Saturday, 21 June 2025
ค้นหา พบ 48936 ที่เกี่ยวข้อง

ความวิตกกังวลเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก Beyond Blue องค์กรด้านสุขภาพจิตที่ให้การสนับสนุนและบริการแก่ผู้คนในออสเตรเลียมา 20 ปี รายงานว่า 45 เปอร์เซ็นต์ของชาวออสเตรเลียจะประสบปัญหาทางจิตในช่วงหนึ่งของชีวิต

และยังรายงานด้วยว่าชาวออสเตรเลีย 2 ล้านคนต่อปีต้องทนทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวล เป็นภาวะสุขภาพจิตที่ร้ายแรง ซึ่งมีตั้งแต่ความลำบากเล็กน้อย ไปจนถึงความเจ็บป่วยที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แม้ว่าเราจะแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เสมอ แต่ก็ยังมีสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อต่อสู้กับอาการวิตกกังวล

ในการให้สัมภาษณ์กับ My Domaine Home นักจิตวิทยา Jeffrey Bernstein เปิดเผยว่า เพียงแค่พูดว่า "แต่ถึงอย่างไร" คุณก็สามารถบรรเทาอาการวิตกกังวลได้ โดยการลดความท้อแท้และเปลี่ยนเหตุการณ์เชิงลบให้เป็นบวกมากขึ้น

.

ตัวอย่างเช่นคุณอาจพูดกับตัวเองว่า “ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสอบตก แต่ถึงอย่างไรฉันจะทำให้ดีที่สุด”

.

ประโยคประเภทนี้รับรู้ถึงสิ่งที่จะทำให้คุณวิตกกังวล แต่ปรับสถานการณ์ใหม่ด้วยความคิดเชิงบวก สามารถทำให้คุณมีแรงมากขึ้นและเป็นการเพิ่มความนับถือตนเองอีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังประสบกับความกังวลหรือต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก ลองฝึกพูดคำนี้กันดูนะคะ อย่างน้อยในเรื่องราวที่ผ่านไปได้ยาก คุณอาจต้องหาวิธีเพิ่มพลังบวกให้กับตัวเองเพื่อหาวิธีเดินหน้าต่อในสิ่งที่คุณกำลังเผชิญ


ข้อมูลจาก: https://www.bhg.com.au/reduce-anxiety-levels-just-by-saying-this-word?category=better_life


 

รมว.ยุติธรรม ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ เชื่อกฎหมายปลดล็อกกระท่อมผ่านสภาได้ต้นปีหน้า นัดกมธ.8ม.ค.หาข้อมูลมาถกกัน ยันป.ป.ส.ยกร่างมาอย่างละเอียดรอบครอบ ย้ำเตือนประชาชนกฎหมายยังไม่ผ่านต้องศึกษาข้อปฏิบัติรอบครอบอย่าทำอะไรเกินเลย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อมว่า การพิจารณาอยู่ในวาระที่สอง ซึ่งเป็นขั้นการพิจารณาของกรรมาธิการ โดยที่ประชุมเลือกตนเป็นประธานกมธ.ชุดดังกล่าว เนื่องจากคงเห็นว่าตนมีความตั้งใจที่จะทำกฎหมายฉบับนี้เพื่อชาวบ้าน

ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านบ่อยครั้งว่าอยากให้กฎหมายฉบับนี้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจบางชนิดต้องจริงจัง ถ้าไม่จริงจังจะจบได้ยากมาก โดยสัปดาห์นี้ได้เริ่มประชุมไปแล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ทำให้ต้องยกเลิกการประชุมไปก่อน โดยเบื้องต้นนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 8 ม.ค.64

ซึ่งช่วงนี้ตนได้ขอให้ กมธ. ทุกท่านสรรหาและเก็บข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาพูดคุยกันเมื่อมีการประชุมได้ทันที นำมาปรึกษาหารือกันว่ามีอะไรติดขัดหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า กมธ.ทุกท่านน่าจะมีทิศทางที่ตรงกัน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า "ร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ฉบับนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นผู้ดำเนินการยกร่าง แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งส่งต่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ซึ่งทาง ป.ป.ส.ได้พิจารณาหาข้อมูลในการทำกฎหมายอย่างละเอียด การทำกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาจะเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน เพราะบางหมู่บ้านมีต้นกระท่อมให้ใช้ประโยชน์อยู่แล้วหากทำเป็นเรื่องอุตสาหกรรมด้วยจะเป็นเรื่องที่ดี

