพเรือ พื้นที่รับผิดชอบของ กปช.จต.

วันนี้ (23 เมษายน 2566) เวลา 09.00 น. พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยกองทัพเรือ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ณ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ค่ายตากสิน อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยมี พลเรือโท เผดิมชัย สุคนธมัต ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน/ผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะ ได้ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ และให้โอวาทกำลังพล โดยเน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนในสภาวะที่ปกติอย่างเต็มกำลังความสามารถ ไม่ประมาท รวมทั้งให้ความสำคัญกับการรักษาความสงบสุขของประชาชนเป็นสิ่งแรก และให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ เท่าที่จะสามารถกระทำได้

ต่อมา ผู้บัญชาการทหารเรือได้ ทักทายกำลังพล ก่อนเข้ารับฟังการบรรยายสรุป จากกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เพื่อรับทราบถึงปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง ตลอดจนข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน

จากนั้นในช่วงบ่าย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางไปยัง หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด และหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด  เพื่อตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกล พร้อมทั้งให้โอวาท ทักทายกำลังพล และไต่ถามถึงความเป็นอยู่ของกำลังพล ด้วยความห่วงใย

สำหรับ กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เกิดขึ้นตามที่กองบัญชาการทหารสูงสุด ในขณะนั้น ปัจจุบันคือกองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้กองทัพเรือรับผิดชอบในการป้องกันพื้นที่บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด รวมทั้งให้มีหน้าที่ในการให้ความคุ้มครองเรือประมงในน่านน้ำไทยและสนับสนุนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในการป้องกันมิให้เรือประมงไทยล้ำเขตน่านน้ำกัมพูชา เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด มีการตั้งหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่หลายหน่วยงาน โดยมีกองกำลังด้านจันทบุรี – ตราด ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันชายแดน และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 1/1 ปฏิบัติภารกิจในการรักษาความมั่นคงภายใน ซึ่งกองทัพเรือเป็นหน่วยรับผิดชอบในการปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงานดังกล่าว กองบัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น จึงสั่งการให้กองทัพเรือ จัดตั้งกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เมื่อ 3 พฤษภาคม 2522 เพื่อควบคุมบังคับบัญชากำลังที่ปฏิบัติในพื้นที่ ทั้งด้านการป้องกันชายแดนและการรักษาความมั่นคงภายใน ทั้งนี้ ภารกิจของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในปัจจุบันคือการป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล อำนวยการในการปกครองพื้นที่ ควบคุมรักษาระเบียบ/ข้อบังคับ และกฎหมายทั้งปวงในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ

เนื่องจากพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด มีระยะทางตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด มีระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร เพื่อให้การป้องกันชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จึงได้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดขึ้น โดยมี ภารกิจในการปฏิบัติในเขตพื้นที่แต่ละจังหวัด ด้วยการป้องกันชายแดนทางบกและป้องกันการยกพลขึ้นบก ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ

ตลอดจนให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในการป้องกันปราบปราม การกระทำผิดกฎหมายทั้งปวงในพื้นที่รับผิดชอบ โดยในส่วนของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 ที่ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางไปตรวจเยี่ยมในวันนี้ เป็นหน่วยขึ้นตรงของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด

ท่องเที่ยวเสียวหลัง บนเกาะช้างที่ ‘โรงแรมกาแลคซี่’ เรือร้างในมุมลับ กับตำนานเล่าขานแห่ง ‘ความหลอน’

เรือสำราญความสูง 7 ชั้นแห่งนี้ คือ ‘โรงแรมกาแลคซี่’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Koh Chang Grand Lagoona ปัจจุบันอยู่ในสภาพร้างไม่มีการประกอบกิจการแต่อย่างใด แต่เจ้าของก็ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชมสภาพโรงแรมและเล่นน้ำทะเล พักผ่อนได้

โรงแรมเรือร้างสุดหลอนแห่งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะเรียกกันติดปากว่า ‘Ghost Ship’ หรือว่า ‘เรือผี’ ซึ่งการเดินทางมาสถานที่แห่งนี้หากเริ่มต้นจาก ที่ท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวสับปะรด ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ต้องเลี้ยวขวาขับรถตามทางไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร จะพบกับจุดหมายปลายทาง โครงการ Koh Chang Grand Lagoona ซึ่งเป็นโรงแรมสุดท้ายของเกาะช้างฝั่งขวา

ค่าเข้าชมนั้น จะแบ่งเป็น 2 ประเภท ก็คือ เข้าชมพื้นที่โครงการ Koh Chang Grand Lagoona หรือเที่ยวชายหาดราคา 100 บาทต่อคน แต่หากต้องการเข้าชมโรงแรมเรือร้าง 7 ชั้น จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 50 บาท สามารถเข้าชมได้ไม่จำกัดเวลา ไปได้ทุกชั้น

