Saturday, 21 June 2025
ค้นหา พบ 48936 ที่เกี่ยวข้อง

หลังจากที่ทั่วโลกเริ่มตื่นตัวกับข่าวการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส Covid-19 ถึง 2 แห่ง จากอังกฤษที่ชื่อว่า VUI 202012/01 และล่าสุดสายพันธุ์จากอาฟริกาใต้ 501.V2 ที่ล้วนแต่แพร่ระบาดสู่มนุษย์เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม

ดังนั้นหลายประเทศจึงต้องรีบหาทางสกัดไม่ให้เชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายเข้ามาในประเทศด้วยการระงับเที่ยวบินจากอังกฤษ และแอฟริกาใต้โดยทันทีเพื่อความปลอดภัย

แต่ดูเหมือนว่าจะเริ่มสกัดไม่อยู่ เมื่อมีรายงานด่วนว่าพบผู้ติดเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ในต่างประเทศที่ต่างทวีปจากต้นกำเนิดของมันเรียบร้อยแล้ว

เริ่มที่ฮ่องกง วันนี้พบผู้ติดเชื้อ Covid สายพันธุ์ของอังกฤษแล้ว 2 เคส จากนักศึกษาชาวฮ่องกง 2 คนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากลอนดอน

ก่อนหน้านี้ ทางการฮ่องกงแถลงว่ากำลังพิจารณาการระงับเที่ยวบินไป-กลับจากอังกฤษ เพราะกังวลปัญหาเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ และสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคของฮ่องกงก็ได้ลดเที่ยวบินไปลอนดอน เหลือเพียงวันเว้นวัน แต่ล่าสุดก็พบผู้ติดเชื้อเป็นนักศึกษาฮ่องกงที่เดินทางกลับจากอังกฤษจนได้ จึงอาจเป็นไปได้ว่าทางการฮ่องกงอาจต้องเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการเข้าเมืองของผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษยิ่งกว่าเดิม

กระเถิบใกล้บ้านเรายิ่งขึ้น ที่สิงคโปร์วันนี้ มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ Covid สายพันธุ์อังกฤษแล้วเช่นเดียวกันจำนวน 1 ราย เป็นนักศึกษาหญิงชาวสิงคโปร์อายุ 17 ปีที่เพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม และเก็บตัวอยู่ที่บ้านตามกฎหมายกักกันเชื้อโรคของสิงคโปร์ ต่อมาปรากฏอาการว่ามีไข้ จึงเข้าไปตรวจเชื้อและพบว่าติดเชื้อ Covid สายพันธุ์ใหม่จากอังกฤษจริง ๆ แต่ยังโชคดีที่คนในครอบครัวที่ใกล้ชิดยังไม่มีใครติดเชื้อ Covid ตัวใหม่นี้

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีการแบนเที่ยวบินจากอังกฤษ แต่สิงคโปร์ได้ออกมาตรการเข้มงวดกับผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากอังกฤษต้องตรวจเชื้อทันทีที่มาถึงสนามบินสิงคโปร์และกักตัวที่บ้านต่ออีก 14 วันถึงแม้ว่าการตรวจเชื้อเบื้องต้นจะไม่พบก็ตาม

ส่วนที่ประเทศอังกฤษ ที่ถูกระบุว่าเป็นแหล่งที่เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อ Covid-19 ก็ดูเหมือนจะผีซ้ำด้ำพลอย เมื่อวันนี้มีรายงานจาก แมท แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษว่า พบผู้ติดเชื้อ Covid กลายพันธุ์ของอาฟริกาใต้ในประเทศอังกฤษเข้าจนได้ เป็นชาวอังกฤษ 2 คนที่เพิ่งกลับจากการเดินทางในประเทศอาฟริกาใต้ จึงจำเป็นต้องเรียกผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับชาวอังกฤษทั้ง 2 คนนี้ กักตัวอยู่กับบ้านเพื่อดูอาการทันที เนื่องจากเชื้อไวรัสโคโรน่าที่กลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ มีความรุนแรงกว่าเชื้อไวรัสใหม่ของอังกฤษเสียอีก