ซึ่งในหลายประเทศมีการปลูกเพื่ออุตสาหกรรม ข้อมูลตรงนี้เราจะต้องมีการรวบรวมและศึกษาเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ตนเชื่อว่าแม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด แต่ในชั้นการพิจารณาของ กมธ.น่าจะใช้เวลาไม่เกินกรอบเวลา และน่าจะบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้ภายในการประชุมสมัยนี้หรือภายในต้นปี 2564"

"ตอนนี้ผมต้องย้ำกับประชาชนอีกครั้งว่าเรายังไม่ได้มีการปลดล็อกพืชกระท่อม ดังนั้นขณะนี้อย่างพึ่งทำอะไรที่เกินเลยข้อกำหนด และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และขอขอบคุณชาวบ้านที่ไว้ใจให้ผมและรัฐบาลให้ได้ดำเนินการเรื่องนี้ เราจะพยายามทำกฎหมายออกมาให้ดีเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด" นายสมศักดิ์ กล่าว

คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เห็นชอบงบ “กองทุนบัตรทอง ปี 2565” กว่า 2.03 แสนล้านบาทแล้ว รองรับผู้ใช้สิทธิเพิ่มจากผลกระทบโควิด และอัตราเงินเฟ้อ เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ “ข้อเสนองบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ปี 2565” รวมทั้งสิ้น 203,027 ล้านบาท

ในจำนวนนี้รวมเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ภาครัฐ 55,198.26 ล้านบาท เป็นงบประมาณสู่การบริหารจัดการโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 147,828.83 ล้านบาท โดยจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ ข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทอง ปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ราว 8,518 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.4% ส่งผลให้อัตราเหมาจ่ายรายหัวในปี 2565 จะเพิ่มเป็น 3,843.60 บาท/ประชากรผู้มีสิทธิ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 124.38 บาท/ประชากรผู้มีสิทธิ

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทองปี 2565 เพิ่มขึ้นจากเดิม เนื่องจาก 1.อัตราเงินเฟ้อต้นทุนบริการที่เพิ่มขึ้น ทั้งเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 2.ปริมาณงานและประชากรที่เพิ่มขึ้น

โดยรองรับประชากรที่จะเข้าสู่ระบบบัตรทองจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ที่นำมาสู่ปัญหาการว่างงาน 3.เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์รายการใหม่เพื่อการเข้าถึงบริการที่เพิ่มขึ้น และ 4.รองรับนโยบาย “การยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทั้งรับบริการกับหมอประจำครอบครัวที่หน่วยปฐมภูมิใดก็ได้ บริการมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ที่ได้ที่มีความพร้อม รับบริการผู้ป่วยในโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว และการเปลี่ยนหน่วยบริการมีผลทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน

“ในปี 2565 คาดว่าจะมีผู้เข้าสู่ระบบบัตรทองจำนวนมาก จากข้อมูลคาดการณ์อัตราการเกิดและอัตราการตายโดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม พบว่าจะมีผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทองอยู่ที่ 47.547 ล้านคน ขณะเดียวกันจะมีผู้ที่ว่างงานเข้ามาในระบบอีกราว 3.9 แสนราย ประกอบกับในปี 2565 สปสช. ได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์อีกหลายรายการ และที่สำคัญคือการรองรับบริการ ตามนโยบายยกระดับบัตรทอง สู่หลักประกันสุขภาพยุคใหม่ ที่เป็นการพลิกโฉมการให้บริการ เพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพให้กับประชาชน นำมาสู่การจัดทำข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทอง ปี 2565 จำนวน 203,027 ล้านบาท” นายอนุทิน กล่าว

ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทอง ปี 2565 แบ่งเป็น 1.) งบค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวสำหรับประชากรในระบบและประชากรที่คาดว่าจะเข้ามาในระบบ รวม 161,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 5,916 ล้านบาท

2.) ค่าบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ จำนวน 3,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 242 ล้านบาท

3.) ค่าบริการสาธารณสุขผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จำนวน 10,124 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 404 ล้านบาท