โดยชั้น 1-2 เป็นห้องประชุมและพื้นที่พนักงาน ชั้นที่ 3-5 เป็นห้องพัก ราว 200 ห้องบางห้องถูกล็อกไว้ บางห้องเปิดไว้ บางห้องอุปกรณ์ห้องพัก เช่น ทีวี ตู้เย็น น้ำดื่มผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว เครื่องเล่น ยังคงอยู่สภาพเดิม ชั้น 6-7 เป็นภัตตาคารเป็นห้องครัว นอกจากนี้สภาพภายในบางจุดชำรุด บางจุดยังใช้การได้ ซึ่งทุกจุดทั้งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทุกห้องทุกชั้น

สำหรับโครงการ Koh Chang Grand Lagoona ตั้งอยู่ที่หาดคลองกลอย ต.เกาะช้างอ.เกาะช้าง จ.ตราด ได้เริ่มโครงการเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในสมัยที่เกาะช้างกำลังได้รับความสนใจ เป็นโรงแรมระดับไฮเอนด์ โดยตัวโรงแรมนั้นออกแบบจำลองเรือสำราญลำใหญ่ให้เป็นที่พักสุดหรู ในสมัยนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก กระทั่งเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้มีการเปลี่ยนผู้บริหารหลายครั้ง ประกอบกับเคยมีผู้ที่พลัดตกจากโรงแรมเรือ 7 ชั้นเสียชีวิต ทำให้มีการเล่าขานต่อ ๆ กันมาถึงความน่ากลัว ความหลอน กระทั่งสุดท้ายก็ได้ปิดตัวลงอย่างถาวร

ญาติใจสลาย!! ‘ลุงนิวัฒน์’ โดดน้ำช่วยหลานชายวัย 6 ขวบ หลังพลัดตกเรือขณะกู้ลอบดักปู-ดักกุ้ง จนตัวเองจมน้ำดับ

(23 ก.ค. 66) สมาคมกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือ จังหวัดตราด ได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านด่านเก่า ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง จังหวัดตราด มีผู้จมน้ำภายในคลองบางพระ จำนวน 2 คน ผู้ใหญ่ 1 คน เด็กอีก 1 คน หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมประสานตำรวจ สภ.เมืองตราด ร่วมในที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบริเวณศาลเจ้าขุนด่าน พบญาติกำลังนั่งร้องไห้อยู่ภายในศาล เมื่อเจ้าหน้าที่สอบข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ผู้ที่จมน้ำชื่อ นายนิวัฒน์ ศิลาอาสน์ อายุ 57 ปี ส่วนเด็กชายอายุ 6 ขวบ ปลอดภัยแล้วอยู่ระหว่างนำตัวกลับเข้าฝั่ง

จากนั้นกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ประดาน้ำจาก อ.เมืองตราด อ.เขาสมิง อ.แหลมงอบ และ อ.คลองใหญ่ ร่วมค้นหาตัวนายนิวัฒน์ ที่จมน้ำอยู่ในคลองบางพระ ที่ห่างจากศาลเจ้าขุนด่านประมาณ 3 กิโลเมตร

ขณะที่ตำรวจได้สอบถามเหตุการณ์ นายนิวัฒน์ และเด็กชายวัย 6 ขวบ เป็นญาติกัน โดยนายนิวัฒน์ ได้พาเด็กชายไปกู้ลอบดักปู ดักกุ้งด้วยกัน ในคลองบางพระ ระหว่างที่กำลังกู้ลอบอยู่นั้น เด็กชายวัย 6 ขวบ ได้พลาดตกเรือทำให้นายนิวัฒน์ กระโดดลงไปช่วย ขึ้นเรือได้ปลอดภัย แต่นายนิวัฒน์กลับจมหายไปในคลอง ก่อนที่เด็กชายวัย 6 ขวบ จะพายเรือกลับด้วยตนเอง และระหว่างทางพบชาวบ้านที่กำลังพายเรือมาตักกุ้งพบจึงพาตัวกลับส่งบ้านอย่างปลอดภัย

จนกระทั่งเวลา 12.00 น. กู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด อยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อค้นหาใต้น้ำ และมีอุปสรรคตามมาเนื่องจากสภาพอากาศมีฝนตกหนัก ไม่เอื้ออำนวยต่อการค้นหาในช่วงนี้

