Wednesday, 18 June 2025
ค้นหา พบ 48864 ที่เกี่ยวข้อง

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ สั่งปลด!! ‘ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม’ เพื่อกำจัด!! ผู้นำที่สนับสนุน ‘ความหลากหลาย’ ในกองทัพ

(22 ก.พ. 68) เพจ ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

อวสานของ #Woke ในกองทัพ #สหรัฐฯ

Woke is dead. 

ทรัมป์สั่งปลดพลเอก ชาร์ลส์ คิว. บราวน์ ออกจากตำแหน่ง 'ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม' ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักบินขับไล่ที่สร้างประวัติศาสตร์และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการยอมรับ โดยเป็นการปลดออกนี้เป็นส่วนหนึ่งของทรัมป์ในโครงการกำจัดผู้นำที่สนับสนุนความหลากหลายในกองทัพ พร้อมเสนอชื่อพลโทกองทัพอากาศ แดน 'ราซิน' เคน ให้เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม มาดำรงตำแหน่งแทน

ทรัมป์ยกย่องเคนว่าเป็น 'นักรบ' และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติที่มีบทบาทสำคัญในการปราบกลุ่ม #IS #ISIS ได้อย่างรวดเร็ว

การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำทางทหาร โดยทรัมป์เน้นย้ำถึงความแข็งแกร่ง การประสานงานระหว่างหน่วยงาน และลำดับความสำคัญด้านการป้องกันประเทศแบบ 'อเมริกาต้องมาก่อน' 'America First' 

“During my first term, Razin was instrumental in the complete annihilation of the ISIS caliphate. It was done in record setting time, a matter of weeks.

Many so-called military "geniuses" said it would take years to defeat ISIS. General Caine, on the other hand, said it could be done quickly, and he delivered.”

‘เซเลนสกี้’ มีแผนสำรอง!! กรณี ‘ยูเครน’ แพ้สงครามที่สู้รบกับ ‘รัสเซีย’ ผู้เชี่ยวชาญ ชี้!! เตรียมลี้ภัยไปฝรั่งเศส หลังพบ มีบัญชีธนาคารในเครือรอธไชลด์

(22 ก.พ. 68) เพจ ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

นิวยอร์กโพสต์ อ้างแหล่งข่าววงใน เซเลนสกี้มีแผนสำรองกรณียูเครนแพ้สงครามลี้ภัยไปฝรั่งเศส 

ข่าวข้างต้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเมื่อติดตามความเคลื่อนไหวเมียเซเลนสกี้ นางโอเรน่า ซาเลนสก้า ในปี 2023 ไปเปิดบัญชีถึง 3 แห่งที่ธนาคารในเครือรอธไชลด์ ซึ่งเป็นบัญชีพิเศษที่ตรวจสอบไม่ได้

ด้วยอภินันทนาการจากมาครง บัญชีเหล่านั้นไม่สามารถตรวจสอบจากระบบธนาคารกลางของยุโรปอีกด้วย และแน่นอนถ้าขนาดยุโรปตรวจสอบไม่ได้ สหรัฐก็ไม่มีทางตามธุรกรรมจากบัญชีเหล่านี้ได้ด้วยเช่นกัน (อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่มีเงินที่สหรัฐอ้างว่าส่งให้ยูเครนแล้ว แต่เซเลนสกี้แถลงว่าไม่รู้ว่าหายไปไหน)

จากข้อมูลข้างต้น สื่อฯจึงกล้าฟันธงที่ที่เซเลนสกี้และครอบครัว จะใช้เป็นที่ลี้ภัย ถ้าถึงตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่จนถึงเมื่อสงครามจบลง ต้องเป็นยุโรป และให้เจาะจงกว่านั้นคือฝรั่งเศส

‘ฉีเคอะ’ สร้าง ‘ก๊วยเจ๋ง’ ที่มิเคยต้องการเป็นวีรบุรุษ โดยจงใจไม่เอ่ยถึง ‘เอี้ยคัง’ สร้างฉากอลังการ!! ระเบิดสงคราม การรบยิ่งใหญ่ เพิ่มบทให้ ‘องค์หญิงวาเจน’