4.) ค่าบริการสาธารณสุขเพื่อควบคุมป้องกันความรุนแรงของโรคเรื้อรัง จำนวน 1,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 5.6 ล้านบาท

5.) ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร เสี่ยงภาย และชายแดนใต้ จำนวน 1,490 ล้านบาท

6.) ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน จำนวน 1,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 176 ล้านบาท

7.) ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับบริการปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว จำนวน 421 ล้านบาท

8.) ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 2,770 ล้านบาท

9.) ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับบริการโรคโควิด-19 เป็นรายการใหม่ที่ขอรับงบตั้งแต่ต้นปี 2565 จำนวน 825 ล้านบาท

10.) เงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการและผู้ให้บริการ จำนวน 283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 100 ล้านบาท จากการปรับอัตราการเยียวยาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโควิด-19

11.) ค่าบริการสาธารณสุขสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค จำนวน 19,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 1,053 ล้านบาท

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณกองทุนบัตรทอง ปีงบประมาณ 2565 เป็นการดำเนินงานตามกรอบรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง และมติ ครม. ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบอร์ด สปสช. ตลอดจนผลการรับฟังความเห็นจากประชาชน

โดย สปสช. จะเสนอข้อเสนองบประมาณนี้เข้าสู่การพิจารณางบประมาณของคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ สปสช. ยืนยันว่าจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มาจากภาษีของประชาชนอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด

สมุดปกขาวหรือรายงานทางการว่าด้วย “การพัฒนาอย่างยั่งยืนของการขนส่งในจีน” (“Sustainable Development of Transport in China”) ระบุว่าจีนกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องจากการเป็นผู้ตามไปสู่ผู้นำด้านเทคโนโลยีการขนส่ง โดยจีนได้พัฒนาเทคโนโลยีสำคัญขึ้นมากมาย

ทั้งยังสร้างความก้าวหน้าที่สำคัญหลายครั้งในแวดวงโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ด้านการขนส่ง ดังจะเห็นได้จากอภิมหาโครงการและเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกบางส่วนที่ระบุไว้ด้านล่างนี้

จีนเป็นผู้นำของโลกด้านเทคโนโลยีการสร้างทางรถไฟในพื้นที่สูงและพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำมาก เช่น เดียวกับการสร้างทางรถไฟความเร็วสูงและทางรถไฟบรรทุกสินค้าหนัก

จีนได้แก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่ท้าทายที่สุดในการก่อสร้างทางหลวงในสภาพทางธรณีวิทยาที่ยากลำบาก เช่น ที่ราบสูงชั้นดินเยือกแข็งคงตัว (Plateau Permafrost) พื้นที่ดินบวมตัว (Expansive Soil) และทะเลทราย นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแกนหลักในการสร้างท่าเรือน้ำลึกนอกชายฝั่งการปรับปรุงปากแม้น้ำขนาดใหญ่และทางน้ำยาว และการสร้างสนามบินขนาดใหญ่

ภายในสิ้นปี 2019 ความยาวรวมของทางรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศจีนทะลุ 35,000 กิโล ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 2 ใน 3 ของทางรถไฟความเร็วสูงทั้งหมดของโลก

จีนได้สร้างทางรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-กวางโจว ซึ่งเป็นทางรถไฟความเร็วสูงที่ยาวที่สุดในโลกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะที่ทางรถไฟความเร็วสูงฮาร์บิน-ต้าเหลียน ซึ่งเป็นทางรถไฟความเร็วสูงสายแรกของโลกที่วิ่งในพื้นที่อุณหภูมิต่ำในฤดูหนาว ก็ได้เปิดให้บริการแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ทางรถไฟบรรทุกสินค้าหนักต้าทง-ฉินหวงเต่า ยังติดอันดับทางรถไฟชั้นนำของโลกในด้านปริมาณการขนส่งต่อปีด้วย

จีนเป็นผู้นำของโลกทั้งในด้านจำนวนและความยาวรวมของสะพานและอุโมงค์ทางหลวงทั้งที่เปิดให้บริการแล้วและที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ผลงานของจีนครองอันดับต้นๆ ของโลกมากมาย เช่น สะพานขึงที่ยาวที่สุด 7 ใน 10 แห่ง และสะพานแขวนที่ยาวที่สุด 6 ใน 10 แห่ง สะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุด 6 ใน 10 และสะพานที่สุดที่สุด 8 ใน 10 แห่งทั่วโลก