ทำให้อังกฤษกลายเป็นประเทศแรกที่มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ทุกสายพันธุ์ ทั้งเก่า และใหม่ ที่สร้างความปวดหัวให้รัฐบาลอังกฤษไม่น้อย และจะยิ่งถูกโดดเดี่ยวกว่าเดิมเนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ในประเทศและนโยบาย Brexit

เป็นข่าวที่ค่อนข้างน่าตกใจว่าอันตรายจากเชื้อไวรัส Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ใกล้ตัวเรามากว่าที่คิด แค่สายพันธุ์เก่ายังสกัดการแพร่ระบาดไม่ได้ สายพันธุ์ใหม่ก็กำลังจะมาแล้ว และอันตรายกว่าเดิมเสียอีก ดังนั้นเราควรรีบตั้งการ์ด 2 ชั้น ประมาทไม่ได้เลยจริง ๆ


แหล่งข่าว

https://www.channelnewsasia.com/news/world/another-new-covid-19-coronavirus-variant-detected-uk-13832118

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/uk-covid-19-variant-coronavirus-strain-hong-kong-13831164

https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/covid-19-uk-virus-strain-b117-first-case-singapore-moh-13832090

https://www.bangkokpost.com/business/2038903/hk-may-ban-flights-from-britain-over-fears-of-new-virus-strain

เครดิต : หรรสาระ By Jeans Aroonrat

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจ 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2564 ระบุธุรกิจบริการทางการแพทย์- อีคอมเมิร์ซ มาแรง ขณะที่ ธุรกิจเช่าหนังสือ - สื่อสิ่งพิมพ์ น่าเป็นห่วง

ได้แก่

1.) ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (ธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์) ครองอันดับหนึ่งร่วมกัน

2.) ธุรกิจแพลตฟอร์ม (ธุรกิจตัวกลางหรือตลาดกลางทางด้านอิเล็กทรอนิกส์) และธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจยูทูบเบอร์และการรีวิวสินค้า

3.) ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต

4.) ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ ธุรกิจเวชภัณฑ์ยา ธุรกิจการขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์

5.) ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีวิเคราะห์และจัดการข้อมูล

6.) ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจอาหารเสริม และสุขภาพ

7.) ธุรกิจสตรีทฟู้ด และฟู้ดทรัค

8.) ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ และเดลิเวอรี่ ธุรกิจด้านฟินเทค และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี

9.) ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เช่น ร้านสะดวกซัก เครื่องเติมเงิน เครื่องเติมน้ำ เป็นต้น

10.) ธุรกิจที่ปรึกษาด้านกฎหมาย บัญชี ธุรกิจออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์แพกเกจจิ้ง

“ผลจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้คนหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ผู้ประกอบการก็หันมาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะทำได้ง่าย เปิดร้านได้ 24 ชั่วโมง มีระบบขนส่งที่สนับสนุน จ่ายเงินได้ง่าย ซื้อได้ทั้งผ่านแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ทำให้เป็นธุรกิจที่ยังคงเติบโตได้ดี และขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 จากปีที่แล้วอยู่อันดับ 2 ส่วนบริการทางการแพทย์และความงาม ที่ครองที่หนึ่งร่วม เพราะคนยังให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความงาม อัตราค่าบริการของไทยถูก ได้รับความเชื่อถือจากนานาชาติ

แต่ที่น่าสนใจ คือ ธุรกิจยูทูบเบอร์และการรีวิวสินค้า ที่พุ่งแรงติดอันดับ 2 จากที่ไม่เคยติดอันดับมาก่อน เพราะคนให้ความสำคัญกับการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย การทำธุรกิจมีต้นทุนต่ำ แต่มีรายได้ต่อเนื่อง โดยเติบโตดีพร้อมกับธุรกิจแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายออนไลน์”

ส่วนธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต เติบโตจากการที่คนกังวลโควิด-19 และซื้อเพื่อการออมและใช้ลดหย่อนภาษี ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ ยา เติบโตตามการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูล เติบโตตามความต้องการนำข้อมูลไปใช้ในการประกอบธุรกิจ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เติบโตตามความต้องการที่สูงขึ้น และยังซื้อได้ง่ายผ่านแอปฯ อินเทอร์เน็ต และมีบริการส่งถึงที่