(22 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Syamrath Suthanukul’ โดย ‘หยามกลางแปลง’ ได้โพสต์เรื่องราว เกี่ยวกับ ‘มังกรหยก’ เวอร์ชัน ‘ฉีเคอะ’ โดยมีใจความว่า …

มังกรหยก : จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่

(1)
ก๊วยเจ๋งมิเคยต้องการเป็นวีรบุรุษ

ด้วยเกิดมาเป็นเจ้าทึ่มสมองช้า เป็นชาวฮั่นเกิดในแผ่นดินซ่งเมื่อปีเจ๋งคังอันอัปยศที่สองฮ่องเต้ซ่งถูกชาวกิมจับไป

หลีเพ้งผู้มารดาพาหนีตายจากการที่สามีคือก๊วยเซ่าเทียนถูกทหารกิมสังหาร ออกนอกด่านมาพึ่งพิงเจ็งกิสข่าน-มหาข่านแห่งมองโกล ราชันย์แห่งท้องทุ่งหญ้า เติบโตมาเป็นศิษย์อาจารย์เจอเป เป็นอันต๊ะ-พี่น้องร่วมสาบานกับเซลุยบุตรเจ็งกิสข่าน และหมั้นหมายกับวาเจน องค์หญิงบุตรีเจ็งกิสข่านทั้งที่ตัวเองมิได้มีความรัก

เจ็ดประหลาดกังหนำคืออาจารย์ของก๊วยเจ๋ง วันที่ก๊วยเจ๋งเข้าสู่ยุทธจักรจงหยวน อาจารย์เตือนมิให้คบกับอึ้งย้ง ธิดามารบูรพาอึ้งเอี๊ยะซือ โดยหารู้ไม่ว่าก๊วยเจ๋งได้รู้จักอึ้งย้งแล้ว 

เป็นเจ๋งกอกอ-พี่เจ๋ง กับ ย้งยี้-น้องย้ง จากวันนั้นจนวันสุดท้าย

วาสนาของก๋วยเจ๋งได้พบยาจกอุดร-อั้งชิกกง หัวหน้าพรรคกระยาจก ได้รับถ่ายทอดสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร ได้พบราชันย์ทักษิณ-อิดเต็งไต้ซือ ได้ฝึกวิชาจากคัมภีร์เก้าอิม

ความเข้าใจผิดที่เกาะดอกท้อ ทำให้ก๊วยเจ๋งคิดว่ามารบูรพาเป็นผู้สังหารอาจารย์ของตน จนโกรธแค้นตัดความสัมพันธ์กับอึ้งย้ง จากที่สาบานว่าชาตินี้จะไม่แยกจาก กลายเป็นชาตินี้มิต้องพบพาน

ทั้งที่ในใจทั้งสองยังโหยหากันตลอดเวลา

เวลานั้น ยังมีพิษประจิม อาวเอี๊ยงฮง พร้อมสมุนเยี่ยงเล้งตี่เซี่ยงหยิน เนี่ยจื้ออง โฮ้วท้งไฮ้ ซาทงเทียน และ แพ้เลี่ยงโฮ้ว ไล่ล่าอึ้งย้งเพื่อหวังคัมภีร์เก้าอิม ฉีเคอะ เริ่มต้นหนังมังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ตรงนี้

(2)
มังกรหยกเวอร์ชั่นนี้ เน้นช่วงสุดท้ายของนิยายของกิมย้ง เล่าเหตุการณ์ในอดีตด้วยฉากแฟลชแบ็ค

ฉีเคอะ ทำมังกรหยกเวอร์ชั่นนี้เป็นหนังสงคราม ฉากรบใหญ่โตอลังการ ฉากบู๊ประลองยุทธระดับระเบิดภูเขาเผากระท่อม 

และตามนิสัยฉีเคอะ บิดเรื่อง เพิ่มบท ลดบทแบบไม่สนใจต้นฉบับ แต่ไม่ถึงขนาดบิดเบือนเพศสมัยสร้างเดชคัมภีร์เทวดา คนไม่เคยอ่าน ไม่เคยดูมังกรหยกมาก่อนเลย อาจงงกับฉากแฟลชแบ็ค แต่ก็ดูให้สนุกได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก

