Wednesday, 18 June 2025
ค้นหา พบ 48864 ที่เกี่ยวข้อง

10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดใน ‘จีน’!! ยักษ์ใหญ่!! ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา บริษัทขนาดใหญ่ของจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ การเงิน พลังงาน และโทรคมนาคม ปัจจัยหลักที่ช่วยให้บริษัทเหล่านี้เติบโตอย่างรวดเร็วคือ การสนับสนุนจากรัฐบาล ตลาดภายในประเทศที่มีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน และการลงทุนในนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน

แม้ว่าบริษัทจีนหลายแห่งจะขยายตัวและเริ่มครองส่วนแบ่งในตลาดโลก แต่ในแง่ของมูลค่าตลาดและอิทธิพลระดับโลกยังคงตามหลังบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ

แต่บริษัทจีนเองก็ยังคงเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและระดับนานาชาติ วันนี้ THE STATES TIMES จะพาไปรู้จักกับ 10 บริษัทใหญ่ในจีน พร้อมประเภทธุรกิจที่พวกเขากำลังดำเนินการกันอยู่

มาดูคะแนนย้อนหลัง!!

เปิดสถิติย้อนหลัง การสอบ O-NET ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6!!
ต้อนรับการสอบด้วยระบบ Digital Testing ในวันที่ 22 – 23 กุมภาพันธ์ 2568

สับ!! ‘กกต.’ กลางวงเสวนา จัดเลือกตั้ง อบจ.68 ล้มเหลว ‘นิพนธ์’ กังวล!! ปัญหาซื้อเสียง ‘นายหัวไทร’ ชี้!! คนลงคะแนนน้อยกว่าปกติ เพราะ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งผิดพลาด

เมื่อวันที่ (20 ก.พ.68) ที่ห้อง SB 0301 อาคารศรีศรัทธา มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชมรมรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง จัดเสวนาเชิงวิชาการหัวข้อ เลือกตั้ง: อบจ.68 สะท้อนอะไร? โดยวิทยากรร่วมเสวนาอาทิ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรมช.มหาดไทย รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ อดีตสส.นครศรีฯ นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายเฉลียว คงตุก สื่อมวลชนอาวุโสสายการเมืองท้องถิ่นและเจ้าของคอลัมน์ ‘นายหัวไทร’ ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง ซึ่งการเสวนาครั้งนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมฟังประมาณ 100 คน

เฉลียว คงตุก เปิดวงเสวนาด้วยข้อกังวลกับการเลือกตั้ง อบจ.หลายประเด็น เช่น บ้านใหญ่ส่งผู้สมัครไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน การเมืองใหญ่เข้าไปครอบงำการเมืองท้องถิ่น ทำให้ท้องขาดอิสระ การใช้เงินซื้อเสียงมโหฬาร แต่ กกต.ไม่รู้ไม่เห็น การจัดเลือกตั้งวันเสาร์เป็นครั้งแรก กกต.อ่อนด้อยในการประชาสัมพันธ์ เหล่านี้คือเหตุผลทำให้คนออกมาใช้สิทธิ์น้อย โหวดโต บัตรเสีย

นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรมช.มหาดไทยและอดีตสส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้การจะทำให้ประเทศเข้มแข็งจะต้องทำให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง ซึ่งการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรมเริ่มในยุคพลเอกเปรม ติณนสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี  หลังมีการเรียกร้องให้มีการกระจายอำนาจและในปี 2528 มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นครั้งแรกในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครที่ใช้อยู่ในปัจจุบันถือเป็นการกระจายอำนาจแรก ในขณะตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรืออบจ.นั้นเป็นตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัด 