รวมถึงอาหารเสริมที่เติบโตตามการดูแลสุขภาพ ธุรกิจสตรีทฟู้ด และฟู้ดทรัค ได้รับแรงหนุนจากคนละครึ่ง นักท่องเที่ยวนิยม และปัจจุบันมีช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ เติบโตรองรับการขยายตัวของ

การค้าออนไลน์ การบริการรับส่งอาหาร ซึ่งส่งผลต่อเนื่องทำให้ธุรกิจรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เติบโตตามไปด้วย ธุรกิจพลังงาน ยังเติบโตตามความต้องการใช้พลังงานของประเทศ ส่วนธุรกิจตู้หยอดเหรียญ จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และธุรกิจที่ปรึกษาด้านกฎหมายและบัญชี จะเติบโตเพราะคนให้ความสำคัญกับการรักษาสิทธิ และภาวะเศรษฐกิจ ที่จะทำให้มีการผิดนัด ผิดสัญญา และธุรกิจแพจเกจจิ้ง ที่มีแนวโน้มเติบโตตามการขยายตัวของการทำธุรกิจและการค้าออนไลน์

สำหรับธุรกิจที่ประเมินว่าจะเป็นธุรกิจดาวร่วงในปี 2564 มีจำนวน 10 ธุรกิจ ได้แก่

1.) ธุรกิจเช่าหนังสือ

2.) ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ความจำ Storage media ก็คือ CDs, DVDs, Blu-Ray Discs, External Hard Drives, Memory Cards

3.) ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ และวารสาร

4.) ธุรกิจร้านให้บริการอินเทอร์เน็ต ธุรกิจคนกลาง

5.) ธุรกิจดังเดิมไม่มีดีไซด์ และใช้แรงงานเยอะ (เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น)

6.) ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ใช้แรงงานจำนวนมากและขายในประเทศ ธุรกิจหัตถกรรม และเฟอร์นิเจอร์ไม้ (ดังเดิมที่ไม่ได้มีการปรับตัว)

7.) ธุรกิจการซ่อมรองเท้า

8.) ธุรกิจการค้าแบบดังเดิม ธุรกิจเครื่องปันดินเผา และเซรามิก

9.) ธุรกิจผลิตผักและผลไม้อบแห้ง

10.) ธุรกิจร้านถ่ายรูป

ทั้งนี้ ศูนย์ฯ ได้มีการประเมิน 10 ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 10 ธุรกิจ ได้แก่ 1.สายการบิน 2.ธุรกิจนำเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ 3.โรงแรม 4.ธุรกิจของที่ระลึก 5.ธุรกิจจัดประชุมและแสดงสินค้า 6.ผับ บาร์ สถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน 7.ธุรกิจสปา 8.อสังหาริมทรัพย์แนวดิ่ง 9.ธุรกิจโรงภาพยนตร์ 10.ร้านอาหารและภัตตาคาร

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (24 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 67 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 5,829 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 21 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,116 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,653 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 67 ราย เป็นคนไทย 5 ราย สัญชาติอเมริกัน 3 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ จากเมียนมา 3 ราย ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 2 ราย ,ญี่ปุ่น 1 ราย ,กาตาร์ 1 ราย

ผ่านการคัดกรองและเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้

ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ (เข้ามาทางเส้นทางธรรมชาติ)สัญชาติกัมพูชา 1 ราย เดินทางมาจากกัมพูชา

ผู้ติดเชื้อในประเทศ (อยู่ระหว่างการสอบสวน)

จำนวน 58 ราย จาก เกี่ยวเนื่อง cluster จังหวัดสมุทรสาคร 55 ราย

เกี่ยวเนื่อง cluster จังหวัดตาก 1 ราย ไปสถานที่ชุมชน 2 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 363 ราย รักษาหายแล้ว 349 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.86แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.59 แสน เสียชีวิต 20,408 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 37 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 98,737 ราย รักษาหายแล้ว 80,014 ราย เสียชีวิต 444 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.19 แสน ราย รักษาหายแล้ว 99,325 ราย เสียชีวิต 2,507 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.64 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.3 แสน ราย เสียชีวิต 9,048 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,482 ราย รักษาหายแล้ว 58,322 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,421 ราย รักษาหายแล้ว1,281 ราย เสียชีวิต 35 ราย

หลังเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ล่าสุดทางเซ็นทรัลพัฒนา ประกาศงดงานเคาท์ดาวน์ทุกแห่งทั่วประเทศ ลดความเสี่ยง เล็งถ่ายทอดผ่าน Live สด แทน

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัลวิลเลจ จับมือพันธมิตรธุรกิจ ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด, มาสเตอร์การ์ด, บมจ. แพลน บี มีเดีย (PLANB), บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท วันสามสิบเอ็ด จำกัด (ช่อง ONE 31) ประกาศสนับสนุนภาครัฐ ด้วยการงดจัดคอนเสิร์ตใหญ่ทุกแห่งทั่วประเทศ

.

พร้อมปรับรูปแบบการจัดงาน “centralwOrld bangkOk cOuntdOwn 2021-A Symbol of Hope” เคาท์ดาวน์รูปแบบ New Normal ผ่าน Live Broadcast ช่อง ONE 31, LINE TV และ centralwOrld Facebook ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2563 เริ่มพร้อมกัน 23:40 – 00:10 น.

.

ส่วนสาขาอื่นๆ อีก 10 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต, เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา, เซ็นทรัลพลาซา มหาชัย, เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่, เซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก, เซ็นทรัล โคราช, เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี, เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช, เซ็นทรัลพลาซา ระยอง จะงดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ในรูปแบบคอนเสิร์ตใหญ่ทั้งหมด

.

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด CPN เผยว่า เราได้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และมีความห่วงใยในความปลอดภัยและสุขอนามัยของลูกค้าทุกคน และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ในการคุมเข้มมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด ลดความแออัด เน้นวินัย รักษาระยะห่างแบบ New Normal ปีนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่แลนด์มาร์กเคาท์ดาวน์ทั่วโลกจะพร้อมกันปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานเคาท์ดาวน์ เพราะทุกคนตระหนักถึงสถานการณ์ COVID-19 ที่คนทั่วโลกต้องรับมือ

“NCT” บอยแบนด์สัญชาติเกาหลีที่ก่อตั้งโดย SM Entertainment เป็นกลุ่มที่มีสมาชิกไม่จำกัดจำนวน และแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มย่อยตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก

โดยในปีนี้ NCT ถือว่าได้สร้างปรากฎการณ์ความสำเร็จ

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม มีการประกาศว่าอัลบั้มล่าสุดของ NCT “RESONANCE Pt. 2” ทำยอดขายได้ 1,217,122 ชุด หลังจากวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน

หลังจากยอดขายที่น่าประทับใจของอัลบั้มก่อนหน้านี้ของ NCT “RESONANCE Pt. 1” ซึ่งทำสถิติยอดขายมากกว่าหนึ่งล้านชุดใน 7 วันและได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก Gaon Chart มีการแชร์กันว่าในวันที่ 22 ธันวาคม อัลบั้มขายได้ถึง 1,463,798 ชุด ส่งผลให้ยอดขายรวมของ“ RESONANCE Pt. 1” และ“ RESONANCE Pt. 2” รวมสูงสุด 2,680,920 ชุด

นอกจากนี้อัลบั้มเต็มชุดที่สอง NCT 127 “Neo Zone” ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมามียอดขาย 1,481,039 อัลบั้มในปีนี้ ในขณะที่เพลง“ Reload” ในอัลบั้ม NCT Dream ตั้งแต่เดือนเมษายนมียอดขาย 674,928 ชุด ด้าน WayV’s ที่ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรก  “Awaken The World”  ตั้งแต่เดือนมิถุนายนยังมียอดขาย 280,133 ชุด ทำให้ยอดขายรวมของอัลบั้มทั้งหมดของกลุ่มในปีนี้อยู่ที่ 5,117,020 ชุด ณ วันที่ 22 ธันวาคม

ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของ NCT ในปีนี้ด้วยนะคะ 


ที่มา: https://www.soompi.com/article/1445044wpp/nct-soars-past-1-million-sales-for-album-resonance-pt-2

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top