บทที่ดีที่สุดของหนัง กลับเป็นบทองค์หญิงวาเจน

เขียนบทเพิ่ม บุคลิกชัดเจน กล้ารัก กล้าแค้น กล้าให้อภัย โดดเด่นเกินบทอึ้งย้งเสียอีก

แต่แฟนพันธุ์แท้มังกรหยก ถึงฉากอลังการแค่ไหน บทแต่งเพิ่มดีแค่ไหน ก็ยังหงุดหงิด ตัวละครเอกหายไปชนิดไม่มีการเอ่ยถึง ยิ่งหนังเริ่มต้นจากบทท้ายๆของหนังสือ ทำให้ไม่เห็นการพัฒนาของตัวละคร โดยเฉพาะสองตัวเอกและแกนหลักที่ว่า ทำไมก๊วยเจ๋งอึ้งย้งถึงรักกันขนาดนี้ และที่หนักหนาสาหัสที่สุดคือมังกรหยกฉบับนี้ จงใจไม่มีเอี้ยคัง 

ทำให้ความเป็นลูกจีนรักชาติของก๊วยเจ๋ง ชาวฮั่นแผ่นดินซ่งที่เติบโตในทุ่งหญ้ามองโกลแต่ใจยังเป็นชาวฮั่น ยอมสละทุกอย่างเพื่อชาวฮั่น ขาดน้ำหนักไปอย่างมาก เพราะขาด เอี้ยคัง ชาวฮั่นที่คิดว่าตัวเองเป็นองค์ชายชาวกิม เสวยสุขมาตลอด ถึงแม้ทราบชาติกำเนิดตัวเองก็ยังขอเป็นชาวกิมมิต้องการเป็นชาวฮั่น บีบจนพ่อแม่ตัวเองฆ่าตัวตาย

ก๊วยเจ๋งที่ไม่มีเอี้ยคัง อย่างไรก็มิอาจเป็นก๊วยเจ๋งโดยสมบูรณ์

(3)
ก๊วยเจ๋งมิเคยต้องการเป็นวีรบุรุษ

และฉีเคอะก็ไม่สามารถปั้นเซียวจ้านให้เป็นวีรบุรุษที่แท้อย่างก๊วยเจ๋งในนิยายได้ ถึงแม้จะแสดงดีขนาดไหน เพราะบทมันไม่ได้ 

จวงต๋าเฟย เล่นดีแค่ไหนก็ไม่ใช่อึ้งย้งที่เราคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย—-อึ้งย้งที่ไม่ขี้งอน ไม่เอาแต่ใจตัวเอง ย่อมมิใช่อึ้งย้งตัวจริง

ฉีเคอะ เก็บแก่นของเรื่องที่ท่านกิมย้งบรรจงแต่งไว้มาไม่หมด ได้มาแค่เปลือก

หนังให้ความบันเทิงตลอด 145 นาที ช่วงต้น ช่วงท้าย สนุก ช่วงกลาง มีหลับ

เสียดายที่มันไม่ใช่ 'มังกรหยก' ที่ผมรู้จักและรักมาตั้งแต่ได้อ่านครั้งแรก

#หยามกลางแปลง

‘อ.เจษฎา’ ฟาดใส่!! ‘ทรัมป์’ คนโง่เท่านั้น ที่บอกว่า ‘ยูเครน’ เริ่มสงครามก่อน ชี้!! ‘รัสเซีย’ บุกรุกรานเข้ายึด ‘ไครเมีย’ ของยูเครน ตั้งแต่ปี 2014 แล้ว

(22 ก.พ. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า …

เห็นด้วยตามนั้นครับ ‘คนโง่เท่านั้น ที่บอกว่า ยูเครนเริ่มสงครามก่อน’

สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือ รัสเซียบุกรุกรานเข้ายึดไครเมียของยูเครนได้สำเร็จไปรอบนึงแล้ว ตั้งแต่ปี 2014 .. และปี 2022 นี้ ก็ยกกำลังเข้ามาบุกรุกราน จนจะถึงเมือง เคียฟ อยู่แล้ว ด้วยความตั้งใจที่จะยึดประเทศให้ได้ใน 3 วัน (แต่ 3 ปีแล้ว ก็ยังคืบหน้าไปได้ไม่เยอะ)

