Wednesday, 18 June 2025
ค้นหา พบ 48864 ที่เกี่ยวข้อง

‘ดร๊าฟ ดวงฤทธิ์’ ร่วมวงเสวนา!! ร่างพรบ.การศึกษา ชูนโยบาย ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’การศึกษาที่ตอบโจทย์!! ร่วมกับผู้แทนพรรคการเมืองอื่น ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 68) ณ.ห้องเดอะวัน โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพ รัชดา จะมีการจัดเวทีเสวนา นโยบายสาธารณะ (Public Policy Forum) ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ ‘การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมเพื่อกำหนดทิศทางการศึกษาไทย: ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ... ฉบับใหม่’ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พรรคการเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเสนอวิสัยทัศน์และข้อเสนอเฉพาะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับผู้ปกครอง นักเรียน ครู และประชาชนทั่วไปที่สนใจในทิศทางการศึกษาของประเทศไทย

เวทีเสวนาครั้งนี้จัดขึ้นโดย สภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคและเสนอแนะนโยบายสาธารณะ โดยมีผู้ร่วมเสวนา รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายสฤษดิ์ บุตรเนียร พรรคภูมิใจไทย ดร.เทอดชาติ ชัยพงษ์ พรรคเพื่อไทย คุณปารมี ไวจงเจริญ พรรคประชาชน นางสาวณัฐิกา นิตยาพร ผู้อำนวยการกลุ่มนิติการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 

สำหรับในช่วงของการตอบคำถามได้มีคำถามเกี่ยวกับสายอาชีวศึกษา ดร.ดร๊าฟได้กล่าวว่า 

“ผมเองก็จบอาชีวะมา พวกเราเข้าใจครับ ว่าหัวใจของการเรียนอาชีวะ คือการเป็นนักปฏิบัติที่ทำงานได้จริง ในสาขาความเชี่ยวชาญของตัวเอง ค่าเรียนช่างยนต์ ก็ต้องซ่อมเครื่องยนต์ได้ ทั้งเครื่องยนต์สันดาปและเครื่องยนต์ EV นี่แหละครับถึงเป็นส่วนสำคัญ ที่เราจะต้องแก้ในมาตรา 7 วงเล็บ 8 วงเล็บ 9 และมาตรา 8 ที่จะต้องให้ภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในการทำหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้น้องๆที่จบในสายอาชีวะได้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการและสังคม”

เวทีเสวนาครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการร่วมกำหนดทิศทางการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตของเด็กและเยาวชนไทยทุกคน

‘พยาบาล ICU’ เผย!! วิชาชีพนี้ ต้องทำงานหนัก พักน้อย วอน!! ให้เกียรติกันบ้าง ถูกทำร้ายทั้งร่างกาย และจิตใจ

(23 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘C Kanittha Kapunya’ โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า ...

ในฐานะที่เป็นพยาบาล ICU และต้องดูแลลูกน้องที่ต้องเข้าเวร ในอีกมุมมองที่อยากแบ่งปันเรื่องราวให้ได้รับรู้นะคะ 

พยาบาลเป็นวิชาชีพค่ะ ทำงานหนัก พักน้อย กินข้าวเเบบรีบเร่ง ในหลายครั้งที่เจ็บป่วยก็ต้องให้น้ำเกลือ ให้ยาและกลับไปดูแลคนไข้ต่อ ถ้าคิดภาพไม่ออกก็ย้อนกลับไปมองถึงช่วงโควิดนะคะ 

สิ่งที่ตัวเราได้พบเห็นจากการทำงาน ที่อยากจะมาแบ่งปันให้รับทราบ ในบางประเด็น คือ

1. เราเคยเจอคนไข้ถีบติดผนังห้องแบบฟ้าเหลือง
ขณะที่ไปเปิดเส้นให้ยา เนื่องจากคนไข้สับสนจากภาวะพิษสุราเรื้อรัง

2.เราเคยเจอคนไข้ปาอุจจาระใส่แต่หลบทัน

3.เคยยกพลิกคว่ำคนไข้ชายน้ำหนัก 150 กิโลกรัม
เพื่อรักษาภาวะ ARDS โดยใช้พยาบาลผู้หญิงทั้งหมด 3 คน

4. เคยเจอลูกน้องคนหนึ่งท้องแก่ เดินทั้งเวรเพื่อรักษาคนไข้ที่อาการวิกฤต แล้วน้องเลือดออกจนเกือบแท้ง 

5. เคยเจอลูกน้องคนหนึ่งมีเนื้องอกในมดลูกเดินทำงานจนเป็นลม 

6.เคยเจอลูกน้องคนหนึ่งมีซีสในรังไข่ เดินทำงานจนซีสแตก

7. ลูกน้องคนหนึ่งลาคลอด 3 เดือน ต้องกลับมาทำงาน คนไข้ก็ต้อง CPR นมก็ต้องปั๊ม กลับบ้านไปเลี้ยงลูกไม่ได้นอนจนเป็น bell 's palsy 