“ตอนนั้นผู้ว่าฯ สวมหมวกสองใบ คือเป็นทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกอบจ. หมวกหนึ่งเป็นตัวแทนราชการส่วนกลาง อีกหมวกเป็นส่วนท้องถิ่น นายอำเภอก็เป็นนายกสุขาภิบาล ต่อมารัฐธรรมนูญปี40 เริ่มเห็นบทบาทการกระจายอำนาจอย่างจริงจัง โดยเขียนไว้ว่าให้ผู้บริหารท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง เริ่มจากนายกอบจ.ที่เลือกมาจากสจ. นายกเทศบาลก็เหมือนกันเลือกมาจากสท. แล้วต่อมาก็มาเปลี่ยนเป็นการเลือกตั้งโดยตรง เริ่มเลือกตั้งครั้งแรกปี44 จนถึงวันนี้ ทำให้เลือกตั้งท้องถิ่นเข้มข้นมากขึ้น”

นายนิพนธ์กล่าวต่อว่า แต่ก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่น พรรคการเมืองไม่ค่อยเข้าไปยุ่งมาก เพราะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งข้อดีผู้สมัครนายกอบจ.หรือองค์กรปกครองท้องถิ่นอื่นในนามพรรคการเมืองก็จะมีคนรับผิดชอบ อย่างน้อยในการช่วยคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมลงสมัคร หรือหากบริหารงานเกิดความผิดพลาดพรรคการเมืองก็ต้องรับผิดชอบ แต่หากสมัครนามอิสระไม่มีใครกรองให้ประชาชน เมื่อเกิดการบริหารราชการความผิดพลาดเสียหายขึ้นมา ตัวเองผ่านพ้นไปใครจะรับผิดชอบ  

“เมื่อผมมาอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่ในปีกกระจายอำนาจ มีกระแสไม่เห็นด้วยเหมือนกันในพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น แต่สรุปเราเห็นแนวทางนี้แล้วว่าการเลือกผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรงเป็นสิ่งจำเป็น ผมเชื่อตรรกะนี้ว่าถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศไทยก็จะเข้มแข็ง”อดีตรมช.มหาดไทยกล่าวย้ำ 

ขณะที่ รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์และอดีตสส.นครศรีฯ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวเสริมว่า แม้ปัจจุบันการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยจะเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ เพราะมีการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนในทุกระดับทั้งนายกอบจ. นายกเทศบาล นายกอบต. หากแต่การบริหารราชการแผ่นดินในท้องถิ่นท้องที่ยังไม่มีความอิสระยังเป็นการบริหารราชการแบบรวมศูนย์ โดยนายกอบจ.ไม่มีโอกาสจัดทำโครงการฯทำโปรเจกต์ตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง ที่สำคัญท้องถิ่นก็ไม่ได้ขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาล แต่ขับเคลื่อนด้วยกระทรวงมหาดไทย ทำให้การบริหารงานท้องถิ่นผิดฝาผิดฝั่งไป

“วันนี้ท้องถิ่นไม่ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลแต่ขับเคลื่อนด้วยมหาดไทย พอเกิดปัญหาท้องถิ่นทำอะไรได้ไม่เต็มที่ ไม่สามารถจัดการปัญหาสาธารณะได้ มังคุดราคาตก ชาวบ้านเคยพาไปเททิ้งหน้าอบจ. อบต.ไม๊ ก็ไปเททิ้งหน้าศาลากลาง มันสะท้อนถึงรัฐบาลรวมศูนย์ ท้องถิ่นยังทำอะไรไม่ได้ เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ตอบคำถามที่ว่าทำไมคนจึงไปเลือกตั้งอบจ.คราวนี้น้อยกว่าปกติ เพราะเลือกไปก็ไม่มีประโยชน์ เข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้มาก”รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ วิพากษ์อย่างเผ็ดร้อน  