ส่วนที่บางคนอ้างถึงสนธิสัญญามินซ์ อ้างว่ายูเครนทำผิดที่คิดจะเข้าเนโต้ .. จริงๆในสนธิสัญญา ไม่ได้มีเขียนระบุ เรื่องที่บอกว่าเนโต้จะไม่ขยายพื้นที่ ไม่มีเขียนระบุว่ายูเครนห้ามเข้า nato 

และที่ผ่านมาก็มีหลายชาติที่เคยเป็นสมาชิกสหภาพโซเวียต และมีพรมแดนติดกับประเทศรัสเซีย ก็เข้าร่วมเนโต้ไปตั้งนานแล้ว แต่ไม่ถูกรุกราน ไม่ถูกหาเรื่องจากรัสเซีย 

คนที่ฉีกสัญญาจริง ๆ คือรัสเซียต่างหาก ที่ละเมิดสนธิสัญญาบูดาเปสต์ ให้ยูเครนยอมมอบอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดที่มีให้กับรัสเซีย เพื่อแลกกับสันติภาพ และการันตีว่าจะไม่บุกรุกราน แต่ปูตินก็ฉีกสัญญานั้น

สุดท้ายคือ เลิกโทษคนยูเครนหรือประธานาธิบดียูเครน ที่พยายามต่อสู้รักษาเอกราชของประเทศตน ได้แล้ว อันนั้นมันคือการ blame victim การไปโทษเหยื่อ ที่ขัดขืนคนร้ายขัดขืนฆาตกร จนถูกทำร้ายหรือเสียชีวิต 

สงครามเลวร้ายนี้หยุดได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ปูตินยอมถอนทัพกลับไปประเทศตัวเอง ซึ่งนานาชาติต้องร่วมกันผลักดันให้เห็นว่าเขาคิดผิดที่ก่อสงครามนี้

ตำรวจไซเบอร์ระดับนายพล บุก!! ค้นบ้าน ‘ผู้ประกาศข่าว’ แค่!! เชิญตัวไปเป็นพยานคดีหมิ่นฯ ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่

(23 ก.พ. 68) น่าเศร้าใจยิ่งนัก เมื่อตำรวจไซเบอร์กว่า 10 นาย บุกไปยังบ้านในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑล พร้อมหมายค้นจากศาล

ที่บอกว่า เศร้าใจเพราะกองกำลังชุดนี้นำโดยนายพล ระดับ พล.ต.ท.(ผู้บัญชาการ) เพียงเพื่อนำหมายไปตรวจค้น และเชิญบุคคลไปเป็นพยานในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ย้ำว่า ‘เชิญไปเป็นพยาน’ เท่านั้น ไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ

‘ตำรวจไซเบอร์’ ชุดนี้ นำโดยพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 (ผบก.สอท.4) นำกำลังตรวจค้นพร้อมหมายค้นศาลอาญาที่ 110/2568 ลงวันที่ 19 ก.พ. เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง บนถนนชัยพฤกษ์ แขวงและเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ก่อนควบคุมตัว น.ส.ไญยิกา (ขอสงวนนามสกุล) ‘ผู้ประกาศข่าว สำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics)’ ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยานที่กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ เมืองทองธานี

เราจะเห็นว่า มีตำรวจระดับ พล.ต.ท. และ พล.ต.ต.อีกสองนาย และระดับนายพันก็ร่วมปฏิบัติการด้วย ซึ่งโดยปกติการที่ตำรวจจะเรียกใครไปเป็นพยานในคดีหมิ่นประมาท ก็จะออกหมายเรียก และต้องจ่ายค่าเดินทาง ค่าป่วยการให้กับพยานด้วย

แต่ไม่เข้าใจว่า ตำรวจไซเบอร์ ที่ปฏิบัติการครั้งนี้นำโดยผู้บัญชาการไซเบอร์ คิดอะไรอยู่ถึงได้ ‘ฮึกเหิม’ ถึงขนาดนี้ มีอะไรอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่