8.บางคนพ่อแม่ป่วยก็ไม่ได้กลับบ้านไปดูแล ทำงานอยู่กับความรู้สึกผิดเหล่านี้

9.เคยเจอคนไข้และญาติที่ไม่มีเงินกลับบ้าน พยาบาลต้องช่วยสนับสนุนค่าเดินทางในหลายครั้ง

10.เคยเจอคนไข้ที่เป็นคนเร่ร่อน มารับการรักษาในวาระสุดท้ายของชีวิตใน ICU พยาบาลคือญาติกลุ่มเดียวที่เขามีอยู่ในขณะนั้น ช่วยดูแลทางกายและเยียวยาจิตใจจนเขาจากไปอย่างสงบ ภายหลังการจากไปของคนไข้ พยาบาลได้ติดต่อทั้งสถานีตำรวจ สืบทะเบียนราษฎร์ ติดต่อหน่วยงานราชการท้องถิ่นด้วยตนเองจนได้พบญาติที่แท้จริงและได้นำศพคนไข้กลับไปบำเพ็ญกุศล

จริงๆ ในหลายๆ เรื่องที่พยาบาลได้ทำไม่ใช่แค่เพราะหน้าที่ที่ทำแล้วรับเงินเดือนแล้วจบ 
แต่คือสามัญสำนึกของการได้เกิดมาเป็นเพื่อนร่วมโลกกันค่ะ 

หลายอย่างเรามีสิทธิ์ที่จะไม่พึงพอใจในบริการที่ได้รับ มีการด่าทอสนุกปากในสื่อออนไลน์ต่างๆ มีการทำร้ายร่างกายและจิตใจพยาบาลในหลายครั้ง และในหลายๆครั้งบางองค์กรมีการพูดคุยเจรจาให้ยอมความ เลยทำให้ผู้รับบริการหลายท่านไม่รู้ในสิทธิและหน้าที่ที่ควรให้เกียรติแก่กัน 

เราคือ หัวหน้าคนหนึ่งที่บอกกับลูกน้องว่าหากโดนทำร้ายร่างกายจากญาติหรือคนไข้ที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนให้ดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ไม่ต้องยอมความทุกกรณี เพราะหากไม่มีหน่วยงานไหนมาปกป้องสิ่งที่เราได้เสียสละไป เราควรจะถูกปกป้องโดยตัวของเราเอง 

-ขอเป็นกำลังใจให้กับพยาบาลทุกท่านที่ยังอยู่ในวิชาชีพนี้

-ยินดีกับพยาบาลหลายท่านที่ย้ายไปทำงานในประเทศที่วิชาชีพนี้ได้รับการให้เกียรติในการปฏิบัติงาน

-ขอบคุณคนไข้และญาติหลายๆท่านที่เข้าใจ เห็นใจและให้กำลังใจพยาบาลนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

และท้ายนี้ขอขอบคุณวิชาชีพนี้ที่หล่อหลอมเราให้เป็นคนในมิติที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น ...

Nurse is a work of heart.

ผบช.ภ.2 เตือนโรงแรม – โชเฟอร์ อย่าหากินกับบัญชีม้า แก๊งคอลเซนเตอร์ เชือดจริง! จับโรงแรมเถื่อน ศาลสั่งปรับอ่วม 5.5 ล้าน

ตำรวจภูธรภาค 2 เอาจริง!! เชือดโรงแรมเถื่อน ให้ที่พักบัญชีม้า - แก๊งคอลเซนเตอร์ เอื้อขบวนการพาข้ามแดน ศาลพิพากษาแล้วปรับอ่วม 5.5 ล้านบาท ลุยกวาดล้างโชเฟอร์เถื่อนนำพาบัญชีม้า 'ผบช.ภ.2' เตือนอย่าทำ โทษหนัก 

(22 ก.พ.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เปิดเผยว่า ตำรวจภูธรภาค 2 เดินหน้ายุทธการ 'อรัญ 68 Seal Border' อย่างต่อเนื่อง ตาม 7 มาตรการเข้มปราบปรามต่างด้าวทำผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซนเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมีปฏิบัติการกวาดล้างกดดันขบวนการพาคนข้ามแดนเพื่อไปเป็นบัญชีม้า ทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านฝั่งชายแดน จว.สระแก้ว จันทบุรี และตราด อย่างเข้มข้น ช่วยเหลือเหยื่อ จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมาก และขอเตือนผู้ประกอบการโรงแรม ที่พักทุกรูปแบบ โดยเฉพาะโรงแรมเถื่อนที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ห้ามให้ที่พักพิงแก่บุคคลที่ครอบครองและใช้บัญชีฝากของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) แก๊งอาชญากรคอลเซนเตอร์ รวมทั้งผู้ขับขี่ รถรับจ้าง ห้ามรับงานนำพาบัญชีม้า - แก๊งคอลเซนเตอร์ไปส่งยังชายแดน เพราะเท่ากับให้การสนับสนุน ช่วยเหลือขบวนการคอลเซนเตอร์เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายข้อ มีโทษตามกฎหมายทั้งจำคุก และปรับ โดยมีคดีตัวอย่างที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับมากกว่า 5 ล้านบาท 

ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ล่าสุดกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว สืบสวนพบเกสต์เฮ้าส์ใน อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ให้ที่พักพิงแก่ บัญชีม้า แก๊งคอลเซนเตอร์ จึงเข้าจับกุมดำเนินคดี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งล่าสุดศาลจังหวัดสระแก้ว ตัดสินลงโทษ เจ้าของโรงแรมเถื่อนใน อ.อรัญประเทศ ที่ให้ที่พักพิง ศาลพิพากษาลงโทษ นาย เอ (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาในคดีโรงแรมเถื่อน ดังนี้ จำคุก 3 เดือน (รอลงอาญา 2 ปี) ปรับ 5,000 บาท และปรับเพิ่มวันละ 1,000 บาท ตั้งแต่วันฝ่าฝืนจนถึงวันฟ้อง (5,528 วัน) เป็นเงินรวม 5,528,000 บาท ยังต้องปรับอีกวันละ 1,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ 

“ดำเนินคดีกับที่พักโรงแรมเกสต์เฮ้าส์ ต่าง ๆ ที่ให้พักพิงบัญชีม้า แก๊งคอลเซนเตอร์ 2 คดี ดำเนินคดีกับผู้ขับรถรับจ้างนำพาบัญชีม้า 5 ราย เบื้องต้นฐานขับรถสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นบทเรียนราคาแพง ให้กับผู้ประกอบการโรงแรมเถื่อน ให้ที่พัก ที่ซ่อนของอาชญากรที่ครอบครองใช้บัญชีเงินฝากของผู้อื่น (บัญชีม้า) แก๊งคอลเซนเตอร์ เสี่ยงโทษหนัก หากเจ้าของโรงแรมที่รู้เห็นเป็นใจ หรือ เพิกเฉย ให้ที่พักแก่บัญชีม้า อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” ผบช.ภ.2 กล่าว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ที่ให้ที่พักพิงมิจฉาชีพออนไลน์ อาจเข้าข่ายความผิด “พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547” ม.15 ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการโรงแรม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ม.59 ผู้ใดฝ่าฝืน ม.15 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน  ม.35 ผู้จัดการต้องจัดให้มีการบันทึกรายการต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้พักและจำนวนผู้พักในแต่ละห้อง ลงในบัตรทะเบียนผู้พัก  ม.56 ผู้จัดการไม่ปฏิบัติตาม ม.35 ต้องระวางโทษปรับทางปกครอง ตั้งแต่ 20,000 - 100,000 บาท  “พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542”  ม.7 ในความผิดฐานฟอกเงิน ผู้ใดสนับสนุนการกระทำผิด หรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด จัดหาหรือให้เงินหรือทรัพย์สิน ยานพาหนะ สถานที่ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้กระทำผิดหลบหนี หรือเพื่อมิให้ผู้กระทำผิดถูกลงโทษ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการ  ม.60 ผู้ใดกระทำผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี ปรับ 20,000 ถึง 200,000 บาท  ม.61 นิติบุคคล กระทำผิดตาม ม.7 ต้องระวางโทษ ปรับ ตั้งแต่ 200,000 ถึง 1,000,000 บาท

“ขอเตือนผู้ประกอบการอย่าปล่อยให้โรงแรมหรือที่พักของคุณ กลายเป็นแหล่งซ่อนตัวของอาชญากร เจ้าของกิจการต้องตรวจสอบผู้เข้าพัก ป้องกันไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือของขบวนการมิจฉาชีพ พบเห็นพฤติกรรมต้องสงสัย แจ้งตำรวจทันที ขออย่าทำมาหากินกับขบวนการเหล่านี้ ที่สร้างความเดือดร้อนให้คนจำนวนมาก และย้ำว่าตำรวจภูธรภาค 2 ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์อย่างเด็ดขาด จริงจัง ไม่ยอมให้ใช้พื้นที่จังหวัดชายแดนในความรับผิดชอบของ ตำรวจภูธรภาค 2 เป็นที่พัก เส้นทางผ่านของขบวนการมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนโดยเด็ดขาด” ผบช.ภ.2 กล่าว