ด้าน นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่าในการเลือกตั้งอบจ.68 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าบริบทบางครั้งนโยบายของพรรคการเมืองมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในระดับพื้นที่เหมือนกัน อย่างบางพรรคการเมืองไม่ได้รับความนิยมในพื้นที่ภาคใต้ก็จะไม่ส่งผู้สมัครลงสมัครในนามพรรค หรืออาจมีทัศนคติก็ได้ที่ว่าในเรื่องของท้องถิ่นพรรคการเมืองไม่ควรเข้าไปสนับสนุน ควรอยู่ในระดับชาตินโยบายของประเทศเท่านั้น เพราะคำว่าท้องถิ่นหมายความว่าให้คนในพื้นที่ ให้คนในท้องถิ่นบริหารจัดการเลือกผู้นำของตัวเองขึ้นมาเป็นผู้บริหาร นั่นคือนิยามสมบูรณ์ดีที่สุดในแง่การปกครองการบริหารส่วนท้องถิ่น ส่วนท้องถิ่นนำเอานโยบายบางส่วนบางตอนของพรรคการเมืองใดไปใช้เป็น ก็แล้วแต่ผู้บริหารท้องถิ่นนั้นที่เห็นว่ามีความเหมาะสมในสภาพพื้นที่และบริบทของสังคม 

“กกตไม่ใช่มีแค่หน้าที่จัดการเลือกตั้งให้เสร็จเท่านั้น แต่หลักการจะต้องสะท้อนการลงคะแนนผ่านการเลือกตั้งด้วย เราจะได้รู้ว่าใครเป็นคนดีที่สุดเหมาะบริหารในท้องที่ในท้องถิ่นระดับชาติมากที่สุด ไม่เช่นนั้น คนที่มีการศึกษาดี มีคุณธรรม ไม่เคยมีประวัติทุจริตคดโกงก็ไม่ได้เป็นตัวแทน บางทีคนที่เลวร้ายที่สุดก็ยังได้รับการเลือก เพราะมีหลายบริบทที่รวมอยู่ในคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง” อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

ส่วนนายเฉลียว คงตุก สื่อมวลชนอาวุโสเชี่ยวชาญด้านการเมืองท้องถิ่นและเจ้าของคอลัมน์ ‘นายหัวไทร’ กล่าวว่า การเลือกตั้งอบจ.คราวนี้มันสะท้อนอะไรบ้าง สิ่งที่ยังอยากพูดถึงในวันนี้ก็คือการกำหนดวันเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งปกติจัดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดทุกองค์กร ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและบริษัทเอกชน ยกเว้นเกษตรกรที่ไม่มีวันหยุด แต่การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งบริษัท ห้างร้าน โรงงาน หรือบริษัทเอกชนยังเปิดทำงานกันตามปกติ ทำให้การเลือกตั้งอบจ.ในหลายจังหวัดครั้งนี้มีการลงคะแนนเลือกตั้งน้อยเป็นประวัติการณ์ 

“ผมคิดว่าน่าจะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่เลือกตั้งวันเสาร์ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาจะมีการเลือกตั้งวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดของประชาชนคนส่วนใหญ่จะสะดวกเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ใช่วันทำงาน ผมเองให้ทีมงานไปถามเลขากกต.ทำไมจัดการเลือกตั้งวันเสาร์แล้วที่ประชุมสภาเองก็ได้มีการเชิญกกต.ไปชี้แจง ซึ่งเลขากกต.ชี้แจงว่าการที่จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ เพราะถ้าขยับไปอีกวันเป็นวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.เกรงว่าการเลือกตั้งจะไม่แล้วเสร็จตามกฎหมายที่กำหนดจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 45วัน  อันที่จริงกกต.น่าจะร่นลงมาสักอาทิตย์ก็ได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ทางกกต.เกรงว่าผู้สมัครจะมีเวลาหาเสียงน้อย พบปะประชาชนไม่ทั่วถึง ผมไม่เชื่อในตรรกะนี้”เจ้าของคอลัมน์”นายหัวไทรกล่าวทิ้งท้าย

สรุปภาพรวมวงเสวนามีน่าสนใจ พอจะประมวลจากการสะท้อนของวิทยากร ที่ทำให้มีบัตรเสียจำนวนมาก บัตรโหวตโนเยอะ คนใช้สิทธิ์น้อย เกิดจากเหตุปัจจัยหลายประการ