คดีนี้เกิดจากการที่ ‘ทักษิณ’ ให้ทนายความไปแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่หมิ่นประมาทเขา โดยไปแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ ซึ่งผิดปกติ เพราะคดีหมิ่นประมาท ถ้าจะนำความขึ้นศาล สามารถกระทำได้สองวิธี คือ

แจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดี และปกติเขาจะไปแจ้งความที่โรงพักใดโรงพักหนึ่ง เพื่อให้ตำรวจสอบสวน แต่ทนายความของทักษิณเลือกไปแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ 

อีกช่องทางหนึ่งคือ ให้ทนายความเขียนสำนวน และฟ้องเอง ซึ่งจะเป็นการลัดขั้นตอนตำรวจ และอัยการไป ก็สามารถดำเนินการได้ทั้งสองทาง

“เป้าหมายเขาคงจะอยู่ที่พี่มากกว่า”

‘ต้อย-สนธิญาณ’ กล่าว เพราะสำนักข่าว the critics อยู่ภายใต้โครงสร้างของทิศทางไทย ที่มีสนธิญาณบริหารอยู่ และมีสำนักข่าวอยู่ด้วย นำเสนอเนื้อหาเชิงสกู๊ปลงเสียงโดยผู้ประกาศข่าว สีหน้า และท่าทางเอาจริงเอาจัง และข่าวที่เป็นต้นเรื่องนำมาสู่การฟ้องร้อง คือการนำข้อมูลข่าวการจัดอันดับผู้นำของทักษิณ โดยเวบไซต์ข่าวต่างประเทศไปในทางลบมากๆ จึงนำมาสู่การฟ้องร้องหมิ่นประมาท แต่จริงๆข่าวชิ้นนี้สื่อในบ้านเราหลายสำนักก็แปลมาเล่นอยู่ แต่ทักษิณเลือกที่จะเล่นงาน the critics ของสนธิญาณ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สนธิญาณจะบอกว่า เป้าหมายเขาอยู่ที่พี่มากกว่า 

ตำรวจนำตัว ‘ไญยิกา’ ไปสอบสวนยัง ‘สำนักงานของตำรวจไซเบอร์’ ย่านเมืองทองธานี สอบสวนเสร็จก็ปล่อยตัวกลับมา โดยไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ

“ก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ไปร้องต่อองค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อจะได้นำข้อมูลไปให้กับองค์กรเหล่านี้ แต่ขอเวลาปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่ และทนายความนิด” สนธิญาณ กล่าว

สนธิญาณ กล่าวอีกว่า จริงๆ ตำรวจก็ใช้วิธี ‘หลอกล่อ’ น้องผู้ประกาศเขา โดยระหว่างตำรวจเข้าไปน้องเขาก็โทรมาปรึกษาผม ผมก็บอกว่า ใจเย็นๆนะ พี่ปรึกษาทนายความก่อน และบอกว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร ถ้ายังไม่มีทนายความ ระหว่างนั้นตำรวจก็ไปพูดอะไรกับน้องเขาก็ไม่รู้ และพาน้องเขาไปสอบปากคำ โดยยังไม่มีทนายความ

นี้น่าจะเป็นอีกปรากฏการณ์ของ ‘รัฐตำรวจ’ ที่หวนกลับมาอีกครั้ง และเริ่มเห็นร่องรอยของการ ‘คุกคามสื่อ’ จากองค์กร หน่วยงานรัฐที่มีกฎหมาย และอาวุธปืนอยู่ในมือ

คงจำกันได้ว่าเมื่อสัก 20 ปีที่แล้ว รัฐบาลก็ใช้อำนาจที่มีอยู่ตรวจสอบบุคคลที่ทำงานอยู่ในองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) และสื่อมวลชนอาวุโสอีกหลายคน จนเกิดคำขึ้นมาว่า ‘คุกคามสื่อ คุกคามประชาชน’ ปรากฏการณ์ใหม่นี้จะย้อนไปเหมือนในอดีตหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top