รถไฟฟ้าฟู่ซิงของจีนที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดของโลกที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้บริการในหลายเส้นทาง อาทิ ทางรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ทางรถไฟระหว่างเมืองปักกิ่ง-เทียนจิน และทางรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-จางเจียโข่ว

จีนกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติบนรถไฟที่วิ่งด้วยความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

จีนได้สร้างเทคโนโลยีการผลิตเรือเครื่องจักรวิศวกรรมทางทะเลแบบพิเศษ และชุดอุปกรณ์ครบวงจรระดับแนวหน้าของโลก สำหรับจัดการตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่และจำเพาะด้วยระบบอัตโนมัติ


ที่มา: Xinhuathai

“ก้อย รัชวิน” อัปเดตอาการล่าสุด “ตูน บอดี้สแลม” กลับมาจับคอร์ดกีต้าร์ได้แล้ว ห่วงคอนเสิร์ตอีก 2 เดือนที่จะถึง

หลังจากที่ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม ศิลปินชื่อดัง ได้เข้ารับการรักษาตัวด่วนที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (13 ธ.ค.) จากอาการกระดูกคอกดทับเส้นประสาท ทำให้แขนซ้ายมีอาการชา นิ้วมือซ้ายบังคับไม่ได้เป็นบางนิ้ว เป็นระยะเวลากว่า 11 วัน ล่าสุดสาวก้อย รัชวิน ภรรยาก็ได้ออกมาอัปเดตรูปภาพพร้อมอาการล่าสุดของตูนผ่านทางอินสตราแกรมส่วนตัว ข้อความว่า

“ DAY 11 ~ 9.30 น. ‘ภาพที่เห็นทุกเช้า’ วันนี้เป็นวันที่คุณหมอมาตรวจวินิจฉัยและได้คุยนานที่สุด มีคำถามที่ก้อยสงสัยเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ที่ทำให้เกิดความอ่อนแรงของมือและนิ้วด้านซ้ายของพี่ตูน และอยากจะเข้าใจ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเรากำลังรับมือกับอะไรอยู่ และต่อจากนี้จะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ร่างกายอย่างไรบ้าง? คุณหมอเลยต้องนั่งเลคเชอร์ให้เราสองคนฟังชุดใหญ่ ถึงขนาดวาดเป็น Anatomy จะได้อธิบายให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น #เสียดายตอนเด็กไม่ได้เรียนสายวิทย์ ????

และทุกวัน พี่ตูนจะทดสอบแรงที่มือว่าดีขึ้นมั้ย ด้วยการจับกีต้าร์คอร์ด C และ Am ผลปรากฏว่า วันนี้กดคอร์ดได้แล้วค่ะ เย้! ????☺️

สิ่งแรกที่พี่ตูนถามคุณหมอก็คือ ผมจะหายทันคอนเสิร์ตในอีก2เดือนข้างหน้ามั้ยครับ?

ก้อยรู้ได้ทันที ว่าพี่ตูนเป็นห่วงเรื่องงานมากที่สุด เค้าอยากหายไวๆเพื่อที่จะได้กลับไปร้องเพลงให้ทุกคนฟัง ...

ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ แต่เชื่อว่า ถ้าแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ จากคอร์ดพื้นฐานมาจับคอร์ดยากๆได้

เรื่องที่ยากลำบากในตอนนี้ เราก็คงผ่านมันไปได้เช่นกัน และอีกไม่นานเราคงได้กลับบ้านแล้วเนอะ ????

ส่งใจมาช่วยพี่ตูนกันนะคะ ????

ปล. ขอบพระคุณคุณหมอทีมอเวนเจอร์ทุกท่านที่สละเวลามาเยี่ยมพี่ตูนทุกๆเช้า และคอยตอบคำถามเจ้าหนูจำมัยอย่างก้อยนะคะ????♥️..รัก..23.12.20 #TogetherForeverKT #KTsJourney ”

ขอเป็นกำลังใจให้พี่ตูนหายป่วยและกลับมาเล่นกีตาร์ร้องเพลงให้แฟน ๆ ได้ฟังเร็ว ๆ นะคะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top