ประการแรก ข่าวหน้าหูเรื่องการใช้เงินมโหฬารในการจ่ายกับการเลือกตั้ง (ซื้อเสียง) อันจะนำไปสู่การถอนทุนในอนาคต (ทุจริต) ทำให้คนเบื่อการเมือง ชัดขึ้นกับคำว่า “เงินไม่มากาไม่เป็น” วิทยากรส่วนใหญ่แนะนำว่า ถ้าเขาเอาเงินมาให้ก็รับไว้ แต่การเลือกตั้งเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน เดินเข้าสู่คูหาไม่มีใครรู้ว่าเราเลือกใคร เหตุฆาตกรรมจากการเบี้ยวกันทางการเมือง เริ่มหายไปราว 1 ทศวรรษแล้ว

ประการต่อมา การที่นักการเมืองบ้านใหญ่เข้าไปจัดการ บงการส่งผู้สมัคร ซึ่งมีคุณสมบัติไม่ตรงกับที่ประชาชนต้องการ จึงเลือกที่จะโหวตโน เพราะผู้สมัครยังไม่โดนใจพอ

ประการต่อมา คือที่พรรคการเมือง นักการเมืองระดับชาติเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ทำให้ท้องถิ่นขาดความเป็นอิสระ ผิดหลักการกระจายอำนาจ แม้วิทยากรบางคนจะเห็นแย้งว่า เมื่อพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง พรรคการเมืองก็ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนด้วยกับผลของการกระทำ

ประการที่สี่ ประชาชนไม่เชื่อมั่นต่อการจัดเลือกตั้งว่าจะเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม เพราะเห็นมามากแล้ว ประชาชนรู้กันทุกหย่อมหญ้าว่ามีการซื้อเสียง แต่ กกต.หน่วยงานจัดการเลือกตั้งกลับไม่รู้ไม่เห็น ทำให้ประชาชนหมดหวังกับองค์อิสระอย่าง กกต. จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมา กกต.ไม่เคยจับทุจริตการเลือกตั้งได้ด้วยตัวเอง รอให้คนนำหลักฐานไปร้องเรียนถึงจะดำเนินการสอบสวน ไม่มีการสืบด้วยตัวเอง กลไกผู้ตรวจการเลือกตั้งก็ทำงานไม่ได้ผล

ประการที่ห้า การจัดการเลือกตั้งวันเสาร์เป็นครั้งแรก ทั้ง ๆ ที่เป็นวันทำงาน ผู้มีสิทธิ์บางคนไม่สามารถละจากงานเพื่อไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ ทำให้ยอดผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งน้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา กกต.อ้างว่า ถ้าจัดเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ จะหมิ่นเหม่ถ้ามีเหตุฉุกเฉินจะจัดการเลือกตั้งไม่แล้วเสร็จในกรอบ 45 วัน จริง ๆ กกต.ร่นมาอีกอาทิตย์หนึ่งก็ยังได้ แต่ กกต.กลับกลัวว่า จะมีเวลาให้หาเสียงน้อย ซึ่งเป็นตรรกะที่จะรับฟังได้

ประการที่หก การไม่จัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า สำหรับผู้ที่มีภารกิจ ไม่สามารถมาลงคะแนนเสียงได้ในวันเสาร์ทำให้เขาต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการ จะถูกปิดกั้นการแสดงออกทางการเมือง จะลงสมัครอะไรก็ไม่ได้ไประยะหนึ่ง

นี้คือประเด็นหลัก ๆ ที่มีการพูดคุยกันในวงเสวนา ‘เลือกตั้ง อบจ.68 สะท้อนอะไร’ ก็สะท้อนให้เห็นปัญหามากมายที่จะต้องปรับแก้กันต่อไปในอนาคต

เจาะ 3 วิธีแนวทาง ‘กลืนชาติ’ ของต่างด้าวในไทย ใช้เวลาบ่มเพาะ นานนับสิบปี รุกพื้นที่!! สร้างสังคมชนชาติ ขึ้นมาในชุมชน ใช้ความเหมือนทางวัฒนธรรม