ทั้งนี้หากผู้ใดมีข้อมูล เบาะแส สามารถแจ้งแก่ตำรวจภูธรภาค 2 ได้ทาง สายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางเพจเฟซบุ๊กตำรวจภูธรภาค 2

'อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ.' เปิดเวที 'ก้าวต่อไปไทยแลนด์' เชิญ 'ท็อป-จิรายุส' เจาะลึกเทรนด์ใหม่ปัจจัยเสี่ยงจากการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก(WEF)

รายงานข่าวจากสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์(FKII Thailand) เปิดเผยวันนี้ว่า สถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์(FKII Thailand) ร่วมกับสถาบันทิวา(TIVA:Transformation Valley Institute) จัดงานเอฟเคไอไอ. ฟอรั่ม ในหัวข้อ “ก้าวต่อไปไทยแลนด์ เทรนด์ใหม่จากสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum 2025)“

โดยมีวิทยากรที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นแนวโน้มโลกในมิติเศรษฐกิจการเมืองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเทคโนโลยีกับแนวทางการรับมือของประเทศไทย ได้แก่อดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบัน FKII Thailandและอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ นายชยดิฐ หุตานุวัชร ประธานสถาบันทิวาและนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา (ท็อป-จิรายุส)ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัดจะมาอินไซด์และตีโจทย์สาระสำคัญของการประชุมประจำปี 2025 ของเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (World Economic Forum) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

อลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์(FKII Thailand)กล่าวว่า ฟอรัมนี้จะอัพเดทเทรนด์ของโลกปี2025ในมิติต่างๆและปัจจัยความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมกับประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นสงครามภาษีศุลกากร(Tariff War)ที่จะนำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่ สงครามเอไอ(AI War)ที่จะเปลี่ยนโลกแบบดิสรัปรุนแรงเหมือนที่อินเตอร์เน็ตเคยเปลี่ยนโลกมาแล้วพร้อมกับการเกิดสงครามเทคโนโลยีครั้งใหญ่ ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายใหม่ที่มาเร็วและแรง

ภายใต้สถานการณ์ที่ยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามของภาวะโลกร้อนและโลกรวนรวมทั้งปัญหาภูมิเศรษฐศาสตร์ (Geoeconomics) และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์(Geopolitics)
สงครามสู้รบและการเผชิญหน้าในภูมิภาคต่างๆ 

คำถามที่ต้องร่วมกันหาคำตอบคือ ประเทศไทยจะมีทางออกอย่างไรและต้องปรับตัวรับมืออย่างไรทั้งในมุมของภัยคุกคามและโอกาสในวิกฤต  “เราช้าไม่ได้อีกแล้ว กระสุนนัดแรกถูกยิงออกมาแล้ว สัญญาณอันตรายที่WEFกังวลใจอย่างยิ่งคือกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐออกคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรทันทีที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 21 มกราคมที่ผ่านมาโดยหลายประเทศเริ่มตอบโต้สหรัฐเช่น แคนาดา เม็กซิโกและจีน

นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐยังสั่งให้ทีมเศรษฐกิจศึกษาเพื่อวางแผนการเรียกเก็บภาษีต่างตอบแทนหรือแบบตอบโต้ (Reprocical Tariff) กับประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าสหรัฐ โดยการบังคับใช้ภาษีอาจมีผลเร็วที่สุดวันที่ 1 เมษายนนี้ซึ่งประเทศไทยและอาเซียนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐ มีการคาดการณ์ว่าการค้าที่อิงกับกลุ่มภูมิรัฐศาสตร์อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกได้มากถึง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 226 ล้านล้านบาท) นี่คือตัวอย่างของผลกระทบที่ประเทศไทยยากจะหลีกเลี่ยงและยังมีภาษีคาร์บอนหรือCBAMของอียูที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปีนี้ย่อมส่งผลต่อการส่งออกของไทยโดยตรง เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องระดมวิสัยทัศน์ความรู้และประสบการณ์ของทุกภาคส่วนมาช่วยประเทศของเรา จึงขอเชิญมาร่วมแสดงความคิดเห็นและมุมมองในการสัมมนาของเอฟเคไอไอ. ในวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.30 – 13.00 น. ณ TVA Hall สวนเสียงไผ่ ทาวน์อินทาวน์ กรุงเทพมหานคร“

สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด
ที่ LineOA FKII Thailand: https://lin.ee/BgPCPvd
ติดต่อสอบถาม คุณวรวุฒิ 091-1805459
ติดตาม FKII Thailand
Facebook : www.facebook.com/FKIIThailand
Youtube : www.youtube.com/@FKIITHAILAND
TikTok : www.tiktok.com/@fkiithailand
X : https://x.com/FKIITHAILAND
LineOA : https://lin.ee/BgPCPvd
Line Voom : https://shorturl.at/FdqZs


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top