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.45 น. วันเดียวกัน ชุดประดำน้ำ กู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด พบร่างนายนิวัฒน์ ศิลาอาสน์ อายุ 57 ปี ใต้คลองบางพระ ที่ความลึก 4 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่นายนิวัฒน์ จมน้ำ โดยก่อนพบร่างนายนิวัฒน์ นักประดาน้ำ พบเสื้อแขนยาวของนายนิวัฒน์ จากนั้นจึงขยายวงค้นหาเพิ่ม กระทั่งพบร่าง จากนั้นจึงช่วยกันนำร่างขึ้นจากใต้น้ำขึ้นฝั่ง ที่ท่าศาลเจ้าพ่อขุนด่าน ท่ามกลางญาติพี่น้องที่ยืนรอรับศพด้วยความเศร้าเสียใจ

เบื้องต้น ร.ต.อ.สมโภค ศรีชูจิต ร้อยเวร สภ.เมืองตราด พร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลตราด เดินทางตรวจสอบและชันสูตรศพเบื้องต้น ก่อนมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

'กทพ.' สานต่อเมกะโปรเจกต์ เล็งศึกษา 'ทางด่วนเชื่อมเกาะช้าง' ช่วยลดระยะเวลาเดินทาง-เพิ่มทางเลือกนอกเหนือจากเรือเฟอร์รี่

(16 ก.ย.66) ที่ผ่านมา ‘กทพ.’ เร่งผลักดันทางด่วนในภูมิภาคหลายแห่งให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ทางและคนในพื้นที่สามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหารถติดในอนาคต

รายงานข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาท ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้มีข้อสั่งการให้กทพ.ประสานงานร่วมกับกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ในการดำเนินการศึกษาและออกแบบสะพานข้ามเกาะช้าง โดยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 กทพ.ได้ประสานขอความอนุเคราะห์ข้อมูลจากกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เพื่อนำมาประกอบการศึกษาความเหมาะสมของโครงการฯ 

ทั้งนี้ ในปัจจุบันกทพ.อยู่ระหว่างจัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) เพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบกรอบรายละเอียดของโครงการฯ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการศึกษาได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2567 ระยะเวลาศึกษาประมาณ 2 ปี เนื่องจากโครงการอยู่ในพื้นที่ของอุทยานฯ คาดว่าจะดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 2569  

หากโครงการฯ ศึกษาแล้วเสร็จ เบื้องต้นกทพ.จะเสนอรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการฯพร้อมรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาเห็นชอบอนุมัติโครงการ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณปี 2570 ใช้ระยะเวลาเร็วสุดประมาณ 1 ปี และเสนอต่อกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในปี 2569-2570

“หากโครงการดังกล่าวสามารถขออนุมัติได้ภายใน 1 ปี กทพ.ประเมินว่า โครงการจะเริ่มกระบวนการเปิดประมูลได้ภายในปี 2571 ซึ่งคาดว่าการประมูลอาจจะใช้ทางเลือกในรูปแบบการประมูลระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2572 ระยะเวลาการก่อสร้างประมาณ 4 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2576”

รายงานข่าวจากกทพ.กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่กทพ.ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการนี้ เพราะได้รับมอบหมายจากกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการรับโอนโครงการดังกล่าวจากกรมทางหลวงชนบท (ทช.)  

ขณะเดียวกันในปัจจุบันการเดินทางข้ามเกาะช้างโดยเรือเฟอร์รี่ที่นำรถยนต์ข้ามเกาะต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางนาน โดยเฉพาะการรอขึ้น-ลงเรือเฟอร์รี่ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสำคัญที่มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก หากโครงการแล้วเสร็จจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางได้มากขึ้น

ที่ผ่านมาพบว่าทางจังหวัดตราดได้ขอความอนุเคราะห์ให้กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ศึกษาออกแบบโครงการฯแต่กรมได้พิจารณาแล้วเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องใช้งบประมาณก่อสร้างมาก ซึ่งต้องใช้เทคนิคและข้อกำหนดพิเศษทางด้านวิศวกรรมในการออกแบบก่อสร้าง จำเป็นต้องศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ประกอบกับแนวก่อสร้างโครงการพาดผ่านทะเลอ่าวไทย, ผ่านพื้นที่อุทยานแห่งชาติและพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 2 ซึ่งจะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ด้วย

ทั้งนี้ จังหวัดตราดได้ดำเนินการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน, ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน โดยแจ้งผลให้ทราบเพื่อประกอบการพิจารณาของโครงการฯ เชื่อมเกาะช้าง ซึ่งจังหวัดตราดได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและคณะทำงานดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็น 3 ครั้ง โดยเป็นการทำแบบสำรวจภาคประชาชน ใน 3 พื้นที่ ประกอบด้วย อ.เกาะช้าง, อ.แหลมงอบ และพื้นที่อื่น ๆ พบว่า เห็นด้วย 95.19% ที่ไม่เห็นด้วย 4.81% เห็นว่าสิ้นเปลืองงบประมาณ ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้จะเสียหาย ส่วนพื้นที่ อ.เกาะช้าง เห็นด้วย 98.63%

สำหรับโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร (กม.) มีจุดเร่งต้นโครงการบริเวณพื้นที่อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราดเชื่อมข้ามทะเลอ่าวไทยไปสิ้นสุดโครงการที่อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด

อย่างไรก็ตาม หากโครงการดังกล่าวสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางซึ่งส่งผลดีต่อการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่เกาะช้างมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

'ชาวบ้านกัมพูชา' เผาพื้นที่เกษตรติดต่อ 2 วัน ทำควันไฟดำ ลอยปกคลุมเมืองตราดอีกครั้ง

ยังไม่หยุด!! ชาวบ้านกัมพูชาเผาพื้นที่เกษตรติดต่อกัน 2 วัน ทำไฟลามเข้าแนวเทือกเขาบรรทัดอีกครั้ง ซ้ำยังลามเข้าฝั่งไทยลึกกว่า 1 กม. ส่งผลชาวบ้าน ต.ชำราก อ.เมืองตราด เดือดร้อนหนักจากควันไฟสีดำปกคลุมพื้นที่อย่างรุนแรง

เมื่อวานนี้ (11 ก.พ. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดกลุ่มควันไฟปกคลุมพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.เมืองตราด อีกครั้ง โดยเฉพาะใน ต.ชำราก อ.เมืองตราด ที่ถูกกลุ่มควันไฟสีดำที่พวยพุ่งขึ้นจากเทือกเขาบรรทัดลอยเข้าปกคลุมพื้นที่ และจากการขึ้นสำรวจบริเวณจุดชมวิวยุทธการชำรากเพื่อติดตามแหล่งที่มาของกลุ่มควันไฟพบว่าอยู่ในจุดที่มีกับระเบิดจึงไม่สามารถเดินทางเข้าดับไฟได้

ขณะเดียวกัน ยังได้ยินเสียงไฟไหม้ต้นหญ้าและเสียงระเบิดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหารพรานนาวิกโยธิน กองร้อย 535 บ้านชำราก ด้วยการเดินเท้าผ่านเส้นทางราบและเนินดินไปสันเขาบรรทัด พบว่า มีต้นหญ้าแห้ง ต้นไม้ถูกไฟเผาไหม้เป็นทางยาวขนานไปกับสันเขา ยาวประมาณ 2-3 กิโลเมตร ซึ่งระยะที่เกิดไฟไหม้ยังลึกเข้ามาในเขตชายแดนไทยประมาณ 1 กิโลเมตรด้วย

น.อ.นฤมิต ศุขสมิติ ผู้บังคับหน่วยนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) เผยว่า ไฟป่าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.ตราด และจันทบุรี เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงหน้าแล้ง เนื่องจากชาวกัมพูชาที่ทำเกษตรกรรมได้ทำการเเผ้วถางป่าด้วยการเผาจึงทำให้เกิดกลุ่มควัน และเศษวัสดุที่เป็นเถ้าถ่านลอยมาฝั่งไทย และมีไฟไหม้ลุกลามเข้ามาฝั่งไทย

“ในส่วนของทหารนาวิกโยธินตราด ได้เข้าไปหารือและร่วมกันทำแนวกันไฟร่วมกับชาวบ้านใน ต.แหลมกลัด (เขาล้าน) ส่วนในพื้นที่อื่น ๆ ได้ประสานความร่วมมือในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังพบว่ามีไฟป่าลุกไหม้และลุกลามอย่างต่อเนื่อง” น.อ.นฤมิต กล่าว

อย่างไรก็ตาม ไฟป่าที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า เกิดจากการเผาป่าในประเทศกัมพูชา ที่ยาวนานติดต่อกันมาถึง 2 วันแล้ว จนส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยตามแนวชายแดน ซึ่งในวันนี้ถือว่ามีควันไฟลอยเข้าปกคลุมรุนแรงมากที่สุด

ขณะที่ นายพีระ เอี่ยมสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เผยว่าเรื่องของไฟป่า ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และที่ผ่านมาได้มีการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอความร่วมมือจากประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ไม่ให้ไม่เผาเศษวัสดุต่าง ๆ รวมทั้งยังเน้นย้ำให้ใช้กฎหมายเพื่อเอาผิดกับผู้ไม่ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดในการห้ามเผาป่า หรือเผาวัสดุอื่น ๆ อีกด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top