ช่วงนี้กระแสต่างด้าวเข้ามากลืนชาติ แย่งธุรกิจคนไทยได้ลุกลามบานปลายนอกจากประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงมาสู่แนวทางอื่น ๆ แล้ว วันนี้เอย่าขอเสนอวิธีกลืนชาติของต่างด้าวแบบต่าง ๆ มาให้อ่านกัน

วิธีที่ 1 รุกพื้นที่ขยายเผ่าพันธุ์ วิธีนี้เป็นวิธีที่ประเทศรอบบ้านเราใช้โดยการเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย จับจองพื้นที่ และออกลูกหลานจากนั้นให้ลูกหลานพยายามได้สัญชาติไทย หรืออย่างน้อยก็ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ได้บัตรประชาชนไทยมา ซึ่งล่าสุดเอย่าได้ข่าวว่าราคาซื้อขายบัตรประชาชนแถว อ. พบพระและ อ. ท่าสองอย่างราคาดีดขึ้นจากเดิมที่เคยมีกลุ่ม CDM และ PDF หนีเข้ามาไทย หลังจีนเทาถูกปราบปรามอย่างหนักทำให้ทั้งจีนเทาและพม่าเทาหนีมาเอาบัตรไทยแลนด์เป็นอันมาก

วิธีที่ 2 สร้างสังคมของชนชาติขึ้นมาในชุมชน ดังที่เกิดขึ้นกับชาวยิวใน อ. ปาย หรือกลุ่มจีนเทาในเมืองใหญ่ โดยกลุ่มนี้มีเงินจะเอาเงินจ้างนอมินีแล้วใช้นอมินีมาซื้อทรัพย์สินและเริ่มการลงทุนจากนั้นก็จะหาวิธีติดสินบนรัฐเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญชาติไทยอีกที หรือเพื่อจุดประสงค์คืออยู่ไทยได้นานขึ้น

วิธีที่ 3 คือใช้ที่วิธีกล่อมโดยใช้ความเหมือนทางภาษา วัฒนธรรมและศาสนามาเป็นตัวทำให้ชุมชนยอมรับและช่วยผลักดันคนกลุ่มนี้ให้เป็นคนไทยดังเช่นที่เกิดในหมู่บ้านตามชายแดนกัมพูชา หรือเพื่อจะดึงคนไทยให้ออกห่างเพื่อตั้งรัฐอิสระดังเช่นที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ตอนนี้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนใช้เวลาบ่มเพาะนานนับสิบปีแต่แม้จะใช้เวลานานคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีจิตสำนึกของความเป็นไทย เพียงแต่เขาต้องการใช้สิทธิประโยชน์จากการเป็นพลเมืองไทยเท่านั้น

เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นแต่เป็นปัญหาที่ลุกลามไปทั่วโลกจน ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์จับจุดนี้มาหาเสียงและยกประเด็น American First มาเป็นจุดที่สร้างคะแนนเสียงให้เขา ประเด็นคือเราคนไทยจะให้คนกลุ่มนี้เข้ามาใช้สิทธิประโยชน์หรือเราควรจะมาปกป้องสิทธิของคนไทยเราบ้างหรือยัง

‘โฆษก ก.ต่างประเทศจีน’ แถลง!! กรณีมีการส่งตัวชาวจีนจากประเทศ ‘เมียนมา’ เผย!! กำลังเดินหน้า ความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อปราบ ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’

(22 ก.พ. 68) Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้โพสต์คลิป โดยมีใจความว่า ...

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน นายกัว เจียคุณ ได้กล่าวแถลง กรณี การส่งตัวชาวจีน จาก ‘เมียวดี’ ในประเทศ ‘เมียนมา’ ว่าประเทศจีน กำลังร่วมมือกับไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ ผ่านความร่วมมือ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยใช้มาตรการที่ครอบคลุม เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและในระยะยาว เพื่อปิดกั้นช่องทาง ใช้ก่ออาชญากรรม ในประเทศที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปราบปราม แก๊งฉ้อโกงและการพนันออนไลน์ ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในการติดต่อแลกเปลี่ยนกัน ระหว่างประเทศในภูมิภาค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top